รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
8 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

การฝึกที่ดีต้องไมสร้างตัวรู้ใช่หรือไม่

มีผู้ถามมาหลังไมค์ เป็นคำถามที่น่าสนใจครับวา.....

พอดีผมมีโอกาสได้ไปอบรมวิปัสสนากับวิทยากรอยู่ท่านหนึ่ง ท่านวิทยากรสอนว่า "การปฏิบัติธรรมใด ๆ ที่ไปสร้างตัวรู้ขึ้นมานั้นไม่ควรทำ" และพอดีมีผู้ร่วมอบรมท่านหนึ่งถามว่า "การปฏิบัติวิปัสสนาแบบสติปัฏฐาน 4 ก็เป็นการสร้างตัวรู้ไม่ใช่หรือ" ท่านวิทยากรไม่ตอบ ตอบเลี่ยงไปว่า "ไม่ขอวิจารณ์"

ตอบแบบนี้ก็เลยสร้างความสงสัยให้ผมมากเลย ....

เรื่องนี้ ผมขอแสดงความเห็นด้งนี้ครับ และเป็นความเห็นส่วนตัวจริง ๆ
ที่ผมพบเอง เข้าใจเอง จากการปฏิบัติ

จากที่ผมฝึกฝนมาและพบสภาวะธรรมที่เกิดขี้น นั้นทำให้ผมเข้าใจดังนี้ครับว่า
(นี่เป็นความเข้าใจส่วนตัว ซึ่งเห็นเองดังนี้ อาจไม่ถูกต้องตามพุทธปัญญา )

>> จิตแท้ นั้นเป็นสภาพที่ว่างเปล่า ผมจะเปรียบให้เห็นภาพ คล้าย ๆ กับ อากาศ ที่อยู่รอบตัวเรา

>> แต่เนื่องด้วย อวิชชา มันจะมาปกคลุมจิตแท้ที่เป็นของว่าง ๆ ให้เป็นดวงจิตขึ้นมา
คล้าย ๆ กับ ลูกโป่งที่ไปอัดอากาศไว้ ผมขอเรียกว่า จิตลูกโป่ง ก็แล้วกัน

>> ในคนปรกติที่ไม่ได้ฝึกฝนการเจริญสติปัฏฐาน จิตลูกโป่ง นี่เองครับที่เป็นความรู้สึกที่เป็นตัวตน
ของเรานี่เอง แต่เมื่อเกิด จิตปรุงแต่ง หรือ เงาของจิต ขึ้นเพราะมีการกระทบสัมผัส
เจ้าจิตลูกโป่ง นี้จะยังผสมปนเป เข้ากับ เงาของจิต จึงกลายเป็นว่า คนจะูรู้สึกว่า ขันธ์ 5 นี่เป็นตัวเขาขึ้นมา ทำให้ คนเกิดการทุกข์ตามจิตปรุงแต่งไปด้วย

>> แต่เมื่อใครก็ตามที่ฝึกการเจริญสติปัฏฐานมาดีพอควร พอเกิดการปรุงแต่งขึ้นในจิตใจ
เจ้าจิตลูกโป่งนี้ จะมีชื่อใหม่ว่า จิตผู้รู้ หรือ ผมเรียกว่า จิตรู้ เพราะมันจะไม่ผสมรวมเข้ากับการปรุงแต่งนั้น ๆ มันจะแยกออกมา และ .เห็น. จิตปรุงแต่งหรือเงาของจิตที่เิกิดขึ้นได้
ทำให้คน ๆ นั้น เห็นความจริงทางธรรมได้ว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเขา ไม่ใช่ของ ๆ เขา
ในตำรา ถ้าใครเห็นเข้าใจได้อย่างนี้ คือ โสดาบัน

>> แต่เนื่องด้วย จิตลูกโป่ง ยังอยู่เพราะมีอวิชชาคลุมไว้เป็นดวง ๆ ทำให้คน ๆ นั้น
ยังรู้สึกว่า มีตัวตนอยู่ แต่เขารู้แล้วว่า ขันธ์ 5 ไม่่ใช่ตัวเขา ไม่ใช่ของ ๆ เขา

