http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
แฉชีวิตคนตะลุยเทศกาลหนัง

โดย merveillesxx

ตีพิมพ์ครั้งแรกใน BIOSCOPE FOCUS ฉบับที่ 4 (24-25 กุมภาพันธ์ 2549 หน้าปก MATCH POINT)

(BIOSCOPE FOCUS คือหนังสือพิมพ์ราย 2 วันที่แจกฟรีในเทศกาลบางกอกฟิล์ม ในฉบับจริงจะมีรูปประกอบสวยๆ โดยคุณ ‘ต้องการ’ ด้วย ก็ขอยกประโยชน์ให้กับคนที่มีหนังสือแล้วกันนะครับ ส่วนคนที่ไม่ได้หยิบมาก็อ่านฉบับไม่มีภาพประกอบไปก่อนแล้วกัน แหะๆ)



ARE FILMLOVERS SICK PEOPLE?

1. เมื่อลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เหล่าขบวนการ ‘ตะลุยเทศกาลหนัง’ จะทำก็คือ ทบทวนแผนการอย่างรอบคอบอีกครั้งว่า วันนี้จะดูหนังกี่เรื่อง เรื่องอะไรบ้าง ที่โรงไหน เวลาอะไร จะแวบไปกินข้าวตอนไหน ฯลฯ


2. ก่อนออกจากบ้าน พวกเขาก็ไม่ลืมที่จะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะในเทศกาลหนังมักมีเหตุการณ์เฮี้ยนๆ เกิดขึ้นเสมอ เช่น รอบฉายโดนยกเลิก, เปลี่ยนเวลาฉาย, ย้ายโรงฉาย ไปจนถึง…หนังไม่มีซับไตเติ้ล!


3. เมื่อไปถึงบริเวณงาน พวกเขาจะรู้สึกว่าบ้านเมืองตัวเองกลายเป็นประเทศอาณานิคมไปเสียแล้ว เพราะสิ่งที่เห็นมีแต่ ฝรั่ง ฝรั่ง และฝรั่ง!


4. พวกเขาพบว่า คนไทยที่เจอมักจะเป็นหน้าเดิมๆ และชอบแต่งตัวคล้ายๆ กัน คือ ใส่เสื้อไบโอสโคป, เสื้อหนัง ‘สัตว์ประหลาด’, เสื้อแฟตเรดิโอ และที่ขาดไม่ได้คือ กระเป๋าสะพายข้างของร้านพี่คนนั้น! (ใครกันหว่า?)


5. พวกเขาบางคน เป็นพวกต่อต้านลัทธิทุนนิยมและความฟุ้งเฟ้ออย่างรุนแรง ชีวิตนี้เดินแต่สวนจตุจักร แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาเหยียบย่างห้างสยามพารากอน!


6. พวกเขามักใช้ ‘บันไดหนีไฟ’ เพื่อหลีกเลี่ยงการเบียดเสียดกับผู้คนมากมาย ซึ่งมักทำให้เขาเข้าโรงสายในรอบต่อไป


7. ช่วงเวลาพักระหว่างรอบหนัง ช่างมีน้อยนิด พวกเขาจึงต้องยอมเสียตังค์ให้กับอาหารฟาสต์ฟู้ด แม้ว่าชีวิตนี้จะต่อต้านมันมาตลอดก็ตาม (โถ…)


8. พวกเขามักจะมาดูหนังเทศกาล ‘คนเดียว’ แต่บางทีก็อยากจะรู้จักใครสักคนในงานไว้บ้าง เผื่อฉุกเฉินไว้กรณีหลับคาโรง หรือเจอกับหนังอาร์ตจ๋าติสต์แตก จะได้มีคนไว้คุยกันต่อหน้าโรงได้


9. เขามักพบคนประหลาดๆ ในเทศกาลหนังเสมอ บางคนพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง บางคนเหมือนจะพูดรู้เรื่องแต่จริงๆ พูดไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ ฟรองซัวส์ ทรุฟโฟต์ เคยบอกไว้ว่า “Filmlovers are sick people.”


