รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
โลกซ้อนโลก - กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตใจในจิต ธรรมในธรรม

ในสติปัฏฐาน 4 มีการกล่าวไว้ถึงเรื่อง กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม
ถ้าท่านไปค้นใน Google ด้วยคำว่า กายในกาย ท่านจะพบข้อเขียนจากท่านผู้รู้ได้เขียนอธิบายไว้มากมาย ซึ่งผมจะไม่ไปพาดพิงถึงท่านผู้รู้เหล่านั้น ท่านจะกล่าวอย่างไร เป็นเรื่องของท่าน แต่ในบทนี้ ผมจะเขียนขึ้นจากความเข้าใจของผมที่ได้ปฏิบัติธรรมมา

เมื่อนักภาวนาได้ลงมือฝึกฝนการเจริญอริยมรรคจนเกิดสัมมาสมาธิที่ตั้งมั่นอย่างสุด ๆ ได้แล้ว สิ่งที่นักภาวนาจะพบโดยย่อ ๆ จะเป็นดังนี้

1..เกิดการแยกตัวออกเป็นอิสระของจิตรู้ จาก สิ่งทีถูกรู้ นักภาวนาจะเกิดปัญญาจากที่จิตเป็นอิสระว่า จิต นั้นไม่ใช่ รูปในขันธ์ 5 ไม่ใช่เวทนาในขันธ์ 5 ไม่ใช่สัญญาในขันธ์ 5 ไม่ใช่สังขารในขันธ์ 5 ไม่ใช่วิญญาณในขันธ์ 5

2..เมื่อนักภาวนาได้พบอาการในข้อ1 ในเวลาต่อไปด้วยประสบการณ์และกำลังความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิ นักภาวนาจะเกิดญาณหยั่งรู้สภาวะแห่งความว่างในจิตใจ เมื่อนักภาวนาพบเห็นความว่างในจิตใจนี้ นักภาวนาจะพบว่า อาการทางปรมัตถ์ของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนแต่เกิดและดับในความว่างแห่งจิตใจนี้ทั้งสิ้น



การเห็นสภาวะแห่งความว่างของจิตใจ และ การเกิดดับของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ จะมีลักษณะเหมือนกับเป็นโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีแต่สภาวะแห่งปรมัตถ์ธรรมของ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้น ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีผี ไม่มีเทวดา ไม่มีสิ่งของ ไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ซึ่่งผมขอเรียกโลกใบนี้ว่า .โลกปรมัตถ์.

สำหรับโลกของคนทั่ว ๆ ไป ที่มีคน มีสัตว์ มีสิ่งของ มีเสียง มีสี มีกลิ่น มีวัตถุ ผมจะขอเรียกว่า .โลกของคน. ก็แล้วกัน

เมื่อนักภาวนาเห็นโลกปรมัตถ์ด้วยญาณปัญญา นักภาวนาจะเห็นโลกปรมัตถ์ได้และสมารถมองทะลุโลกปรมัตถ์ออกไปได้ เมื่อมองทะลุโลกปรมัตถ์ออกไป ก็จะพบกับโลกของคนเรานี่เอง

การมองเห็นโลกปรมัตถ์แล้วทะลุออกไปเป็นโลกของคน จะมีลักษณะคล้ายโลกปรมัตถ์เป็นโลกอีกมิติหนึ่งที่ไม่อาจเห็นด้วยตาเปล่าที่ซ้อนอยู่ภายในโลกของคนนี่เอง

การแปรเปลี่ยนเกิดดับของขันธ์ 5 อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนเกิดในโลกปรมัตถ์นี้ทั้งสิ้น และ นี่คือ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ซึ่งหมายความว่า สติปัฏฐาณ 4 ที่เกิดดับแปรเปลี่ยนอยู่อย่างถี่ยิบในโลกปรมัตถ์

เมื่อท่านเข้าใจ กายภายในแล้ว สำหรับกายภายนอก ก็คือกายที่ไม่ได้อยูในโลกปรมัตถ์นั่นเอง
ผมจะขอยกตัวอย่างให้ท่านเห็นจากของจริง

