รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
1 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
จิตรู้ และ จิตคิด คือ ตัวเดียวกัน แต่ทำหน้าที่ต่างกัน

ในการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ เมื่อท่านได้ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้ว ท่านจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า อันว่า .จิตรู้.นั้น จะเกิดก็ต่อเมื่อท่านมึความรู้สึกตัวที่เป็นธรรมชาติอยู่ และ ท่านจะสังเกตได้ว่า .จิตรู้.นี้ มันได้หดหายไปซ่อนอยู่ภายในกาย แต่บอกไม่ได้ว่า อยู่ส่วนไหนของร่างกาย ในสภาวะเช่นนี้ .จิตรู้. จะทำงานของมันเป็นอย่างดียิ่ง โดยที่ ตาก็มองเห็นได้ หูก็ยังได้ยินอยู่ จมูกก็ยังได้กลินอยู่ ลิ้นก็รับรู้รสได้ กายก็รู้การสัมผัส และ ก็รู้การนึกคิดที่เกิดขึ้นที่ใจได้

ทีนี้ ถ้าท่านเกิดเผลอขึ้นมา อาทิ เช่น ท่านไปเห็นสิ่งต้องตาต้องใจอะไรสักอย่างหนึ่ง ท่านจะเห็นได้ทันทีเลยว่า เจ้าจิตรู้นี่มันจะพุ่งพรวดออกจากสายตาไปจับยังวัตถุที่เห็นทันที นี่คือ อาการที่พระบางรูป เรียกว่า จิตไหลออก หรือ จิตส่งนอกก็ได้ พอเป็นอย่างนี้ ก็คือ ท่านได้เผลอไปแล้วครับ แต่ถ้าท่านฝึกมาดี พอเผลอก็จะรู้ตัวทันที แล้ว จิตรู้ มันก็จะโผล่กลับมาซ่อนอยู่ในกายอีก แต่ท่านจะไม่เห็นมันวิ่งกลับเข้ามาในกายนะครับ มันโผล่มาเฉย ๆ อย่างนั้นแหละ

ทีนี้ ถ้าท่านเกิดเผลอไปหลงคิด ท่านจะเห็นเช่นกัน จิตรู้ มันพรุ่งพรวดจากภายในกาย ไปปรากฏอยู่บริเวณใบหน้าทันที เช่นกัน

จากที่ผมเห็นการทำงานดังกล่าว ผมจึงรู้ว่า จิตรู้ จิตคิด และ วิญญาณ 6 ก็คือ จิตเดียวกัน แต่กำลังทำหน้าที่ต่างกันอยู่

ทีนี้มาถึงจุดสำคัญสำหรับนักดูจิต
ถ้าจิตรู้ท่านเกิดและตั้งมั่นอยู่ ท่านจะเห็นอาการของจิตได้ เพราะจิตรู้ จะยังทำงานตั้งมั่นอยู่ เมื่ออาการของจิตเกิดขึ้น ในลักษณะนี้ จิตรู้ จะเห็นอาการของจิตได้ดี และ ท่านจะเห็นได้ชัดว่า อาการของจิตนี้เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่เรา อันเป็นขบวนการของวิปัสสนา

แต่ถ้าท่านเป็นนักดูจิตที่จิตรู้ยังไม่ตั้งมั่น พอเกิดอาการของจิต จิตรู้ มันจะวิ่งพรวดและเปลี่ยนไปเป็นอาการของจิตทันที เมื่อเป็นดังนี้ ท่านจะไม่เห็นอาการของจิต เมื่อท่านไม่เห็นอาการของจิต ท่านก็ไม่อาจรู้ได้ว่า อาการของจิตนี่ไม่ใช่เรา แต่ถ้าท่านเป็นนักอ่าน นักฟังซีดี แล้วในหนังสือ ในซีดีบอกว่า อาการของจิตมันไม่ใช่เรา ถ้าท่านไปนึกเอาเองว่า ไม่ใช่เรา นี่เป็นสัญญาอารมณ์ ไม่ใช่ขบวนการเห็นจริงของวิปัสสนา เมื่อมันไม่ใช่วิปัสสนาจริง ท่านดูให้ตายก็ไม่เกิดปัญญาทางพุทธศาสนา ที่เขียนอย่างนี้ ไม่ใช่ต้องการลบหลู่ หรือ ดีสเครดิคใคร แค่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น จึงจะรู้ว่า มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ เรื่องอย่างนี้ หลอกกันไม่ได้ครับ เพียงแต่ว่า คนที่เขารู้จริง เขาจะเปลืองตัวออกมาพูดหรือเปล่าก็เท่านั้น

ถ้าท่านเข้าใจการทำงานจุดนี้ได้ ท่านจะเข้าใจวิธีฝึกฝนสติปัฏฐาน 4 ที่ถูกต้องจริง ๆ ได้ทันที

อย่าลืมนะครับ การฝึกฝนนั้น ก็เพื่อการพัฒนา .จิตรู้. ให้ตั้งมั่น เมื่อจิตรู้ ตั้งมั่น ท่านจะเห็นได้เลยว่า ในขณะนั้นท่านจะรู้ได้หลาย ๆ อย่างในคราวเดียวกัน ตาเห็นได้ หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้รู้สัมผัส จิตใจนึกคิดก็รู้ได้ นี่คือ กุญแจแห่งสติปัฏฐานเพื่อการพ้นทุกข์ครับ ท่านอย่าได้หลงไปกับการรู้เพียงอย่างเดียวโดยการกดจิตในนิ่งเข้าไว้ ที่มีการสอนกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะนั้นคือสมาธิแบบฤาษี ไม่ใช่สัมมาสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้แก่พุทธบริษัท

พระพุทธองค์ก็ได้ทรงตรัสบอกไว้แล้วในพระไตรปิฏก แต่ไฉนพุทธบริษัทจึงไม่เชื่อพระองค์กันในเรื่องสัมมาสมาธิ

***************




Create Date : 01 พฤษภาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:13:19 น. 1 comments
Counter : 1121 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:49:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.