http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
The Dark Knight Rises : เมืองนี้ต้องการฮีโร่ แต่ไม่ต้องการประชาชน

by merveillesxx



The Dark Knight Rises (2012, Christopher Nolan, B/B-)

คริสโตเฟอร์ โนแลน ไปดูละครช่องเจ็ดมาหรือไง หรือว่าถูก เอ็ม ไนท์ ชยามาลัน เล่นของเข้าใส่ เขาถึงใส่พล็อตหักมุมเสร่อๆ แบบนั้นเข้ามาในหนังได้ แล้ว มาริยง โกติยารด์ นี่ได้อ่านบททั้งหมดหรือเปล่าก่อนรับเล่น หรือว่าเธอคิดว่าได้มาแล้วทั้งออสการ์ เล่นหนังอาร์ตมาก็เยอะ ฉันขอเล่นบท Kitschๆ หน่อย ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งชีวิต

กลายเป็นว่า ตอนที่ดู The Amazing Spider-Man ยังรู้สึกรื่นรมย์และสบายใจกับมันมากกว่า ถึงแม้สไปเดอร์จะเต็มไปด้วยแพทเทิร์นซ้ำๆ เดาทางได้ แต่ตัวละครมันก็ยังดูมีชีวิต มีเลือดมีเนื้อมากกว่า ในขณะที่ The Dark Knight Rises เป็นหนังที่เต็มไปด้วย action แต่มันดูไม่มี motivation เลย ดูแล้วเหมือนรู้สึกกำลังดูโนแลนสั่งให้ตัวละคร “เอ้า แกขยับไปทางซ้ายสามก้าวนะ เอ้า ส่วนยัยนั่นหันคอ 72 องศา” นี่เป็นสิ่งที่มีปัญหากับหนังของโนแลนมาตลอด หนังของเขามีโครง มีคอนเซ็ปต์ที่ดี แต่เราจะไม่ชอบเนื้อในหรือรอยต่อของมันเท่าไร อย่างภาคที่แล้วฉากที่มีปัญหามากคือการ turn ของฮาร์วีย์ เดนท์ เป็นทูเฟซ ส่วนภาคนี้ยิ่งหนักเลย เต็มไปด้วยประโยคยัดเยียดมากมาย ดูแล้วอึดอัดมาก โดยเฉพาะฉาก “A hero can be anyone. Even a man doing something as simple and reassuring as putting a coat around a little boy's shoulders to let him know that the world hadn't ended.” นี่ขนลุกเกรียว จิกเท้าเลยทีเดียว

ส่วนฉากที่มีปัญหาที่สุดคือ ฉากผู้คนร้องเฮกันหลังจากระเบิดถูกเอาไปทิ้งในทะเลสาบ เป็นฉากที่เหวอจริงๆ ว่าโนแลนปล่อยมาได้ยังไง โอเคว่า ฉากปั้นจั่นสมานฉันท์ในสไปเดอร์แมนก็เสร่อเหมือนกัน แต่สไปเดอร์มันยังทำตัวเป็นหนัง comic หน่อย แต่ The Dark Knight Rises (หรือไตรภาคแบทแมนชุดดนี้) ที่พยายามตัวซีเรียส จริงจัง ดาร์ค มาตลอด มันไม่ควรจะมีฉากแบบนี้ออกมาจริงๆ

แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ โนแลนไม่ได้เลิ่นเล่อปล่อยฉากนี้มาแน่ๆ แต่เขาจงใจ ฉากนี้เป็นการเถลิงความเป็น heroic ของแบทแมนอย่างถึงที่สุด อย่างที่ชญานินเขียนไว้อย่างเจ็บแสบว่า “40 นาทีสุดท้ายของหนังคือ รายการ ฉันจะเป็นฮีโร่ กำกับโดย สิริโนแลน พุกกะเวส” หรืออีกฉากที่น่ากลัวมาก(ในเชิงทัศนคติ)คือ ตอนที่ตำรวจปะทะกับกองทัพของเบน โนแลนใช้ภาพแทนนี้นำเสนอคอนเซ็ปต์ Good vs. Evil แต่ทั้งฉากการปะทะของตำรวจ และฉากเฮตอนจบที่นำเสนอผ่านกลุ่มเด็กบ้านเมตตา (ที่อยู่ดีๆ กลายเป็นตัวแทนของชาวเมืองก็อตแธม) นำไปสู่คำถามสำคัญที่ทั้ง Filmsick และรัชฎ์ภูมิถามคือ มวลชนหายไปไหน? เพราะช่วงแรกหนังนำเสนออย่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกินว่านี่คือความเป็นความตายของชาวเมืองก็อตแธม แต่ช่วงหลังกลุ่มชาวเมืองกลับแทบไม่ปรากฏบนจอ คำตอบเหมือนจะเป็นว่า ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายจ๋า พวกเธอก็จงหวาดกลัวกันไปเถอะจ้ะ พวกเธอทำอะไรไม่ได้หรอก ตำรวจจะคุ้มครองเธอเอง และเมืองนี้ต้องการฮีโร่จ้ะ ต้องการจริงๆ นะจ๊ะ ขาดไม่ได้เด็ดขาด แบทแมนจะต้องกลับมาจ้า