10. เมื่อดูหนังจบ พวกเขาจะรีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที แต่ไม่ใช่รีบเข้านอนหรอกนะ แต่เข้าไปเช็คเว็บบอร์ดของwww.bioscopemagazine.com หรือ //www.pantip.com เพราะไม่มีใครที่จะดูหนังได้ครบทุกเรื่อง และหนังดีๆ บางเรื่องก็จะถูกค้นพบโดยคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขา


11. หลังจากดูหนังติดกันหลายวัน ก็อย่าได้คิดถกปัญหาหนักๆ เกี่ยวกับหนังทันทีที่เขาเพิ่งเดินออกมาจากโรง เพราะพวกเขาพร้อมเสมอที่จะคุยกับคุณโดยเอาเนื้อเรื่องของหนังเรื่องหนึ่งไปใส่ในหนังอีกเรื่องหนึ่ง


12. 10 วันผ่านไป หลังจบจากเทศกาล สิ่งที่พวกเขาอยากดูมากที่สุดก็คือ หนังตลาด หนังฮอลลีวู้ด หนังโรแมนติกคอมมิดี้ และหนังที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย!


13. อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การตะลุยเทศกาลหนังจะแสนเหนื่อย แต่พวกเขาก็พร้อมจะกลับมาเจอกันอีกครั้งในปีหน้า เพราะเทศกาลหนังนั่นเองที่ย้ำเตือนให้พวกเขาตระหนักว่า โลกของหนังนั้นกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ…



ขอขอบคุณ
- พี่เต้ ที่ช่วยเกลางานให้ และโอกาสดีๆ ที่มอบให้เสมอมา
- คุณต้องการ สำหรับภาพประกอบสวยๆ
- นิตยสาร “สารกระตุ้น”



Create Date : 01 มีนาคม 2549
Last Update : 1 มีนาคม 2549 15:51:17 น. 24 comments
Counter : 2093 Pageviews.

 
-- ต้องขอภัยด้วย ช่วงนี้ไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนบล็อกของคนอื่นเลย งานยุ่งมาก ทั้งปั่นรายงาน ปั่นต้นฉบับ ตอนนี้อ่านหนังสือไม่ทันแล้ววววว


-- สถานการณ์การเมืองบ้านเรากำลังร้อนระอุ แต่ความซวยมาตกที่เด็กธรรมศาสตร์ เพราะวันที่ 3 ทั่นนายกปาศรัยใหญ่ที่สนามหลวง ส่วนวันที่ 5 กลุ่มพันธมิตรชุมนุม (ที่สนามหลวงอีกนั่นแหละ) ...ใจคอจะไม่ให้เด็กมธ.สอบกันอย่างสงบๆ เลยเหรอไงวะ ฮ่วย!


-- ร้อนแรงไม่แพ้กันคือ สถานการณ์ในบ้าน Big Brother ช่วงนี้มันส์มาก หวิดจะมีตบกันเกือบทุกวัน

ตอนแรกปิ๊งหมอนกมากๆ (เพราะหน้าเหมือนรุ่นพี่ที่เคยจีบ --เกี่ยวมั้ยเนี่ย?) แต่ตอนนี้ดูแล้วกลัว ไม่กล้าไปทำฟันกับหมอนกแน่ๆ (ฮา)


-- สอบเสร็จวันที่ 8 มี.ค. แล้วจะกลับมาอัพบล็อกต่อเน้อ...


โดย: merveillesxx วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:16:05:52 น.  

 
เขียนดีนะต่อ

อ่านแล้วยิ้มดี



แต่ต่อบอกว่า ต่อไม่แต่งตัวอย่างข้อ ๔ นี่ใช่มั้ย


อิจฉาชีวิตนักศึกษาสมัยนี้จังน้อ

สมัยพี่ยังคงสถานะเป็นนักศึกษานี่..ไม่มีโอกาสได้ดูหนังเทศกาลอย่างนี้หรอก (กรุณาอย่าเดาว่ากี่ปีมาแล้ว )



ขอให้มีความสุนทรีย์ในการดูหนังต่อไปนะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:16:10:35 น.  

 
โลกของหนังนั้นกว้างไกลไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ…

เห็นด้วยกับประโยคนี้ครับ
ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนดูหนัง "แนว" ไหน
เพราะรู้ตัวเองแค่ว่า
"ตัวเองชอบดูหนังในโรงหนัง"

Image hosting by Photobucket



โดย: Marvellous Boy วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:16:12:11 น.  

 
ขำดีแฮะ เข้าใจสรุปเป็นข้อๆ ขำดี

โรงอุลตร้าแมนสบายเกินเหตุเนาะ นี่ถ้าแจกผ้าห่ม หลับไปแล้วหละ (หนาวจนหลับไม่ลง 555)
สู้ๆจ้า โชคดีในการสอบ


โดย: LUNATIC SPACE วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:16:16:51 น.  

 
เกือบลืม...

2 มีนาคม อย่าลืมไปดู Invisible Waves กันนะจ๊ะ (นอนไปเยอะๆ เพราะหนังค่อนข้างนิ่งมาก และนี่ไม่ใช่หนังดูสนุกนัก ไม่เหมาะกับการดูเพื่อออกเดท)

อีกเรื่องที่พลาดไม่ได้ก็คือ The Constant Gardener (กำกับโดย ผกก. City of God)

ยังไม่ได้ดู "เด็กหอ" กับ Tranamerica เลย อยากดูมากๆ


โดย: merveillesxx วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:16:23:42 น.  

 
AF2

หลังจาก Power Pop Angels กับวง Plam ออกมาเจ๊งสนิท ตอนนี้ "กระรอกน้อย" อย่างน้องอ๊อฟก็ออกชุดเดี่ยวมาแล้ว (ชื่อ Show Aof) รายนี้คงไม่เจ๊งง่ายๆ เพราะแฟนหนุนเยอะ แต่ผมฟังไปสองเพลงแล้ว ก็อึ้งไป ได้แต่ทำหน้างงๆ หันไปถามเพื่อนว่า "เพลงอะไรของมันวะ" ไม่รู้ใครสั่งใครสอนให้โปรดิวเซอร์เอาเพลงไทยเดิมมาใส่แบบมั่วๆ แบบนี้ ...มันเสร่อน่ะ ไม่ได้ดูครีเอทเล้ยย

เหลือ "บอย" ที่ยังไม่ได้ออกเดี่ยวมา ขอเสนอให้ทางโปรดิวเซอร์ก็อปปี้คาแร็กเตอร์มา RAIN มาใส่ในบอยได้เลย โดยเฉพาะการเต้นเด้งไปเด้งมาแรงๆ คอสตูมแหว่งๆ ขาดๆ แล้วก็ถอดเสื้อโชว์บ่อยๆ เวลาเล่นคอนเสิร์ตก็ให้ใส่เสื้อขาวแล้วให้มีฝนตกลงใส่ตัวเปียกๆ ชุ่มๆ ...รับรองขายดีแน่นอน เหอๆๆ



Big Brother 2



ช็อตเด็ดประจำสัปดาห์: หมอฟันกับสตันท์จะตบกัน

จากตอนแรกผลโหวต 5 คนสุดท้ายออกมา ติ๊กดูน่าเป็นห่วงสุด เพราะดูไม่มีจุดเด่นอะไร ส่วนหมอนก, นุ้ย หายห่วงทางกันตนาต้องเก็บไว้แน่นอน ด้านเบิร์ดเดย์ก็ถือเป็นสีสันของบ้าน และปุ๋ยก็ควรเก็บไว้ให้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนุ้ย

แต่ตอนนี้รูปการณ์พลิกไปแล้ว จากคืนที่ติ๊กเรียกนกออกมาเคลียร์ที่ห้องนั่งเล่น และลงเอยด้วยการท้าตบกัน โดยมีนุ้ยกับเบิร์ดเดย์มาห้ามมวย

ลองคิดดูเล่นๆ นี่อาจจะเป็นแผนดึงเรทติ้งตัวเองของติ๊กก็ได้ เพราะวิธีลัดที่จะทำให้ตัวเองดูโดดเด่นขึ้นมา นอกจากการกิ๊กกับผู้ชายในบ้านแล้ว ก็คือ "การมีเรื่องกับหมอนก" นั่นเอง (ซึ่งเป็นการ "จุดไฟ" ที่ง่ายกว่าการจุดเตาแก๊สเสียอีก)

แต่การวีนใส่กันในคืนนั้น ติ๊กเสียเปรียบพอสมควร เพราะตัวเองเป็นคนเริ่มเรื่องก่อน แต่สุดท้ายกลับเป้นฝ่ายของขึ้นเสียเอง แถมยังถึงขั้นขึ้นกรู-เมิง และท้าตบหมอนกด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้หมอนก "ดูดี" ขึ้นมาทันที(หลังจากเสียเรทติ้งไปเยอะจากการไปวีนใส่เด็กใหม่อย่างอุ้ม) เพราะดูเป้นฝ่ายคุมอารมณ์ได้มากกว่า

ถึงกระนั้น บางฝ่ายก็เห็นใจติ๊กมากกว่า เพราะเห็นว่าติ๊กทำลงไปเพราะหมดความอดทน อีกเหตุหนึ่งก็คือ "คดีเก่าๆ" ของหมอนกที่ทำติ๊กดูเป็นฝ่ายที่ "ไม่ผิด"

จากการของขึ้นของติ๊กในคราวนี้เองทำให้เธอดูมีค่ามากพอที่ทาง BB จะเก็บเอาไว้ ความซวยจึงตกไปอยู่ที่ปุ๋ยและเบิร์ทเดย์ที่อาจจะต้องออกจากบ้านไป

