ปฏิบัติในรูปแบบ เดินจงกรม นั่งสมาธิ จำเป็นจริง ๆ หรือไม่
ได้เข้าไปอ่านบทความของเหล่าศิษย์กลับใจในเวป แอนตี้วิมุตติ ทำให้ผมมองว่า ปัญหาความขัดแ้ย้งนั้น อยู่ที่ว่าเหล่าศิษย์กลับใจนั้น แรก ๆ เข้าใจว่า การปฏิบัติตามรูปแบบ ไม่จำเป็น เพียงแค่ดูอาการของจิตไป เรื่อย ๆ ก็พอ แต่ต่อมา เกิดการเอะใจขึ้นว่า การฝึกฝนในรูปแบบ เช่น การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ นั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการภาวนา โดยมีการอ้างอิงคำสอนของครูบาอาจารย์หลาย ๆ รูป ซึ่งผมไม่ขอวิพากษ์ วิจารณ์ใด ๆ ในข้อเขียนของเหล่าศิษย์กลับใจทั้งหลาย **** ต่อไป เป็นมุมมองของผมในเรื่องที่ว่า การปฏิบัติในรูปแบบจำเป็นจริง ๆ หรือไม่ ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัว หลังจากที่ได้ฝึกฝนปฏิบัติมาพอสมควร ดังนั้น ความเห็นนี้ เพียงฝากไว้ให้ท่านที่เผอิญเข้ามาอ่านไว้พิจารณา เอาเองก็แล้วกัน
ก่อนที่จะตอบคำถามทีีว่่า การฝึกฝนในรููปแบบจำเป็นจริง ๆ หรือไม่ ท่านสมควรมองไปที่แนวทางการปฏิบัติก่อนว่า ท่านจะเดินทางไหนกัน
การปฏิบัติธรรมนั้นจะมี 2 แนวทาง คือ แบบที่ 1 แนวสมถยานิก แบบที่ 2 แนววิปัสสนายานิก
ถ้าท่านเลือกจะเดินตามแนว สมถยานิก นั้น ผมฟันธงให้เลยครับว่า การปฏิบัติในรูปแบบ จำเป็นอย่างยิ่งยวด จำเป็นมาก ๆ ไม่ปฏิบัติฝึกฝน ในรูปแบบไม่ได้เลย เพราะการปฏิบัติในแนวนี้ จำเป็นต้องพัฒนาจิตให้มีกำลัง ถึงระดับ ฌาน ให้ได้ก่อน ซึ่งท่านย่อมทราบดีว่า กำลังจิตระดับ ฌาน นั้น ยากยิ่งขนาดใด ดังนั้น การฝึกฝนในรุปแบบ ต้องฝึกอย่างเข้มงวด วันละหลาย ๆ ชั่วโมง ท่านต้องงดสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้จิตฟุ้งซ่านด้วย จึงจะได้ผลถึงระดับ ฌาน
*****
ผมฟันธงแบบ สมถยานิก ให้ท่านไปแล้วว่าจำเป็นมาก มาก
******
แล้วแบบ วิปัสสนายานิกละ เป็นอย่างไร วิปัสสนายิก จะมีเงือนไขประกอบครับ มาอ่านกันต่อไป 1. สิ่งที่วิปัสสนยานิก จำเป็นมาก ๆ ต้องเข้าใจเรื่องสัมมาสติ มีอาการอย่างไร ให้ถูกต้องให้ได้ก่อน อันนี้ ท่านต้องศึกษาก่อน และจำเป็นมาก ๆ ทีต้องศึกษาให้เข้าใจ ไม่ศึกษาไม่ได้เลย ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันไม่ยาก ศึกษาจริง ๆ 1 ชั่วโมงก็รู้แล้วว่าคืออะไร
2.ทีนี้ เมื่อข้อ 1 ท่านผ่านแล้ว ต่อไปท่านสมควรรู้ตัวเองก่อนว่า ท่านต้องการจะเร่งรัดภารกิจให้จบสิ้นในชาตินี้หรือไม่ หรือ ว่า เอาแบบ สบาย ๆ ได้เท่าใหน ก็เท่านั้นพอ แล้วไปต่อเอาชาติหน้า
3..ถ้าท่านเร่งรัดภารกิจว่า ต้องจบกิจในชาตินี้ ผมฟันธงให้เลยครับ การฝึกฝนรูปแบบ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดเช่นกัน
4..ถ้าท่านไม่เร่งรัดภารกิจ ตอนนี้จะมี 2 เงื่อนไขตามมาครับ ว่า ในชีวิตประจำวัีนของท่านนั้น มีความสามารถในการรับรู้ สัมมาสติได้หรือไม่
5..ถ้าคำตอบว่า ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อย่างนี้ ถ้าท่านไม่มีเวลาฝึกฝน ในรูปแบบ ก็ไม่ต้องฝึกในรูปแบบครับ แต่ท่านต้องหมั่นฝึกฝน ในชิวิตประจำวันของท่านเสมอ ๆ เพราะท่านตอบว่า รับรู้สัมมาสติ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง และท่านไม่เร่งรัดภารกิจอะไรในชาตินี้
6..ถ้าคำตอบว่า ไม่ได้เลย อย่างนี้ ท่านสมควรฝึกฝนรูปแบบก่อนครับ ในระยะเริ่มต้น ให้ท่านเกิดความคุ้นเคยกับอาการสัมมาสติก่อน พอท่านฝึก แล้วสักระยะหนึ่่ง ท่านจะสามารถรับรู้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แบบข้อ 5 ซึ่งท่านก็เดินตามข้อ 5 ไปก็ได้ครับ
7.. จากข้อ 5 เมื่อท่านฝึกในชิวิตประจำวันไปเรื่อย ๆ ท่านจะมีการพัฒนา ในการรับรู้สัมมาสติได้มากขึ้นเรื่อย ๆเอง ครับแต่จะเป็นการพัฒนาไปอย่างช้า ๆ เพราะท่านไม่เร่งรีบและไม่ได้ฝึกฝนรูปแบบ
*******
เรื่องท้ายบท ผมขอเ้น้นยำว่า ท่านที่จะเดินแนววิปัสสนายานิก ท่านต้องศึกษาในข้อ 1 ให้เข้าใจ ใด้ดีครับว่า อาการสัมมาสติเป็นอย่างไร แล้วในชิวิตประจำวัน ท่านต้องฝึกฝน การมีสัมมาสติบ่อย ๆ เนือง ๆ
ไม่ใช่เป็นว่า พอโกรธ ก็รู้ว่าโกรธ สงสัย ก็รู้ว่า สงสัย อย่างนี้ไม่ใช่การฝึกฝนสัมมาสตินะครับท่าน
แนะนำอ่าน อาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ฉบับประสบการณ์ส่วนตัว //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2010&date=07&group=8&gblog=26
Create Date : 19 มิถุนายน 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:01 น. |
Counter : 1955 Pageviews. |
|
|
|
ธรรมะ..คืออะไร
อะไรบ้างที่เป็นธรรมะ...
ถ้าศึกษาให้เข้าใจแล้ว..ความขัดแย้งก็จะไม่มี...
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างคือ..ธรรมะ
หน้าที่ของมนุษย์..คือเรียนรู้ธรรมะ..ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะไปตัดสินว่าอะไรผิดหรือถูก..
ความผิดความถูก..เป็นสมมุติ
สิ่งที่กำลังเกิด..ดับ.ต่อหน้าต่อตา..นี้คือสิ่งที่ต้องเรียนรู้