รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
22 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

การฝึกในรูปแบบ คือ จงใจกระทำอย่างนั้นหรือ

มีคำถามทีน่าสนใจในแวดวงการปฏบัติ ผมเห็นว่า คำถามนี้ดี
มีประโยชน์ต่อนักปฏิบัติ ผมจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ดังนี้..

การฝึกฝนในรูปแบบ คือ การจงใจกระทำใช่หรือไม่ และมีผลอย่างไร
เพราะการจงใจกระทำ ก็คือ อัตตาตัวตน แต่ในการปฏิบัติ เราต้องการทำลาย
อัตตาตัวตนลงไป แล้วอย่างนี้ การฝึกฝนในรูปแบบ ก็ไปค้านกับความ
ต้องการทำลายอัตตาตัวตนซิ

มาดูความเห็นของผมครับ
ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัว ผิดถูกอย่างไร ฝากไว้ให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเองด้วยปัญญา
********************
ผมท่องเที่ยวในแวดวงกรรมฐานมานานนับ 20 ปีขึ้นไป
คำถามนี้ ผมได้เคยได้ยินมาจากหลายอาจารย์ที่ท่านสอนกรรมฐาน
เมื่อผมยังไม่ประสาการปฏิบัติ ผมก็เกิดข้อสงสัยเป็นอันมาก
เพราะมันเป็นเหตุเป็นผลดีเช่นกัน ค้านไม่ได้เลย
แล้วจะให้เชื่อใครกัน ในเมื่อ อาจารย์ที่สอนปฏิบัติก็มักจะพูดว่า
ให้ทำฝึกฝนให้มาก ๆ นี่มันขัดกันชัด ๆ เลย

ผมมีเขียนบทความใน blog นี้ไว้แล้วเรื่อง
เมื่อจงใจ กระทำสิ่งใด ความเป็นตัวตนก็จะเกิดขึ้นทันที
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2010&date=27&group=8&gblog=20

กล่าวโดยสรุป เป็นความจริงที่ว่า ถ้าเราจงใจกระทำสิ่งใด นั้นคือการสร้างอัตตาตัวตนขึ้นมา
ท่านอาจารย์ที่กล่าวไว้ข้างต้น ท่านกล่้าวไม่ผิดครับ

ทีนี้ ในฐานะที่เราต้องการเจริญสติปัฏฐาน 4 เราจะทำอย่างไรดีละ

เรื่องนี้ ท่านต้องชั่้งใจ บวกลบคูณหาร หาทางหนีทีไล่กันก่อนครับ

ถ้าท่านไม่ตั้งใจฝึกฝนการปฏิบัติ จิตท่านจะไม่มีกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ
เมื่อไม่มีกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ท่านก็ไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้ครับ
นี่ก็เรื่องจริงอีกเช่นกัน

แต่ถ้าท่านใช้อุบายวิธีการปฏิบัติว่า ......
ในเมื่อจิตท่านยังไม่มีกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ท่านสมควรลงมือฝึกฝนในรูปแบบก่อน เพื่อให้จิตมีกำลังตั้งมั่นให้ได้ก่อน โดยไม่ต้องไปสนใจ
ในเรื่องอัตตาตัวตนในระยะแรกนี้เริ่มนี้ ต่อเมื่อ จิตมีกำลังตั้งมั่นแล้ว
จึงมาสนใจการการทำลายอัตตาตัวตนนี้ในภายหลัง

ซึ่งเป็นอุบายทีสามารถกระทำให้เป็นจริงได้ และจะสอดคล้องกับการสอนทั้ง 2 อย่าง

มาดูประสบการณ์จริงทีเกิดขึ้นที่ตัวผม ผมจะเล่าให้ฟัง

ในชีิวิตจริงของคนทุก ๆคน ไม่มีใครที่สามารถจงใจกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ตลอดเวลา
ครับ นี่คือความจริง เช่น ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัีติ ท่านไม่สามารถฝึกฝนในรูปแบบได้ตลอดเวลา
ในยามที่ท่านตื่นอยู่ ท่านจะมีชิีวิตส่วนตัวที่ท่านไม่ไ้ด้ฝึกฝนในรูปแบบเสมอๆ ในวันหนึ่ง ๆ
เช่น ท่านต้องอาบน้ำ ต้องกินอาหาร ต้องใส่เสื้อผ้า ต้องซักผ้า ต้องทำโน่น ทำนี่ในชีิวิตประจำวัน
ซึ่งท่านไม่สามารถฝึกฝนในรูปแบบได้ครับ

