รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
11 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
สภาวะปรมัตถ์ ซ่อนอยู่ใน สภาวะสมมุติ

ผมจะเขียนเรื่องพื้น ๆ ที่นักปฏิบัติธรรมอาจมองข้ามไป

เมื่อเรากำลังอยู่ในสภาวะแห่งความรู้สึกตัวอยู่ จะเห็นว่า
ในสภาวะเช่นนี้

ตา ก็จะมองเห็น ภาพ ได้อยู่
หู ก็จะได้ยิน เสียง ได้อยู่
จมูก ก็จะได้ กลิ่น ได้อยู่
ลิ้น ก็จะได้ รส ได้อยู่
กาย ก็จะรู้ อาการทางกาย ได้อยู่
ใจ ก็จะรู้ อาการทางใจ ได้อยู่

ถ้าผมเขียนแค่นี้ ท่านที่เข้ามาอ่าน ก็จะเข้าใจได้อยู่
แต่ผมกำลังจะชี้ลงไปอีกนิดว่า สิ่งที่ท่านเข้าใจนั้น
อาจเข้าใจได้เพียงครึ่งเดียว
เพราะ สภาวะจริงที่เกิดนั้น มันเกิดซ้อน กันอยู่อย่างแนบเนียน
จนมองไม่ออก

ผมขอยกตัวอย่างให้ท่านดู เพื่อการเข้าใจ
เมื่อท่านเห็น .นกพิราบ.
1...สภาวะแรกที่เกิดขึ้น คือ การรับรู้ที่ผ่านทางประสาทตา (ภาษาพระเรียกว่า
เกิดผัสสะทางตาขึ้นแล้ว ) **คนส่วนมากจะมองการรับรู้ผัสสะแบบนี้ไม่ออก**

2...เมื่อเกิดการรับรู้ที่ผ่านทางประสาทตาแล้ว จะมีการแปลภาษาการรับรู้ต่อไปอีก
ว่า สิ่งที่เห็นคือ นกพิราบ **คนส่วนมากจะรับรู้ในขั้นแปลภาษานี้ได้ดี ***

นี่คือความต่างของคนที่ปฏิบัติธรรมและไม่ได้ปฏิบัติธรรมครับ คือ
คนทั่้ว ๆ ไปจะรับรู้แต่ข้อ 2 แต่เขาไม่รู้ในข้อ 1
แต่นักปฏิบัติ เขาจะรับรู้ทั้งข้อ 1 และ ข้อ 2

ขอให้ท่านใจเย็น ๆ ผมกำลังจะชี้อะไรให้ท่านดูครับ
ขอให้ท่านอ่านต่อไปนี้สักหลาย ๆ เที่ยวถ้าไม่เข้าใจ

การรับรู้ในข้อ 1 นั้นเป็นการรับรู้ในสภาวะที่เกิดจริงหรือภาษาพระเรียกกันว่า รู้่ปรมัตถ์
อันนี้ เกิดจริง ๆ ทีมันมีอยู่ตลอดเวลา แต่คนไม่สังเกตกันเอง

การรับรู้ในข้อ 2 นั้นเ็ป็นการรับรู้ในสภาวะที่เป็นการแปลการรับรู้จากข้อ 1 ซึ่งภาษาพระเรียกกัน
ว่า รู้สมมุติ ซึ่งมันเกิดขึ้นเพราะมีการสั่งสอน อบรมกันมาว่า สิ่งที่เห็น เขาเรียกกันว่า นกพิราบ
อันนี้จะเข้าใจยากสักหน่อยสำหรับบางท่าน ขอให้พิจารณากันดี ๆ

