การฝึกที่ดีต้องไมสร้างตัวรู้ใช่หรือไม่
มีผู้ถามมาหลังไมค์ เป็นคำถามที่น่าสนใจครับวา.....
พอดีผมมีโอกาสได้ไปอบรมวิปัสสนากับวิทยากรอยู่ท่านหนึ่ง ท่านวิทยากรสอนว่า "การปฏิบัติธรรมใด ๆ ที่ไปสร้างตัวรู้ขึ้นมานั้นไม่ควรทำ" และพอดีมีผู้ร่วมอบรมท่านหนึ่งถามว่า "การปฏิบัติวิปัสสนาแบบสติปัฏฐาน 4 ก็เป็นการสร้างตัวรู้ไม่ใช่หรือ" ท่านวิทยากรไม่ตอบ ตอบเลี่ยงไปว่า "ไม่ขอวิจารณ์"
ตอบแบบนี้ก็เลยสร้างความสงสัยให้ผมมากเลย ....
เรื่องนี้ ผมขอแสดงความเห็นด้งนี้ครับ และเป็นความเห็นส่วนตัวจริง ๆ ที่ผมพบเอง เข้าใจเอง จากการปฏิบัติ
จากที่ผมฝึกฝนมาและพบสภาวะธรรมที่เกิดขี้น นั้นทำให้ผมเข้าใจดังนี้ครับว่า (นี่เป็นความเข้าใจส่วนตัว ซึ่งเห็นเองดังนี้ อาจไม่ถูกต้องตามพุทธปัญญา )
>> จิตแท้ นั้นเป็นสภาพที่ว่างเปล่า ผมจะเปรียบให้เห็นภาพ คล้าย ๆ กับ อากาศ ที่อยู่รอบตัวเรา
>> แต่เนื่องด้วย อวิชชา มันจะมาปกคลุมจิตแท้ที่เป็นของว่าง ๆ ให้เป็นดวงจิตขึ้นมา คล้าย ๆ กับ ลูกโป่งที่ไปอัดอากาศไว้ ผมขอเรียกว่า จิตลูกโป่ง ก็แล้วกัน
>> ในคนปรกติที่ไม่ได้ฝึกฝนการเจริญสติปัฏฐาน จิตลูกโป่ง นี่เองครับที่เป็นความรู้สึกที่เป็นตัวตน ของเรานี่เอง แต่เมื่อเกิด จิตปรุงแต่ง หรือ เงาของจิต ขึ้นเพราะมีการกระทบสัมผัส เจ้าจิตลูกโป่ง นี้จะยังผสมปนเป เข้ากับ เงาของจิต จึงกลายเป็นว่า คนจะูรู้สึกว่า ขันธ์ 5 นี่เป็นตัวเขาขึ้นมา ทำให้ คนเกิดการทุกข์ตามจิตปรุงแต่งไปด้วย
>> แต่เมื่อใครก็ตามที่ฝึกการเจริญสติปัฏฐานมาดีพอควร พอเกิดการปรุงแต่งขึ้นในจิตใจ เจ้าจิตลูกโป่งนี้ จะมีชื่อใหม่ว่า จิตผู้รู้ หรือ ผมเรียกว่า จิตรู้ เพราะมันจะไม่ผสมรวมเข้ากับการปรุงแต่งนั้น ๆ มันจะแยกออกมา และ .เห็น. จิตปรุงแต่งหรือเงาของจิตที่เิกิดขึ้นได้ ทำให้คน ๆ นั้น เห็นความจริงทางธรรมได้ว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเขา ไม่ใช่ของ ๆ เขา ในตำรา ถ้าใครเห็นเข้าใจได้อย่างนี้ คือ โสดาบัน
>> แต่เนื่องด้วย จิตลูกโป่ง ยังอยู่เพราะมีอวิชชาคลุมไว้เป็นดวง ๆ ทำให้คน ๆ นั้น ยังรู้สึกว่า มีตัวตนอยู่ แต่เขารู้แล้วว่า ขันธ์ 5 ไม่่ใช่ตัวเขา ไม่ใช่ของ ๆ เขา
>> เมื่อฝึกต่อไปอีก เขาจะมีความสามารถเห็น จิตลูกโป่ง นี้ได้ เห็นได้เป็นจุด ๆ ดวง ๆ และ เขาจะสังเกตได้ว่า ถ้าเมื่อ่ใด ที่เขาจงใจกระทำอะไรสักอย่าง จิตลูกโป่ง จะเกิดทันที แต่ถ้าเขาทำแบบไม่มีการจงใจกระทำ จิตลูกโป่ง นี้จะเปลี่ยนสภาพไปเป้นว่าง ๆ คือไม่เป็นลููกโป่งอีก คือ เป็นจิตแท้ ๆ ที่ไม่อะไรปกคลุม อ่านเรื่อง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2010&date=27&group=8&gblog=20