แต่ถ้าท่านฝึกฝนในรูปแบบอยู่ ซึ่งในขณะฝึกนั้นจะสร้่างอัตตาตัวตนขึ้น ก็จริงอยู่
แต่การมีัสัมมาสติที่ได้จากการฝึกฝนในรูปแบบ จะสืบเนื่องมายังในจังหวะที่
ท่านมีชีิวิตประจำวันที่ไม่ได้ฝึกฝนในรูปแบบอยู่ จริงใหมครับ
ซึ่งในจังหวะที่อยู่ในชีิวิตประจำวันนี้แหละครับ คือสิ่งประเสริฐ
ที่กำลังสัมมาสติที่ได้มาจากการฝึกฝนในรูปแบบ
จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับในสภาวะที่ไม่ได้จงใจกระทำอันเป็นอัตตาตัวตน
แล้วเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงของขันธ์ 5 ได้

ผมเคยเขียนบอกไว้ที่ไหนใน blog ของผม ผมจำไม่ได้ครับว่า
การเกิดปัญญารู้แจ้งที่เกิดขึ้นที่ผม ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในขณะที่ผมกำลังฝึกฝนในรูปแบบอยู่
แต่จะเกิดขึ้นในเวลาที่ผมกำลังทำโน่น ทำนี่ในชิวิตประจำวันนี่เองครับ

และเมื่อผมฝึกไปเรื่อย ๆ ผมพบอีกว่า พอจิตมันเกิดตื่น สว่าง เบิกบาน
และเข้าใจสภาวะแห่งการตื่นแล้ว มันจะมีการปฏิวัติอีกแบบหนึ่งขึ้นกล่าวคือ
ไม่ว่าฝึกฝนในรูปแบบ หรือ ไม่ึฝึกฝนในรูปแบบ สภาวะมันจะเหมือนกัน
ไม่ต่างกันเลย ซึ่งผมคาดว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากปัญญาที่มากขึ้นนั้นเอง

กล่าวโดยสรุปสำหรับการปฏิบัติ

การฝึกฝนในรูปแบบ ให้ฝึกไปก่อน เพื่อสร้างกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้ตั้งมั่น
อย่าเพิ่งไปสนใจการทำลายอัตตาตัวตนในระยะแรกเริ่มนี้
แต่เมื่อฝึกฝนในรูปแบบ จนจิตมีกำลังแล้ว มันจะทำงานให้ท่านเองในยามที่ท่านอยู่
ในกิจกรรมชีิวิตประจำวัน แล้วปัญญาจะเกิดได้ในเวลานั้นเอง
เมื่อได้ฝึกไปมาก ๆ เข้า ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกว่า ไม่ว่าจะฝึกฝนรูปแบบ
หรือไม่รูปแบบ ผลมันจะเหมือนกัน

ท่านคงพอมองเรื่องนี้และแนวทางการปฏิบัติได้นะครับ

****
เรื่องท้ายบท
จากที่ผมได้อ่านคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ที่ว่า พบผู้รู้ให้ทำลายผู้รู้

ผมพบว่า จิตรู้ ที่มีสภาวะแห่งการเป็นดวงอยู่ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ หลังจาก
ที่จิตรู้มีกำลังและสามารถแยกตัวออกจากขันธ์ 5 ได้แล้วที่เกิดในระยะแรก ๆ
จิตรู้ นี่เอง คือ ความรู้สึกการเป็นตัวตนของคน

ต่อเมื่อได้ฝึกฝนต่อไป จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นอีก
จะพบว่า จิตรู้ ที่เป็นดวง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น คือ จิตรู้ ที่เป็นดวง
จะสลายไป กลายเป็น จิตรู้ ที่ไม่เป็นดวงอีก แต่เป็นจิตรู้ ที่มีสภาพของความว่างแทน
และเมื่อไร ที่จิตรู้ได้แปลสภาพเป็นความว่างแล้ว ความรู้สึกว่า การมีอัตตาตัวตน
จะลดลงไปเรื่อยๆ จนหดหายไปเอง
อ่านเรื่อง จิตรู้ 2 แบบ ที่
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=05&group=1&gblog=26









 

Create Date : 22 มิถุนายน 2553
10 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:09:30 น.
Counter : 953 Pageviews.

 

ขอบคุณมากครับ

ขออนุโมทนาด้วยครับผม

 

โดย: kittscake 22 มิถุนายน 2553 8:46:55 น.  

 

ตัวตนไม่ได้เกิดขึ้นตลอด..หากแต่เกิดเป็นคราวๆ..

ขณะกินข้าว..
ขณะเข้าห้องน้ำ..
ขณะปฏิบัติธรรม..
ถ้ามีสติ..จะไม่มีตัวตนเกิด..เป็นแต่เพียงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นสืบต่อกัน

..แต่ถ้า
ขณะกินข้าว..
ขณะเข้าห้องน้ำ..
ขณะปฏิบัติธรรม..
หลงลืมสติ..เมื่อนั้นจะเกิดตัวตนขึ้นทำกิจนั้นๆ..

รูปแบบใดๆ..ไม่เกี่ยวกับการเกิดตัวตน..
การเกิดตัวตนเกิดจาการหลงลืมสติ..หลงลืมว่านั้นคือ..ธรรม ที่เกิดจากเหตุปัจจัย...ไม่มีใครทำให้เกิดได้

 

โดย: palmgang IP: 119.42.72.121 22 มิถุนายน 2553 9:41:25 น.  

 

สาธุ...ค่ะ

 

โดย: ตั้งไข่ IP: 180.183.21.13 22 มิถุนายน 2553 10:09:54 น.  

 

สาธุค่ะ
จากบทความข้างต้น ดิฉันคิดเปรียบเทียบว่า เหมือนกับเวลาที่เราจะหัดว่ายน้ำ ตอนต้นก็ต้องใส่ห่วงยางไปก่อน แต่เมื่อว่ายเป็น ว่ายได้แข็งแล้ว ห่วงยางก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
ผิดถูกประการใดก็ขออภัยนะคะ

 

โดย: good thinking 22 มิถุนายน 2553 10:39:37 น.  

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 22 มิถุนายน 2553 11:47:53 น.  

 

สาธุค่ะ

 

โดย: kaoim IP: 183.89.90.208 22 มิถุนายน 2553 11:58:56 น.  

 

สาธุ คุณ palmgang และ คุณ good thinking

ใช่ครับ ถ้ายังไม่แข็งแรง ก็ต้องมีเครื่องช่วยก่อน
อย่างห่วงยางตอนว่ายน้ำ
อย่างค้ำยันตอนสร้างตึก
อย่างไม้เท้าตอนขาหัก
แต่ถ้าแข็งแรงแล้ว สิ่งเหล่าีนี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

 

โดย: นมสิการ 22 มิถุนายน 2553 12:40:58 น.  

 

ขอแชร์บ้างนะครับ..

ผมคิดว่าการฝึกในรูปแบบเหมือนเป็นการสร้างแบบจำลอง
ในการใช้ชีวิตประจำวัน

หมายถึง ฝึกฝนให้จิตใจคุ้นเคยกับการมีสติในทุกอิริยาบท
และฝึกให้ใจยอมรับทุกสภาวะที่ผ่านเข้ามาในจิต อย่างอ่อนโยน
และเป็นมิตร..ซึ่งการวางจิตวางใจกับการภาวนาในรูปแบบ
ก็เหมือนเป็นการฝึกให้ใจเคยชินกับความเป็นกลางนั่นเอง

ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการปรับแต่งจิต..และสร้างภพในขณะเดียวกัน
อาจเรียกได้ว่าทำไปด้วยตัวตนก็ไม่ผิด

แต่แท้จริงก็เพื่อให้จิตมีกำลังตั้งมั่นพอที่จะเห็นความจริงว่า
ตัวตนนั้นไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริงมานานแล้ว

ซึ่งเมื่อจิตเห็นความจริงระดับหนึ่ง ก็ย่อมแทงทะลุทำลาย
ทิฏฐิเดิมๆที่เคยผิดอยู่ลงได้..และข้ามพ้นไปสู่ความเป็นอริยบุคคล

.....

ขอแชร์ตามความเข้าใจของผมเท่านี้ก่อนนะครับ

 

โดย: กุมารน้อย IP: 210.246.192.48 22 มิถุนายน 2553 13:36:38 น.  

 

ขอบคุณคุณกุมารน้อย ที่เ้ข้ามาแบ่งปันความรู้ครับ

 

โดย: นมสิการ 22 มิถุนายน 2553 16:26:10 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 16:40:35 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.