รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

อย่ามัวดูจิต ถ้าท่านสู้พญามารไม่ไหว ให้ถอยตั้งหลักก่อน

บ่อยครั้งมาก ๆ ที่ผมได้เข้าไปอ่านในเว๊บบอร์ดธรรม หรือ blog ธรรม
แล้วพบกับการแนะนำจากผู้เขียนในเวปบอร์ด หรือ ใน blog ตอบผู้เข้ามาถามว่า เมื่อเกิดทุกข์ใจขึ้น การปฏิบัติธรรมนั้น ให้ดูจิตที่เป็นทุกข์ใจนั้น จนทุกข์ใจนั้นหายไป

ผมอ่านพบทีไร ผมเกิดความรู้สึกสงสารผู้ถามขึ้นมาทุกทีไป
เพราะคำแนะนำที่เขากำลังได้รับ มันไม่ใช่ยาแก้ทุกข์ครับ แต่มันคือยาพิษ ที่ผู้ถามดื่มเพิ่มเข้าไปอีก เพราะคิดว่า นีคือยาแก้ทุกข์

ส่วนผู้ทีเขียนตอบไว้ เมื่อเขากล้าเขียนอย่างนี้ ก็แสดงว่า เขากล้าที่จะเป็นผู้รู้ที่กล้าแนะนำผู้คนที่ยังไม่รู้ เขาย่อมกล้าที่จะรับผิดชอบตนเองได้ในทุก ๆ กรณี รวมถึงกรรมที่จะตามเขามาด้วบในอนาคต ผมจะไม่ขอกล่าวถึงและผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยครับ

มาดูบทวิเคาระห์ของผมกันครับ

1.. ผุ้ที่เขียนเข้ามาถามในเว๊บบอร์ด ผมเชื่อว่า ต้องเป็นมือใหม่อย่างแน่นอน ที่ไม่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรมเท่าใดนัก เมื่อเป็นมือใหม่ แน่นอนทีว่า กำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ย่อมอ่อนปวกเปียกเป็นน้ำ แทบไม่มีกำลังจิตเลย
เมื่อไม่มีกำลังจิต เมื่อเขาพบจิตปรุงแต่งที่แย่ ๆ จิตปรุงแต่งย่อมลากจิตใจเขาเข้าไปผสมการปรุงแต่งที่แย่ ๆ นั้น จนทำให้เกิดทุกข์ใจขึ้นมาแล้ว

2. การที่จิตปรุงแต่งลากจิตใจของผู้ถามเข้ามาผสมแล้วนั้น นั้นแสดงว่า จิตใจเขาถูกควบคุมอย่างสิ้นเชิงแล้วโดยจิตปรุงแต่ง ถ้าจะเขียนอย่างให้เข้าใจได้ง่าย ก็คือ เขาถูกพญามารมันลากไปขย้ำเสียแล้ว

3. มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จิตใจที่ไร้กำลังจิตและกำลังถูกพญามารลากเข้าไปขย้ำจะมีความสามารถในการดูจิต จนจิตใจหลุดออกจากพญามารนั้น
ผมขอย้ำนะครับ มันเป็นไปไม่ได้เลย....

4.เมื่อผู้ถามทีจิตใจถูกพญามารขย้ำอยู่ มองลงไปที่จิตที่กำลังเป็นทุกข์ใจหนัก สิ่งที่เขาจะเห็นคือ ตัวเขาเป็นทุกข์ มันเป็นทุกข์ทรมาน เขาจะคิดปรุงแต่งต่อไปเพื่อหาทางหนีจากทุกข์นั้น เพราะใคร ๆ ก็ไม่ชอบทุกข์ทั้งนั้น แน่นอนว่า ในยามนี้ จิตใจที่ย่ำแย่ของเขา จะเป็นไปได้หรือ เขาจะเห็นทางสว่างที่เป็นทางออก สิ่งที่เขาคิดได้ ก็มีแต่ทางมืดมิดที่เป็นทางออก อาจร้ายแรงถึงขั้นทำร้ายใครต่อใคร หรือ ทำร้ายตนเอง เพื่อให้หลุดออกจากทุกข์นั้น

