แม้จะแสงสีสาดฉายจะหายไปแล้ว แต่ท่วงทำนองของเพลงล่องลอยยังคงแว่วเสียงให้เราได้ยิน เพลงธีมของหนังอย่าง A Pure Person ไม่อาจสื่อความหมายทางภาษาให้ผมรับรู้ได้ แต่มันเหมือนจะเป็นเพลงที่เล่าถึงการใฝ่หาใครสักคนที่บริสุทธิ์เพียงพอที่จะรักและให้ความอบอุ่นกับเราได้
หลังจาก Millennium Mambo โหวก็หันไปทำหนังทริบิวต์ปรมาจารย์ที่เขาเคารพอย่าง ยาสึจิโร่ โอสุ ผู้คนพากันสงสัยว่าโหวกลับเข้าหาอดีตกาลอีกแล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่าโหวไม่ได้เอาหนังของโอสุมารีเมค แต่เขาทำโจทย์ที่ว่า หากโอสุยังอยู่สืบมาถึงปัจจุบัน เขาจะทำหนังที่บอกเล่าสภาพครอบครัวของชนชาวญี่ปุ่นออกมาอย่างไร และแท้จริงแล้วโหวก็ได้ทำความเคารพต่อหนังญี่ปุ่นในขั้นเบื้องต้นแล้วใน Millennium Mambo เพราะเทศกาลยูบาริในตอนจบนั้นเป็น เทศกาลภาพยนตร์ ที่ฉายหนังเก่าของญี่ปุ่น
งานล่าสุดของโหวคือ Three Times (ชื่อเก่าคือ The Best of Times) ที่ว่าด้วยความรักของชายหญิงคู่หนึ่ง (จางเจิ้น และซูฉี) ใน 3 ชาติ 3 ภพ ได้แก่ ปี 1911, 1966 และปัจจุบัน แสดงให้เห็นเด่นชัดว่าไม่จะอย่างไร โหวก็ยังเป็นโหววันยังค่ำ โหวผู้ที่ยังผูกยึดกับกาลเวลาอยู่เสมอ
-- หนังโรง 1. War of the World (B+) ทอม ครูส ณ โบท็อกซ์ แอนด์ ดาโกต้า ณ เด็กผี / สปีลเบิร์กยังไม่ใช่เด็กที่โตแล้ว เค้าเป็นแค่เด็กที่อยากจะโต ก็เท่านั้นเอง
2. City of God (A+) ตลก สะเทือน สะท้าน และหดหู่ ในที่สุด
3. Fantastic Four (A-) หนังดีกว่าที่คิดไว้เยอะ (โดยเฉพาะความฮา) ดีใจที่หนังไม่พยายามแอ็คตัวเองเป็นหนังฮีโร่อุดมการณ์แบบ Spiderman
-- หนังแผ่น Millennium Mambo (2001, โหวเสี่ยวเสี้ยน, A+) แค่ฉากเปิดก็สุดยอดแล้ว
-- เพลง ไปคุ้ย USED CD ที่ CD WAREHOUSE สยามดิสมา ได้ทั้งแผ่นเพลงขำๆ อย่าง Holly Vallance - state of mind, แผ่นที่จะซื้อมานานแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อเสียทีอย่าง Kylie Minogue - Body Language และ OST. Kill Bill Vol.2 ไปจนถึงเพลงจรรโลงจิตอย่าง Gregorian (ชุดปกเขียวๆ)
-- หนังสือ ช่วงนี้ได้อ่านหนังสือจบไปสองเล่มครับ
1. Hard-Boiled Wonderland and the End of the World (1985, ฮารูกิ มูราคามิ, A+) นิยายไซไฟในห้วงเหงาระหว่างแดนฝันบิดเบี้ยวและปลายขอบฟ้าแสนไกลของมูราคามิ
อ่าน bioscope ฉบับใหม่แล้ว กิเลสพลุ่งพล่าน อยากดูไอ้โน่นไอ้นี่มันไปซะทุกเรื่องเลย แต่ช่วงนี้ไม่ว่าง หนังเหนิงนี่ไม่ได้ดูเลย ขนาด War of the worlds ยังไม่ได้ดู!!! อยากไป house ก็ไม่ได้ไป เพราะเพื่อนไม่ว่างไปด้วย แงๆ
แต่เข้ามาอ่านนี่แล้ว สงสัยจะต้องไปคว้า millenium mambo มาเข้ากองDVDดองอีกเรื่องซะแล้วแฮะ (ทั้งๆที่ตอนดู Cafe Lumiere เรียกได้ว่า แทบจะเข็ดไปเลย)
-- ซูฉี กับ วิเวียน ชู เป็นผู้หญิงคนแรกๆที่ผมค้นพบในอินเตอร์เนท ก่อนที่จะไปเจอชื่อทำนอง Pavel Novotny หรือ Bel Ami ในภายหลัง (ฮา)
