รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

อาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ฉบับประสบการณ์ส่วนตัว

เมื่อผมเขียนเรื่อง การดูเงาของจิตภาค2 ทำให้ผมรู้ว่า ยังมีหลาย ๆ ท่าน
ที่ต้องการพ้นทุกข์ด้วยธรรมปฏิบัติยังมองเรื่องของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ที่ยังไม่ตรงนัก ทำให้การฝึกฝนจึงได้ผลที่ช้า
ผมจึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ของผมเพื่อแบ่งปัน
เพราะพระไตรปิฏกก็มีเขียนไว้เรื่องสัมมาสมาธิ
แต่ผมเชื่อว่า หลาย ๆ ท่านเมื่ออ่านแล้วก็ยังมองภาพไม่ออกว่า
เป็นอย่างไร

อาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ที่ตั้งมั่น พูดง่าย ๆ ก็คือ
การมีความรู้สึกตัวที่ต่อเนื่องครับ <--- ง่าย ๆ แค่นี้เอง อย่างไม่น่าเชื่อ
อาการต่อไปที่สมควรรู้และเข้าใจให้มาก ๆ ก็คือ
เมื่ออยู่ในอาการของสัมมาสติ สัมมาสมาธิ นั้น ไม่ใช่การรับรู้เพียงสิ่งเดียว
แต่จะรับรู้ได้หลาย ๆ สิ่งพร้อม ๆ กันอย่างที่เป็นไปเองของธรรมชาติของระบบประสาท
ที่ทำงานอยู่ กล่าวคือ

ตาก็มองเห็นอยู่
หูก็ได้ยินอยู่
จมูกก็ได้กลิ่นอยู่
ลิ้นก็รู้รสได้อยู่
กายก็รู้สัมผัสได้อยู่
จิตใจเป็นอย่างไรก็รู้ได้อยู่

ถ้านักปฏิบัติไปรู้เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่สัมมาสติ สัมมาสมาธิแล้วครับ
แต่จะเป็นการเพ่งจ้อง หรือ สมาธิแบบฤาษีไปเสียแล้ว
(ผมพลาดมามากกว่า 20 ปีในเรื่องสมาธิว่าคือการรู้เพียงอย่างเดียว
อย่าพลาดเหมือนผมเลยครับ เสียเวลาไปเปล่า ๆ )

ดังนั้น ในการฝึกฝนในชีิวิตประจำวัน ง่าย ๆ ก็คือ ให้ทำงานในกิจวัตร
ประจำวันต่าง ๆ เช่น อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ใส่เสื่อผ้า กวาดบ้าน ล้างผัก
หรือ อื่น ๆ พร้อมด้วยความรู้สึกตัว ให้ฝึกอย่างนี้บ่อย ๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา
ไปเดินจงกรม หรือ นั่งสมาธิ

สำหรับท่านทีมีเวลาฝึกเดินจงกรม นั่งสมาธิ
สำหรับการเดินจงกรม ก็ง่าย ๆ เช่นกันครับ เดินไปตามธรรมชาติแต่เดินด้วยความรู้สึกตัว
เวลานั่งสมาธิ ก็ง่าย ๆครับ นั่งท่าไหนก็ได้ที่สบายพร้อมด้วยความรู้สึกตัว

เมื่อรู้สึกตัวอยู่ อะไรที่รับรู้ได้ ถือว่าใช้ได้ทั้งนั้นครับ
อย่าไปเจาะจงว่า ฉันต้องการดูลมหายใจนะ(เวลานั่ง)
ฉันดูการกระทบที่เท้าเวลาเดินนะ (การเดินจงกรม)
นี่ไม่ตรงแล้วครับ

ผมเน้นยำ้ครับว่า เพียงรู้สึกตัว ทำกิจวัตรให้เป็นธรรมชาติ แล้วรับรู้อะไรก็ได้
ที่รับรู้ได้ อย่างไปเจาะจงว่า ต้องรู้อย่างนั้น ต้องรู้อย่างนี้

เมื่อท่านฝึกอย่างนี้ใหม่ ๆ ท่านจะเผลอบ่อย มันจะเป็นอย่างนี้เอง
เพราะท่านไม่ชำนาญ ท่านคุ้นเคยกับการเผลอ การคิดโน่นคิดนี่มานาน
การเปลียนนิสัย ย่อมต้องใช้เวลา

