LOVE & POP ขอรักอันวิเศษนั้นแก่ฉันอีกสักครั้ง
โดย merveillesxx
ออนไลน์ครั้งแรก: //www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=11714 (19 ตุลาคม 2547)
เอ็นโจโคไซ คือคำที่ใช้เรียกกลุ่มนักเรียนสาวที่ปฏิบัติการ รับจ้างออกเดท กับชายวัยกลางคน อาจจะเป็นได้ทั้งเพื่อนกินข้าว, เพื่อนเดินเล่น, เพื่อนซื้อของ ไปจนถึง เพื่อนนอน
ฮิเดอากิ อันโนะคือ ผู้กำกับที่โด่งดังจากอนิเมชั่นสุดฮิตเรื่อง Evangelion ที่สร้างปรากฏการณ์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ชมสูงสุดชนิดไม่เคยมีมาก่อน, การที่ได้กลับมารีรันอย่างรวดเร็ว และเป็นการ์ตูนที่ดูแล้วไม่รู้เรื่องมากที่สุดในโลก! LOVE & POP (1998) เป็นงานกำกับเรื่องแรกของเขาที่ใช้คนแสดงจริง หนังเล่าถึงเด็กสาว ม.ปลาย 4 คน กับเหตุการณ์ใน หนึ่งวัน ที่ฮิโรมินัดเจอกับเพื่อนของเธอ นาโอะ, จิเอะ และซาจิ พร้อมกันนั้นหนังก็บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของพวกเธอไปด้วย
เรื่องราวมันเริ่มต้นที่ฮิโรมิอยากได้แหวนวงหนึ่ง แต่ราคามันสุดแสนจะแพง พวกเธอทั้งสี่เลย รับจ้างออกเดท ไปกับชายคนหนึ่งโดยตกลงกันว่าจะไปร้องคาราโอเกะ พวกเธอบอกย้ำกับชายผู้นั้นว่าพวกเธอจะเป็นแค่เพื่อนร้องคาราโอเกะ ไม่ใช่เพื่อนนอน ชายคนนั้นยืนยันว่าไม่ได้ต้องการมีเซ็กซ์กับพวกเธอ
แต่ความต้องการที่แท้จริงของเขานั้นมันน่าตกใจไปกว่าที่พวกเธอคิดหลายเท่านัก มันทำให้พวกเธอไม่มีวันลืม หนึ่งวัน วันนี้ ฮิโรมิบอกกับเราว่าหลังจากนั้นพวกเธอไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์นี้อีกเลย
แม้จะได้เงินมา แต่ฮิโรมิก็รู้สึกผิดและตัดสินใจแบ่งให้เพื่อนไปเท่าๆกัน เธอจึงมีเงินไม่พอที่จะซื้อแหวนวงนั้น แต่เธอก็ยืนยันว่า ฉันจะซื้อมันวันนี้ กับเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่ชั่วโมง บทผจญภัยของเธอจึงเริ่มขึ้น แต่ไม่ใช่ในฐานะพวกฮีโร่หญิงจำพวกวันเดอร์วูแมน แต่ในฐานะ เอ็นโจโคไซ!
วันนั้นเธอพบปะกับเหล่า ลูกค้า มากมาย (ที่แต่ละคนก็พิสดารไม่แพ้กัน - แถมหนึ่งในนั้นคืออาซาโน่ ทาดาโนบุ! ที่มาในบทรับเชิญสั้นๆ แต่ก็ หักหลัง เราชนิดที่ว่าลืมไม่ลง) รวมถึงผู้คนที่เข้ามาพัวพันกับเธอเพราะ โทรศัพท์มือถือ ที่เธอยืมมาจากเพื่อน
คนเหล่านี้นี่เอง ที่จะทำให้ชีวิตของฮิโรมิเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หนังเรื่องนี้มีการเล่าเรื่องและถ่ายทอดตัวเองที่แปลกมาก หน้าหนังที่ดูเหมือนหนังชีวิตรันทดของเด็กวัยรุ่น แต่หนังกลับเล่าเรื่องอย่างราบเรียบ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเป็นเพียงชีวิตประจำวันหรือเหตุการณ์ในวันๆหนึ่ง ไม่มีฉากเร้าอารมณ์ ไม่ต้องมีการบีบคั้นใดๆ แถมด้วยการที่หนังถ่ายทำด้วยกล้องดิจิตอล แต่ดันใช้เพลงประกอบเป็นเพลงคลาสสิก รวมถึงการถ่ายภาพแบบฉวัดเฉวียนชวนมึนและมุมกล้องแปลกๆ ที่มีให้เห็นนับไม่ถ้วน อาทิ ภาพที่มองออกมาจากเตาไมโครเวฟ, ภาพที่มองผ่านซี่พัดลม ไปจนถึงภาพจากใต้กระโปรง!
