จากความยาว 129 นาที (ซึ่งมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ของหว่องกาไว) ผมก็เริ่มสงสัยแล้วว่าหนังเรื่องนี้ของเขา ต้องมีอะไร 'พิเศษ' หลังจากที่ทำให้เรามึนตึ้บกับอาการ 'พูดไม่ชัด' ของ In The Mood For Love ...ความยาวขนาดนี้ของหนังทำให้ผมคิดว่าหนังอาจจะพูดอะไร ชัด ขึ้น
**อิงจากประโยคในท้ายเรื่อง In The Mood For Love ชายผู้นั้นยังคงจดจำกาลเวลาที่สูญสลายหายไป เปรียบดั่งเพ่งพิศมองบานกระจกที่ปกคลุมด้วยฝุ่น อดีตนั้นคือสิ่งมองเห็นได้ แต่มิอาจสัมผัส และสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันช่างเลือนรางเหลือเกิน (ถอดความเป็นภาษาไทยโดย merveillesxx)
***อ่านเรื่องของหนัง 8 เรื่องของหว่องกาไวได้ที่ Wong Kar Wais Anthology แด่ โลกของหว่องกาไว //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3250571/A3250571.html
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง //www.ocean-films.com/2046 (Official French site) //www.wkw2046.com/ (The official international site) //www.2046.jp/ (Official Japanese site) //www.monkeypeaches.com/2046.html //www.wongkarwai.net/
...นั่นทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจในฉากจบเป็นอย่างมาก ฉากนั่งรถใน Happy Together เขายังมีเหอเป่าหวัง (เลสลี่ จาง) ใน In the mood for love เขายังมีโซวไหล่เจิน (จางมั่นอวี้) แต่ใน 2046 ณ ปีเวลาที่ผ่านพ้นไปยังปี 1969 เขานั่งอยู่ในรถคนเดียว ...เขาจะยังกอดรัดอดีตแห่งช่วงเวลาที่สูญหายแห่งนั้น ไปตลอดกาล ซึ่งตรงกับคำพูดที่หว่องกาไวเคยพูดเอาไว้
"He remembers these vanished years. As though looking through a dusty window pane, the past is something he could see but not touch. And everything he sees is blurred and indistinct."
หลังจากดู 2046 เสร็จ ใครบางคนอาจรู้สึกว่า 2046 เป็นภาค 2 ของ In the Mood For Love และ อาจจะเป็นภาค 3 ของ Days of Being Wild หรือหากเราจะลองนับเรื่องนั้นเป็นปฐมบท หว่องกาไว 2046 ก็อาจจะถือเป็นไตรภาคในการแสดงอารมณ์ที่หลงใหลในทศวรรษที่ 60 มาก และน่าสังเกตว่าแม้ชีวิตสังคมในยุคนั้นจะสวยงาม(ดุจเพลงประกอบของหนังก็ไม่ปาน) แต่ความหวาดหวั่นในอนาคตของฮ่องกง เริ่มปรากฏขึ้นในใจของ หว่อง เสียแล้ว
มีข้อมูลยืนยันว่า หว่องกาไว เริ่มถ่ายทำ 2046 ในเวลาเดียวกันกับที่เขากำกับ In The Mood For Love การเดินทางอันยาวนานของการสร้างหนังเรื่อง 2046 ส่งผลให้ชื่อของนักแสดงหลายท่านผ่านเข้าออกในหนังตลอดมา ครั้งที่เขาเริ่มประกาศสร้าง ชื่อของ ธงไชย แมคอินไตย ก็ปรากฏในหนังเรื่องนี้ในฐานะหนึ่งในดารานำ (แต่ในเวอร์ชั่นนี้ ป้าเบิร์ดออกมาแค่ 3 วินาที)
ผมเห็นด้วยกับคุณศิวาภรณ์ พงษ์สุวรรณ โปรดิวเซอร์หนังคนหนึ่งของบ้านเราว่า 2046 มีรูปลักษณ์ด้านภาพที่ต่อเนื่องมาจาก In the Mood For Love ส่วนร่องรอยของตัวละครนั้นบางส่วนก็สืบเนื่องมาจาก Days of Being Wild เรายังคงได้พบกับ จ้าวโม่วหวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) และ ซูไหล่เจิน (จางม่านอวี้ และ กงลี่) และตัวละครใหม่ๆ มากมาย
