สมมุติ ปรมัตถ์ ฉบับชาวบ้านอ่าน
ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับ สมมุิติ ปรมัตถ์ มาบ้างใน blog ส่วนมากจะสอดแสรกเข้าไปในเนื้อเรื่อง แต่ผมก็จำไม่ได้ว่า อยู่ในเรื่องใดบ้างใน blog ผมเขียนให้อ่านใหม่ก็แล้วกัน เป็นฉบับชาวบ้านอ่าน ผมจะใช้คำง่าย ๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายสำหรับชาวบ้าน
สำำหรับท่านที่ต้องการอ่านแบบตำรา สามารถหาอ่านได้มีมากมายในอินเตอร์เนท ซึ่งท่านสามารถค้นหาได้ง่ายใน google
1.ปรมัตถ์ คือ อะไร ปรมัถต์ คือ สภาวะจริง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีชื่อเรียกกัน ตัวอย่างเช่น ท่านเอามือ 2 ข้าง ถูกัน ถูกไป ถูมา ถูแรง ๆ หน่อย สักพัก ก็จะมีอาการขึ้นที่มือที่ถูกันนั้น ที่ท่านรู้สึกถึงอาการนั้นได้ ให้ท่านลองเอามือถูจริง ๆ ตอนนี้ก็ได้ครับ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นใหม
2.สมมุติ คือ อะไร สมมุติ คือ สิ่งทีคนเราตั้งชื่อขึ้นมาเพื่อเรียกปรากฏการณ์ที่รู้สึกถึงได้นั้นขึ้น เพื่อการสื่อสาร เพื่อให้เข้าใจกันในหมู่ชนว่า ชื่ออย่างนี้ คือ อาการอย่างนี้นะ จากตัวอย่้างข้างต้น พอท่านเอามือถูกันแรง ๆ สักพัก ท่านจะรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที ซึ้งความรู้สึกนั้นเป็นปรมัตถ์ แต่เพื่อให้คนเข้าใจกัน คนก็จะเรียกความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานั้นว่า ...ความร้อน.... ซึ่งคำว่า ความร้อน นี่เป็นสิ่งสมมุติที่ใช้แทนชื่อเรียกอาการอย่างนั้นแหละ ที่เกิดขึ้นมาเมื่อท่านถูฝ่ามือ
พอคนเข้าใจคำสมมุติว่า..ความร้อน.. ก็จะคุยกันรู้เรื่องว่า กำลังพูดเรื่องอะไรกัน
***************** หลาย ๆ สิ่งในโลกนี้ ทีคนธรรมดาสัมผัสได้จริง ก็มักจะมีชื่อเรียกกันโดยทั่ว ๆ ไป เช่น เย็น หนาว ร้อน ร้อนตับแตก (นี่คือร้อนมาก) เจ็บ มีความสุข มีความทุกข์ และอะไรอีกมหาศาลชื่อที่คนเขาตั้งขึ้นมาเพื่อใช้สื่อสารกัน
ผมยกตัวอย่างอีกอย่าง ท่านเอาไม้หน้าสามที่ขนาดพอเหมาะ ซัดลงไปทีคน ๆ หนึ่ง เขาจะร้องอย่างออกมาเสียงดัง อาจมีคำพูดออกมาว่า โอ๊ย เจ็บ มาตีผมทำไมกัน.... คนที่ถูกตีนี้ สัีมผัส ปรมัตถ์ อันเป็นอาการทีีสมมุติเรียกกันว่า เจ๊บ
ทีนี้เอาใหม่ ท่านเอาไม้หน้าสามนั้น ไปตีสุนัขเข้าอย่างแรงเหมือนกัน สุนัขร้องเอ๊ง แล้ววิ่งหนีไป แต่สุนัขไม่พูดว่า เจ็บ แต่สุนัข เขารู้สึกได้ถึงอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อถูกตี นั้นคือ ปรมัตถ์ ที่คนเรียกว่า เจ็บ แต่สุนัข ไม่มีคำพูด เพียงแต่รู้สึกถึงได้ของอาการนี้เท่านั้น
**** ที่ผมอธิบายมาข้างบนนี้ คิดว่า ท่านคงเข้าใจ คำว่า สมมุติ ปรมัถต์ แล้วนะครับ ถ้าไม่เข้าใจ ให้ถามมาได้ ใน blog บทนี้ ผมจะเปิดให้เขียนถามได้ครับ ขอให้ท่านที่ไม่เข้าใจเขียนถามจริง ๆ ท่านที่รู้มากแล้ว ชอบเอาตำรามาอ้าง มาถล่มผม กรุณาอย่าเขียนลงมา เพราะผมไม่ต้อนรับ ผมจะลบสิ่งทีท่านเขียนออกทันทีที่ผมเห็น และผมแนะนำให้ท่านเลิกนิสัยอย่างนี้ซะ มันเป็นตราบาปในใจท่าน ท่านรู้ใหม
ผมเอาเรื่อง สมมุิติ ปรมัตถ์ มาเขียนเพื่อให้ท่านที่เป็นมือใหม่ทราบว่า ในการฝึกฝนปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น สิ่งทีท่านรู้สึกได้จริงในขณะปฏิบัติ นั้น อันเป็นปรมัตถ์ ท่านสมควรรู้สึกถึง แต่ไม่จำเป็นต้องไปรู้ชื่อในสิ่งที่รู้สึกถึงนั้นจริง ๆ ( ชื่อเรียก เป็นสมมุิติ )