สมมุิติว่า ท่านอุ้มลูกไปด้วยอายุ 1 เดือน ท่านชี้ให้ลูกดู แล้วบอกลูกว่า
นี่ไง นกพิราบ ลูกท่านก็เห็นภาพได้ แต่ลูกท่านจะไม่รู้จักว่านี่คือ นกพิราบ
ทั้งนี้เป็นเพราะลูกท่านยังเด็กเกินว่า การทำงานของสัญญาขันธ์จะทำงานในการจำ
ว่านี่คือคนเขาเรียกกันว่านกพิราบได้

แล้วไง... ท่านอาจถามต่อไปอีกในใจ
นี่ครับ ขบวนการของอวิชชา มันเกิดตรงนี้ครับ
คนส่วนใหญ่ที่รู้จักสภาวะในข้อ 2 จะเชื่ออย่างสนิทใจว่า สิ่งที่เขาเห็นนั้นมันของจริง
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะเขาเห็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ความเป็นจริงนั้น
สิ่งที่เขาเชื่อว่าจริง เป็นเพราะการทำงานของสัญญาขันธ์ต่างหาก ถ้าสัญญาขันธ์ไม่ทำงานแล้ว
เขาจะไม่รู้จักนกพิราบเลย อย่างกรณีของลูกของคุณที่ยังเล็กนั่้นเอง

พอคนเชื่อว่าเห็นนกพิราบจริงอย่างตัวอย่างที่ผมยกมา
ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่เขาได้ยิน สิ่งที่เขาได้กลิ่น และอื่นๆ อีกมาก
เขาก็จะเชื่ออย่างสนิทใจว่า นี่ของจริงแท้แน่นอน

แต่สำหรับนักปฏิบัติ เขาเห็นสภาวะทั้งข้อ 1 และข้อ 2
เมื่อผมเห็น ทำให้ผมเข้าใจในเรื่องสมมุติ ปรมัตถ์ ขึ้นมาทันที
(อันนี้ ต้องใจเย็น ๆ นะครับ ท่านผู้อ่าน มันไม่เกิด ก็ฝึกการเจริญสัมมาสติต่อไปเรื่อย ๆ
ก่อน สักวัีนมันจะเกิดเอง ตอนที่ผมเกิด ผมเกิดขนลุกซู่ตั้งเกือบ 10 นาที ทำให้ผมเข้าใจ
เรื่องอวิชชาก็มาจากเรื่องนี้ )
พอผมเข้าใจเรื่อง อวิชชา ผมก็ร้องอ๋อ พระพุทธเจ้าเห็นอย่างนี้นี่เอง

ถ้าเราเข้าใจสภาวะแห่งปรมัตถ์ แห่งสมมุติ เมื่อไร
มันจะเกิดโลกซ้อนกัน 2 ใบ โลกใบหนึ่งคือโลกแห่งปรมัตถ์ที่เกิดสภาวะตลอดเวลา
เกิดรู้ตลอดเวลาที่ไม่มีการขาดการรู้เลย
และอีกโลกคือโลกแห่งสมมุติ ที่คนทั่ว ๆ ไปรู้จักกันนี่เอง

ในโลกแห่งปรมัตถ์ มันไม่มีอะไรเลย นอกจากการรู้สภาวะสัมผัสจากการทำงานของระบบประสาท
ที่มัีนเกิดอย่างถี่ยิบตลอดเวลา
ในโลกแห่งสมมุิติ เมื่อมีการแปลการรับรู้สัมผัสออกมา มันก็จะมีคน สัตว์ สิ่งของต่าง ๆสารพัด
สารเพ แล้่วการปรุงแต่งต่าง ๆ ก็จะเกิดตามมาอีกมากมาย เพราะมีคน มีสัตว์ มีสิ่งของต่างๆ นั้่นเอง

เมื่อเข้าใจโลกใบที่ 1 ปรมัตถ์ ทำให้นักปฏิบัติเกิดการปล่อยวางในโลกใบที่ 2 ที่เป็นโลกแห่งสมมุติได้เอง เพราะนักปฏิบัิติรู้อย่างชัดแจ้งแล้วว่า โลกใบที่ 2 นั้นมันไม่ใช่ของจริง
มันเป็นมายาที่เกิดจากขันธ์ 5 ไปแปลภาษาปรมัตถ์เข้าต่างหาก