>> เมื่อฝึกต่อไปอีก เขาจะมีความสามารถเห็น จิตลูกโป่ง นี้ได้ เห็นได้เป็นจุด ๆ ดวง ๆ
และ เขาจะสังเกตได้ว่า ถ้าเมื่อ่ใด ที่เขาจงใจกระทำอะไรสักอย่าง จิตลูกโป่ง จะเกิดทันที
แต่ถ้าเขาทำแบบไม่มีการจงใจกระทำ จิตลูกโป่ง นี้จะเปลี่ยนสภาพไปเป้นว่าง ๆ คือไม่เป็นลููกโป่งอีก คือ เป็นจิตแท้ ๆ ที่ไม่อะไรปกคลุม
อ่านเรื่อง
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2010&date=27&group=8&gblog=20


>> มาเข้าเรื่องที่ถามครับ ในการฝึกนั้น จะมี 2 แบบครับ
คือ แบบที่จงใจเข้ากระทำ เช่น การจงใจฝึกเดินจงกรม
การจงใจฝึกนั่งสมาธิ อย่างนี้ ตัวจิตลูกโป่ง จะเกิดขึ้น
และอีกแบบคือ การฝึกที่ไม่มีการจงใจเข้ากระทำ เช่นการฝึกในชีิวิตประจำวัน
อาบน้ำ แปรงฟัน และอื่น ๆ เป็นต้น อย่างนี้จะไม่มีจิตลูกโป่ง เกิดขึ้น

>> จากที่ผมเห็นจิตลูกโป่งได้แล้ว ผมพบว่า ทุกครั้งที่ผมฝึกในรูปแบบและพยายาม
มาก ๆ ที่ไม่ให้จิตลูกโป่งเกิดขึ้น ผมทำไม่ได้เลย แต่ถ้าในชิีวิตประจำวัน ผมพบว่า
จิตผมส่วนใหญ่ในตอนนี้ จะว่าง ๆ ไม่เป็นลูกโป่ง แต่ว่า สมัยก่อนนี ก็เป็นลูกโป่งอยู่เช่นกัน

>> จากที่อาจารย์ท่านนั้นสอน ผมเข้าใจครับว่า ท่านคงหมายถึงการฝึกฝนที่ไม่มีการจงใจเข้ากระทำ ในส่วนตัวผม ท่านสอนได้ดีครับ แต่ทว่่า...ในการฝึกฝนจริงในรูปแบบ มันเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับคนใหม่ๆ หรือ คนที่ฝึกมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดสิ่้นสุดแห่งทุกข์ เพราะฝึกอย่างไร
จิตลูกโป่ง มันแสดงตัวทุกทีไป

>> ผมสังเกตอย่างหนึ่งในตัวผม ในขณะที่โผล่งธรรมขึ้นมา สภาวะจิตจะไม่เป็นลููกโป่งเลย แต่มันจะเป็นสภาพว่าง ๆ แทน การโผล่งธรรมที่เกิดกับผม ไม่เคยเกิดเลยในขณะที่ผมกำลังฝึกฝนอยู่
แต่มันจะเกิดตอนที่ผมอยู่ในสภาพชีิวิตประจำวันี่เอง โดยทีจู่ๆ มันก็จะรู้สึกสบาย ๆ ก่อน
แล้วมันก็จะโผล่งออกมาเลยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

>> จากที่ผมเล่ามาข้างต้นนั้น ผมเสนอว่า การปฏิบัตินั้น จะต้องมี 2 สถานคือ
สถานทีจงใจกระทำเพื่อการฝึกฝน (จิตเป็นลูกโป่ง ) เพื่อฝึกฝนให้คุ้นเคยกับสภาพสัมมาสติให้ได้ในชีิวิตประจำวัน แล้วในชีิวิตประัจำวัน นักปฏิบัติที่มีสัมมาสติดีแล้ว ก็จะเห็นธรรมและโผล่งในธรรมขึ้นมา แต่สำหรับคนที่ฝึกฝนในชีิวิตประำจำวันเลยก็ได้เช่นกัน เพราะสภาพเห็นธรรมและโผล่งในธรรม จะเกิดในตอนนี้ครับ

แต่ว่า ถ้าใครสามารถตั้งใจฝึกฝนแล้วจิตไม่เป็นลูกโป่งได้ นี่ก็จะดีมาก ๆ ทีเดียว

ผมไม่ทราบว่า ตอบตรงที่ถามหรือไม่ อย่างไรก็อ่านหลาย ๆ เที่ยวก็ได้ครับ

แนะนำอ่านเพิ่มเติม
เรื่อง จิตรู้ 2 แบบ ที่
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=05&group=1&gblog=26




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:56 น.
Counter : 1273 Pageviews.

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 16:44:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.