สิ่งที่น่าสนใจมากๆก็คือ ภาพแทนสายตาของตัวละคร (โดยเฉพาะฮิโรมิ) บ่อยครั้งที่หนังใช้มุมกล้องแบบนี้ ซึ่งมันทำให้เรามีความรู้สึกและอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้อย่างดี เราเห็นเหมือนสิ่งที่เธอเห็น หากเธอล้างหน้าเราก็รู้สึกเปียก หากเธอเจ็บเราก็รู้สึกเจ็บ อีกสิ่งก็คือ เทคนิคการใช้กรอบเฟรมภาพที่บางทีก็แคบ บางทีก็กว้าง รวมไปถึงการแบ่งจอภาพด้วย
ในฉากหนึ่งฮิโรมิร้องไห้ เพราะเธอรู้สึกว่าเพื่อนๆกำลังจะทอดทิ้งเธอไป (ซาจิกำลังไปจะเป็นแดนเซอร์มืออาชีพ, จิเอะได้มีประสบการณ์อย่างว่ากับพวกผู้ใหญ่, นาโอะสามารถเก็บเงินซื้อคอมพิวเตอร์เองได้) เธอกำลังจะต้องอยู่คนเดียว เธอกำลังทิ้งห่างจากเพื่อนๆ เธอวิ่งตามไม่ทัน
เธอร้องไห้ไม่ใช่เพียงเพราะรู้สึกเดียวดาย แท้จริงเพราะเธอไม่สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ เธอไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเอง
ในฉากนี้กรอบเฟรมภาพจะเล็กแคบมาก จนรู้สึกได้ถึงสภาพกดดัน อันทำให้เราร่วมสัมผัสสภาวะ ตีบตัน ในสมองของฮิโรมิได้
ฮิโรมิบอกเราว่าความจริงพวกเธอทั้ง 4 คนไม่ได้สนิทสนมกันเลย เพราะพวกเธอไม่อาจเข้าใจซึ่งกันและกัน (เมื่อจิเอะถูกคนรักบอกเลิก ทั้งสามก็ได้แต่นั่งเงียบ) สิ่งที่ทำให้พวกเธอคบกันก็เพราะ เมื่อใครคนหนึ่งไม่ต้องการตอบ คนที่เหลือก็จะไม่ถาม และเมื่อใครคนหนึ่งต้องการถาม คนที่เหลือก็จะพูดคำตอบไม่หยุด
สิ่งที่ฮิโมริต้องการจะพูดก็คือ อย่าทอดทิ้งฉันไป ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ฉันไม่อยากให้พวกเราต้องแยกจากกัน
แล้วทำไมเพียงประโยคธรรมดาสามัญแค่นี้ เธอถึงพูดมันออกมาไม่ได้ แต่กับเรื่องแฟชั่น กับเรื่องเสื้อผ้า เรื่องผู้ชาย เรื่องแฟน เธอกลับพูดได้
เพราะอะไร?
นั่นคืออีกประเด็นที่หนังบอกไว้ มันคือเรื่องของ โทรศัพท์มือถือ จะเห็นว่าหลายครั้งมือถือมีส่วนสำคัญต่อเหตุการณ์ในเรื่อง รวมไปถึง การรับจ้างเดท พวกเธอทั้งสี่ก็ใช้การหาลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ ทั้งผู้ให้บริการและลูกค้าจะเข้าไปฝากข้อความเสียงเอาไว้ (คล้ายกับระบบ 1900 ในบ้านเรา) ชายคนหนึ่งพูดเป็นต่อยหอยในโทรศัพท์กับฮิโรมิ แต่พอเจอกันจริงๆ เขากลับพูดอ้ำๆอึ้งๆ และบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้พูดกับผู้หญิงมา 5 ปีแล้ว! ภาวะที่เหล่าผู้คนพูดกันในโทรศัพท์กันอย่างคล่องปาก แต่ในชีวิตจริงกับมิอาจสื่อสารกับผู้คนได้ สภาสังคมแบบนี้มันอะไรกัน! โลกใบนี้เป็นอะไรไปแล้ว!
ภาวะนี้เกิดจากเหล่า เทคโนโลยีทันสมัย ที่กลับทำให้ผู้คน ล้มเหลวทางการสื่อสาร จึงไม่แปลกเลยที่เด็กในยุคโลกาภิวัตน์ ยุคมือถือระบาดอย่างฮิโรมิ จะไม่สามารถพูดประโยคแบบนั้นบอกมาได้
ดังนั้นภาพที่เหล่าตัวละครที่พูดคุยกันแต่กลับมีสิ่งมากั้นกลางพวกเธออยู่เสมอ (จากการใช้อุปกรณ์ในฉากเช่น ขาโต๊ะ) คงสื่อถึงประเด็นนี้ และในหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou ชุนจิ อิวาอิ ก็ต่อยอดประเด็นนี้ผ่านทาง อินเตอร์เนท และ เวบบอร์ด
ความล้มเหลวทางการสื่อสารถูกย้ำโดยพฤติกรรมของฮิโรมิที่ชอบถ่ายรูปเพื่อนๆของเธอตลอดเวลา เธอกลัวที่จะเสียเพื่อน เสียความทรงจำไป เธอจึงต้องถ่ายเก็บเอาไว้ การกดชัตเตอร์ของฮิโรมิก็คือการสื่อสารถึงคนอื่นในแบบของเธอ เธอพูดคุยกับรูปถ่ายแทนที่จะคุยกับเพื่อนจริงๆ (คงคล้ายกับเหลียงเฉาเหว่ยที่ต้องคุยกับสบู่ใน Chungking Express) เธอไม่รู้หรือไงว่าถ้าคนเราสื่อถึงกัน ความทรงจำมันก็จะไม่เลือนหาย
ภาพที่ปรากฏในหนังบ่อยครั้งคือ ภาพรถไฟวิ่งวนไปบนราง ดังจะบอกว่าชีวิตเราก็เหมือนรถไฟต้องวิ่งอยู่ในเส้นทางเดิม ต้องเจอกับสิ่งเดิมๆ อยู่ในกรอบที่กักขังเราเอาไว้
หนึ่งวัน ของฮิโรมิก็เหมือนกัน เธอออกบ้านไปผจญภัยตาม สถานี ต่างๆ สุดท้ายเธอก็ต้องกลับมาที่สถานีต้น นั่นก็คือ บ้าน เธอล้มตัวลงบนเตียง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผ่านมา เธอบอกพ่อแม่ว่าวันนี้เธอ เหนื่อย เหลือเกิน
ในความเงียบงัน เธอเริ่มพูดคุยกับตัวเอง (ฮิเดอากิ อันโนะ เป็นคนที่เก่งมากกับฉากประเภท คุยกับตัวเอง เพราะมีฉากแบบนี้เยอะมากใน Evangelion) บางทีคนเราทุกวันนี้อาจจะอยู่ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีมากเกินไป จนลืมคุยกับตัวเองก็เป็นได้ และในที่สุดฮิโมริก็พบกับบางสิ่งบางอย่างที่เป็น เส้นทางใหม่
