ฌาน ใน สัมมาสมาธิ
บทความนี้ บอกก่อนครับว่า ผมไม่สันทัดเรื่องตำราเท่าใดนัก แต่ก็อ่านมามากเหมือนกัน แต่ผมไม่จำอะไรไว้ในหัวสมอง เมื่อผมปฏิบัติแล้วพบเห็นสภาวะ ก็นึกได้ถึงเรื่องที่เคยอ่านไว้ แล้วมาเทียบเคียงกัน เห็นว่าน่าจะใช่ แต่ผมอาจเ้ข้าใจผิดได้ เช่นกัน ที่นำมาเขียนไว้ เพื่อเล่าสู่กันฟัง
***************************** ผมได้เคยอ่านมา มีผู้บอกว่า การเจริญสัมมาสติ จิตจะไม่ถึงระดับ .ฌาน. เพราะจิตไม่จดจ่อแนบแน่นต่อสิ่งใด (หมายเหตุ ...การอยู่ในสภาวะ ฌาน จิตจะจดจ่อแนบแน่นกับสิ่งหนี่ง) สภาวะจิตแห่งสัมมาสติ จิตจะเป็นขณิกสมาธิ แต่ใช้เจริญวิปัสสนาได้
คำกล่าวที่ว่านี้ ผมอยากจะแสดงสภาวะอันเป็นผลแห่งการปฏิบัติสัมมาสติ ให้ท่านอ่าน แล้วพิจารณาเอาเองว่า คำกล่าวที่ว่า ตรง หรือ ไม่ตรง เพียงใด
เมื่ออยู่ในสภาวะแห่งสัมมาสติ คือ การที่รู้สึกตัวอยู่ แล้ว มีการรับรู้ สภาวะต่าง ๆ โดยผ่านทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา เห็น ภาพ หู ได้ยิน เสียง จมูก ได้ กลิ่น ลิ้น ได้ รส กาย ได้รู้ อาการและสัมผัสทางกาย ใจ ได้รับ อาการทางใจ
การรับรู้โดยผ่านทางอายตนะทั้ง 6 นั้นจะเกิดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ปานประหนึ่ง การรับรู้ต่าง ๆ รับรู้ได้พร้อม ๆ กันในคราวเดียวกัน
สภาวะที่ว่า นี้แน่นอนว่า เป็นขณิกสมาธิ ครับ อันเป็นสภาวะขั้นต้นสำหรับคนทั่ว ๆ ไปที่เพิ่งฝึกฝน สัมมาสติ นั่้นเอง แต่เมื่อมีการฝึกฝนต่อไปอีก สัมมาสติจะเริ่มตั้งมั่น มากขึ้น .จิตรู้. จะแยกตัวออกมาจากขันธ์ 5 และรับรู้ .ขันธ์ 5.ได้ ว่าขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ นี่คือการเจริญวิปัสสนาแล้วครับ
เมื่อผู้ปฏิบัติไปฝึกฝนต่อไป จะพบกับสภาวะหนึ่ง ที่เขาจะเห็นอะไรสักอย่างหนึ่ง คล้าย .ดาวฤกษ์. ที่ปรากฏสว่างให้เห็นได้เอง การที่เห็นได้นี่ จะเห็นได้นาน ๆ อาจเป็น 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง หรือ หลาย ๆ ชั่วโมง หรือ หลาย ๆ วัน ก็ได้แล้วมันจะหายไปสักพัก แล้วก็กลับมาใหม่ การเห็น .ดาวฤกษ์. นี้ จะเห็นได้เองโดยไม่ใช่การไปจ้องมองหา มันจะเหมือนวัตถุอันหนึ่ง ที่ปรากฏให้จิตได้เห็น และการเห็นนี้ก็จะยังเห็นสภาวะอื่น ๆ รอบตัว ได้ด้วย พร้อม ๆ กันไป คือ ตาก็ยังมองเห็นได้อยู่ หูก็ยังได้ยินเสียงได้อยู่ และอื่นๆ ถ้าจะว่าตามตำรา การเห็นสิ่งนี้ จะเข้าขั้นระดับ ฌาน เพราะจิตได้แนบแน่นจดจ่อกับดาวฤกษ์ ที่เห็นนี้ตลอดเวลานั้นเอง แต่จะต่างจาก ฌาน ในสมาธิฤาษี ที่จิตจดจ่อกับสิ่งเดียว แต่ไม่รับรู้ สิ่งต่าง ๆรอบตัว เมื่อสภาวะแห่งการเห็นดาวฤกษ์นี้อยู่ จิตจะไม่มีทุกข์ปรากฏเลย กิเลสเข้าไม่ได้ ปานประหนึ่งว่า กิเลสได้สิ้นไปแล้ว เพราะการปรากฏนั้น บางคราวจะปรากฏนานเป็นเดือนก็ยังไม่จางหายไป ทำให้คนเข้าใจผิดไปได้ว่า ตนได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดแล้ว
เหนือฟ้ายังมีฟ้าครับ..