สมมุติในอิริยาบทเดินจงกรม เมื่อนักภาวนาเดิน การที่ครูบาอาจารย์สอนว่า เดินให้เห็นกายนี้เดิน
นี่คือกายในโลกของคน หรือ โลกภายนอก ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ก็เห็นได้ด้วยตาเนื้อว่า มีคนเดิน มีสัตว์เดิน แต่ในโลกปรมัตถ์ จะไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ในอิริยาบทเดินนั้น จะมีแต่การสั่นไหวเกิดขึ้นในโลกปรมัตถ์ การรู้การสั่นไหว นี่คือรู้กายในกาย ส่วนการรู้ว่ามีการเดิน นั้นคือรู้กายนอกกาย ท่านเห็นความแตกต่างกันไหมครับ

ถ้าท่านไม่เข้าใจการสั่นไหวว่าเป็นกายได้อย่างไร ขอให้อ่านเรื่อง
วิธีพิจารณา กาย ฉบับชาวบ้านเขียน ชาวบ้านอ่าน


สำหรับ เวทนา จิต ธรรม ภายนอก ก็ดุจเดียวกับ กายภายนอก

****************
ถ้ากล่าวในแง่การปฏิบัติ ในความเห็นของผมนั้น การรู้ลึกเข้าไปในโลกปรมัตถ์ได้ จะทำให้นักภาวนาเข้าใจจริง ๆ ของเรื่องไตรลักษณ์และสุญญาตา ซึ่งผลที่ตามมาคือการเบาบางลงของตัณหา และต่อมามีการพัฒนาของกำลังสัมมาสมาธิและญาณได้แก่กล้าพอถึงระดับ การสิ้นสุดของอวิชชาและตัณหาก็จะเกิดตามมา

การรู้เพียงสติปัฏฐาณ 4 อันเป็นโลกของคน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่ยังไม่มีกำลังพอในการต้านทานอำนาจให้แกร่งกล้าของกิเลสตัณหาได้
เรื่องโลกแห่งปรมัตถ์ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นของจริง แต่เพื่อการหลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ นักภาวนาจำเป็นต้องเดินทางให้ถึงให้ได้

...ทุกครั้งที่ท่านเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันรถเต็มถัง ขอให้หมั่นเติมสัมมาสติสัมมาสมาธิให้เต็มในจิตใจด้วย...

แนะนำอ่าน
สภาวะปรมัตถ์ ซ่อนอยู่ใน สภาวะสมมุติ








Create Date : 14 ตุลาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:57:37 น. 10 comments
Counter : 7373 Pageviews.

 
ขอแสดงความเห็นหน่อยนะครับ...
หากเราพิจารณาแบบที่ว่า..."นี่คือกายในโลกของคน หรือ โลกภายนอก ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ก็เห็นได้ด้วยตาเนื้อว่า มีคนเดิน มีสัตว์เดิน แต่ในโลกปรมัตถ์ จะไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ในอิริยาบทเดินนั้น จะมีแต่การสั่นไหวเกิดขึ้นในโลกปรมัตถ์ การรู้การสั่นไหว นี่คือรู้กายในกาย ส่วนการรู้ว่ามีการเดิน นั้นคือรู้กายนอกกาย"...
แล้วการฆ่าสัตว์...การทำร้ายกันมันก็คือ...จะไม่มีคน..ไม่มีสัตว์..ในอริยาบทของการฆ่า...จะมีแต่การสั่นไหวของร่างกายเราไปกระทบร่างกายคนอื่น...
ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นการพิจารณากายในกายในสติปัฎฐาน ๔ ครับ
ผมคิดว่าการพิจาณากายในกาย....เวทนาในเวทนา...จิตในจิต...ธรรมในธรรม...นั้นจะต้องอยู่ในเส้นทางของ มรรค ๘ ด้วยครับ...พิจารณาเท่านั้นไม่พอครับ
เหมือนตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมาข้างต้น...หากในจิตไม่ได้ปฎิบัติมรรค..ข้อสัมมาสังกัปปะแล้วเมื่อเราพิจารณาแบบที่กล่าวมาอาจทำให้ทำร้ายคนอื่น...หรือฆ่าคนอื่นได้ครับ


โดย: โกวิทย์ IP: 172.27.115.26, 202.6.107.74 วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:13:32:26 น.  