เช่น ดังตัวอย่างเรื่องถูมือข้างต้น ท่านถูมือ ท่านก็รู้สึกถึงได้ ของการสัมผัสที่เกิดขึ้นในขณะถูมือ อันเป็นอาการของปรมัตถ์ ที่เรียกในภาษาสมมุติว่า ความร้อนที่เกิดขึ้น โดยท่านไม่ต้องไปสนใจชื่อเรียกมันว่า นี่คือ การสัมผัสนะ นี่คือความร้อนนะ เพียงแต่ท่านรู้่สึกถึงเท่านั้น ก็ใช้ได้แล้วครับ ท่านจะเห็นว่า การปฏิบัติจริง ๆ นั้นมันง่ายมาก ๆ เพียงแต่คนไม่เข้าใจกันในเรื่องสมมุติ ปรมัตถ์ ก็เลยทำให้ยากและก็ทำให้ไปไม่ถึงดวงดาวแห่งการพ้นทุกข์กันสักที เพราะมัวแต่หลงสมมุติ ในขณะปฏิบัติกันนั้่นแหละ
**** ทำไมต้องสนใจปรมัตถ์ ไม่ต้องไปสนใจสมมุติ ท่านอ่านดี ๆ นะครับ ตอนนี้ ถ้าท่านเข้าใจ ท่านจะพบเองว่า การปฏิบัติธรรม นั้นอย่างไรถูกตรง อย่างใดไม่ตรง เีบียงเบนเล็กน้อย อย่างใดเรียกว่าผิดทางตกเหวลึกหาทางขึ้นไม่พบ
ตอบ......การรู้ปรมัตถ์ จะเป็นการรู้ด้วย "จิต" แต่การรู้สมมุติ เป็นการรู้ด้วย "ขันธ์" คือเป็น รู้เพราะสัญญาขันธ์ ในการปฏิบัตินั้น ต้องเป็นการรู้ด้วย .จิต. จึงจะใช้ได้ครับ เมื่อ จิต รู้ปรมัตถ์ จิต จะพบความจริงแห่งปรมัถต์ นั้นคือ ความไม่เที่ยง การแปรเปลี่ยน ที่ภาษาพระเรียกกันว่า ไตรลักษณ์ ท่านลองดูก็ได้ครับ พอท่านถูมือ มีอาการปรมัตถ์เกิดขึ้นที่ภาษาสมมุติเรียกกันว่า ความร้อน พอท่านเลิกถู ปรมัตถ์อาการที่เรียกว่า ความร้อน ก็จะหยุดลง จริงใหมครับ
**** ท่านอาจสงสัยว่า ในพระไตรปิฏก มีคำต่าง ๆ มากมาย ที่อ่านแล้วไม่รู้จักว่ามันคืออะไร ผมเรียนให้ท่านทราบว่า มันคือสมมุติ ครับ ท่านไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักมัน ก็ไม่ต้องไปสนใจเลย ในขณะปฏิบัติ เพราะมันไม่ใช่ปรมัตถ์
ผมอ่านในกระทู้ธรรมมาตลอด ผมเห็นคำถามจำนวนมากที่ถามเรื่องโน้น เรื่องนี้ในทางศาสนา อยากรู้จักว่าเป็นอย่างไร ขอให้อธิบาย เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้เช่นกัน เพราะผมไม่เข้าใจ ผมคิดเอาเองว่า ถ้าผมรู้เรื่องพวกนี้ ผมจะพ้นทุกข์ แต่ผมรู้แล้วครับว่า สิ่งเหล่านี้ที่เป็นสมมุติ ไม่อาจทำให้พ้นทุกข์ได้ ท่านต้องรู้ปรมัตถ์ โดยไม่ต้องไปสนใจชื่อสมมุติต่างหาก ท่านจึงจะพ้นทกข์ได้จริง อีกประการหนึ่ง ถึงแม้ว่า ท่านถามในอินเตอร์เนท คนที่เข้ามาตอบท่าน ท่านก็ไม่อาจทราบได้เลยว่า สิ่งที่เขาพยายามตอบท่านนั้น ตรงหรือไม่ตรงและท่านอ่านแล้ว ท่านเข้าใจตรงกับที่เขาเขียนตอบหรือไม่ เพราะท่านไม่รู้จัก ไม่เคยพบ ท่านจึงไม่อาจรู้จริง ๆ ได้เลยว่า มันเป็นอย่างไร
ท่านลองดูก็ได้ครับ ท่านลองเอา น้ำเป๊บซี่ ผสมกับ น้ำแดงแฟนต้าในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ท่านลองให้คน 2 คนกิน แต่อย่าบอกเขาว่า มันคืออะไร แล้วให้เขาอธิบายให้ท่านฟังก็ได้ ว่า คนทั้ง 2 จะพูดเหมือนกันหรือไม่ ในสิ่งทีเขากินนั้น
**** เรื่องท้ายบท
เมื่อผมไปเชียงใหม่ครั้งแรก มีคนพาผมไปรับประทานอาการเที่ยง ที่คนเหนือเรียกกันว่า ข้าวซอย ผมไม่รู้จัก ข้าวซอย มาก่อน พอผมเห็น ผมก็บอกว่า นี่มัน ก๋วยเตี๋ยว ใส่แกงนี่น๊า ไม่เห็นเป็นข้าวเลย
คำว่า ข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวใส่แกง เป็นชื่อสมมุติทีต่างกัน แต่พอกินเข้าไป จะรู้รสที่เหมือนกัน อันเป็นปรมัตถ์
ท่านมองออกใช่ใหมครับว่า อะไรเป็นอะไรในการปฏิบัติ
Create Date : 28 พฤษภาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:11:35 น. |
Counter : 1494 Pageviews. |
|
|
|