ในภาคที่แล้ว The Dark Knight จบลงด้วยการที่แบทแมนยอมโกหกประชาชนและรับบทเป็นผู้ร้าย ฮาร์วีย์ เดนท์คือฮีโร่ ส่วนภาคนี้แบทแมนกลายเป็นฮีโร่โดยสมบูรณ์แบบ กลายเป็นสัญลักษณ์แทนที่ฮาร์วีย์ เดนท์ ได้ ดังนั้น The Dark Knight Rises มันก็เหมือนการแก้เกมจาก The Dark Knight ไปโดยปริยาย แต่แบทแทนก็ยังเป็นคนขี้จุ๊เหมือนเดิม วิธีการโกหกต่อมวลชนยังถูกนำมาใช้อีกครั้ง ด้วยความโรมานซ์สุดขีดคือเรื่องความตาย วิธีแบบนี้คงสรุปได้จากฉากที่ จิม กอร์ดอนพูดเรื่องทำนอง “บางทีเราต้องยอมให้มือของเราสกปรก เพื่อให้มือเราสะอาด” แต่ส่วนตัวแล้วผมคงไม่เลือกเชคแฮนด์กับมือพวกนั้น ถ้ามองในเชิงโครงสร้างหรือการหมากวาง ก็ต้องยอมรับว่าโนแลนเก่ง เพียงแต่เราไม่คล้อยตามกับทัศนคติของเขา

สิ่งที่ทำให้ 165 นาที ผ่านไปอย่างไม่ทรมานเกินไปนัก คือ แอนน์ แฮทธาเวย์, สกอร์ของ ฮาน ซิมเมอร์ ส่วน โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ ปกติชอบเขามาก แต่เรื่องนี้เป็นตัวละครที่ช่างน่ารำคาญ เหมือนมีป้ายเขียนว่า “คนดี” แปะไว้ที่หน้าของ จอห์น เบลค และพอดูไปได้สักครึ่งเรื่องมีอีกป้ายหนึ่งเพิ่มมาเขียนว่า “โรบิน” (โชคดีเหลือเกิน ที่ไม่มีฉากกอร์ดอน เลวิตต์ ใส่ชุดหนังดำรัดๆ ติ้วๆ)

สุดท้าย พี่โนแลนครับ การเป็นหนังปิดท้ายไตรภาค ไม่ได้แปลว่าพี่จะต้องรียูเนียนตัวละครจากทุกภาคเข้ามา ไม่งั้นหนังพี่จะไม่ต่างอะไรจากหนังแบบ The Avengers





Create Date : 26 กรกฎาคม 2555
Last Update : 26 กรกฎาคม 2555 17:09:56 น. 1 comments
Counter : 4566 Pageviews.

 
เห็นด้วยเลยครับ ไม่ได้คิดในแง่นี้มาก่อนเลย

Nolan วางหมาก วางโครงสร้างได้ดีนะครับ แต่การกำกับในเกือบทุกเรื่อง ยังไม่ทำให้เราคล้อยตามได้มากมายขนาดนั้น



แต่สำหรับผมก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านหนังมากมายนะครับ ดนตรีประกอบของ Hans Zimmer มันบิ้วท์ให้คล้อยตามได้อยู่


แถมหนังก็เป็นความบันเทิงในระดับหนึ่งเลย (ก่อนไปก็ไม่ได้คาดหวังมากครับ ตัวอย่างยังไม่ได้ดูเลย )





อีกเรื่องที่เห็นด้วยก็คือ เท่าที่สังเกตเห็น การทำหนังของ Nolan เหมือนพี่แกคิดประเด็น คิดเรื่องราว คิดกลวิธีในการนำเสนอ ไว้อย่างดี

แต่พอมากำกับ เหมือนแค่สั่งให้นักแสดงทำโน่นทำนี่ เท่านั้น

ดูอย่างฉาก action กลางหิมะใน Inception นี่จืดชืดมาก

แต่เรื่องนั้นทะเยอทะยาน คิดเยอะ และมีความสร้างสรรค์ดีครับ แม้จะไม่สดใหม่ก็ตาม


โดย: navagan วันที่: 26 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:18:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.