2. Holly Valance state of mind (2003, A-) -- รู้สึกอยากได้อัลบั้มชุดนี้มานานแล้ว หลังจากได้ฟังเพลงเปิดตัวอย่าง state of mind ไป รู้สึกว่าเพลงมันประสาทแตกดี (จริงๆชื่อเพลงน่าจะประมาณ out of mind อะไรแบบนั้นมากกว่า) ตลกดีที่ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกจาก ร้านดอกหญ้า สาขาเมเจอร์รัชโยธิน ทั้งที่เพลงนี้มันเหมาะเป็นเพลง ไล่ลูกค้า มากกว่า (คงเปิดเพื่อไล่พวกอ่านฟรีมั้ง) แต่รู้สึกตอนนี้ร้านดอกหญ้าตรงนั้นจะไม่อยู่แล้ว
-- อ่านข่าวเจอในเวบผู้จัดการว่า มาดอนน่า จะออกอัลบั้มใหม่แล้วก็ดีใจมาก หวังว่าชุดนี้จะเปรี้ยวๆแร่ดๆ เสียที เนื่องจากชุด American Life (A) ดีมากก็จริง แต่หยิบมาฟังบ่อยๆก็เบื่อ อัลบั้มชุดใหม่มีชื่อที่ได้ใจมากว่า Confession on the Dancefloor (กรี๊ด!)
1. เพลง Only This Moment ของวง Royksopp (เป็นวงอิเล็กโทรนิกป็อปนุ้งนิ้งจากนอร์เวย์) มิวสิกวิดีโอเก๋ไก๋มาก เป็นประมาณความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวที่เกิดขึ้นกลางขบวนปฏิบัติ
-- ผมได้ดูหนังที่ house แบบทั้งโรงมีตัวเองคนเดียว ก็วันนี้แหละครับ
-- ชอบนิทรรศกาล(ย่อยๆ) ครบรอบ 1 ปี house ที่จัดอยู่ตอนนี้ น่ารักดี
-- ตอนฉายหนังตอนต้น ทางโรงลืมปิดฟังก์ชั่นของ DVD (ที่ใช้ฉายหนังเด็ก 10 ขวบ) ตัวคำว่า DVD ก็เลยกะพริบไปมา ไอ่ผมก็อยู่ตัวคนเดียวในโรง ไม่รู้จะทำยังไง ตอนแรกกะจะใช้วิธีโทรไปบอก (เพราะไม่อยากลุกออกไปจากโรง) แต่สายก็ดันไม่ว่าง สุดท้ายผมก็เลยต้องวิ่งออกไปบอกเองจนได้ ก็เลยพลาดหนังตอนต้นๆไปประมาณ 45 วินาที
-- เห็นโฆษณาของหนังเรื่อง Sayonara, Kuro ว่าจะฉายที่ house ด้วย ผมเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วครับ ชอบมากๆในระดับ A+ และคิดว่าจะไปดูในโรงอีกรอบหนึ่ง หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนรักหมา และรักภาพยนตร์ ...และรักพระเอกหล่อ อิอิ (หนังนำแสดงโดย ซาโตชิ ทสึมาบูกิ จาก Water Boys และ อายูมิ อิโตะ จาก All About Lily Chou-Chou)
-- ตลกดีตอนนี้ที่บ้านจะจัดเทศกาลหนัง จูเลียน แอนมัวร์ ได้อยู่แล้ว เพราะแผ่น DVD ที่กองไว้ 3 เรื่อง (จากประมาณ 30 เรื่อง) มีทั้ง The Hours, Boogie Night และ Far From Heaven (2 เรื่องหลังยังไม่ได้ดูเลย ฮือๆ)
-- ประโยคประทับจากหนังเรื่อง The Hours What does it mean to regret when you have no choice
ส่วนประโยคต่อไปนี้มาจากตัวละคร Virginia Woolf ที่รับบทโดยนิโคล คิดแมน You cant find peace by avoiding life
Dear Leonard to look life in the face always to look life in the face and to know it for what it is at last, to know it, to love it for what it is and then to put it away
Leonard always the years between us always the years always the love always the hours
จริงๆ Namie Amuro คนไทยน่าจะคุ้นชื่อกันบ้างนะครับ เธอเพิ่งมานาน MTV ASIA AID ที่จัดในบ้านเราเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง แล้วเพลง CAN YOU CELEBRATE? ก็เป็นเพลงที่โคตรแม่โคตรพ่อจะดังเลยครับ (เพลงนี้เหมาะกับการเปิดในงานแต่งงานอย่างยิ่ง) **อัลบั้มของ Namie Amuro มีแผ่นลิขสิทธิ์จากค่าย RED BEAT