แต่ถ้าท่านหมั่นฝึกบ่อย ๆ ขอให้ฝึกทุก ๆ วัน
ถ้าไม่มีเวลาฝึกติดต่อกันนาน ๆ เป็นชั่วโมง
ก็ขอให้ฝึกย่อย ๆ แต่ถี่ ๆ เท่าที่หาเวลาได้
มีเวลา 5 นาที ก็ฝึก 5 นาที มีเวลา 10 นาทีก็ฝึก 10 นาที

เมื่อท่านฝึกบ่อย ๆ ความเคยชินใหม่ก็จะมาปรากฏ คือ
การเผลอจะค่อย ๆ ปรับตัวอย่างช้า ๆ (ผมยอมรับว่า ช้าจริง ๆ )
แต่อย่าใจร้อนครับ ให้ฝึกต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าท่านต้องการรู้เห็นธรรม
เมื่อความรู้สึกตัวเริ่มต่อเนื่องมากขึ้น ก็คือ การที่จิตเริ่มมีกำลังมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

การจะรู้ว่า จิตเริ่มมีกำลังมากขึ้นแล้ว ก็คือ ท่านจะเห็น
เงาของจิต (จิตปรุงแต่ง)ที่แรง ๆ ได้ก่อน
เช่น ความโกรธ นี่จะเห็นได้ก่อนที่สุด
พอท่านเห็นเงาของจิต(ได้จริง ๆ ) ท่านจะลดสงสัยในสิ่งทีืผมเขียนใน blog
ไปมากทีเดียว ท่านจะเข้าใจ และมันคือหนึ่งในขันธ์ 5 ที่ท่านเริ่มมองเห็นได้แล้ว
ขอให้ฝึกต่อไป อย่าเปลียนแปลง ฝึกด้วยความรู้ึสึกตัวบ่อย ๆ
กำลังจิต ก็ยิ่งมีกำลังมากขึ้น แล้วท่านจะเห็นอาการเงาของจิตได้บ่อยๆ ขึ้น ได้มากขึ้น
ท่านอย่าไปรังเกียจมันครับ >> เงาของจิต เพราะมันคือปัญญาทีจิตจะไ้ด้รับ
ปัญญาที่ว่า คือ ขันธ์ 5 มันเป็นไตรลักษณ์ครับ
เมื่อท่านเห็นอย่างนี้ได้ ท่านเริ่มเห็นธรรมแล้วครับ

แต่อย่างไร การฝึกด้วยการมีความรู้สึกตัว เป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้ครับ
ขอให้หมั่นฝึกไปเื่รือ่ยๆ ฝึกไปจนรู้สึกว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของชิวิตไปแล้ว
หมายความว่า ความรู้สึกตัวจะปรากฏอยู่อย่างนั้นบ่อย ๆ นั้นเอง
ยิ่งมีความตั้งมั่นแห่งความรู้สึกตัวมากเท่าใด
ธรรมอันสิ่งละเอียดมากขึ้นก็จะปรากฏให้ท่านสัมผัสได้ต่อไปเรื่อย ๆ เอง

ผมหวังว่า บทความนี้ จะทำให้ท่านเข้าใจเข้าใจการฝึกฝน
สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ได้ดีขึ้น




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2553
11 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:52:44 น.
Counter : 1491 Pageviews.

 

:) ครับ
รู้สึกตัว

 

โดย: JitZungkabuai IP: 183.89.127.230 7 มิถุนายน 2553 19:14:55 น.  

 

เรียนถามอาจารย์ครับ

สมมติว่าเดินไปปากซอยประมาณ 100 เมตร ผมรู้สึกตัวว่ากำลังเดินอยู่ ผมต้องประคองความรู้สึกตัวตลอด หรือว่า รู้สึกตัวแล้วพยายามทำให้เผลอ แล้วรู้สึกตัวใหม่ครับ

ขอบคุณครับ

 

โดย: pisith IP: 125.25.30.220 7 มิถุนายน 2553 21:08:53 น.  