5. เมื่อท่านต่อสู่กับพญามาร เมื่อท่านต้องพ่ายแพ้แก่พญามารเมื่อไร
สิ่งเดียวทีท่านต้องทำในขณะนั้นก็คือ ต้องสลัดพญามารให้หลุดให้ได้ก่อน วิธีสลัดให้หลุดจากพญามาร ก็คือ ต้องไม่ดูจิต ที่กำลังย่ำแย่ครับ
ย้ำครับ ต้องไม่ดูจิต ที่กำลังย่ำแย่

นี่เป็นการถอยเพื่อตั้งหลักก่อน ที่จะต่อสู้กับพญามารต่อไป

6.เมื่อท่านไม่ดูจิตที่กำลังย่ำแย่ ในธรรมชาติของจิตใจ ที่พญามาร ยังไม่สิ้นความพยายาม พญามาร จะยังมารังแกท่านอยู่เสมอ ๆ เป็นระยะ
ในหลักการปฏิบัติ ท่านต้องห้ามดูจิต แต่ ให้ดูที่กายล้วน ๆ เท่านั้น
การดูกายล้วน ๆ เช่น เดินจงกรม เดินให้มาก เดินให้เหนื่อย พญามารมาเมื่อไร ก็ให้สลัดให้หลุด แล้วอย่าสนใจมัน สนใจการดูกายล้วน ๆ อย่างเดียวเท่านั้น เมื่อท่านฝึกอย่างนี้ จะมีผลดี 2 ประการครับ
ประการแรก...... จิตท่านจะเริ่มมีกำลังมากขึ้น
ประการสอง..... พญามารจะรบกวนท่านสั้นลง น้อยลง จนจิตใจท่านหลุดจากพญามารได้ในที่สุด
แต่การดูกายนี้ ต้องใช้เวลานะครับ อาจใช้เวลา 3 วัน 7 วัน หรือ มากกว่า

7..ท่านอาจสงสัยว่า แล้วทำไมคนที่สอนวิชาดูจิต ถึงสอนให้ดูจิตละ
เรื่องนี้ ผมขอบอกว่า ท่านฟังไม่ผิดครับ วิชาดูจิต ก็ให้ดูจิต
แต่มีข้อหนึ่งที่ท่านอาจศีกษาไม่ละเอียดพอ หรือ คนสอนวิชาดูจิต
ไม่บอกท่าน หรือ คนตอบท่านก็ยังไม่รู้ ก็คือ การดูจิตได้นั้น ท่านต้องมีกำลังจิตก่อน ถึงจะดูจิตได้ครับ
ถ้าไม่มีกำลังจิต การดูจิต นั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นอาการของจิต หรือ ตัวจิตเอง

การดูจิตด้วยจิตมีกำลังตั้งมั่นแห่งสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะมีตัวจิตรู้แยกตัวออกมาจากจิตปรุงแต่งที่กำลังดู เมื่อจิตรู้แยกตัวออกมาจากจิตปรุงแต่ง ท่านจึงจะเห็นอาการของจิตปรุงแต่งได้

การดูจิตทียังไม่มีกำลังจิตที่ตั้งมั่น ทุกครั้งท่จิตปรุงแต่งเกิดขึ้น จิตรู้จะถูกจิตปรุงแต่งดึงเข้าไปด้วย ทำให้ท่านไม่เห็นอาการของจิตปรุงแต่งได้ และท่านก็จะถูกพญามารลากเข้าไปด้วยครับ ทำให้ท่านเป็นทุกข์เพราะการปรุงแต่งนั้น

8..สำหรับท่านที่กำลังถูกพญามารเล่นงาน ผมก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้พิจารณาเอาเองด้วยปัญญา แล้วท่านถึงจะปฏิบัติแล้วทุกข์ลดลง ไม่ใช่ปฏิบัติแล้วยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก





 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2553
1 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:12:19 น.
Counter : 1013 Pageviews.

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 16:47:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.