1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
จังหวะเริ่มต้น สิ่งที่นักปฏิบัติสายหลวงพ่อเทียนต้องไม่มองข้าม
บทความนี้ เขียนขึ้นสำหรับการปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนครับ สำหรับท่านที่ไม่รู้จักแนวทางนี้ ก็ขอให้ค้นหาได้จาก google ซึ่งหาได้มากมาย ในแวดวงกรรมฐานของไทย การปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียนเป็นแนวทางที่มีผู้ปฏิบัติกันพอสมควร เมื่อกล่าวกันถึงแนวทางนี้ ทุกคนก็จะเข้าใจถึงเทคนิคการฝึกที่เป็นการสร้างจังหวะด้วยการเคลื่อนมือในการฝึกเพื่อเจริญสติ คนส่วนมากที่พูดถึงแนวการฝึกแบบนี้ ก็มันกจะพูดกันว่า วิธีการนี้จะมี 14 จังหวะ แต่ถ้าใครที่เป็นคนที่ศึกษาที่รอบคอบจะเห็นว่า แนวทางการเคลื่อนมือของหลวงพ่อเทียนนั้นจะมี 15 จังหวะ ไม่ใช่ 14 จังหวะ โดยจังหวะที่คนมักมองข้ามไปคือ ท่าเตรียมก่อนเคลื่อนมือ ( ท่านั่งยังไม่เคลื่อนมือ ที่มือยังวางบนต้นขาอยู่ ) ท่าเตรียมนี้เป็นท่าที่สำคัญ ที่ว่าสำคัญก็คือ ท่าเตรียมนี้ เป็นจังหวะที่ยังไม่เคลื่อนครับ เมื่อไม่เคลื่อน นักปฏิบัติควรจะรู้ว่า ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนการไหวครับ มันจะนิ่งอยู่ เมื่อเริ่มพลิกมือในจังหวะที่ 1 เมื่อไร ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น กล่าวคือ จากการนิ่ง (ในจังหวะเตรียมเคลื่อน ) ไปโดยมีการไหวเกิดขึ้นจากจังหวะที่ 1 การที่เปลี่ยนจากนิ่งไปไหวนี่ จะทำให้นักปฏิบัติสังเกตเห็นอาการไหวได้ นี่คือสิ่งที่จิตจะเข้าไปรับรู้การเปลี่ยนแปลงนี้ สำหรับท่าที่ 1 แล้วให้หยุดก่อนสักครู่ แล้วเคลื่อนไปท่าที่ 2 นี่ก็เช่นกัน คือ เมื่อท่าที่ 1 หยุด ก็จะนิ่งก่อน เมื่อเคลื่อนอีกที ก็จะเกิดการไหวขึ้น มันจะวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบตามแบบที่หลวงพ่อเทียนท่านสอนไว้ ถ้าจะกล่าวอีกแง่หนึ่ง จังหวะเริ่มต้นนั้นจะต้องมีอยู่ในทุกจังหวะก่อนการเคลื่อนนั้นเอง กล่าวคือ จังหวะ 1 ก่อนจะเคลื่อนไปจังหวะ 2 ต้องหยุดเสียก่อน ซึ่งก็คือจังหวะเริ่มต้นนั้นเอง จังหวะ 1 ----> หยุดนิ่งเหมือนจังหวะเตรียมตัว --> เคลื่อนไปจังหวะ 2 จังหวะ 2 ----> หยุดนิ่งเหมือนจังหวะเตรียมตัว --> เคลื่อนไปจังหวะ 3 และต่อไปเรื่อย ๆ จนครบทุกจังหวะ ท่านพอมองออกใช่ใหมครับ ว่าวิธีฝึกของหลวงพ่อเทียนนั้น ต้อง เคลื่อน แล้ว หยุด แล้วเคลื่อน แล้ว หยุด เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนั้นจับการเปลียนแปลงได้ที่มีการ นิ่งแล้วไหว นิ่งแล้วไหว เมื่อจิตจับการเปลี่ยนแปลงได้มาก ๆ จิตจะมีกำลัง ความตั้งมั่นมากขึ้น เมื่อกำลังจิตมากขึ้น ต่อไป ก็สามารถรับรู้และเห็นอาการจิตปรุงแต่งได้ต่อไป การเคลื่อนมืออย่างรวดเร็วปานประหนึ่งเครื่องยนต์เทอร์โบ 16 วาวล์ โดยไม่หยุดเป็นจังหวะ จะทำให้ผู้ปฏิบัติสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของการ นิ่ง ไป ไหว ได้ยาก เมื่อสังเกตได้ยาก การพัฒนากำลังจิต ก็จะไม่ได้ผลเต็มที่ นอกจากนี้ การเคลื่อนมือที่เร็ว ยังทำให้เกิดการเมื่อยล้าขึ้นได้ง่าย ******************** ถ้าท่านสังเกตตนเองในขณะฝึกเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียนนี้ สำหรับท่านที่เป็นมือใหม่... 