จะเห็นว่า การปล่อยวาง ที่เกิดขึ้น ไม่ใด้มาจากการคิดเลยว่า สิ่งนี่้ไม่ดี มันเลว อย่าไปทำ อย่าไปยึด ถ้าไปเชื่ออย่างทีเขาว่ากันในตำรา เพราะนี่้คือการแปลภาษาของขันธ์ 5 เช่นเดียวกัน
ผมก็ฉีกตำราส่วนนี้ทิ้งอีกเช่นกันครับ

ผมกำลังจะชี้ให้ท่านเห็นว่า การเข้าใจธรรมนั้น มีลักษณะอย่างไร การปล่อยวางเกิดขึ้นได้อย่างไร
และที่เกิดขึ้นได้จะต้องมาจากการเห็นสภาวะในข้อ 1 และ 2 ที่มันซ้อนกันอยู่ จนเกิดการเข้าใจได้อย่างจริง ๆ

นี่คือผลแห่ง สติปัฏฐาน 4 ที่ถูกต้องนำทางนักปฏิบัติสู่การพ้นทุกข์ได้จริง
จะว่าง่าย มันก็ง่าย มันจะยาก มันก็ยาก

ตำราเมื่ออ่าน คนมักจะตีึความเอง ว่าธรรมต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ของจริง จะไม่เหมือนตำราอย่างแน่นอนครับ
การปฏิบัติให้เพียงรู้หลักการ แล้วฝึกฝนให้ชำนาญ แล้วจะเข้าใจได้เองด้วยปัญญา
การไปติดตำรา ตีึความในตำรา มันไม่มีทางตรงได้เลย
เพราะของจริงและตำรา ไม่ตรงกันนั้นเอง










Create Date : 11 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:50 น. 13 comments
Counter : 2319 Pageviews.

 
มาติดตามอ่าน ขอบคุณค่ะ


โดย: MC 94 IP: 183.88.49.81 วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:19:43:07 น.  

 
สาธุ.....ขอบคุณค่ะ


โดย: ตั้งไข่ IP: 114.128.161.223 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:7:28:20 น.  

 
ยากจริงๆ แต่จะฝึกต่อไปค่ะ


โดย: kaoim IP: 183.89.84.109 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:9:04:34 น.  

 
สาธุค่ะ เป็นอย่างนี้นี่เอง เคยได้ยินมาเช่นกันค่ะ แต่มาอ่านนี้ทำให้แน่ใจยิ่งขึ้น (คล้ายๆ กับเรื่อง The Matrix ใช่มั้ยคะ)แต่ตัวเองก็ยังไมได้เห็นแบบนั้นค่ะ จะฝึกต่อไป เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว ก็คงได้เห็นเช่นนั้นบ้าง ขอขอบพระคุณมากค่ะ


โดย: Mat IP: 58.8.125.3 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:12:03:58 น.  

 
The Matrix ใช่หนังเรื่องที่เข้าใปในความฝัน ความคิด ใช่ใหมครับ
ถ้าเป็นอย่างนั้น มันไม่เหมือนครับ แต่มันจะ Revert กับในหนัง
คือ โลกปัจจุบันของ Matrix จะเป็นโลกที่ 2 ที่ผมเขียนใน blog
ส่วนโลกที่ 1 นั้น ต้องอยู่สภาวะแห่งการมีสติ สัมปชัญญะ จึงจะเห็นได้
และจะเห็นได้พร้อมกัน ทั้งโลกที่ 1 และ โลกที่ 2

ผมจะยกตัวอย่างอีกเรื่อง เพื่อให้เห็นได้
สมมุติว่า คุณไม่รู้จักภาษาจีนเลย คุณไปเที่ยวเมืองจีน
คุณได้ยินคนจีนคุยกัน ฉิ่งโฉ่งฉิ่งโฉ่ง (อะไรทำนองนี้)
คุณฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาคุยอะไรกัน แต่คุณก็ได้ยินเสียงอยู่ว่า
ฉิ่งโฉ่งฉิ่งโฉ่ง << นี่คือโลกใบที่ 1 ครับ ที่มีเสียงมากระทบหู
แต่ไม่มีสัญญาขันธ์เข้าไปแปลภาษาที่คุณได้ยินมา

ขณะเดียวกันที่คุณได้ยินเสียง ฉิ่งโฉ่งฉิ่งโฉ่ง นี่ตาคุณ
ก็มองไปที่คนที่เขาคุยกันนั้น คุณเห็นคน 2 คนกำลังคุยกัน
การที่คุณเห็นเป็น .คน 2 คนกำลังคุยกัน. นี่คือโลกใบที่ 2
ที่คนทั่ว ๆ ไปก็จะเห็นแบบนี้
ในกรณีของโลกใบที่ 1 เมื่อคุณเห็นภาพข้างต้น
การที่เพียงรู้ว่าเห็นภาพเท่านั้น เป็นโลกใบที่ 1 ครับ
เพียงเห็นก็เท่านั้น ไม่ต้องแปลการเห็นเลยไปว่า เห็นเป็นคน 2 คน
กำลังคุยกันอยู่

อีกตัวอย่างหนึ่ง
ถ้าคุณกำลังอาบน้ำ ในสภาวะที่เป็นธรรมชาติที่สุดของคุณ
เมื่อน้ำสัมผัสร่างกาย ก็เพียงรู้ว่ามีการสัมผัส ก็เท่านั้น เป็นโลกใบที่ 1
แต่ถ้ารู้ว่า สิ่งที่มาสัมผัสนี่เป็นน้ำ นี่เป็นโลกใบที่ 2



โดย: นมสิการ วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:16:17:06 น.  

 
การที่ผมเขียนเรื่องนี้ทิ้งไ้ว้ใน blog
เพราะผมคาดว่า น่าจะมีคนที่ฝึกสัมมาสติ สัมมาสมาธิมาแล้ว
ที่เห็นสภาวะของจิตตสังขารว่าเป็นไตรลักษณ์ได้แล้ว
และเห็นสภาวะแห่งความว่างเปล่าของจิตได้แล้ว

ถ้าเขาอ่านเรื่องนี้ ผมค่อนข้างจะมั่นใจว่า เขาจะเข้าใจในเรื่องโลก 2 ใบนี้ิได้ไม่ยากนัก และเมื่อเขาเข้าใจมันได้ เขาก็จะเห็นมันได้ไม่ยากนัก มันก็ช่วยย่นเวลาในการปฏิบัติให้สั้นลงได้


โดย: นมสิการ วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:16:21:29 น.  

 
สาธุค่ะ สาธุค่ะ _/|\\_


โดย: ananya IP: 110.168.103.69 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:20:42:29 น.  

 
อ่านเสร็จ เลยกราบผู้เขียนที่หน้าจอคอมนี้ พอดีเคยเจอ
สภาวะแบบนี้เลยอ่านเข้าใจ ดีใจมากค่ะที่ได้เจอเว็ปนี้
กําลังต้องการคําแนะนําอย่างมาก ก็ฝึกสายหลวงพ่อเทียนอยู่แต่ตอนนี้ย่อหย่อน และมีปัญหาของความเข้าใจ
ขอบคุณค่ะสําหรับทุกบทความ ได้printออกมาเก็บไว้อ่านและแจกเพื่อนที่ปฎิบัติสายลพ.เทียนด้วย


โดย: Kwan IP: 125.27.79.61 วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:23:45:42 น.  

