เมื่อจงใจ กระทำสิ่งใด ความเป็นตัวตนก็จะเกิดขึ้นทันที
เมื่อจงใจกระทำสิ่งใด ความเป็นตัวตนก็จะเกิดขึ้นทันที
ผมจะเล่าประสบการณ์ที่ผมพบเรื่องสภาวะความเป็นตัวตนให้ท่านฟัง มันเป็นประสบการณ์ส่วนตัว ขออย่าได้เชื่อถือ จนกว่า ท่านจะพบกับของจริงโดยตัวท่านเองเท่านั้น ********************* เมื่อเกิดสภาวะแห่งการเป็นตัวตนขึ้นเมื่อไร ผมพบว่า จิตรู้ จะเป็นดวง หรือ จะเรียกว่าเป็นเม็ด ก็ได้ เพราะถ้าใช้คำว่า ดวง ผู้อ่านจะคิดว่า เป็นดวงใหญ่ ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใหญ่ครับ ผมจึงใช้คำว่า เป็นเม็ด แทนก็แล้วกัน เพราะจะได้รู้สึกว่าเล็กหน่อย
เจ้า จิตรู้ ที่เป็นเม็ดนี้แหละครับ ที่เป็นความเป็นตัวตนของคนเรา ถ้า จิตรู้ ยังเป็นเม็ดอยู่ ผมได้ยินจากนักปฏิบัติบางท่านเรียกมันว่า ....จิตอวิชชา.... ซึ่งผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะอวิชชา คือ การเข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงเรื่องการมีอยู่ของตัวตนนั้นเอง
ในคนธรรมดาที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม จิตรู้ นี้มันจะรวมตัวกับ จิตตสังขาร ทำให้คนธรรมดา ไม่รู้จัก.จิตรู้.ว่าคืออะไร และเข้าใจเชื่ออย่างเหนียวแน่นว่า ขันธ์ 5 นี้เป็นตัวตนของเขานั่นเอง เมื่อ ขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เขาจึงเป็นทุกข์ไปกับขันธ์ 5 ด้วย กลไกมันเป็นอย่างนี้เองครับท่านผู้อ่าน
แต่สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพุทธศาสนา เมื่อได้ปฏิบัติมาได้ผลในระดับหนึ่ง จิตรู้ ที่เป็นเม็ด มันจะแยกตัวออกมาได้จาก จิตตสังขาร ได้ และ จิตรู้ นี้จะเห็นจิตตสังขารนี้ เป็นวัตถุอันหนึ่ง ที่เป็นไตรลักษณ์ มันไม่เที่ยง มันแปรปรวน มันเป็นทุกข์ ดังนั้น จิตรู้ จะเข้าใจได้เองว่า ขันธ์ 5 นี้ไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย ขันธ์ 5 มันเป็นวัตถุอันหนึ่งที่แปรเปลี่ยนไปเพราะเหตุ และ ปัจจัย เมื่อขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เขาจะไม่ทุกข์ไปกับขันธ์ 5 ด้วย เพราะ จิตรู้ มันแยกตัวออกมาแล้วจากขันธ์ 5 นั้นเอง
เมื่อนักปฏิบัติเห็นขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของตน ได้แล้ว จิตรู้ ก็ยังเป็นเม็ดอยู่ เช่นนั้น แต่เมื่อเขาได้ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ อีก กำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ตั้งมั่นมากขึ้นอีก ... เขาจะพบกับอาการ จิตรู้ อีกแบบหนึ่ง ที่ไม่เป็นเม็ด คือ สภาพการเป็นเม็ดมันจะหายไปเอง ตอนนี้ เขาสามารถเปรียบเทียบอาการ จิตรู้ เป็นเม็ด และ จิตรู้แบบไม่เป็นเม็ดได้
ถ้าเขาสังเกตให้ดี ๆ เขาจะพบว่า อันว่า จิตรู้ ที่เป็น เม็ดนั้น เกิดขึ้นมาได้เพราะมีการจงใจในการกระทำ อันเป็น กรรม นั้นเอง ไม่ว่า กรรมดี หรือ กรรมชั่ว แต่ถ้าเป็นการกระทำที่ไม่มีการจงใจเข้ากระทำ จิตรู้ จะไม่เป็นเม็ด แต่จะกลายเป็นของว่างเปล่าแทน
เมื่อ จิตรู้ ว่างเปล่า ไม่เป็นเม็ด ความเป็นตัวตน ก็ไม่มีในขณะนั้น นี่คือ เป้าหมายสุดท้าย ในการปฏิบัติ ที่สิ้นสุดการเป็นตัวตนนั้นเอง
ผมกำลังจะสื่อเรื่องจิตรู้เป็นเม็ด ไม่เป็นเม็ด ให้ท่านทราบครับว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ในแนวพุทธ นั้นจะต้องไม่มึการจงใจเข้ากระทำ มิฉะนั้น จะทำลายอัตตาตัวตนไม่ได้ครับ ยิ่งจงใจเข้ากระทำ อัตตาตัวตน ยิ่งแน่นเข้า แน่นเข้าไปอีก นี่คือทำไม คนธรรมดาจึงไม่เห็นธรรม เพราะอัตตาตัวตนมันแน่นปึ๊กครับ
ในขณะที่เมื่อท่านลงมือฝึกฝนการพัฒนากำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ท่านสมควร ที่จะฝึกฝนโดยไม่มีการจงใจที่เข้ากระทำ เช่น การพยายามที่จะรู้อะไรเป็นพิเศษ เช่น การเพ่งลมหายใจ การเพ่งจ้องสภาวะ แม้แต่การพยายามรักษาศีล 5 ศีล 8 ให้สมบูรณ์ ก็เป็นการจงใจเข้ากระทำ เช่นกัน ท่านอ่านแล้ว คงไม่ยอมรับในเรื่องศีล มันเป็นสิทธิของท่าน ผมเพียงให้ข้อคิดแก่ท่านเท่านั้นจากประสบการณ์ที่ผมพบในการปฏิบัติธรรมมาแบ่งปัน ( แนะนำอ่าน //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2010&date=02&group=8&gblog=8 )
เมื่อท่านอ่านแล้ว ลองย้อนมาดูพฤติกรรมของท่านครับเองว่า ท่านกำลังปฏิบัติธรรมด้วยการจงใจเข้ากระทำหรือไม่ มันเป็นความก้าวหน้าในการปฏิบัติของท่านจะเจริญหรือหยุดนิ่ง ก็อยู่ที่นี่ครับ
แนะนำอ่านเรื่อง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2010&date=09&group=8&gblog=12
หมายเหตุท้ายบท เรื่องศีล5 ศีล8 ผมไม่ได้บอกว่าให้ท่านผิดศีลนะครับ ท่านอ่านดีๆ แต่ท่านควรใช้สติปัญญาในการรักษาศีล จึงจะดีสำหรับท่าน มิฉะนั้น ก็จะเป็น สีลพรตปรามาส ไปแล้วครับท่าน
***********
Create Date : 27 พฤษภาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:11:28 น. |
Counter : 1043 Pageviews. |
|
|
|
ไร้ภาระ เปรียบเหมือนนกน้อยที่ประตูกรงได้ถูกเปิดออก ย่อมโบยบินสู่โลกกว้างที่ไร้ขอบเขต
เมื่อนกออกจากกรงได้ กรงก็ไร้ความหมายอีกต่อไป