แม้ว่า ยกไจ๋ (เลสลี่จาง) จะตายจากไปใน Days of Being Wild แต่เราได้พบกับเขาอีกครั้งในส่วนหนึ่งของตัว จ้าวโม่วหวัน ในห้วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตเยี่ยงเพลย์บอย หลังจากที่พลาดรักจาก ซูไหล่เจิน และหนึ่งในบรรดาสาวที่เขายุ่งเกี่ยวด้วยคือ ไบ่หลิง (จางจื่ออี๋) ความสัมพันธ์ของเขาและเธอไม่ต่างจากภาพจำลองของ ยกไจ๋ กับ มิมิ (หลิวเจียหลิง) ใน Days of Being Wild ไบ่หลิงรักเจ้าอย่างหมดใจ เขาเองก็ชอบเธอมากแต่ไม่ได้ รัก
2046 เคยเป็นชื่อห้องในโรงแรมที่ จ้าวโม่วหวัน ใช้เป็นที่เขียนนิยายและที่นัดพบกับ ซูไหล่เจิน ใน In the Mood For Love แต่พอมาเรื่องนี้ เขาไม่มีโอกาสได้พักในห้องดังกล่าว เพราะมันถูกจับจองโดย ไบ่หลิง ส่วนเขาข้ามไปพักห้อง 2047 แทน
ถ้าเอาหนังของเขามามองร่วมกันในหลายๆ จุด ความซับซ้อนของ 2046 ดูเบาบางมากเมื่อเทียบกับ days of being wild กระทั่งอาจจะธรรมดาเมื่อเทียบกับ in the mood for love เพราะว่าความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ หนังของหว่อง ใช้วิธีการตัดสลับ ไม่ใช่สร้างซับซ้อนให้เกิดขึ้น
แต่โดยส่วนตัวแล้ว พี่ชอบและอินกับหนังเรื่องนี้มากกว่าหนังอีกหลายเรื่องของหว่องนะครับ อาจเป็นเพราะนี่เป็นหนังเรื่องแรกของหว่องที่ดูในโรงภาพยนตร์ด้วย และพี่ก็ไม่ได้อินอะไรกับ In the Mood for Love มากนัก เพราะพี่ไม่เคยแต่งงานแล้วไปมีชู้กับใคร (แต่ก็พอเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของตัวละคร)
พี่คิดว่าฉากเปิดของ 2046 น่าสนใจมาก เพราะเป็นการต่อกับฉากจบของ In The Mood for Love อย่างดิบดี นั่นก็คือ การเปิดที่ รู ซึ่งใน In The Mood for Love ก็คือ รู หรือ ช่องรอยแตกของอิฐที่นครวัฏ ส่วนใน 2046 เป็นรู หรือ ช่องปล่อยความลับในรถไฟสายนี้
กับหนัง 2046, Reconstruction (หรือกระทั่ง Last Life in the Universe) ผมค่อนข้างมีความรู้สึกร่วมกับมันมาก เพราะพระเอกในหนังเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของตัวผมทั้งสิ้น (ยกเว้นใบหน้าและความหล่อเหลา อันนี้ไกลห่างอย่างสิ้นเชิง)
โจวมีความหลังหนักหนาอยู่ไม่น้อย เขาคงจะเป็นโจวคนเดียวกับที่เคยเป็นชู้รักของซูหลี่เจิน (จางมั่นอวี้) ใน In the Mood for Love และเจ็บปวดกับความสัมพันธ์หนนั้นจนเสียศูนย์ แม้ใน 2046 โจวจะพูดถึงการฝังความลับไว้ในโพรงต้นไม้และใช้โคลนอุดมันเสีย (ซึ่งฉากที่ว่านี้ปรากฏใน In the Mood for Love) แต่มันก็เป็นเพียงคำพูด เพราะเขาเองแม้จะทำแล้ว แต่ก็ยังละลืมอดีตไม่ได้
การจมปลักอยู่กับเรื่องที่ผ่านเลยไปแล้วของโจวไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายกาจกับคนรอบข้างเท่ากับ หยกไจ๋ (ตัวละครของ เลสลี จาง ใน Days of Being Wild) ก็จริง แต่สิ่งที่เขาทำกับไป่หลิง (จางจืออี) นั้นก็เรียกเป็นความเมตตาไม่ได้อีกเหมือนกัน