Drama หนังสือแหกตาคนอ่าน
เมื่อผมเขียน blog มีผู้อ่าน blog 2 ท่านได้ติดต่อผมเข้ามา ในปัญหาหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือ จิตเขาชอบไปด่าพระด่าเจ้า เมื่อเกิดอาการอย่างนี้ขึ้น ก็กลุ้มใจหนัก กลัวตกนรกเป็นที่สุด อีกท่านหนึ่ง ติดอ่านหนังสือประเภท .กรรม. เมื่ออ่านแล้ว ก็ยิ่งกลัวหนัก เพราะเรื่องในหนังสือ ตนเองได้กระทำไว้เช่นกัน
ก่อนอ่านเรื่องนี้ กรุณาอ่านเรื่องนี้ก่อนครับ เพราะผมจะมีคำเรียกใช้ว่า โลกใบที่ 1 โลกใบทีี่ 2 สภาวะปรมัตถ์ ซ่อนอยู่ใน สภาวะสมมุติ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2010&date=11&group=8&gblog=29
เมื่อท่านอ่านหนังสือ ผมจะเรียกตามคำสมัยใหม่ครับว่า Drama เมื่อท่านเข้าใจในเรื่องราว มันก็คือ โลกใบที่ 2 อันเป็นสภาวะ แห่งสัญญาขันธ์มันทำงานสร้างขึ้นมานั้นเอง ซึ่งมันเ็ป็นเรื่องที่ไม่จริงครับ
ของจริงในโลกใบที่ 1 ก็คือ ตาท่านสัมผัสอะไรสักอย่างในขณะที่อ่านหนังสือ
เมื่อท่านไม่เข้าใจในโลกใบที่ 1 ท่านย่อมกลัวว่าโลกใบที่ 2 ว่านี่คือของจริง เมื่อท่านเชื่อว่า โลกใบที่ 2 นี่ืคือของจริง สัญญาขันธ์ ร่วมกับ สังขารขันธ์ ก็จะละเลงกันสนุก ปั่นหัวให้ท่านเกิดอาการกลัว กลัว และ ก็กลัว แล้วท่านก็เป็นทุกข์กับมัน เหมือนตกนรกทั้งเป็น
การแก้ปัญหานี้ ในระยะสั้น จะมี 2 วิธี คือ
วิธีแรก ให้ใช้คำบริกรรม ทำการบริกรรมบ่อยๆ เืพื่อให้จิตไปคุ้นกับคำบริกรรม เมื่อจิตไปคุ้นกับของใหม่ จิตก็จะจางคลายจากของเก่า คืออาการที่ไปด่าพระด่าเจ้า แต่ว่า ถึงแม้ว่าจะลดลง แต่ก็คงยังมีโผล่มาบ้างประปราย ซึ่งแล้วแต่โอกาส แต่ก็ดีกว่าไม่ลดลง จริงใหมครับ
ิวิธีที่สอง ให้น้อมใจเชื่อยอมรับไปก่อนว่า โลกใบที่ 2 นี่มันเป็นสิ่งที่หลอกลวง วิธีนี้สู้วิธีแรกไม่ได้ เพราะการน้อมใจเชื่อนั้น จิตจะยอมรับได้ยากยิ่ง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
การแก้ปัญหาระยะยาวนั้น มีสถานเดียว ท่านต้องภาวนาจนเห็นสภาวะแห่งจิตปรุงแต่งเป็นไตรลักษณ์ให้ได้ เมื่อท่านเห็นจิตปรุงแต่งเป็นไตรลักษณ์ได้บ่อย ๆ จิตจะเกิดการปล่อยวาง ความคิดเองได้ เมื่อจิตปล่อยวางจิตปรุงแต่งได้เองแล้ว ทุกข์ในอาการนี้ก็จะจบลง
****** ท่านจะเห็นว่า โลกใบที่ 2 ของ Drama สามารถสร้างปัญหาให้แก่ผู้อ่านได้เสมอ ที่ไม่ได้ภาวนา และการแก้ไข ก็มีทางเดียวคือ การภาวนา ถ้าภาวนายังไม่ได้ผล จนปล่อยวางความคิดได้ ท่านที่อ่านเรื่อง Drama นั้น ๆ ก็จะน้อมใจเชื่อว่า Drama คือความจริง แล้วท่านก็เป็นทุกข์เพราะ Drama นั้น ๆ
ในหลายสำนักปฏิบัติธรรม เวลาไปฝึกภาวนา อาจารย์ผู้สอน จะให้เก็บตัว ไม่ให้พูดคุยกับใคร ไม่ให้ฟังวิทยุ ไม่ให้ดูทีวี ไม่ให้อ่านหนังสืิอ ไม่ให้เีขียนหนังสือ เพราะการกระทำเรื่องทั้งหมดคือ Drama เช่นกัน และจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา
ดังนั้น Drama ย่อมเป็นอุสรรคต่อนักภาวนา การเลือก Drama ย่อมเป็นสิ่งสำคัญว่า สมควรรับ Drama เรื่องใด ไม่ใช่รับดะไปหมด
คนเขียน และสำนักพิมพ์ Drama หาเงินจากหยาดเหงื่อแรงกายของท่าน แต่ท่านกลับมาทุกข์เพราะมัน อย่างนี้ ท่านจะเสียเงินให้เขาทำไมกัน
***** เรื่องท้ายบท
เมื่อท่านรับรู้เรื่องใดและติดใจในเรื่องนั้น มันจะเหมือนการจี้ลงไปที่ใจของท่านเอง จิตจะเฝ้าระลึกถึงสิ่้งนั้นอยู่เสมอ และจะตามมาพร้อมกับการจิตปรุงแต่ง ทำให้ท่านเป็นทุกข์เพราะมันได้ และจะยิ่งทุกข์หนักขึ้นไปอีก เมื่อท่าน พยายามจะลืมมันแบบผิดวิธี แต่มันกลับจะเป็นการกระตุ้นให้จิตไประลึกถึงมัน มากขึ้นอีก
ถ้าว่ากันไป อนุสติ ต่าง ๆ ในตำราก็เป็น Drama เช่นกัน แต่เป็น Drama ที่ไม่สร้างทุกข์ทางใจขึ้นเท่านั้น
การปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงนั้น เมื่อท่านยังไม่ตาย ท่านต้องพบกับ Drama อยู่ร่ำไป เพียงแต่ว่า ทำอย่างไร ท่านจึงจะเข้าใจใน Drama ว่ามันเป็นของไม่จริงก็เท่านั้น แล้วท่านจะไม่ทุกข์เพราะมันอีก
Create Date : 12 มิถุนายน 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:10:43 น. |
Counter : 971 Pageviews. |
|
|
|