รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
สิ่งมีชีวิตจะมีความรู้สึก

การมีชีวิตจะมีความรู้สึกเป็นคุณสมบัติทีสำคัญ

เมื่อเรารู้สึกได้ถึงสิ่งใด เราจะเรียกสิ่งนั้นว่า ทุกข์

เป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่งของธรรมชาติ เพียงเรารู้ว่าเรารู้สึก หรือ รู้ว่า ทุกข์ได้เกิดแล้ว ถ้าเหตุแห่งทุกข์ได้หยุดลงเมื่อใด ทุกข์ก็จะหยุดลงไปด้วยเสมอ แต่ถ้าเมื่อใด ที่ทุกข์เกิด แล้ว เราไม่รู้ว่าทุกข์เกิด นี่ซิ ทุกข์นั้นจะคงตัวปรากฏอยู่อย่างยาวนาน นี่คือ สิ่งที่พระพุทธองค์ได้ค้นพบธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตนี้ แล้วพระองค์ก็ได้ทรงบอกพุทธบริษัทในสิ่งที่พระองค์ทรงค้นพบ โดยเรียกสิ่งที่พระองค์ทรงค้นพบว่า อริบสัจจ์ 4 ข้อที่ 1 ว่า ทุกข์ให้รู้

กล่าวให้แง่การปฏิบัติธรรม สิ่งต่าง ๆ ที่เราพากเพียรฝึกฝน ก็เพื่อให้รู้จักว่าทุกข์ว่ามันเกิดขึ้นหรือยัง ทุกข์ที่เกิดนั้น จะเกิดขึ้นโดยผ่านทางระบบประสาท หรือ ที่เรียกกันในภาษาพระว่า อายตนะ 6 อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ดังนั้น การฝึกฝนในทางธรรมปฏิบัติ เพื่อให้รู้จักทุกข์ที่เกิดในอายตนะเหล่านี้นั้นเอง

จะเห็นว่า ธรรมปฏิบัติที่เป็นรากฐานการพ้นทุกข์นั้นมันเป็นธรรมชาติและไม่ซับซ้อนอะไรเลย เพียงเราเข้าใจหลักการที่จะเข้าถึงการรู้ทุกข์ นี่คือการเข้าถึงการรู้ธรรมชาติแล้ว

การรู้ทุกข์อันเป็นธรรมชาติ ก็ต้องอาศัยธรรมชาติ คือ การเข้ารู้ความรู้สึกแบบที่เป็นธรรมชาติ ไร้การเสริมแต่งใด ๆ ในการรู้ทุกข์นั้น

ความยากมันอยู่ตรงนี้เอง คือ การเข้ารู้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติไร้การเสริมแต่งใด ๆ ในการรับรู้ เพราะคนเราจะคุ้นเคยกับการเสริมแต่งจนชาชินแล้ว เมื่อจะไม่ให้เสริมแต่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

เมื่อรู้ทุกข์แบบเสริมแต่ง ก็ไม่ใช่การรู้ทุกข์ที่แท้จริง เมื่อรู้ไม่แท้จริง ก็ไม่ใช่รู้ธรรมชาติที่ถูกต้อง

คำบัญญัติต่าง ๆ ที่เสริมเข้ามาเพื่อจะอธิบายปรากฏการณ์ของการพ้นทุกข์ในทุกวันนี้ ไม่ว่า จะเป็น นรก สวรรค์ ศีล สมาธิ ปัญญา ญาณ ญาณ หรือ อะไรก็แล้วแต่ ล้วนแต่เป็นการเสริมแต่งที่เข้ามาในสมองทั้งหมด

เขี่ยพวกเสริมแต่งเหล่านี้ออกจากสมองซะ ให้เพียงรู้ทุกข์แบบเป็นธรรมชาติ ก็จะเข้าถึงหลักธรรมแห่งธรรมชาติได้

ถ้าบทความนี้ ลงท้ายว่าเขียนโดยพระชื่อดัง หรือ นักเขียนชื่อดัง ก็จะมีคำอนุโมทนาสาธุ

แต่ถ้าเป็นฆราวาส หรือ นักเขียน no name ก็อาจจะได้รับการต่อต้านว่า พวกทำลายศาสนา

ทั้ง ๆ ที่เขียนเหมือนกันทุกอย่างแต่สิ่งที่ได้รับไม่เหมือนกัน นี่คือการเสริมแต่งเข้าไปสู่จิตใจท่านผู้อ่านโดยที่ท่านไม่รู้จักว่ามันคือทุกข์ นั้นเอง

ถ้าท่านผู้อ่านผู้ใดมองออก นั้นแหละ ท่านรู้จักทุกข์แล้ว ผมขออนุโมทนา

ปัญญาในทางพุทธศาสนามันยากยิ่งก็ตรงการเสริมแต่งที่ถูกยัดเยียดเข้าไปจนล้นสมองของชาวพุทธทุกวันนี้นี่เองครับ

****





Create Date : 21 เมษายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:13:55 น. 1 comments
Counter : 1136 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:50:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.