ส่วนอัลบั้มของ Shiina Ringo ก็มีขายในบ้านเราอยู่พักนึง (รู้สึกว่าค่าย Sony ทำขายรึป่าว??) เพลงเธอสติแตกดีครับ เธอเหมาะกับการไปร้องในซาวด์แทร็กหนังเรื่อง Kill Bill ของทารันติโน่ ....อ้อ ในหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou ก็มีการพาดพิงถึงชื่อ Shiine Ringo ด้วยนะ
The Road Home ดูแล้วก็ขำปนซึ้ง อาจต้องลองรักใครมากขนาดนั้นก่อนครับ ถึงจะรู้สึกอินได้ทั้งหมด The Hours เป็นหนังที่ดูแล้วไม่เข้าใจ คาดว่าคงมาจากความโง่ส่วนตัวด้วย แต่ชอบนิโคลมากครับ เธอทำให้เชื่อได้สนิทใจว่าเป็นตัวละครนั้นจริงๆ ส่วนจูลีแอน มัวร์ ชอบเธอจากเรื่อง Far From Heaven ที่สุดครับ
4. Happy New Year (A+) (Fat Film 2) หนังเรื่องนี้เล่าถึงเด็กหญิงคนหนึ่งที่รอให้คุณพ่อกลับบ้านในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่วนแม่ของเด็กน้อยก็ดูจะไม่ค่อยใส่ใจเธอนัก
**วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น (Tum-Oh Return) / GTH & Five Star (2005, ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์, ไทย)
**Crash (คน...ผวา) / Box Office (2004, Paul Haggis, อเมริกา) 113 min
**Dreamship Surprise - Period 1 (โอ้พระเจ้าจอร์จ ยำสะเด็ดสตาร์วอร์ส แกล้มสตาร์เทร็ค) / Logo Film (2004, Michael Herbig, เยอรมัน) 87 min หนังเรื่องนี้คือการล้อเลียนหนังตระกูล สตาร์วอร์ส และสตาร์เทร็คขนานใหญ่ หนังฉายที่: EGV (บางแค, ปิ่นเกล้า, รังสิต, ซีคอน) / Major (นนทบุรี, รังสิต)
Herbie: Fully Loaded (เฮอร์บี้ รถมหาสนุก) / Buena Vista Int'l (2005, Angela Robinson, อเมริกา) 101 min
Romasanta: The Werewolf Hunt (คนหอน ล่า 13 ศพ) / Mongkol Major (2004, Francisco Plaza, สเปน) 90 min หนังสยองขวัญเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าและฆาตกรต่อเนื่อง หนังฉายที่: EGV (ปิ่นเกล้า, ซีคอน) / Major (นนทบุรี, รังสิต) / SF (MBK, บางกะปิ, ลาดพร้าว, เอ็มโพเรียม)
"เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องจากผู้ชมจำนวนมากว่าดู The Mirror และ Turtles Can Fly ไม่ทัน เสียงเรียกร้องนั้นมีพลังมากๆครับ เพราะโรงภาพยนตร์ house เราเห็นว่าลูกค้าสำคัญที่สุดครับ
The Mirror และ Turtles Can Fly จะกลับมาฉายให้ชมกันอีกครั้งในระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2548 โอกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วครับ (ใครที่เรียกร้องไว้ก็อย่าลืมมาดูนะครับ) บัตรราคา 100 บาท เช่นเดิม ติดตามโปรแกรมฉายได้เร็วๆนี้"
โรงภาพยนตร์ house ร่วมกับ Channel V ยินดีเสนอ "เสาร์สโมสร" สโมสรสำหรับคนรักหนังทั้งหลายที่จะได้มาร่วมกันโหวตร่วมชมภาพยนตร์ชั้นดีแน่นคุณภาพ ซึ่งจะมีประจำทุกวันเสาร์ (เกือบทุกเดือน)
โดยกิจกรรมเสาร์สโมสรจะเป็นการให้สมาชิก house และ V Club เท่านั้นที่สนใจสามารถร่วมกันโหวตเลือกหนังที่จะนำมาฉายให้ชมกัน ซึ่ง เสาร์สโมสร ครั้งที่1 จะมีภาพยนตร์ให้เลือกทั้งหมด 5 เรื่องประกอบด้วย