 
ขอบคุณในคำสอนดีดีครับ ผู้รู้รูป รูปนามแล้วย่อมเข้าใจ
ตามนั้นจริงๆครับ


โดย: ชู IP: 203.148.142.1 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:12:36:42 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายนะคะ ขอถามอีกอย่างหนึ่งค่ะ ไม่ทราบว่าการเห็นสภาวะที 1และ 2 นั้น เห็นพร้อมกันหรือเห็นเป็นลำดับต่อกัน ยังสงสัยว่าเห็นพร้อมกันได้อย่างไรค่ะ


โดย: Mat (MAT9 ) วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:11:41:38 น.  

 
ตอบคุณ MAT9
จะมีเงื่อนไขบังคับอยู่ครับ เป็นดังนี้
1... สมมุิติว่า คุณเห็นแต่ไม่คิดอะไร คุณจะอยู่แต่โลกใบที่ 1 เช่น คุณกำลังล้างชามที่อ่างล้างชาม แต่คุณเปิดเพลงฟังอยู่ คุณจะได้ยินเสียงอยู่ แต่คุณจะไม่รู้ว่าเสียงนั้นที่ได้ยินคือเสียงเพลงร้องอะไร

2.... สมมุติว่า คุณรู้จักภาษาอังกฤษชนิดฟังออกแต่ไม่เก่งนัก สมมุิติว่า คุณฟังฝรั่งพูดอยู่กับคุณ ขณะที่คุณฟัง มีเสียงมากระทบหู อันเป็นโลกใบที่ 1 และพอคุณฟังฝรั่งพูด คุณต้องนึกคำแปลที่ได้ยิน คุณจะเสียเวลาประมวลผลที่ได้ยินฝรั่งสักครู่ แล้วคุณจะเข้าใจในคำพูดของฝรั่ง นี่เป็นโลกใบที่ 2
ถ้าอย่างนี้ โลกใบที่ 1 และ ใบทีี 2 เกิดไม่พร้อมกัน ที่คุณเห็นได้ชัด

3... สมมุิตว่า คุณคุยกับเพื่อนคนไทย ภาษาไทยคุณเก่งมาก
พอเพื่อนคุณพูดอะไร คุณก็รู้ความหมายทันที ดูเหมือนกับว่า โลกใบที่ 1 และ ใบที 2 นั้นเกิดพร้อม ๆ กันทีเดียว ซึ่งต่างจากข้อ 2 ที่ดูเหมือนว่า จะไม่พร้อมกัน ที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่าคุณชำนาญหรือไม่ชำนาญในการรับรู้สิ่งที่เข้ามา

4....ในทางตำรานั้นได้กล่้าวว่้า การเกิดขึ้นจะเกิดทีละขณะจิต ซึ่งแปลว่า เกิดได้ทีละสิ่งเท่านั้น นี่คือตำรา ซึ่งแปลว่า การเกิดโลกใบที่ 1 อันเป็นผัสสะจากวิญญาญขันธ์ จะเกิดก่อน แล้วโลกใบที่ 2 อันเป็นการทำงานของสัญญาขันธ์ จึงจะเกิดตามมา

คุณ MAT9 คงมองออก ซึ่งตัวอย่างที่ 2 นั้นจะเหมือนตำราในข้อ 4 ทุกประการ ส่วนข้อ 3 ดูไม่ออกว่าเหมือนตำรา เพราะคุณชำนาญในสิ่งนั้น มันจะกลมกลืนเหมือนว่้าจะเกิดพร้อม ๆ กัน


โดย: นมสิการ วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:13:48:20 น.  

 
สาธุ หาไม่ง่ายนะคะ สำหรับคำอธิบายของโลกสมมุติ ให้เข้าใจถึงโลกปรมัต์ ดิชั้นคิดว่าเรื่องนี้อยู่ที่วาสนาเหมือนที่อาจารย์เคยว่าไว้จริงๆคะ


โดย: แม่ลูกสอง IP: 180.183.242.135 วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:20:20:49 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:43:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.