รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
เปรียบเทียบการดูจิต กับ การดูภาพยนต์

ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน คงเคยดูภาพยนต์มาแล้ว

ถ้าท่านเข้าไปชมภาพยนต์ในโรงภาพยนต์ บางท่านจะซื้อของขบเคี้ยว
เข้าไปรับประทานด้วย บางท่านไม่ได้ไปดูคนเดียว จะไปดูกับเพื่อน กับแฟน
ก็มี

เมื่อภาพยนต์เริ่มฉาย ถ้าท่านสนใจในการดูภาพยนต์แต่ต้นเรื่อง
ท่านจะเห็นตัวละครต่าง ๆ ที่โผล่หน้ากันเข้ามาในฉาก พอเปลี่ยนฉาก
ก็เปลี่ยนตัวละครไปตามเรื่องราว ตัวละครบางตัว โผล่มาครั้งเดียว นิดเดียว
ก็จะหายไป ซึ่งมักเป็นตัวประกอบเรื่อง ส่วน พระเอก นางเอก
ผู้รู้าย นางอิจฉา พวกนี้จะโผล่มากฉากด้วยกัน
เนื้อเรื่องในภาพยนต์ ก็จะมีหลากรสให้ท่านได้ชม ทั้งบู้ ทั้งรัก ทั้งขมขื่น ทั้งสดชื่นและอื่นๆ

ตอนนี้ ผมจะเขียนเทียบกับการดูจิตใจ กับการดูภาพยนต์

1.ถ้าท่านมัวแต่สนใจในการรับประทานขนม หรือ มัวคุยกับแฟน ในขณะดูภาพยนต์
ท่านอาจพลาดฉากบางฉากในภาพยนต์ได้ในขณะนั้นไป
จะเหมือนกับว่า ท่านกำลังสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่เป็นพิเศษ
ท่านก็จะพลาดการดูสภาพของจิตใจไปในขณะนั้น

2.ในภาพยนต์ จะมีทั้งพระเอก นางเอก ผู้ร้าย นางอิจฉา
ท่านเลือกดูไม่ได้ว่าต้องการดูเฉพาะนางเอก พระเอก เท่านั้น
ส่วนผู้ร้าย นางอิจฉา ท่านไม่ต้องการดู เพราะไม่ชอบใจ
จะเหมือนกับว่า จิตใจของท่านจะมีทั้งสิ่งที่เป็นกุศล เป็นอกุศล
โผล่มาให้ท่านดู ท่านเลือกไม่ได้ว่า ต้องการเฉพาะสิ่งที่เป็นกุศล
ไม่ต้องการสิ่งที่เป็นอกุศล

3.ถ้าท่านสนใจดูภาพยนต์ ท่านจะเห็นฉากต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ
เปรียบกับการปฏิบัติได้ว่า ท่านเพียงมีสติสัมปชัญญะ ท่านก็จะเห็นสภาพของจิตใจ
ได้โดยไม่พลาดไปจากสภาวะแห่งจิตใจ

******

นี่เป็นข้อเปรียบเทียบอย่างง่าย ๆ และหยาบ ๆ เพื่อให้ท่านเห็นภาพว่า
การดูจิตดูใจ นั้นอาการเป็นอย่างไร เพราะเหล่านักปฏิบัติใหม่ๆ ที่ยังไม่เข้าใจ
จะดูจิตใจแล้วยังไม่ตรงทางนัก เช่น

**ต้องการเห็นแต่สภาพจิตใจที่ดี จิตใจที่ไม่ดีไม่ต้องการจะเห็น
พอจิตใจที่ดีปรากฏ ก็จะหลงดีใจที่ได้เห็น พอจิตใจที่ไม่ดีปรากฏ
ก็ไม่ชอบใจในสิ่งที่ปรากฏ
ซึ่งในแ่ง่การปฏิบัติ ท่านมีหน้าที่ตั้งสติสัมปชัญญะเท่านั้น และดูจิตใจ
เท่าที่เห็นได้ ไม่ต้องไปพอใจหรือไม่พอใจในสิ่งที่ได้เห็นนั้น ๆ เลย

** ในการดูจิตใจก็เช่นกัน ถ้าท่านจ้องเข้าไปดูจิตใจตรง ๆ นี่เป็นการกดจิตใจให้นิ่ง
จิตใจจะไม่แสดงตัวออกมาตามธรรมชาติของจิตใจ แต่จะกลายเป็น
ว่าจิตใจมันนิ่ง ๆ สงบ ๆ แล้วท่านก็หลงดีใจว่า นี่ไง ฉันปฏิีับัีติดี
วันนี้ใจนิ่งจริง ๆ แล้วก็มาเขียนแจกบุญในกระทู้ในห้องศาสนา
คนก็เข้ามาเขียนอนุโมทนาไปกับท่าน ท่านก็เลยหลงไปอีกว่า
ทำูถูกแล้ว ทำดีแล้ว เพรา่ะมีแต่คนมาอนุโมทนากันยกใหญ่

อย่างนี้คือการหลงผิดในการปฏิบัติไปแล้วแแบบไม่รู้ตัวว่าผิด
ซึ่งในการปฏิบัติที่ตรงทางนั้น ท่านจะต้องมีเพียงการมีสติสัมปชัญญะ
ที่เป็นธรรมชาติ แล้วจิตใจจะทำงานตามหน้าที่ของเขาเอง
แล้วท่านจะเห็นสภาวะจริง ๆ ของจิตใจได้ทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล
ซึ่งแล้วแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นว่าจิตจะปรุงแบบกุศลหรืออกุศล
เพราะว่าท่านยังมีสติสัมปชัญญะที่ยังทรงตัวดีอยู่ต่างหาก ท่านจึงจะเห็น
ิจิตใจได้ตามสภาพที่เป็นจริง

นี่คือพื้่นฐานความเข้าใจสำหรับมือใหม่การปฏิบัติธรรมว่า การเดินทางให้ตรง
ทางนั้นคืออย่างไร เมื่อท่านเข้าใจ ท่านจะได้ไม่หลงผิดในการปฏิบัติ
เมื่อไม่หลงผิด การปฏิบัีติของท่านก็จะก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ

***
เรื่องท้ายบท

ในมือใหม่การปฏิบัติธรรมนั้น ในขณะฝึกฝน ท่านสมควรฝึกฝนการสติสัมปชัญญะ
หรือจะพูดแบบใช้ภาษาชาวบ้านง่าย ๆ ว่า ฝึกให้มีความรู้สึกตัวที่ต่อเนื่อง ก็ได้
นี่คือ พื้นฐานหลัก หรือ เทียบกับบ้าน ก็คือ เสาเข็มของตัวบ้านทีเดียว

จิตใจทีมั่นคงตั้งมั่น คือ จิตใจที่ยังทรงตัวในสติสัมปชัญญะ ซึ่งเปรียบเหมือนเสาเข็มทีใหญ่
แข็งแรง ทำให้บ้านแข็งแรงไปด้วย สามารถต้านทานลมพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหวได้

การดูจิตดูใจ ด้วยกำลังแห่งสติสัมปชัญญะที่ไม่มั่นคง ก็เปรียบเหมือนบ้านที่เสาเข็มเล็ก
ไม่มั่นลง ย่อมต้านทานภัยธรรมชาติไม่ได้ดีนัก จิตใจที่ไม่มั่นคงด้วยสติสัมปชัญญะ
ก็เช่นกัน เพียงแต่ท่านถูกลมปากเข้ากระทบเบา ๆ ใจท่านก็หลุดจากสติสัมปชัญญะได้ง่าย ๆ

เมื่อสติสัมปชัญญะหลุดไป ท่านก็ไม่อาจเห็นจิตเห็นใจได้ เมื่อท่านเห็นจิตเห็นใจไม่ได้
ปีศาจร้ายก็เข้าสิงสู่จิตใจท่านทันที

ส่วนการฝึกฝนนั้น ท่านจะฝึกฝนอย่างไร ขอให้เป็นการเพิ่มกำลังแห่ง
สัมมาสติสัมมาสมาธิ ก็ใช่ได้ทั้งนั้น เลือกแบบที่ท่านถนัด แล้วท่านจะไปได้ดี

หวังว่า ท่านคงเข้าใจว่า การปฏิบัตินั้นคือการปฏิบัติอย่างไร




Create Date : 29 กรกฎาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:05:39 น. 6 comments
Counter : 1024 Pageviews.

 


โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:57:52 น.  

 
ขออนุโมทนาบุญท่าน มนสิการครับ สาธุครับ


โดย: shadee829 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:17:20 น.  

 
พระอาจารย์ท่านย้ำสอนเรื่องนี้มาก ๆ เรื่องเห็นสภาพจิตใจที่เป็นธรรมชาติ ไม่กด ไม่ข่ม ยินดีมากที่คุณนมสิการ ให้ความรู้ตอกย้ำอีกครั้ง ขอบคุณค่ะ


โดย: คนแก่ใฝ่ธรรม IP: 124.122.75.216 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:26:50 น.  

 
..แวะมาทักทายจ๊ะ..สาธุ๊

..HappY BrightDaY To You..


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:27:03 น.  

 
เมื่อเข้าใจธรรม การปฏิบัติธรรมก็ถูกต้อง

เมื่อเดินถูกทาง..ย่อมถึงจุดหมายปลายทางแน่นอน.

อนุโมทนาครับ


โดย: palmgang IP: 119.42.64.44 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:48:07 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:34:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.