Slumdog Millionaire : จากเรื่องในจอสู่เรื่องนอกจอ
โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์่ส่อง
(ตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร I-STREET ฉบับที่ 5 / เมษายน 2552)
จนถึงตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักหนังเจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุดอย่าง Slumdog Millionaire เป็นเรื่องน่าแปลกดีที่หนังระดับนี้กลับเข้าฉายแค่โรงหนังสกาล่าเพียงโรงเดียวในประเทศไทย แต่กระแสตอบรับอย่างล้นหลามที่คนดูแน่นขนัดเกือบทุกรอบก็ถือเป็นเรื่องน่าชื่นใจทีเดียว
Slumdog Millionaire เป็นผลงานกำกับของ แดนนี่ บอยล์ (Trainspotting, The Beach, 28 Days Later, Sunshine) หนังเล่าถึง จามาล (เดฟ ปาเตล) เด็กหนุ่มอินเดียที่ไปออกรายการเกมเศรษฐีแล้วดันตอบคำถามได้ทุกข้อ จนทีมงานสงสัยว่าเขาโกง แต่จามาลยืนยันว่ารู้คำตอบจริงๆ
จากนั้นหนังพาเราไปย้อนดูชีวิตของจามาลตั้งแต่วัยเด็ก ผู้ชมได้รู้ว่าสิ่งต่างๆ ที่จามาลได้พบเจอไปพ้องกับคำถามในรายการพอดี ชีวิตของจามาลยังผูกพันกับหญิงสาวที่ชื่อ ลาติก้า (เฟรด้า พินโต) มาตลอด และแท้จริงจามาลมาออกรายการนี้ไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพียงหวังให้ลาติก้าได้เห็นเขาในโทรทัศน์
แม้ว่า Slumdog จะดูเป็นหนังสูตรๆ เรื่องหนึ่ง ด้วยธีมประเภท ‘ความรักเอาชนะทุกอย่าง’ ที่เราเดาเนื้อเรื่องได้ไม่ยากนัก แต่ผู้กำกับก็แม่นยำในจังหวะของหนังมาก ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะปลาบปลื้มหนังเรื่องนี้กันทั่วหน้า จนทำให้มันกลายเป็นหนังสำหรับมหาชนโดยแท้
องค์ประกอบอื่นๆ ยังส่งเสริมความทรงพลังของหนัง ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบฝีมือของคอมโพสเซอร์อินเดีย เอ. อาร์. ราห์แมน และงานภาพขั้นเทพจากตากล้องชื่อดังอย่าง แอนโธนี ด็อด แมนเทิล อย่างในฉากสุดท้ายดนตรีอันนุ่มนวลของราห์แมน กับการใช้เทคนิคภาพกระตุกของแมนเทิลก็ทำคนดูไม่กะพริบตาเลยทีเดียว
Slumdog ยังทำให้เรานำประเด็นในหนังมาขบคิดถึงเรื่องนอกจอได้อีกมากมาย อย่างเช่นการที่จามาลไม่สนใจเงินล้าน แต่กลับเลือกหญิงสาวที่เขารัก เป็นการย้ำว่าความรักมีสำคัญเหนือเงินตรา แต่ในโลกความเป็นจริงนั้นค่าตัวของหนังเรื่องนี้พุ่งสูงมาก จนค่ายหนังในบ้านเราเกือบจะสู้ค่าเรื่องไม่ไหว
ลักษณะเสียดเย้ย (Irony) แบบนี้ยังปรากฏในฉากไคลแม็กซ์ของหนังที่ผู้คนทั้งเมืองมุมไบเฝ้าโทรทัศน์ดูรายการเกมเศรษฐี แต่ประเด็นคือชาวบ้านไม่ได้ร่วมเชียร์ให้จามาลชนะเพื่อจะได้พบกับลาติก้า แต่พวกเขาเชียร์จามาลในฐานะหนุ่มน้อยที่กำลังจะคว้าเงินล้านมาได้ ดังนั้นเรื่องความสำคัญของเงินจึงไม่อาจละทิ้งไปได้อยู่ดี
Irony อีกชั้นหนึ่งยังอยู่ในวันประกาศผลออสการ์ ในขณะที่เหล่าทีมงานจากฮอลลีวู้ดนั่งฉลองชัยชนะอยู่ในโกดักเธียเตอร์อันหรูหรา คนอินเดียทั้งประเทศก็ยังติดตามผลออสการ์ด้วยโทรทัศน์เครื่องเดียวต่อจำนวนคนทั้งหมู่บ้าน นี่เองนำมาสู่ข้อหาที่ว่า Slumdog กำลังใช้ประโยชน์ (exploit) จากความยากจนของอินเดีย
หลังจากได้ออสการ์ ในที่สุดเหล่าทีมงานก็ตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ให้เหล่านักแสดงเด็ก คำถามสำคัญคือทีมงานสร้างด้วยใจบริสุทธิ์ หรือทำไปเพราะต้านทานแรงกดดันไม่ไหว และแท้จริงขอบเขตความรับผิดชอบของคนทำหนังมีขนาดไหน เป็นเรื่องจำเป็นหรือที่ทีมงานจะต้องช่วยชาวอินเดียให้พ้นจากความข้นแค้น
อย่างไรก็ดี เราเห็นแล้วว่าแดนนี่ บอยล์ ได้พยายามแสดงความเคารพและขอบคุณต่ออินเดียอย่างสุดความสามารถในฉากจบของหนังที่เหล่าตัวละครออกมาเต้นระบำกัน ซึ่งนี่คือการบูชาขนบความเป็นหนังเพลงในหนังบอลลีวู้ดอย่างไม่ต้องสงสัย
กล่าวได้ว่า บอยล์ได้ทำสิ่งที่ดีแล้ว แต่มันอาจไม่ดีพอในสายตาใครบางคน
Create Date : 30 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 17:08:48 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1956 Pageviews. |
|
|
|