 

ให้ประคองไว้ครับ แต่ให้ประคองเบา ๆ
หมายความว่า ให้เป็นธรรมชาติให้มากที่สุด
ในสายวัดป่า เขาจะใช้คำบริกรรม เป็นตัวประคองครับ
พอเริมเดิน ก็บริกรรมทันที อย่างนี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน
แต่ถ้าไม่ชอบคำบริกรรม จะใช้วิธีกำมือเข้า แบบมือออกระหว่างเดินไปก็ได้ ให้กำมือ แบบมือ อย่างนี้
ไปเรื่อย ๆ ในขณะเดิน

ปรกติ คนฝึกใหม่ ๆ พอเริ่มต้น จะรู้สึกตัวได้
แต่พอเดินพักเดียว ใจเขาก็จะคิดโน่นคิดนี่ทันที
แล้วก็จะลืม อย่างนี้ไม่เป็นไร
พอลืม ถ้านึกได้ว่าลืม ก็ให้เริ่มใหม่ได้ทุกครั้งไป
แต่อย่าแกล้งทำให้ลืมเอง เช่น พอเดิน
ก็ตั้งใจที่จะคิดโน่นคิดนี่ อย่างนี้ไม่ดีครับ
เพราะจะลืมแน่แน่

ผมเพิ่มเติมเทคนิคคำบริกรรมไว้หน่อย
อันนี้จากประสบการณ์ที่ผมชอบทดลองหาอะไรเล่นอยู่เรื่อย
เวลาบริกรรมด้วยความรู้สึกตัวนี้ ผมมักจะใช้บริกรรมแบบสบาย ๆ เรื่อย ๆ ไม่เร่งร้อน
แต่ในสายวัดป่า เขาจะสอนบริกรรมอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไรเลย ผมเคยลองแบบสายวัดป่า มันไม่ถูกจริตกับการฝึกที่ถึงพร้อมด้วยความรู้สึกตัว

อย่างคำบริกรรม ให้ใช้คำท่ถูกจริต
ผมเคยลองใช้พุทโธ ไม่ถูกจริตผม
ผมลองดูหลายคำ ในที่สุด ผมไปลงกับคำว่า
ผ่อนคลาย เพื่อเป็นการเตือนตนเองว่า ให้ปฏิบัติด้วยความผ่อนคลาย เพราะถ้าปฏิบัติแล้วเครียด ผลลัพธ์จะไม่ดีครับ


 

โดย: นมสิการ 7 มิถุนายน 2553 22:43:15 น.  

 

โอ๊ะ..โอ..ใช่ค่ะ..คำว่าผ่อนคลายเค้าจะคลายอาการการเกร็งทันทีเลยค่ะ..กล้ามเนื้อทุกส่วนจะปล่อยตัวเองทันทีเลยค่ะ ทดลองใช้ทุกครั้งที่รู้สึกตัวค่ะ...และจะไปรู้ถึงความสงบภายในใจขณะที่เรากำลังเคลื่อนไหวด้วยค่ะ..(ไม่ทราบถูกหรือเปล่า) เพิ่งเริ่มฝึกไม่กี่วันค่ะ สาธุค่ะ....

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 112.142.95.177 8 มิถุนายน 2553 9:18:57 น.  

 

นั่้นแหละครับ คุณตั้งใข่ มันจะเป็นแบบนั้นครับ
ขอให้ฝึกเป็นนิสัยครับ รู้สึกแบบนั้นบ่อย ๆ จะดีสำหรับร่างกาย
และจิตใจ และยังได้ฝึกสติปัฏฐานไปในตัวด้วย
เรียกว่า 3 in 1 ได้เลย



*****
ขั้นจังหวะนิดหน่อย
*****
พอคุณอ่าน 3 in 1 คุณอาจนึกไปถึงเครื่องดืมสำเร็จรูปบางยี่ห้อทันที
ทันใด ผมจะชี้ให้เห็นครับว่า การทำงานของขันธ์ 5 มันเร็วอย่างนี้
เอง แต่ถ้าได้ฝึกฝนสัมมาสติมาค่อนบ้างดี จะเห็นความคิดมันโผล่แว๊บ
ขึ้นมาทันทีเช่นกัน การฝึกฝนเพื่อการใช้จริงมันเป็นอย่างนี้เองครับ
ถึงแม้โผล่แว๊บ ถ้าเรารู้ ไม่เผลอ มันก็คือปัญญาของจิต
แต่ถ้าโผล่แว๊บ แล้วเผลอ นี่แสดงว่า ต้องฝึกเพิ่มมากขึ้นครับ

 

โดย: นมสิการ 8 มิถุนายน 2553 11:13:57 น.  