>> มาเข้าเรื่องที่ถามครับ ในการฝึกนั้น จะมี 2 แบบครับ คือ แบบที่จงใจเข้ากระทำ เช่น การจงใจฝึกเดินจงกรม การจงใจฝึกนั่งสมาธิ อย่างนี้ ตัวจิตลูกโป่ง จะเกิดขึ้น และอีกแบบคือ การฝึกที่ไม่มีการจงใจเข้ากระทำ เช่นการฝึกในชีิวิตประจำวัน อาบน้ำ แปรงฟัน และอื่น ๆ เป็นต้น อย่างนี้จะไม่มีจิตลูกโป่ง เกิดขึ้น
>> จากที่ผมเห็นจิตลูกโป่งได้แล้ว ผมพบว่า ทุกครั้งที่ผมฝึกในรูปแบบและพยายาม มาก ๆ ที่ไม่ให้จิตลูกโป่งเกิดขึ้น ผมทำไม่ได้เลย แต่ถ้าในชิีวิตประจำวัน ผมพบว่า จิตผมส่วนใหญ่ในตอนนี้ จะว่าง ๆ ไม่เป็นลูกโป่ง แต่ว่า สมัยก่อนนี ก็เป็นลูกโป่งอยู่เช่นกัน
>> จากที่อาจารย์ท่านนั้นสอน ผมเข้าใจครับว่า ท่านคงหมายถึงการฝึกฝนที่ไม่มีการจงใจเข้ากระทำ ในส่วนตัวผม ท่านสอนได้ดีครับ แต่ทว่่า...ในการฝึกฝนจริงในรูปแบบ มันเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับคนใหม่ๆ หรือ คนที่ฝึกมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดสิ่้นสุดแห่งทุกข์ เพราะฝึกอย่างไร จิตลูกโป่ง มันแสดงตัวทุกทีไป
>> ผมสังเกตอย่างหนึ่งในตัวผม ในขณะที่โผล่งธรรมขึ้นมา สภาวะจิตจะไม่เป็นลููกโป่งเลย แต่มันจะเป็นสภาพว่าง ๆ แทน การโผล่งธรรมที่เกิดกับผม ไม่เคยเกิดเลยในขณะที่ผมกำลังฝึกฝนอยู่ แต่มันจะเกิดตอนที่ผมอยู่ในสภาพชีิวิตประจำวันี่เอง โดยทีจู่ๆ มันก็จะรู้สึกสบาย ๆ ก่อน แล้วมันก็จะโผล่งออกมาเลยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
>> จากที่ผมเล่ามาข้างต้นนั้น ผมเสนอว่า การปฏิบัตินั้น จะต้องมี 2 สถานคือ สถานทีจงใจกระทำเพื่อการฝึกฝน (จิตเป็นลูกโป่ง ) เพื่อฝึกฝนให้คุ้นเคยกับสภาพสัมมาสติให้ได้ในชีิวิตประจำวัน แล้วในชีิวิตประัจำวัน นักปฏิบัติที่มีสัมมาสติดีแล้ว ก็จะเห็นธรรมและโผล่งในธรรมขึ้นมา แต่สำหรับคนที่ฝึกฝนในชีิวิตประำจำวันเลยก็ได้เช่นกัน เพราะสภาพเห็นธรรมและโผล่งในธรรม จะเกิดในตอนนี้ครับ
แต่ว่า ถ้าใครสามารถตั้งใจฝึกฝนแล้วจิตไม่เป็นลูกโป่งได้ นี่ก็จะดีมาก ๆ ทีเดียว
ผมไม่ทราบว่า ตอบตรงที่ถามหรือไม่ อย่างไรก็อ่านหลาย ๆ เที่ยวก็ได้ครับ
แนะนำอ่านเพิ่มเติม เรื่อง จิตรู้ 2 แบบ ที่ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=05&group=1&gblog=26
Create Date : 08 มิถุนายน 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:56 น. |
Counter : 1273 Pageviews. |
|
|
|
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน