รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
12 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

Drama หนังสือแหกตาคนอ่าน

เมื่อผมเขียน blog มีผู้อ่าน blog 2 ท่านได้ติดต่อผมเข้ามา
ในปัญหาหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือ จิตเขาชอบไปด่าพระด่าเจ้า
เมื่อเกิดอาการอย่างนี้ขึ้น ก็กลุ้มใจหนัก กลัวตกนรกเป็นที่สุด
อีกท่านหนึ่ง ติดอ่านหนังสือประเภท .กรรม. เมื่ออ่านแล้ว
ก็ยิ่งกลัวหนัก เพราะเรื่องในหนังสือ ตนเองได้กระทำไว้เช่นกัน

ก่อนอ่านเรื่องนี้ กรุณาอ่านเรื่องนี้ก่อนครับ
เพราะผมจะมีคำเรียกใช้ว่า โลกใบที่ 1 โลกใบทีี่ 2
สภาวะปรมัตถ์ ซ่อนอยู่ใน สภาวะสมมุติ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2010&date=11&group=8&gblog=29

เมื่อท่านอ่านหนังสือ ผมจะเรียกตามคำสมัยใหม่ครับว่า Drama
เมื่อท่านเข้าใจในเรื่องราว มันก็คือ โลกใบที่ 2 อันเป็นสภาวะ
แห่งสัญญาขันธ์มันทำงานสร้างขึ้นมานั้นเอง ซึ่งมันเ็ป็นเรื่องที่ไม่จริงครับ

ของจริงในโลกใบที่ 1 ก็คือ ตาท่านสัมผัสอะไรสักอย่างในขณะที่อ่านหนังสือ

เมื่อท่านไม่เข้าใจในโลกใบที่ 1 ท่านย่อมกลัวว่าโลกใบที่ 2 ว่านี่คือของจริง
เมื่อท่านเชื่อว่า โลกใบที่ 2 นี่ืคือของจริง สัญญาขันธ์ ร่วมกับ สังขารขันธ์
ก็จะละเลงกันสนุก ปั่นหัวให้ท่านเกิดอาการกลัว กลัว และ ก็กลัว
แล้วท่านก็เป็นทุกข์กับมัน เหมือนตกนรกทั้งเป็น

การแก้ปัญหานี้ ในระยะสั้น จะมี 2 วิธี คือ

วิธีแรก ให้ใช้คำบริกรรม ทำการบริกรรมบ่อยๆ เืพื่อให้จิตไปคุ้นกับคำบริกรรม
เมื่อจิตไปคุ้นกับของใหม่ จิตก็จะจางคลายจากของเก่า คืออาการที่ไปด่าพระด่าเจ้า
แต่ว่า ถึงแม้ว่าจะลดลง แต่ก็คงยังมีโผล่มาบ้างประปราย ซึ่งแล้วแต่โอกาส
แต่ก็ดีกว่าไม่ลดลง จริงใหมครับ

ิวิธีที่สอง ให้น้อมใจเชื่อยอมรับไปก่อนว่า โลกใบที่ 2 นี่มันเป็นสิ่งที่หลอกลวง
วิธีนี้สู้วิธีแรกไม่ได้ เพราะการน้อมใจเชื่อนั้น จิตจะยอมรับได้ยากยิ่ง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

การแก้ปัญหาระยะยาวนั้น มีสถานเดียว ท่านต้องภาวนาจนเห็นสภาวะแห่งจิตปรุงแต่งเป็นไตรลักษณ์ให้ได้ เมื่อท่านเห็นจิตปรุงแต่งเป็นไตรลักษณ์ได้บ่อย ๆ จิตจะเกิดการปล่อยวาง
ความคิดเองได้ เมื่อจิตปล่อยวางจิตปรุงแต่งได้เองแล้ว ทุกข์ในอาการนี้ก็จะจบลง

******
ท่านจะเห็นว่า โลกใบที่ 2 ของ Drama สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้อ่านได้เสมอ
ที่ไม่ได้ภาวนา และการแก้ไข ก็มีทางเดียวคือ การภาวนา ถ้าภาวนายังไม่ได้ผล
จนปล่อยวางความคิดได้ ท่านที่อ่านเรื่อง Drama นั้น ๆ ก็จะน้อมใจเชื่อว่า Drama
คือความจริง แล้วท่านก็เป็นทุกข์เพราะ Drama นั้น ๆ

ในหลายสำนักปฏิบัติธรรม เวลาไปฝึกภาวนา อาจารย์ผู้สอน
จะให้เก็บตัว ไม่ให้พูดคุยกับใคร ไม่ให้ฟังวิทยุ ไม่ให้ดูทีวี
ไม่ให้อ่านหนังสืิอ ไม่ให้เีขียนหนังสือ เพราะการกระทำเรื่องทั้งหมดคือ
Drama เช่นกัน และจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา

ดังนั้น Drama ย่อมเป็นอุสรรคต่อนักภาวนา
การเลือก Drama ย่อมเป็นสิ่งสำคัญว่า สมควรรับ Drama เรื่องใด
ไม่ใช่รับดะไปหมด

คนเขียน และสำนักพิมพ์ Drama หาเงินจากหยาดเหงื่อแรงกายของท่าน
แต่ท่านกลับมาทุกข์เพราะมัน อย่างนี้ ท่านจะเสียเงินให้เขาทำไมกัน

*****
เรื่องท้ายบท

เมื่อท่านรับรู้เรื่องใดและติดใจในเรื่องนั้น มันจะเหมือนการจี้ลงไปที่ใจของท่านเอง
จิตจะเฝ้าระลึกถึงสิ่้งนั้นอยู่เสมอ และจะตามมาพร้อมกับการจิตปรุงแต่ง
ทำให้ท่านเป็นทุกข์เพราะมันได้ และจะยิ่งทุกข์หนักขึ้นไปอีก เมื่อท่าน
พยายามจะลืมมันแบบผิดวิธี แต่มันกลับจะเป็นการกระตุ้นให้จิตไประลึกถึงมัน
มากขึ้นอีก

ถ้าว่ากันไป อนุสติ ต่าง ๆ ในตำราก็เป็น Drama เช่นกัน แต่เป็น Drama
ที่ไม่สร้างทุกข์ทางใจขึ้นเท่านั้น

การปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงนั้น เมื่อท่านยังไม่ตาย
ท่านต้องพบกับ Drama อยู่ร่ำไป เพียงแต่ว่า ทำอย่างไร
ท่านจึงจะเข้าใจใน Drama ว่ามันเป็นของไม่จริงก็เท่านั้น
แล้วท่านจะไม่ทุกข์เพราะมันอีก




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2553
5 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:43 น.
Counter : 971 Pageviews.

 

เรื่องของdrama ช่างซับซ้อนจริงๆ

 

โดย: Mr.Chanpanakrit 12 มิถุนายน 2553 17:15:00 น.  

 

เขียนดีค่ะ

 

โดย: MC94 IP: 111.84.132.66 12 มิถุนายน 2553 20:08:25 น.  

 

สาธุค่ะ

 

โดย: Mat (MAT9 ) 19 มิถุนายน 2553 11:27:29 น.  

 

" เมื่อท่านไม่เข้าใจในโลกใบที่ 1 ท่านย่อมกลัวว่าโลกใบทื่ 2 ว่านี่ของคือจริง " ขอบคุณมากๆครับ

 

โดย: ทำไม่เป็น IP: 58.9.247.184 11 ตุลาคม 2553 16:03:44 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 16:43:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.