1. Naqoyqatsi สารคดีภาพประกอบดนตรีที่เลื่องชื่อที่สุดของโลกก็ว่าได้ 2. Spring Time in a Small Town ภาพยนตร์จีนที่ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก 3. The Million Dollar Hotel หนังเล็กๆที่ทำให้คุณรู้จัก Liv Tyler 4. Audition นี่คือหนังญี่ปุ่นโรคจิตสไตล์ มิอิเกะ ที่ไม่ได้หาชมกันแบบโรงภาพยนตร์ได้ง่ายๆ 5. A Simple Plan ใครไม่รู้จักผู้กำกับ Sam Raimi ต้องดูหนังเรื่องนี้สุดยอดจริงๆ
สำหรับสมาชิก house สามารถร่วมกันโหวตลงคะแนนเลือกหนังได้ที่หน้าโรงภาพยนตร์ house ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม แล้วจะประกาศผลการลงคะแนนจากทั้งทาง house และ Channel V ในวันที่ 12 สิงหาคม แล้วไปร่วมชมหนังที่ชนะจากการคัดเลือกในวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม (กติการ่วมชมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง)
หนัง 5 เรื่องที่ว่ามา ผมเคยดู 3 เรื่องครับ
1. Naqoyqatsi (A+) ก่อนหน้า Birth of the Seanema ก็มีหนังเรื่องนี้แหละที่ 'เปิดขยายจินตนาการ' อย่างแท้จริง หนังมีภาพที่น่าประทับใจมากมาย และดนตรีประกอบแบบมินิมอลลิสต์ ฝีมือของ ฟิลิป กลาสก็สุดยอดมาก (หนังเคยฉายใน Little Big Film 7: Rhythm on Films)
2. Spring Time in a Small Town (A-) งานของผกก.จีนรุ่นที่ 5 เถียงจวงจวง หลังจากถูกแบนไป 9 ปีเต็ม หนังถ่ายทอดความรักสามเส้าในแบบของผู้ใหญ่ได้อย่างงดงาม (หนังเคยฉายใน Little Big Film 8: Love Infinity)
-- หนังโรง
1. War of the World (B+) ทอม ครูส ณ โบท็อกซ์ แอนด์ ดาโกต้า ณ เด็กผี / สปีลเบิร์กยังไม่ใช่เด็กที่โตแล้ว เค้าเป็นแค่เด็กที่อยากจะโต ก็เท่านั้นเอง
2. City of God (A+) ตลก สะเทือน สะท้าน และหดหู่ ในที่สุด
3. Fantastic Four (A-) หนังดีกว่าที่คิดไว้เยอะ (โดยเฉพาะความฮา) ดีใจที่หนังไม่พยายามแอ็คตัวเองเป็นหนังฮีโร่อุดมการณ์แบบ Spiderman
-- หนังแผ่น
Millennium Mambo (2001, โหวเสี่ยวเสี้ยน, A+)
แค่ฉากเปิดก็สุดยอดแล้ว
-- เพลง
ไปคุ้ย USED CD ที่ CD WAREHOUSE สยามดิสมา ได้ทั้งแผ่นเพลงขำๆ อย่าง Holly Vallance - state of mind, แผ่นที่จะซื้อมานานแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อเสียทีอย่าง Kylie Minogue - Body Language และ OST. Kill Bill Vol.2 ไปจนถึงเพลงจรรโลงจิตอย่าง Gregorian (ชุดปกเขียวๆ)
-- หนังสือ
ช่วงนี้ได้อ่านหนังสือจบไปสองเล่มครับ
1. Hard-Boiled Wonderland and the End of the World (1985, ฮารูกิ มูราคามิ, A+) นิยายไซไฟในห้วงเหงาระหว่างแดนฝันบิดเบี้ยวและปลายขอบฟ้าแสนไกลของมูราคามิ
2. แดนลงทัณฑ์ + เรื่องสั้นอื่นๆ (Franz Kafka, A+) เพิ่งเคยอ่านงานของคาฟคาเป็นครั้งแรก มึนส์หลายแต้น้อ
-------------------------
สารถึงผู้อ่าน
1. บทความ Millennium Mambo จะเป็นบทความส่งท้ายนะครับ ...ไม่ใช่จะไปเกณฑ์ทหารที่ไหนครับ แต่เดือน ก.ค. นี้จะมีสอบทั้งเดือนครับ (แถมมีหนังน่าดูเยอะด้วย ฮือๆ) แล้วจะกลับมาใหม่เร็วๆนี้ จ้ะ
2. BIOSCOPE เล่มใหม่ มีบทความของผมลงด้วยนะครับ ช่วยอุดหนุนหนังสือ(ของเค้า ไม่ใช่ของผม อิอิ)กันด้วยนะครับ (ออกประมาณวันที่ 12 นี้)