เมื่อสภาวะแห่ง ดาวฤกษ์ ได้สิ้่นสุดลง คือหายไปแล้ว จะมีสภาวะเหมือนว่า การภาวนาได้ตกต่ำลงไป ผู้ภาวนาจะกลับมีกิเลสโผล่มาเล่นงานเขาอีก เขาเลยรู้ตัวว่า ยัง...ไม่ถึงที่สุดแห่งธรรม แต่เมื่อผู้ภาวนาได้ฝึกฝนสัมมาสติต่อไปอีก เหมือนเป็นเด็กเริ่มใหม่อีกครั้ง คราวนี้ จะเกิดปรากฏการณ์การเห็นได้ใหม่ เป็นความว่างที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าผู้ปฏิบัตินั้นเอง ความว่างนี้จะปรากฏตลอดเวลาให้เห็น และอาการต่าง ๆรอบ ๆ ตัวก็จะรู้ ได้เช่นเดิม ผู้ภาวนาจะเหมือนเดิม คือ กิเลสเข้าไม่ได้ และอาจคิดว่า นี่...คงใช่แล้ว นิพพาน เ้พราะเห็นเป็นความว่าง และ ไม่มีกิเลสโผล่มาเลย ถ้าว่ากันตามตำรา นี่ก็คือ สภาวะ ฌาน ได้เช่นเดียวกัน เพราะจิตเห็นความว่างตลอดเวลานั้นเอง
เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าอีกครับ..
เมื่อสภาวะแห่งความว่างได้สลายไป ไม่เห็นอีก ผู้ภาวนาก็จะเหมือนเดิม คือ กิเลสเข้ามาได้ อีก เขาก็จะรู้อีกว่า นี่ยัง..ไม่ถึงที่สุด
เขาจะฝึกต่อไปอีก
ต่อไปเขาจะพบสภาวะอีกอย่าง ที่มันเป็นความว่างเช่นกันแต่เหมือนมีผ้าพลาสติกใส ๆ บังอยู่หน้าความว่างนั้น มันจะต่างจากความว่างข้างบนที่ได้เขียนไว้ เช่นเดียวกันครับ ผู้ภาวนาจะเห็นความว่างมีผ้าพลาสติกใส นี้ได้นาน ๆ ไม่หายไปไหนเช่นกัน ตอนนี้ ผมอยู่ในสภาวะนี้อยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า มันจะแปรเปลี่ยนอะไรไปอีกครับ ถ้าว่้ากันตามตำรา นี่ก็เป็น ฌาน เหมือนกัน เพราะจิตเห็นความว่างที่มีผ้าพลาสติกใส นี่อยู่ตลอดเวลา นี่เวลาพิมพ์เรื่องนี้อยู่ พิมพ์ไปก็ยังเห็นอยู่ข้างหน้านี่แหละ มันไม่หายไปไหน ไม่ต้องตั้งใจมอง มันก็อยู่ของมันอย่างนั้นเอง
เมื่อท่านอ่านแล้ว ท่านคงตอบตัวเองได้นะครับว่า สัมมาสติ นั้นถึงระดับ ฌาน ได้หรือไม่
Create Date : 15 มิถุนายน 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:23 น. |
Counter : 1373 Pageviews. |
|
|
|