เช้าวันรุ่งขึ้น ภาพขบวนรถไฟวิ่งออกจากชานชลาอีกครั้ง แต่คราวมันไม่ได้วิ่งวนอยู่ในเส้นทางเดิม มันวิ่งออกมาข้างนอก และมุ่งตรงไปข้างหน้า เด็กสาวทั้งสี่คนจับมือกันเดินเคียงคู่ไปข้างหน้า เธอรู้แล้วว่าเส้นทางใด วิถีทางใดที่เธอควรจะมุ่งไป ฮิโรมิรู้แล้วว่าสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่เงิน ไม่ใช่แหวนวงนั้น
เพราะภาพตอนท้ายเด็กสาวร่วมกันร้องเพลงท่อนหนึ่งซ้ำไปมาว่า
ขอรักอันวิเศษนั้นแก่ฉันอีกสักครั้งเถอะนะ
ใช่แล้ว! ที่เธอต้องการก็แค่นั้นเอง
---------------------------
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง //www.imdb.com/title/tt0168972/ //www.rottentomatoes.com/m/love_and_pop/ //www.evaotaku.com/Anno/loveandpop.html //movies.yahoo.com/shop?d=hv&id=1808573522&cf=info&intl=us
--------------------------
เกร็ดภาพยนตร์ - หลายฉากของหนังเรื่องนี้น่าจะมีอิทธิพลต่อ All About Lily Chou-Chou ของชุนจิ อิวาอิ รวมถึงเพลงประกอบด้วย เพราะอิวาอิใส่เพลงจากหนังเรื่องนี้ลงไปใน All Aboutฯ - ชุนจิ อิวาอิ เป็นนักแสดงนำในหนังเรื่อง Shiki-Jitsu (2000) ของฮิเดอากิ อันโนะ - เสียงพากย์ในหนังเป็นเสียงของ เมงุมิ ฮายาชิบาระ หรือสาวเสียงเย็น เรย์ จากเรื่อง Evangelion นั่นเอง - สาวน้อยที่แสดงเป็น จิเอะ ในเรื่องก็คือ ยูกิเอะ นากามะ ที่เรารู้จักเธอจาก ซาดาโกะ (เวอร์ชันน่าสงสาร) ใน Ring 0 และสาวสวยสุดเฉี่ยวจอมปลิ้นปล้อนในเรื่อง g@me. แหม
โตเป็นสาวแล้วสวยได้ใจจริงๆ - ส่วนสาวที่เล่นเป็นฮิโรมิ ก็คือ อาซึมิ มิวะ ที่เราน่าคุ้นหน้าเธอจากเรื่อง Ping Pong
Create Date : 29 ธันวาคม 2547 |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 18:49:06 น. |
|
8 comments
|
Counter : 4595 Pageviews. |
|
|
|
ทีแรกหนังเรื่องนี้ซื้อมาดองไว้เพราะอ่านหลังปกรู้ว่าเป็นฮิเดอากิ อันโนะกำกับ อีกอาทิตย์หลังจากนั้น ไม่มีอะไรทำจึงหยิบมาดูเล่นๆ หวังเอาว่าพอถึงตอนน่าเบื่อก็จะพักแล้วไปหลับ ที่ไหนได้!! กว่า2ชั่วโมงที่ผมดูหนังเรื่องนี้จนจบ+ไล่ดูtrailer&music videoที่แถมมาในแผ่น อยากจะบอกว่าผมชอบL&Pมากครับ ทุกอย่างทั้งบรรยากาศ บท ตัวแสดง เรียกได้ว่าประทับใจเลยทีเดียว ในส่วนของเนื้อหาคงไม่ต้องบอกอะไรอีก เพราะคุณmerveillesxxปอกจนหมดเปลือกแล้ว เอาสั้นๆว่าอันโนะ ผมรักคุณครับ!! และจะรอดูผลงานชิ้นต่อไปคือShiki-Jitsu(2001) ไม่ทราบว่าคุณmervilleดูรึยังครับ? :D