1... ขอให้สังเกตจังหวะที่หยุดแล้วเริ่มเคลื่อน ท่านจะพบว่า บางครั้งที่เริ่มเปลี่ยนจากหยุดเป็นเคลื่อน ท่านจะเกิดการเผลอขึ้นแว๊บหนึ่งสั้น ๆ ขึ้น 2... ขอให้สังเกตขณะที่กำลังเคลื่อนมือขึ้นหรือลง ท่านจะพบว่า บางครั้งที่จะเหมือนจิตพุ่งไปจับทีมือที่กำลังเคลื่อนที่อยู่นั้นแว๊บหนึ่งสั้น ๆ หรือ บางครั้งจะเกิดการเผลอขึ้นแว๊บหนึ่งสั้น ๆ ได้เช่นกัน อาการในข้อ 1 และ 2 ขอท่านอย่าได้กังวลใจไป นี่เป็นเพราะความชำนาญของท่านยังไม่มากพอ ขอให้ฝึกต่อไปเรื่อยๆ ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นมาได้เอง แต่ต้องใช้เวลา อย่าด่วนใจร้อน ***** สำหรับท่านที่เป็นมือเก่าที่เห็นจิตที่นิ่งสงบได้แล้ว เมื่อท่านฝึกเคลื่อน - หยุด - เคลื่อน -หยุด ท่านควรมีความรู้สึกตัว เห็นอาการทีจิตที่กำลังนิ่งสงบได้อยู่ โดยที่ก็รับรู้อาการที่เคลื่อน อาการที่หยุดเคลื่อน พร้อมกับจิตที่นิ่งไปในขณะเดียวกัน ถ้าท่านเกิดการเสียความรู้สึกตัวในขณะที่เคลื่อน-หยุด เคลื่อน-หยุด โดยที่ท่านสูญเสียการเห็นอาการจิตที่กำลังนิ่งสงบอยู่ ก็ขออย่าได้ท้อทอย ให้หมั่นฝึกต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะชำนาญมากขึ้นไปเรื่อยๆ เอง คือ จะเห็นจิตที่นิ่งสงบได้ และก็รับรู้อาการที่เคลื่อน อาการที่หยุดได้ หวังว่า บทความนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่ฝึกฝนแบบหลวงพ่อเทียน ************* บทความท้ายบท 1....ในสภาวะธรรมทีละเอียดมากขึ้น อาการไหวตัวของจิตจะเป็นสิ่งที่สังเกตได้ยากยิ่ง เมื่อสังเกตไม่ได้ โมหะก็จะเข้าครอบงำจิตได้ทันที การฝึกแนวหลวงพ่อเทียนนี้ คือ รู้จักนิ่ง รู้จักไหว ได้บ่อย ๆ จะทำให้จิตนั้นมีความสามารถในการรับรู้การไหวตัวของจิตที่ละเอียด ๆ ได้ดีขึ้น 2... การฝึกฝนที่ให้คุณประโยชน์และได้ผลดี คือ การฝึกฝนที่ตั้งใจ แต่ต้องสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด ประหนึ่งว่า ฝึกทำเล่น ๆ ไม่หวังผลสิ่งใดในการฝึกนั้น ๆ 3....ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ที่ความขัดแย้งทางความคิดกำลังพลุ่งพล่าน ท่านเคยสังเกตตัวเองไหมว่า ครั้งใดที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำอะไรไม่ถูกใจท่าน ท่านหงุดหงิดใจไหม ท่านวิพากษ์วิจารณ์ใหมว่า เขาทำอย่างนี้ทำไม ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น นี่คือการทำงานของอวิชชา ที่ท่านหลงทางอยู่นั้นเอง ในคือการฝึกจิตจากของจริงในชีวิตจริงและอวิชชามันทำงานจริง ๆ มันเป็นอย่างนี้เองครับท่านผู้อ่าน
Create Date : 24 เมษายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:13:46 น.
1 comments
Counter : 2582 Pageviews.
โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:50:31 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน