กรอกน้ำเข้าขวด ถ้ากรอกตรงปากขวด ไม่เฉออก น้ำย่อมเต็มขวดได้เร็ว
บทนี้ ผมไม่ได้มาสอนให้ท่านกรอกน้ำเข้าขวดครับ แต่ผมกำลังอุปมาให้ท่านฟัง ว่าึ ความรวดเร็วในการได้ผลแห่งการปฏิบัิติธรรมนั้น มันมีหลักการอยู่ เพียงแต่ว่า เมื่อท่านรู้หลักการแล้ว ท่านสามารถแปลงเป็นวิธีปฏิบัติได้ตรงหรือไม่ก็เท่านั้น
ในการหลักการปฏิบัติธรรมนั้น จะมี 2 สาย คือ >>> สายที่ 1 สมถยานิก สายนี้จะใช้ สติ นำ สัมปชัญญะ ทำฌานให้เกิดก่อน แล้วถอยออกจากฌาน ให้มีความรู้สึกตัว (สัมปชัญญะ ) แล้วจึงเจริญวิปัสสนาต่อไป
>>> สายที่ 2 วิปัสสนายานิก สายนี้จะใช้ สัมปชัญญะ นำ สติ การฝึกฝนไม่่เน้น ฌาน เน้นความรู้สึกตัวเป็นหลัก แล้วให้สติธรรมชาติ หรือ สัมมาสติ ไปรับรู้อารมณ์ที่เป็นผัสสะผ่านทางอายตนะทั้ง 6 ซึ่งใน blog ของผมนี้ เน้นการฝึกฝนในรูปแบบนี้ เพราะว่า สมถยานิก การฝึกต้องเข้มข้น ไม่เหมาะแก่ฆราวาสผู้ทำงานหาเลี้ยงชีพ ผมจึงไม่แนะนำใน blog แต่ถ้าท่านใดจะลอง ก็แล้วแต่ท่าน
ทั้ง 2 สาย เมื่อฝึกฝนได้ที่ จะมาพบกันที่จุด ๆ หนึ่ง ก็คือ สัมมาสติ และ สัมปชัญญะ มีความสมดุลย์กัน ไม่มี สตินำสัมปชัญญะ หรือ สัมปชัญญะนำสติ จุดนี้จะเหมือนกับว่า คือ จุดที่กรอกน้ำตรงปากขวดพอดี และทุกอย่างต้องเป็นธรรมชาติ ครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมา ผมพบว่า มันเป็นการยากมาก ๆ ที่จะพยายามฝึกฝน การเจริญสัมมาสติในรููปแบบ แล้วมีความรู้สึกตัวที่เป็นธรรมชาติ ผมฝึกอย่างไร มันก็ไม่เป็นธรรมชาติสักที
ความรู้สึุกตัวที่เป็นธรรมชาตินั้น จะรู้ได้ในขณะที่เรากำลังทำกิจกรรมในชีิวิตประจำวัน เช่น ขณะอาบน้ำ ขณะรดน้ำต้นไม้ ขณะซักผ้า และ อื่น ๆอีกมากในงานบ้าน เมื่อท่านทำกิจกรรมในชีิวิตประจำวันและรู้สึกตัวด้วย ขอให้ท่านสังเกตสภาวะของตนเอง ครับว่า ความเป็นธรรมชาติ มันมีหน้าตาเป็นอย่างไร เมื่อท่านรู้แล้ว ก็นำมาใช้ในการฝึกฝนที่เ็ป็นรูปแบบต่อไป ถ้าท่านฝึกฝนในรูปแบบแล้ว มันไม่เหมือนสภาวะอย่างตอนในธรรมชาติ ท่านก็อย่าท้อแท้ครับ เพราะผมลองมาแล้ว มันยากจริง ๆ ครับ ฝึกอย่างไรก็ไม่เหมือนสักที
เมื่อผมพบกับสภาวะแห่งการตื่นรู้ จิตสดใส ผมพบว่า นี่คือจุดความสมดุลย์แห่ง สัมมาสติ และ สัมปชัญญะ และ นี่คือธรรมชาติของผมเอง เมื่อมันเป็นธรรมชาติ ความเหมือนกันของสภาวะก็ปรากฏให้สัมผัสได้เองในขณะฝึกฝนในรูปแบบ และการทำกิจกรรมในชีิวิตประจำวัน และนี่คือสภาวะแห่งการกรอกน้ำตรงปากรูขวด น้ำไม่รั่วไปไหน และเต็มขวดได้เร็ว
ท่านอ่านแล้ว ท่านลองหาจุดสมดุลย์ของท่านเองให้พบในธรรมชาติของท่านเอง แล้วฝึกฝนการเจริญสัมมาสติมาก ๆ ในจุดสมดุลย์นี้ ท่านจะไปได้เร็วกว่าคนที่ไม่รู้จักความสมดุลย์ครับ
ผมให้หลักการและแนวทางไว้ ท่านต้องหาจุดของท่านเอง ผมช่วยท่านไ้ด้แค่นี้เอง ถ้าผมไม่บอกท่าน ท่านก็คงพบอยู่ดี เมื่อจิตท่านเกิดตื่นรู้ สว่างขึ้น แต่ถ้าท่านหารูปากขวดเจอ จิตท่านก็จะตื่นได้เร็วขึ้นกว่าคนอื่น
การสร้างเหตุนั้น สัมมาสติ+สัมปชัญญะ ที่ตั้งมั่น ผล คือ จิตตื่นรู้ เบิกบาน
เหตุคือ จิตตื่นรู้ เบิกบาน ผลคือ การรู้เห็นสภาวะธรรมตามความเป็นจริง
เหตุคือ การรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง ผลคือ การรู้แจ้งในธรรม เกิดการปล่อยวางขันธ์ 5 ทุกข์ดับลงได้ ด้วยเหตุและผลอย่างนี้ครับ
**** เรื่องท้ายบท ผมมักจะแนะนำคนที่ติดต่อมาที่ผม ให้ฝึกในชีวิตประจำวันด้วย ข้อดีของการฝึกฝนในชีิวิตประำจำวัน คือ ความเป็นธรรมชาติจริง ๆ ของสภาวะของตัวท่านเอง แต่ข้อเสียก็คือ มือใหม่มักจะลืมตัวได้ง่าย เมื่อทำกิจกรรมในชีิวิตประำจำวัน
การฝึกฝนในรูปแบบ ข้อดี คือ ท่านจะรู้สึกตัวได้ดีกว่า ไม่เผลอมากเหมือนในชีิวิตประจำวัน แต่ข้อเสีย ก็คือ ความที่ไม่สมดุลย์ในตัวท่านเอง คือ ไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้าท่านมักลืม เผลอตัวบ่อย ๆ ก็ขอให้ฝึกในรูปแบบให้มากขึ้น ถึงไม่เป็นธรรมชาติ ก็ฝึกไปเรื่อย ๆ เดียวความเคยชินจะมามากขึ้น ความเผลอจะลดลงไป เมื่อความเผลอลดลงไปบ้างแล้ว ก็ขอให้ฝึกฝนในชีิวิตประจำวันด้วย ซึ่งจะเป็นธรรมชาติมากกว่า
แ่้ล้วธรรมชาติมันจะปรับตัวของมันเอง ทีละนิด ทีละหน่อย ในที่สุด มันก็จะสมดุลย์ได้เอง เพียงแต่ใช้เวลาในการฝึกด้วย อย่าใจร้อน อยากได้โน่นนี่เด็ดขาด
Create Date : 18 มิถุนายน 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:09:55 น. |
Counter : 1020 Pageviews. |
|
|
|
เก้ายอมรับว่า ยังกรอกไม่สม่ำเสมอสักเท่าไหร่ กระฉอกบ้าง ลงบ้าง ไม่ลงบ้าง แหะ แหะ
วันก่อน นั่งรอรถเมล์ที่ป้ายฝั่งตรงข้ามวัดเสมียนนารี ถนนวิภาวดีตอนกลับบ้านค่ะ ได้เห็นการรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นได้แบบที่ไม่มีการเพ่งเลย เปรียบเหมือนกับที่เก้ามองไปตรงหน้า ชัดโล่งตั้งแต่คนที่เดินผ่านตรงหน้า ถัดไปเป็นรถเมล์วิ่งช้าๆ จะเข้าจอด รถเลนถัดไปวิ่งเร็วขึ้น รถที่อยู่ด้านในช่องทางด่วน รถที่วิ่งสวนในช่องทางด่วน รถที่วิ่งช้าๆ ในช่องด้านนอกทางด่วน และเลนที่รถเมล์จอดฝั่งตรงข้าม มันเคลียร์ เพราะไม่ได้จ้องอยู่ที่ใดที่นึง เสียงทุกอย่าง ลมที่กระทบผิวกาย ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมมันคงเป็นแบบนี้เอง