ทันทีที่หนังเรื่อง Still Life ของเจี่ยจางเคอคว้ารางวัลสิงโตทองคำจากเทศกาลหนังเวนิซ หนังเรื่องนี้ก็ถูกจับตาทันที เพราะหนังถูกแทรกเข้าสายประกวดทีหลัง แถมยังมาคว้ารางวัลใหญ่ของงานไปได้
Still Life นั้นพูดถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน ซึ่งการที่เวนิซมอบรางวัลให้กับหนังเรื่องนี้ ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าปี 2006 นั้นเป็นปีของ หนังวิพากษ์สังคม โดยแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้เทศกาลหนังต่างๆ ก็มอบรางวัลใหญ่ให้กับหนังสังคมทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ เบอร์ลิน ออสการ์ และคานส์ ที่ให้รางวัลกับ Grbavica, Crash และ The Wind That Shakes the Barley ตามลำดับ
สิ่งต่างกันก็คือ ในโลกภาพยนตร์นั้น ตัวละครใน The Host สามารถฉีกเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเป็นชิ้นๆ ได้ ส่วนใน V for Vendetta วีก็สามารถปลดปล่อยผู้คนออกจากระบอบเผด็จการได้สำเร็จ (แม้จะเพียงในระดับหนึ่ง)
ซื้อแผ่น Children of Men มากองอยู่ที่บ้านตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้ดูเลย มัวแต่โม่ Lost อยู่ คุณน้องต่อนี่เขียนหนังสือดีจริงๆเลยนะครับ ผมอ่านแล้วเพลิดเพลินไม่แพ้ตอนที่ดูหนังเลย
ผมว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนี่เพราะอเมริกาเป็นสาเหตุทั้งนั้น อย่างสนธิสัญญาเกียวโต ที่อเมริกาไม่ยอมเข้าร่วมนี่น่าเกลียดมากเลย ทั้งๆที่ตัวเองเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลกแท้ๆ ปัญหาโลกร้อนที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่เห้นอเมริกาจะจริงจังกับปัญหาเหล่านี้เลย inconvinience truth ที่อังกอร์สร้างมานี่ไม่ได้ปลุกจิตสำนึกของคนอเมริกันบ้างเลยหรอ
ปล.อยากให้คุณ merveillesxx เขียนวิจารณ์ Children of men มากเลยครับ ผมดูแล้วประทับใจไปหมดทั้งฉาก long take ที่ไม่เคยเห็นแล้วก็เนื้อเรื่องที่ดูแล้วกลัวว่าโลกเราจะเป็นอย่างนั้นๆจริงๆ ยกให้เป็นหนังแห่งปีสำหรับผมไปแล้ว
The Host เขียนไว้นานแล้ว เพิ่งได้เอาลงบล็อก แผ่นมันออกนานแล้ว ไปหามาดูกันนะจ๊ะ (แต่จริงๆ เราก็ไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้มากมายหรอกนะ)
ที่กำลังกรี๊ดคลั่งมากๆ คือเรื่องนี้
Children of Men
มันสุดยอดจริงๆ แบบว่าเป็น innovative cinema ครือๆ เรื่อง The Fountain นั่นแหละ
แผ่นมันออกแล้ว หามาดูด่วนนนนนนน
ปล. วันนี้ใครไปอิมแพ็คก็เจอกันนะจ๊ะ (เอ่ เดี๊ยนไปดู Dare to Dance นะคะ มิใช่ กอล์ฟไมค์ ขอแก้ข่าวนิดนึง)