ความเชื่อที่ไม่ตรงใน ศีล สมาธิ ปัญญา ทำไห้ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้เลย
บทความนี้ อาจทำให้ท่านที่เข้ามาอ่าน เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้เขียนได้ เพราะผู้เขียนกำลังจะนำเอาสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ในทุกวันนี้เชื่อกันว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องอย่างนี้ อย่างนี้ มาตีแผ่ให้ท่านเห็นว่า คนไทบส่วนมากเข้าใจผิดในเรื่องนี้อย่างไร เพราะการเข้าใจผิด นั่นหมายถึง การปฏิบัติที่ผิด เมื่อปฏิบัติผิด ก็ไม่มีทางเข้าถึงธรรมได้เลย
********** ผมเตือนท่านแล้ว ถ้าท่านยังดึงดันจะอ่านต่อไป แล้วท่านเกิดความรู้สึกไม่ดี มันเป็นเรื่องที่ท่านก่อขึ้นเอง ถ้าท่านพร้อมจะเสียความรู้สึกแล้วละก็ เชิญอ่านได้เลยครับ
********** 1... ศีล สิ่งที่คนไทยเข้าใจกันก็คือ การพยายามรักษา ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 หรือ การพยายามทำตัวเป็นคนดี พูดดี คิดดี ทำดี
แต่ผมจะบอกท่านว่า ศีล ที่จะนำท่านเข้าสู่การพ้นทุกข์ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ เพราะ ศีล นั้น ถ้าแปลกันตรง ๆ ก็คือ แปลว่า ปรกติ ของคน ซึ่งก็คือ การที่คนมี สติ + สัมปชัญญะ อยู่นั้นเอง
ท่านอ่านดีๆ นะครับ ผมไม่ได้บอกว่า ให้ท่านเลิกรักษาศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 การกระทำตนเป็นคนดี พูดดี คิดดี ทำดี ท่านเคยทำอย่างไร ก็ทำไปตามนั้นเหมือนเดิมครับ แต่ท่านควรจะมาเน้นที่การมี สติ + สัมมปชัญญะ ซึ่งเป็น ศีล สำหรับ การเข้าสู่ธรรมแท้ได้
2....สมาธิ
สิ่งที่คนไทยเข้าใจกัน ก็คือ สมาธิ คือ การที่จิดจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบไม่คาดออกไปได้เลย เช่น เอาจิตไปจับปลายจมูกเพื่อดูลมหายใจเพียงอย่างเดียว นี่เป็นสมาธิแบบฤาษี ครับ ไม่ใช่สมาธิแบบพระพุทธเจ้าสอน สมาธิแบบพระพุทธเจ้าสอน ก็คือ การมีศีล (อ่านข้อ 1 อีกทีก็ได้ครับ คือ การที่มี สติ + สัมปชัญญะ ) แล้วรักษาศีล คือ รักษาสติ + สัมปชัญญะ ได้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อย่าให้ขาดตอน ซึ่ง จะเรียกกันว่า การมีสัมมาสมาธิ ที่ตั้งมั่น
ท่านเห็นความแตกต่างไหมครับ ในสมาธิ 2 แบบระหว่าง สมาธิแบบพระพุทธเจ้าสอน และ สมาธิแบบฤาษีหนวดยาว
ถ้าท่านยังทำสมาธิแบบฤาษีแล้วละก็ ไม่มีทางเข้าถึงธรรมได้ อย่างเก่งได้แค่ความสงบ เข้าถึงฌาน อรูปฌาน แบบฤาษี แต่ไม่มีทางเข้าถึงธรรมได้เลย
เอาละ ผมรู้ครับ พอมาถึงตรงนี้ ท่านที่เคยเที่ยวเขียนบอกใครต่อใครในเวป ให้เขาทำจิตให้นิ่งแบบฤาษีว่านี่คือการทำสมาธิแบบพุทธแล้วละก็ ใจท่านคงเดือดปุด ๆ แล้วละครับ นี่คือผลแห่งสมาธิแบบฤาษีครับ ที่พอไม่ได้อยู่ในสมาธิ จะเป็นคนโกรธง่ายแบบไร้เหตุผล ผมรู้ เพราะผมเคยทำสมาธิแบบฤาษีนี้มาก่อนแล้วว่า ผลมันจะเป็นอย่างนี้เอง
3...ปัญญา สิ่งทีคนไทยเข้าใจกัน ก็คือ การคิดบ่อย ๆ ว่า ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเรา นี่เป็นการนึกคิดที่เป็นแบบจินตมยปัญญา ซึ่งไม่ใช่การเข้าถึงธรรมเลย
แต่การที่มี ศีล ( มีสติ + สัมปชัญญะ ) และ การมีสมาธิ ( คือ การมีสติ + สัมปชัญญะ ที่ต่อเนื่อง ) นี่ต่างหาก จะทำให้เกิด ภาวนามยปัญญา อันเป็นปัญญาที่จิตรู้ เข้าไปเห็นสภาวะทีแท้จริงของขันธ์ 5 ว่า ขันธ์ 5 นี่เป็นไตรลักษณ์ ขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ถ้าท่านได้หมั่นฝึกฝน คือ การมีศีลที่ต่อเนื่องจนเป็นสมาธิที่ตั้งมั่น ท่านจะพบได้เองเลยว่า จิตรุ้ เขาจะแยกตัวออกมาจากสิ่งที่ถูกรู้ ท่านจะเห็นได้เองเลยว่า การนึกคิด นั้นมันเป็น จิตตสังขาร เป็นการปรุงแต่ง เป็นมายา เป็นไตรลักษณ์ นี่คือ ทำไม ท่านที่นั่งคิด นอนคิดเรื่องนี้ จึงไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้
****************** ผมอยู่ในแวดวงกรรมฐานมานานมากกว่า 20 ปี บ่อยครั้งมาก ๆ ในอดีตที่ผมกำลังหาหนทางแห่งการเข้าถึงธรรม ได้เข้าไปนั่งฟังคำสอนจากพระที่มาเทศน์กันสด ๆ พระท่านก็จะเทศน์ถึงอนิสงค์แห่งศีล 5 ศีล 8 นี่แหละครับ หายากมาก ที่พระมาเทศน์สอนญาติโยมจะมาพูดถึงการมีสติ สัมปชัญญะ และก็บ่อย ๆ มาก ๆ ที่มาสอนสมาธิ ก็สอนสมาธิแบบฤาษี ให้กำหนดจิตไว้ปลายจมูก อย่าให้จิตหนีไปไหน ผมจึงหลงโง่อย่างนี้มานานนับ 20 ปี
ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่า ทางแห่งมรรคที่ถูกที่ควร ควรจะเป็นอย่างไร ผมจึงนำมาบอกกล่าวแก่ท่านที่มีวาสนาต่อกันให้เห็น ให้เข้าใจ ในสิ่งที่องค์พระศาสนาได้สอนไว้อย่างแท้จริง
ส่วนใครจะเชื่อไม่เชื่อ เป็นเรื่องของท่าน ท่านอยากจะหนวดเคายาวแบบฤาษี หรือ ศรีษะไร้เส้นผม มันเป็นสิทธิของท่านเอง ท่านเลือกได้เสมอ
พระศาสดาได้บอกไว้แล้วว่า พระองค์ได้แต่บอกทาง ผู้เดินคือตัวท่านเอง
***** เอาละ ฤาษีหนวดยาวเลิกโกรธผมได้แล้ว เพราะผมกำลังจะจบบทนี้แล้วครับ เอวัง.....
Create Date : 02 พฤษภาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:13:11 น. |
Counter : 1177 Pageviews. |
|
|
|
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน