รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
จังหวะเริ่มต้น สิ่งที่นักปฏิบัติสายหลวงพ่อเทียนต้องไม่มองข้าม

บทความนี้ เขียนขึ้นสำหรับการปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนครับ
สำหรับท่านที่ไม่รู้จักแนวทางนี้ ก็ขอให้ค้นหาได้จาก google ซึ่งหาได้มากมาย

ในแวดวงกรรมฐานของไทย การปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนเป็นแนวทางที่มีผู้ปฏิบัติกันพอสมควร เมื่อกล่าวกันถึงแนวทางนี้ ทุกคนก็จะเข้าใจถึงเทคนิคการฝึกที่เป็นการสร้างจังหวะด้วยการเคลื่อนมือในการฝึกเพื่อเจริญสติ

คนส่วนมากที่พูดถึงแนวการฝึกแบบนี้ ก็มันกจะพูดกันว่า วิธีการนี้จะมี 14 จังหวะ แต่ถ้าใครที่เป็นคนที่ศึกษาที่รอบคอบจะเห็นว่า แนวทางการเคลื่อนมือของหลวงพ่อเทียนนั้นจะมี 15 จังหวะ ไม่ใช่ 14 จังหวะ โดยจังหวะที่คนมักมองข้ามไปคือ ท่าเตรียมก่อนเคลื่อนมือ ( ท่านั่งยังไม่เคลื่อนมือ ที่มือยังวางบนต้นขาอยู่ )

ท่าเตรียมนี้เป็นท่าที่สำคัญ ที่ว่าสำคัญก็คือ ท่าเตรียมนี้ เป็นจังหวะที่ยังไม่เคลื่อนครับ เมื่อไม่เคลื่อน นักปฏิบัติควรจะรู้ว่า ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนการไหวครับ มันจะนิ่งอยู่ เมื่อเริ่มพลิกมือในจังหวะที่ 1 เมื่อไร ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น กล่าวคือ จากการนิ่ง (ในจังหวะเตรียมเคลื่อน ) ไปโดยมีการไหวเกิดขึ้นจากจังหวะที่ 1

การที่เปลี่ยนจากนิ่งไปไหวนี่ จะทำให้นักปฏิบัติสังเกตเห็นอาการไหวได้
นี่คือสิ่งที่จิตจะเข้าไปรับรู้การเปลี่ยนแปลงนี้

สำหรับท่าที่ 1 แล้วให้หยุดก่อนสักครู่ แล้วเคลื่อนไปท่าที่ 2 นี่ก็เช่นกัน คือ เมื่อท่าที่ 1 หยุด ก็จะนิ่งก่อน เมื่อเคลื่อนอีกที ก็จะเกิดการไหวขึ้น มันจะวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบตามแบบที่หลวงพ่อเทียนท่านสอนไว้

ถ้าจะกล่าวอีกแง่หนึ่ง จังหวะเริ่มต้นนั้นจะต้องมีอยู่ในทุกจังหวะก่อนการเคลื่อนนั้นเอง กล่าวคือ
จังหวะ 1 ก่อนจะเคลื่อนไปจังหวะ 2 ต้องหยุดเสียก่อน ซึ่งก็คือจังหวะเริ่มต้นนั้นเอง

จังหวะ 1 ----> หยุดนิ่งเหมือนจังหวะเตรียมตัว --> เคลื่อนไปจังหวะ 2
จังหวะ 2 ----> หยุดนิ่งเหมือนจังหวะเตรียมตัว --> เคลื่อนไปจังหวะ 3
และต่อไปเรื่อย ๆ จนครบทุกจังหวะ


ท่านพอมองออกใช่ใหมครับ ว่าวิธีฝึกของหลวงพ่อเทียนนั้น ต้อง เคลื่อน แล้ว หยุด แล้วเคลื่อน แล้ว หยุด เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนั้นจับการเปลียนแปลงได้ที่มีการ นิ่งแล้วไหว นิ่งแล้วไหว เมื่อจิตจับการเปลี่ยนแปลงได้มาก ๆ จิตจะมีกำลัง ความตั้งมั่นมากขึ้น

เมื่อกำลังจิตมากขึ้น ต่อไป ก็สามารถรับรู้และเห็นอาการจิตปรุงแต่งได้ต่อไป

การเคลื่อนมืออย่างรวดเร็วปานประหนึ่งเครื่องยนต์เทอร์โบ 16 วาวล์ โดยไม่หยุดเป็นจังหวะ จะทำให้ผู้ปฏิบัติสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของการ นิ่ง ไป ไหว ได้ยาก เมื่อสังเกตได้ยาก การพัฒนากำลังจิต ก็จะไม่ได้ผลเต็มที่ นอกจากนี้ การเคลื่อนมือที่เร็ว ยังทำให้เกิดการเมื่อยล้าขึ้นได้ง่าย

