ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...
บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้
เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง
**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **
หากเราพิจารณาแบบที่ว่า..."นี่คือกายในโลกของคน หรือ โลกภายนอก ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ก็เห็นได้ด้วยตาเนื้อว่า มีคนเดิน มีสัตว์เดิน แต่ในโลกปรมัตถ์ จะไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ในอิริยาบทเดินนั้น จะมีแต่การสั่นไหวเกิดขึ้นในโลกปรมัตถ์ การรู้การสั่นไหว นี่คือรู้กายในกาย ส่วนการรู้ว่ามีการเดิน นั้นคือรู้กายนอกกาย"...
แล้วการฆ่าสัตว์...การทำร้ายกันมันก็คือ...จะไม่มีคน..ไม่มีสัตว์..ในอริยาบทของการฆ่า...จะมีแต่การสั่นไหวของร่างกายเราไปกระทบร่างกายคนอื่น...
ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นการพิจารณากายในกายในสติปัฎฐาน ๔ ครับ
ผมคิดว่าการพิจาณากายในกาย....เวทนาในเวทนา...จิตในจิต...ธรรมในธรรม...นั้นจะต้องอยู่ในเส้นทางของ มรรค ๘ ด้วยครับ...พิจารณาเท่านั้นไม่พอครับ
เหมือนตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมาข้างต้น...หากในจิตไม่ได้ปฎิบัติมรรค..ข้อสัมมาสังกัปปะแล้วเมื่อเราพิจารณาแบบที่กล่าวมาอาจทำให้ทำร้ายคนอื่น...หรือฆ่าคนอื่นได้ครับ