อย่างไรก็ตาม อีกกระแสหนึ่งบอกว่ามวยคู่นี้มี "บ่างช่างยุ" อย่างหวานเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง งานนี้หมอนกก็เลยเหมือนถูก "มีดปักหลัง" เข้าไปเต็มๆ เพราะหมอนกนั้นเชื่อใจหวานถึงขนาดที่ว่าให้หวานเป็น 1 ใน 4 คนที่เธอไว้ใจ (อีก 3 คนคือ นุ้ย, เบิร์ทเดย์ และ "ป๋า" บอมเบย์)

ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ถ้าหากหมอนกได้ดูคลิปย้อนหลังในห้องเปิดใจของหวาน เธออาจแค้นจนอยากจะแงะฟันหวานให้หมดปาก เหมือนหนังเกาหลีเรื่อง Oldboy ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สถานการณ์ Big Brother2 ในตอนนี้น่ากลัวมาก และใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริงเหลือเกิน การ FAKE ใส่กันเป็นเรื่องเด็กๆ ไปแล้ว เพราะกุลยุทธ์ตอนนี้ในบ้านคือ "การ FAKE ว่าตัวฉันเป็นคนไม่ FAKE"

คนที่จะรอดต่อไปได้ก็คือ คนที่เอาตัวเองถอยห่างออกมา แล้วยังตระหนักได้ว่ามันเป็นเพียงแค่ "เกมส์" คนที่ไว้ใจคนอื่นจนกระทั่งให้ใจอีกฝ่ายไปหมดนั้น คือ ...ผู้พ่ายแพ้

Big Brother ไม่ใช่รายการให้ให้สาระทางปัญญาอย่างสารคดีช่อง Discovery แต่สะท้อนด้านมืดของมนุษย์ และให้ความสะใจกับคนดูเวลาที่มีคนจะตบกัน

แค่นั้นแหละ...(ที่เราต้องการ)


โดย: merveillesxx IP: 210.246.165.235 วันที่: 1 มีนาคม 2549 เวลา:19:09:17 น.  

 
ชอบจัง "แฉชีวิตคนตะลุยหนัง" กับประโยคที่ว่า Filmlovers are sick people !!! น้อง Merฯ เขียนดีมั่กๆ

เอ ว่าแต่จะมีเวลาอ่านหนังสือสอบทันมั้ยเนี่ย อิอิ

โชค AAA นะคะ


โดย: Passer by IP: 202.149.109.50 วันที่: 2 มีนาคม 2549 เวลา:16:37:31 น.  

 
อะฮู้ว
อย่างงี้
ต้องไปหามาอ่านมั่ง
มันโดนทุกข้อเลย 5555+
โดยเฉพาะที่บอกว่าไปดูคนเด่ว กร๊าซซ

(ฮ่า..กลายเปงBBรีพอร์ตเตอร์ไปแล้ว 555+)

---------------------------------------

กร๊าซซ
ม่ายยย...
ผิดไปแล้ววว T-T
ฮืออ..ก้ชื่อต้นมันติดสมองอ่า
ขอโทดค่า >_<"
อย่างอนเลยนะ กิ้วๆ...

กร๊าซซซ
555+
ต่อไปจะไม่เรียกผิดแล้ว..ให้อภัยข้าน้อยด้วยเถิด

ขอให้พี่ต่อ*ทำข้อสอบได้ทุกข้อเน่อออ..^^


โดย: AkiPpai~ IP: 203.107.192.212 วันที่: 2 มีนาคม 2549 เวลา:21:11:35 น.  

 
ปีนี้ลาออกจากงานไม่ทันงานเทศกาลหนัง เลยได้ดูแต่รอบที่เป็นหลังเลิกงาน แล้วก็เลยได้ดูแต่หยนังตล๊าดดดตลาด

แต่พี่ว่าปีนี้มันจัดห่วยกว่าปีที่แล้วนะ .. ว่ามั้ย?

(ยังสงสัยว่าทำไมไม่ให้บริษัทที่รู้เรื่องหนังดีๆ อย่างพวกนิตยสารหนังรับงานไปทำเลยหว่า จะได้ไม่ต้องมีหนังห่วยมากก ที่พี่ดันโง่หลงไปดูเข้ามาฉายด้วย หุหุ)


โดย: Seven Of Nine วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:10:14:22 น.  

 
ตอบ พี่ Seven of Nine

รู้สึกว่า BKKIFF ปีนี้จะห่วยที่สุดอ่ะ

ททท. มันทำเป็นงานหรูๆ ไปเสียแล้ว เฮ้อ...