 

เข้าใจแล้วครับว่าต้องทำอย่างไร ผมก็สับสนมาตลอดว่าที่ทำมาถูกหรือไม่ ผมใช้รู้สึกตัวว่าเดิน รู้สึกตั้งแต่เท้ากระทบพื้น น่องขาสั่น เอว หน้าอก จนถึงหัวที่สั่นๆ แต่ว่าอาจจะมีบ้างที่เกร็งๆ ครับ ผมจะนำคำบริกรรมของอาจารย์ไปใช้ครับ

ขอบคุณครับ

 

โดย: pisith IP: 125.25.53.71 8 มิถุนายน 2553 20:54:20 น.  

 

ใช่ครับ ต้องสบาย ๆ อย่าเกร็ง แล้วจะเป็นธรรมชาติมาก
อย่าลืมนะครับ ให้เพียงรู้สึกตัวที่สบาย ๆ ไม่ต้องอยากรู้อะไร
ขอให้เป็นธรรมชาติแล้ว แล้วจิตเขาจะรู้ของเขาเอง รู้เท่าที่รู้ได้ก็พอ
อย่าไปตั้งรู้ว่า จะต้องรู้อย่างนั้น รู้อย่างนี้
ใหม่ ๆ อาจรู้ได้น้อยสักหน่อย
แต่ฝึกไปเรื่อย ๆ จะรู้ได้มากขึ้นเรื่อย ๆเองครับ

 

โดย: นมสิการ 9 มิถุนายน 2553 6:32:31 น.  

 

ขอบคุณที่แนะนำค่ะ..พอดีคุณนมสิการพูดถึงเรื่องความคิดซึ่งกำลังเป็นอยู่พอดีค่ะ..คือตอนนี้มีความคิดเกิดขึ้นเยอะมาก (ไม่ทราบว่าเค้ามีเยอะอยู่แล้วหรือคิดเยอะขึ้น) เค้าพูดอยู่ในหัวตลอดเวลาเลยค่ะ ตอนนี้ความคิดกับความรู้สึกตัวกำลังชักคะเย่อกันตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ แม้กระทั้งลืมตาตื่นขึ้นมาเค้าก็ชักคะเย่อกันเลยค่ะ บางครั้งใจเราสงบเราจะเห็นเหมือนฝุ่นหรือหมอกหรืออะไรไม่ทราบค่ะ มันกำลังก่อตัวเป็นความคิด ถ้าเราทำความรู้สึกตัวให้ชัดมันจะหายไปถ้าเราปล่อยไว้มันเป็นความคิดทันทีเลยค่ะ (ไม่ทราบว่าทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่าค่ะ..รบกวนแนะนำด้วยค่ะ) ขอบพระคุณค่ะ

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 112.142.95.177 9 มิถุนายน 2553 8:44:15 น.  

 

อีกนิดค่ะ...ที่ว่าเป็นฝุ่นหรือหมอก คือว่ามันยุบยิบๆ อยู่ในหัวน่ะค่ะ...

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 112.142.95.177 9 มิถุนายน 2553 8:49:33 น.  

 

ที่คุณตั้งใข่กล่าวถึง ผมเข้าใจครับ เพราะผมก็เคยเห็น
มันยิบ ๆ ระยับอยู่ นั่นคือ จิตสังขารครับ
คุณเห็นได้นี่ แสดงว่า คุณมีกำลังสัมมาสติดีพอสมควรครับ
อันเป็นสิ่งที่น่ายินดีด้วยครับ

ไม่มีอะไรผิดครับ ถ้ามันมีมาให้เห็น ก็ปล่อยมัน เดียวมันก็หาย
เดียวมันก็มา มันจะสลับไปมาอย่างนี้ระยะหนึ่ง
อย่าไปบังคับให้มันหาย หรือ บังคับใ้ห้มันมา
มันทำอะไรเราไม่ได้ ก็พอแล้ว

แต่ถ้าคุณฝึกเรื่องสัมมาสติต่อไป ความรู้สึกตัวต่อเนื่องมากขึ้นอีก
กำลังสัมมาสติแรงขึ้นอีก อาการนี้จะหายไปเองครับ

ยินดีด้วยครับ ที่กำลังจิตดี

 

โดย: นมสิการ 9 มิถุนายน 2553 11:17:29 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 16:52:58 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.