 
อ๋อ เข้าใจมากขึ้น ขอบคุณครับ สาธุ อนุโมทนา ครับ


โดย: ทำไม่เป็น IP: 58.9.130.120 วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:13:38:17 น.  

 
ขอเสนอความเห็นครับ

++คุณ โกวิทย์ IP+++
++เมื่อเราพิจารณาแบบที่กล่าวมาอาจทำให้ทำร้ายคนอื่น...
หรือฆ่าคนอื่นได้ครับ++
====
ขอโทษครับ การเกิดขึ้นในโลกปรมัตถ์
ถ้าทำกรรม มันจะ วนเวียน มา ไม่รู้จบสิ้น
ในตอนไม่มีสติหรือผู้ที่ไม่ปฏิบัติ มันคือ
การหลอน repeatedly forever ในหัว
จนก่อนตาย

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง การทำกรรม
ครั้งนั้นมันจบไปแล้วครั้งเดียวนั้นครับ

คิดดูว่า ทำกรรมครั้งเดียวแต่ มันจะวนเวียน
หลอนกันไป เรื่อยๆไม่หยุด แล้ว คิดว่า
เราควรจะเริ่มทำกรรมนั้นหรือไม่หละครับ


โดย: billy IP: 119.46.176.222 วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:15:39:47 น.  

 
ธรรมวินัยอันพระตถาคตเจ้าประกาศแล้วเปิดเผยไม่กำบังจึงรุ่งเรือง (เล่ม ๑๐ หน้า ๔๖๕_ปกน้ำเงิน)
''รูปเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นเสนียดจัญไร เป็นอุบาทว์ เป็นภัยพิบัติ เป็นอุปสรรค เป็นความฉิบหาย เป็นของมีโทษ เป็นที่พึ่งไม่ได้ เป็นเหยื่อแห่งมาร เป็นดังเพชฌฆาต เป็นของไร้สาระ เป็นดั่งหัวฝี เป็นเหตุแห่งความลำบาก เป็นของไม่ยั่งยืน เป็นของมีความตาย'' เล่ม 66 หน้า 153 สีน้ำเงิน มหาภูตรูป 4 จากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลไทยฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย 91 เล่ม


โดย: shada วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:15:47:45 น.  

 
แล้วท่าน shada
คิดว่า

รูปที่ว่า เป็น รูป ในโลกแห่งความเป็นจริง
หรือ รูป ในโลกปรมัตถ์ ครับ

ในความเห็นของของผมคิดว่า
รูปที่ท่านเขียน นั้นเป็น รูปในโลกปรมัตถ์ ครับ


โดย: billy IP: 119.46.176.222 วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:16:07:13 น.  

 
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอนในปฏิจจสมุปบาทว่า เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ด้บ สิ่งนี้จึงดับ

การที่นักภาวนาได้ภาวนาจนเกิดญาณปัญญาขึ้น จนเห็นแจ้งในปรมัตถ์ธรรมในโลกปรมัตถ์ได้แจ่มแจ้ง สิ่งที่ดับไปเพราะญาณปัญญานี้ คือ อวิชชาและตัณหา
เมื่อ อวิชชาและตัณหาดับ จิตอกุศลย่อมไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่มีจิตอกุุศลเกิด แล้ว จะมีเหตุการณ์การฆ่า การทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไรกัน

สำหรับปุุถุชนผู้ไม่ได้ปฏิบัติ ย่อมไม่อาจมีปัญญาเห็นแจ้งในโลกปรมัตถ์ได้ เมื่อไม่เห็นแจ้งในโลกปรมัตถ์ จิตย่อมชุ่มอาบด้วยอวิชชาและกิเลสตัณหาอันเร่าร้อน ในขณะที่ลงมือทำร้ายกัน ฆ่ากัน ในขณะนั้น จิตใจของผู้ลงมือกระทำย่อมขาดซึ่งสติด้วยเหตุแห่งอำนาจแห่งอวิชชาและกิเลสตัณหา
เมื่อขาดสติอยู่
มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่กล่าวว่า ในขณะที่ทำการลงมือฆ่า ทำร้ายผู้อื่น ผู้ที่ลงมือกระทำชั่วนั้นจะเห็นเพียงการสั่นไหวของอิริยาบทที่เกิดขึ้น เพราะจิตใจเขาถูกกิเลสตัณหาครอบงำแล้ว เขาจะไม่มีทางรู้สภาวะแห่งปรมัตถ์ธรรมได้เลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็คือ การขาดสติ การหลงลืมทุกอย่าง แต่ลงมือกระทำกรรมชั่วไปด้วยแรงของกิเลสตัณหาที่เข้าครอบงำจิตใจเขาแล้ว

***********************
เมื่อสิ่งที่่ขาวสะอาดอยู่ ย่อมไม่มีสิ่งสกปรกอยู่ในความขาวสะอาดนั้น
ในทำนองเดียวกัน จิตใจที่ขาวสะอาดด้วยอำนาจของสัมมาสมาธิและปัญญาญาณ ย่อมไม่่สิ่งชั่วร้ายของอวิชขา กิเลส ตัณหาได้เลย
***********************




โดย: นมสิการ วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:18:35:01 น.  

 
นักภาวนาที่เข้าใจหลักการภาวนาของกายานุปัสสนา ในการระลึกถึงความเป็นปรมัตถ์ของกายนั้น แต่ยังไม่แจ้งในปรมัตถ์ของจิต ยังไม่อาจกล่าวว่า นักภาวนานั้นได้เข้าถึงความรู้แจ้งแห่งโลกปรมัตถ์ เพราะอวิชชา ตัณหา ยังไม่ถูกทำลายให้สิ้นลงนั้นเอง

แต่นักภาวนาที่เข้าใจในปรมัตถ์ธรรมของกาย สัมผัสปรมัตถ์ธรรมของกายได้ ก็ยังดีกว่านักภาวนาที่ยังไม่รู้จักปรมัตถ์ธรรมของกาย

การรู้ปรมัตถ์ของกาย จะนำไปสู่การรู้ปรมัตถ์ของจิต เมื่อรู้แจ้งสภาวะแห่งปรมัตถ์ของทั้งกายและทั้งจิตเมื่อไร ความรู้แจ้งในโลกปรมัตถ์จึงจะเกิดขึ้นได้

การภาวนาไม่ไม่ลงลึกเข้าสู่สภาวะแห่งปรมัตถ์ ไม่มีทางดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง


โดย: นมสิการ วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:18:42:09 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณนมสิการ ตั้งไข่ขอนุญาติ print บทความบางตอนไปให้ผู้ที่สนใจการปฏิบัติแนวทางนี้ ให้ไปศึกษานะคะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการปฏิบัติของคนมือใหม่ค่ะ มีคนสนใจค่ะ แต่เขาไม่สามารถเข้าถึงสื่อ computer ได้ และในอนาคตอันใกล้นี้ คิดว่าจะอ่านแล้วจัดทำเป็นแผ่นสำหรับผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถอ่านหนังสือได้ค่ะ (กำลังหาทางอยู่ค่ะ) เลยต้องขออนุญาติคุณนมสิการก่อนในการกระทำทั้ง 2 อย่างค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: ตั้งไข่ IP: 223.207.143.150 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:11:52:46 น.  

 
สาธุค่ะ เราคงต้องเดินทางอีกยาวไกลเลย กว่าจะถึงแค่ต้นทาง


โดย: good thinking วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:14:41:47 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:20:38 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.