********************

ถ้าท่านสังเกตตนเองในขณะฝึกเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียนนี้

สำหรับท่านที่เป็นมือใหม่...
1... ขอให้สังเกตจังหวะที่หยุดแล้วเริ่มเคลื่อน
ท่านจะพบว่า บางครั้งที่เริ่มเปลี่ยนจากหยุดเป็นเคลื่อน ท่านจะเกิดการเผลอขึ้นแว๊บหนึ่งสั้น ๆ ขึ้น
2... ขอให้สังเกตขณะที่กำลังเคลื่อนมือขึ้นหรือลง
ท่านจะพบว่า บางครั้งที่จะเหมือนจิตพุ่งไปจับทีมือที่กำลังเคลื่อนที่อยู่นั้นแว๊บหนึ่งสั้น ๆ
หรือ บางครั้งจะเกิดการเผลอขึ้นแว๊บหนึ่งสั้น ๆ ได้เช่นกัน

อาการในข้อ 1 และ 2 ขอท่านอย่าได้กังวลใจไป
นี่เป็นเพราะความชำนาญของท่านยังไม่มากพอ
ขอให้ฝึกต่อไปเรื่อยๆ ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นมาได้เอง แต่ต้องใช้เวลา
อย่าด่วนใจร้อน
*****

สำหรับท่านที่เป็นมือเก่าที่เห็นจิตที่นิ่งสงบได้แล้ว

เมื่อท่านฝึกเคลื่อน - หยุด - เคลื่อน -หยุด
ท่านควรมีความรู้สึกตัว เห็นอาการทีจิตที่กำลังนิ่งสงบได้อยู่
โดยที่ก็รับรู้อาการที่เคลื่อน อาการที่หยุดเคลื่อน พร้อมกับจิตที่นิ่งไปในขณะเดียวกัน

ถ้าท่านเกิดการเสียความรู้สึกตัวในขณะที่เคลื่อน-หยุด เคลื่อน-หยุด
โดยที่ท่านสูญเสียการเห็นอาการจิตที่กำลังนิ่งสงบอยู่
ก็ขออย่าได้ท้อทอย ให้หมั่นฝึกต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะชำนาญมากขึ้นไปเรื่อยๆ เอง คือ จะเห็นจิตที่นิ่งสงบได้ และก็รับรู้อาการที่เคลื่อน อาการที่หยุดได้

หวังว่า บทความนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่ฝึกฝนแบบหลวงพ่อเทียน

*************
บทความท้ายบท

1....ในสภาวะธรรมทีละเอียดมากขึ้น อาการไหวตัวของจิตจะเป็นสิ่งที่สังเกตได้ยากยิ่ง เมื่อสังเกตไม่ได้ โมหะก็จะเข้าครอบงำจิตได้ทันที การฝึกแนวหลวงพ่อเทียนนี้ คือ รู้จักนิ่ง รู้จักไหว ได้บ่อย ๆ จะทำให้จิตนั้นมีความสามารถในการรับรู้การไหวตัวของจิตที่ละเอียด ๆ ได้ดีขึ้น

2... การฝึกฝนที่ให้คุณประโยชน์และได้ผลดี คือ การฝึกฝนที่ตั้งใจ แต่ต้องสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด ประหนึ่งว่า ฝึกทำเล่น ๆ ไม่หวังผลสิ่งใดในการฝึกนั้น ๆ

3....ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ที่ความขัดแย้งทางความคิดกำลังพลุ่งพล่าน ท่านเคยสังเกตตัวเองไหมว่า ครั้งใดที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำอะไรไม่ถูกใจท่าน ท่านหงุดหงิดใจไหม ท่านวิพากษ์วิจารณ์ใหมว่า เขาทำอย่างนี้ทำไม ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น นี่คือการทำงานของอวิชชา ที่ท่านหลงทางอยู่นั้นเอง ในคือการฝึกจิตจากของจริงในชีวิตจริงและอวิชชามันทำงานจริง ๆ มันเป็นอย่างนี้เองครับท่านผู้อ่าน




Create Date : 24 เมษายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:13:46 น. 1 comments
Counter : 2582 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:50:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.