The Cinematic Curse for the Actors
โดย merveillesxx ผมได้ยินเสียงร่ำลือถึงหนังเรื่อง Possession (1981) ของผู้กำกับชาวโปแลนด์ อังเดร ซูลอว์สกี้ (Andrzej Zulawski) มาเกือบ 3-4 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เต็มๆ เสียที ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้เฮี้ยนมาก และอาจเป็นยอดหนังเฮี้ยนระดับต้นๆ ของโลกก็ว่าได้ จริงๆแล้วคงไม่มีใครสามารถเล่าพล็อตหนังเรื่องนี้อย่างถูกต้องได้ (เพราะเป็นหนังแนว ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรกันอีกแล้ว) แต่โดยคร่าวๆ หนังเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่ง (อิซาเบล อัดจานี) ที่อยู่ดีๆก็หนีออกจากบ้านไป ฝ่ายสามี (แซม นีล) สงสัยว่าเธอคบชู้ ก็เลยสะกดรอยตามเธอไป จึงได้พบความจริงว่า เธอเข้าไปในบ้านลึกลับหลังหนึ่ง พร้อมกับไปหลงใหลกับสัตว์ประหลาด (!?) ที่อยู่ในบ้านหลังนั้น หนังถูกพูดถึงมากในเรื่องการแสดงของ อิซาเบล อัดจานี เธอเป็นนักแสดงฝรั่งเศสชั้นยอดคนหนึ่ง ปรากฏตัวในหนังคลาสสิกร่วมสมัยหลายเรื่องอย่าง The Story of Adele H (1975, ฟรองซัวส์ ทรุฟโฟต์), Nosferatu the Vampyre (1979, แวร์เนอร์ แฮร์โซ้ก), Quartet (1981, เจมส์ ไอวอรี่) และ Queen Margot (1994, ปาทริซ เชอโรว์) ผลงานล่าสุดที่บ้านเราอาจจะได้เห็นเธอก็คือ Bon Voyage (ที่น่าตกตะลึงมากว่า อัดจานี ในเรื่องอายุเกือบ 50 แล้ว แต่เธอก็ยังดูสวยปิ๊งเหมือนสมัย 20 ปีก่อน!) ฉากที่โด่งดังมากใน Possession คือฉากที่อุโมงค์รถใต้ดิน (ซึ่งถือกันว่าเป็นหนึ่งในฉากคลาสสิกของโลกภาพยนตร์) ในฉากนี้อัดจานีจะอาละวาดชนิดที่คนดูได้แต่ทึ่งว่า นี่มันเชี่ยอะไรกัน!? ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูฉากนี้จากคลิปใน youtube เมื่อไม่กี่วันก่อน (ผมจะโพสต์ไว้ด้านล่าง) สารภาพว่าดูครั้งแรกแล้ว ผมช็อคไปเลย สรุปแล้วคืนนั้นผมดูคลิปนี้ไป 5 รอบ หลังจากนั้นก็ส่งต่อให้เพื่อนอีกประมาณ 30 คน และเชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ผมดูคลิปนี้ก่อนนอนทุกคืน (ฮา) ผมชอบฉากนี้มากเพราะ อัดจานีเป็นคนสวย แต่เธอกล้าเล่นอะไรที่โสมมมากๆ ผมชอบเสมอสำหรับนักแสดงสาวสวยที่กล้าทำอะไรชิบหายๆ ไม่รู้ว่าอัดจานีขุดแรงมหาศาลจากไหนมาเล่นฉากนี้ได้ ผมว่าฉากแบบนี้เล่นยากมาก เพราะนักแสดงต้องปลดปล่อยพลังออกมาเอง (มันไม่เหมือนกับฉากประเภทที่ผู้กำกับสั่งว่า เออ คุณเดินไปตรงนู้นนะ แล้วหันกลับมามองกล้อง บลาบลาบลา) เธอทำได้เยี่ยมทุกอย่างไม่ว่าจะลักษณะท่าทาง หรือการโปรเจคต์เสียงออกมา ไม่ใช่แค่ฉากนี้เท่านั้นที่อัดจานีต้องเล่นอะไรแบบสติแตก ตลอดหนังเรื่องนี้เธอจะต้องทำตัวเหมือนคนจิตไม่ปกติ 24 ชั่วโมง ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยตอนที่อ่านเจอว่า หลังจากถ่ายทำหนังเรื่องนี้จบแล้ว อัดจานีก็จิตแตก จนพยายามจะฆ่าตัวตาย! สำหรับนักแสดงแล้ว การเข้าถึงบทบาทเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ผมว่าน้อยคนเหลือเกินที่จะทำได้ และการกลายเป็นใครสักคนโดยสมบูรณ์แบบ ในช่วงเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้คุณ หลุด จนกู่ไม่กลับได้ง่ายๆ นอกจากในกรณีของอัดจานีแล้ว ตอนที่นิโคล คิดแมน เล่นหนังเรื่อง The Portrait of a Lady (1996) ของเจน แคมเปี้ยน (ว่าด้วยหญิงสาวที่ต้องทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต จากการตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายผิดคน) ว่ากันว่าหลังจากปิดกล้องแล้ว คิดแมนต้องไปเข้ารับการบำบัดสภาพจิตเลยทีเดียวกงลี่ ก็เป็นอีกคนที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ จากหนังเรื่อง Memoirs of a Geisha (2005) ถึงแม้หนังจะห่วยบรมขนาดไหน แต่กงลี่ก็คือสิ่งที่ดีที่สุดในหนัง เธอเข้าถึงตัวละครของตัวเองมาก จนเมื่อตอนถ่ายเสร็จ ขณะที่ยังอยู่ชุดกิโมโน เธอขอให้ผู้กำกับร็อบ มาร์แชล พาเธอเดินไปทั่วๆ ฉากการถ่ายทำ แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา ราวกับว่าจะเป็นการบอกลาตัวละครแสนเศร้าของเธอ ล่าสุดผมเพิ่งได้ดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง Whos Camus Anyway? (2005, มิทสึโอะ ยานากิมาชิ) ที่พูดถึงนักแสดงที่กลายเป็นตัวละครนั้นจริงๆ ได้ดีมาก หนังเล่าถึงเด็กเรียนฟิล์มกลุ่มหนึ่งที่ทำหนังส่งอาจารย์อย่างทุลักทุเล ตอนที่ดูหนังไปผมก็รู้สึกเบื่อๆอยู่เหมือนกัน เพราะหนังก็มาแบบเรื่อยๆ แต่พอถึงฉากสุดท้ายของหนัง ผมก็แทบช็อค เพราะมันฉากที่น่ากลัวและรุนแรงมาก เป็นการตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแสดงชนิดตบหน้าคนดูจนหงายหลัง ว่ากันว่าบางทีศิลปะ (โดยเฉพาะศิลปภาพยนตร์) ก็โหดร้ายอย่างเหลือทน การสลัดบทบาทของตัวเองอย่างดิ้นไม่หลุด ก็อาจถือเป็นคำสาปติดตัวของนักแสดงชั้นยอดหลายคนแต่เราในฐานะคนดูก็ยังรื่นรมย์กับการเฝ้ามองคำสาปเหล่านั้นต่อไป เพราะเราก็คือผู้ร่วมร่ายคำสาปนั้นด้วย Possession : Metro Scene ดูคลิปนี้ให้ได้นะครับ ไม่งั้นอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต!
Create Date : 16 ธันวาคม 2550
Last Update : 16 ธันวาคม 2550 17:20:41 น.
41 comments
Counter : 4767 Pageviews.
MER MUSIC CHART
อันดับเพลงยอดนิยมส่วนตัวในช่วงนี้
1. Kylie Minogue : In My Arms
หวานมากๆ
2. New Order : Ceremony
ผลจากหนังเรื่อง Marie Antoinette
3. Erlend Oye : Sudden Rush
น่ารักดี
4. Film School : Two Kinds
ท่อนเครื่องสายทำเอาน่ำตาซึม
5. มะเดี่ยว : Tickets
พี่แต่งเนื้อแบบนี้ได้ไงวะครับ
หนังที่ได้ดูช่วงนี้
1. รักแห่งสยาม (2007, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, A+++++++++)
2. Bangkok Time (ดึกแล้วคุณขา) (2007, สันติ แต้พานิช, C+)
3. Breach (2007, Billy Ray, A+)
4. The Warlords (2007, Peter Chan, B-)
5. Lust, Caution (2007, Ang Lee, A+)
6. Simon (2004, Eddy Terstall, B+)
7. The Bridge (2006, Eric Steel, A-)
8. Death Proof (2007, Quentin Tarantino, A)
9. American Gangster (2007, Ridley Scott, B-)
10. ดอกฟ้าในมือมาร (Mysterious Object At Noon) (2000, อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล, A)
11. คืนวันเสาร์ (2006, วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์, A)
12. Always Think About It, Never Speak Of It (2007, จุฑารัตน์ พรมุณีสุนทร, A)
เพลงที่ได้ฟังช่วงนี้
1. รักแห่งสยาม Original Soundtrack (2007, A+++++)
2. Britney Spears: Black Out (2007, A)
3. Cocteau Twins: Four-Calendar Cafe (1993, A-)
4. Kylie Minogue: X (2007, A)
5. Film School: Hide Out (2007, A+)
6. Unkle: War Stories (2007, A+)
7. Marie Antoinette (Soundtrack) (2006, A+++++)
8. Erlend Oye: Unrest (2003, A+)