อาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ฉบับประสบการณ์ส่วนตัว
เมื่อผมเขียนเรื่อง การดูเงาของจิตภาค2 ทำให้ผมรู้ว่า ยังมีหลาย ๆ ท่าน ที่ต้องการพ้นทุกข์ด้วยธรรมปฏิบัติยังมองเรื่องของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ที่ยังไม่ตรงนัก ทำให้การฝึกฝนจึงได้ผลที่ช้า ผมจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ของผมเพื่อแบ่งปัน เพราะพระไตรปิฏกก็มีเขียนไว้เรื่องสัมมาสมาธิ แต่ผมเชื่อว่า หลาย ๆ ท่านเมื่ออ่านแล้วก็ยังมองภาพไม่ออกว่า เป็นอย่างไร
อาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ที่ตั้งมั่น พูดง่าย ๆ ก็คือ การมีความรู้สึกตัวที่ต่อเนื่องครับ <--- ง่าย ๆ แค่นี้เอง อย่างไม่น่าเชื่อ อาการต่อไปที่สมควรรู้และเข้าใจให้มาก ๆ ก็คือ เมื่ออยู่ในอาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ นั้น ไม่ใช่การรับรู้เพียงสิ่งเดียว แต่จะรับรู้ได้หลาย ๆ สิ่งพร้อม ๆ กันอย่างที่เป็นไปเองของธรรมชาติของระบบประสาท ที่ทำงานอยู่ กล่าวคือ
ตาก็มองเห็นอยู่ หูก็ได้ยินอยู่ จมูกก็ได้กลิ่นอยู่ ลิ้นก็รู้รสได้อยู่ กายก็รู้สัมผัสได้อยู่ จิตใจเป็นอย่างไรก็รู้ได้อยู่
ถ้านักปฏิบัติไปรู้เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่สัมมาสติ สัมมาสมาธิแล้วครับ แต่จะเป็นการเพ่งจ้อง หรือ สมาธิแบบฤาษีไปเสียแล้ว (ผมพลาดมามากกว่า 20 ปีในเรื่องสมาธิว่าคือการรู้เพียงอย่างเดียว อย่าพลาดเหมือนผมเลยครับ เสียเวลาไปเปล่า ๆ )
ดังนั้น ในการฝึกฝนในชีิวิตประจำวัน ง่าย ๆ ก็คือ ให้ทำงานในกิจวัตร ประจำวันต่าง ๆ เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ใส่เสื่อผ้า กวาดบ้าน ล้างผัก หรือ อื่น ๆ พร้อมด้วยความรู้สึกตัว ให้ฝึกอย่างนี้บ่อย ๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา ไปเดินจงกรม หรือ นั่งสมาธิ
สำหรับท่านทีมีเวลาฝึกเดินจงกรม นั่งสมาธิ สำหรับการเดินจงกรม ก็ง่าย ๆ เช่นกันครับ เดินไปตามธรรมชาติแต่เดินด้วยความรู้สึกตัว เวลานั่งสมาธิ ก็ง่าย ๆครับ นั่งท่าไหนก็ได้ที่สบายพร้อมด้วยความรู้สึกตัว
เมื่อรู้สึกตัวอยู่ อะไรที่รับรู้ได้ ถือว่าใช้ได้ทั้งนั้นครับ อย่าไปเจาะจงว่า ฉันต้องการดูลมหายใจนะ(เวลานั่ง) ฉันดูการกระทบที่เท้าเวลาเดินนะ (การเดินจงกรม) นี่ไม่ตรงแล้วครับ
ผมเน้นยำ้ครับว่า เพียงรู้สึกตัว ทำกิจวัตรให้เป็นธรรมชาติ แล้วรับรู้อะไรก็ได้ ที่รับรู้ได้ อย่างไปเจาะจงว่า ต้องรู้อย่างนั้น ต้องรู้อย่างนี้
เมื่อท่านฝึกอย่างนี้ใหม่ ๆ ท่านจะเผลอบ่อย มันจะเป็นอย่างนี้เอง เพราะท่านไม่ชำนาญ ท่านคุ้นเคยกับการเผลอ การคิดโน่นคิดนี่มานาน การเปลียนนิสัย ย่อมต้องใช้เวลา
แต่ถ้าท่านหมั่นฝึกบ่อย ๆ ขอให้ฝึกทุก ๆ วัน ถ้าไม่มีเวลาฝึกติดต่อกันนาน ๆ เป็นชั่วโมง ก็ขอให้ฝึกย่อย ๆ แต่ถี่ ๆ เท่าที่หาเวลาได้ มีเวลา 5 นาที ก็ฝึก 5 นาที มีเวลา 10 นาทีก็ฝึก 10 นาที
เมื่อท่านฝึกบ่อย ๆ ความเคยชินใหม่ก็จะมาปรากฏ คือ การเผลอจะค่อย ๆ ปรับตัวอย่างช้า ๆ (ผมยอมรับว่า ช้าจริง ๆ ) แต่อย่าใจร้อนครับ ให้ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าท่านต้องการรู้เห็นธรรม เมื่อความรู้สึกตัวเริ่มต่อเนื่องมากขึ้น ก็คือ การที่จิตเริ่มมีกำลังมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
การจะรู้ว่า จิตเริ่มมีกำลังมากขึ้นแล้ว ก็คือ ท่านจะเห็น เงาของจิต (จิตปรุงแต่ง)ที่แรง ๆ ได้ก่อน เช่น ความโกรธ นี่จะเห็นได้ก่อนที่สุด พอท่านเห็นเงาของจิต(ได้จริง ๆ ) ท่านจะลดสงสัยในสิ่งทีืผมเขียนใน blog ไปมากทีเดียว ท่านจะเข้าใจ และมันคือหนึ่งในขันธ์ 5 ที่ท่านเริ่มมองเห็นได้แล้ว ขอให้ฝึกต่อไป อย่าเปลียนแปลง ฝึกด้วยความรู้ึสึกตัวบ่อย ๆ กำลังจิต ก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น แล้วท่านจะเห็นอาการเงาของจิตได้บ่อยๆ ขึ้น ได้มากขึ้น ท่านอย่าไปรังเกียจมันครับ >> เงาของจิต เพราะมันคือปัญญาทีจิตจะไ้ด้รับ ปัญญาที่ว่า คือ ขันธ์ 5 มันเป็นไตรลักษณ์ครับ เมื่อท่านเห็นอย่างนี้ได้ ท่านเริ่มเห็นธรรมแล้วครับ
แต่อย่างไร การฝึกด้วยการมีความรู้สึกตัว เป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้ครับ ขอให้หมั่นฝึกไปเื่รือ่ยๆ ฝึกไปจนรู้สึกว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของชิวิตไปแล้ว หมายความว่า ความรู้สึกตัวจะปรากฏอยู่อย่างนั้นบ่อย ๆ นั้นเอง ยิ่งมีความตั้งมั่นแห่งความรู้สึกตัวมากเท่าใด ธรรมอันสิ่งละเอียดมากขึ้นก็จะปรากฏให้ท่านสัมผัสได้ต่อไปเรื่อย ๆ เอง
ผมหวังว่า บทความนี้ จะทำให้ท่านเข้าใจเข้าใจการฝึกฝน สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ได้ดีขึ้น
Create Date : 07 มิถุนายน 2553 |
|
11 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:52:44 น. |
Counter : 1491 Pageviews. |
|
|
|
รู้สึกตัว