โดย: merveillesxx IP: 210.246.165.180 วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:13:52:32 น.  

 
โอ้ววว...น้องเีขียนได้ฮาดีนะ เข้าใจคิด...


โดย: ตี๋หล่อมีเสน่ห์ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:14:46:45 น.  

 
พูดถึงเรื่อง BKKIFF พี่รู้สึกว่า คนที่ออกไปพูดข้างหนัาโรงว่า หนังเรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร พี่เห็นถึง"สามรอบ"ที่พี่ไปด...ูแล้วคนพูด...พูดไปหัวเราะไป มีอยู่คนหนึ่งหนักมากถึงขั้นต้องให้เพื่อนพูดแทนเพราะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แล้วบอกขอโทษ พี่ก็ไม่รู้เวลาพูดเป็นทางการอย่างนั้นทำไมต้องหัวเราะทำเหมือนเล่นๆ ฝรั่งที่นั่งข้างพี่ส่ายหน้าเลยครับ


โดย: ตี๋หล่อมีเสน่ห์ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:17:44:54 น.  

 
ตอนนี้ประทับใจ Transamerica กับ The Constant Gardener ครับ


โดย: ตี๋หล่อมีเสน่ห์ วันที่: 4 มีนาคม 2549 เวลา:23:02:42 น.  

 
เชื่อไหมว่าปีนี้ไม่ได้โผล่หัวไปงานฟิล์มเฟสเลย
งานยุ่ง หนึ่ง ไม่อยากไป อีกหนึ่ง

ชอบข้อ 10 จัง
เหมือนเวลาไปเที่ยวป่า ไปเดินป่า
สิ่งแรกที่อยากทำเมื่อการเดินป่าสิ้นสุดคือ
หาไอติม และกินโค้ก

อ่านหนังสือไปถึงไหน แล้วน่ะ

อ้อ ๆ อีกอย่าง นะเพื่อชาติ (ที่ไม่ค่อยเห็นจะทำอะไห้เรา )
ยอมเสียสละความสุขส่วนตัวหน่อย
อิชั้นอยู่แถวราชดำเนิน เรื่องรถติดจากเหตุการณ์บ้านเมืองนี่เจอประจำ
แต่เชื่อว่า ถ้าไม่สุดวิสัย คนไม่ออกมามากๆ อย่างนี้หรอก


น้องต่อที่ร๊าก
เมื่อคืนสัญญาว่าอย่างไร
แหม่ ต้องให้มาตาม


โดย: grappa วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:10:46:33 น.  

 
คุณก็ดูหนังเยอะพอสมควร
ไปดูเด็กหอมาแล้ว ฉันว่าการถ่ายภาพ การจัดแสง และดนตรีประกอบ ทำให้หนังดูหลอนจริงๆ และสิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ หนังเสนอความเป็นดราม่า ได้อย่างลึกซึ้ง


โดย: inital A IP: 203.209.109.41 วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:14:47:52 น.  

 
เอิ๊กๆ เออ เห็นภาพเลย เพราะตัวเองก็เป็นอย่างนั้นเกือบทุกข้อ

และขำข้อนี้มาก "10 วันผ่านไป หลังจบจากเทศกาล สิ่งที่พวกเขาอยากดูมากที่สุดก็คือ หนังตลาด หนังฮอลลีวู้ด หนังโรแมนติกคอมมิดี้ และหนังที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทย!"

ก๊ากกกกกก ถูกใจสุดๆ เอิ๊กๆๆ


โดย: อานาตะโออาอิชิมัตสึ วันที่: 5 มีนาคม 2549 เวลา:21:01:12 น.  

 
หลุดรอดจากการเป็น sick people มานานมากแล้ว ขนาดคนสอนที่เองยังเป็นเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนเรียน

ยิ่งเรียน ยิ่งรู้มาก ยิ่งไม่อยากดู 5555



โดย: I will see U in the next life. วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:14:25:53 น.  

 
เท่าที่อ่าน 13 ข้อแล้ว คิดว่าตัวเองคงไม่ถึงขั้นรักหนังเท่าแน่ๆ เพราะในชีวิตก็ยังไม่เคยไปตามดูหนังในงานเทศกาลแบบนี้เลย อาศัยอ่านของคนที่ไปดูมาเอาข้อมูล แล้วเผื่อรอลงแผ่นดีวีดี

อ่านเรื่อยลงมามีพูดถึง Power Pop Girl กับ แพลม จขบ บอกว่าเจ๊ง เราไม่คิดว่าเจ๊งนะ (คิดเอาเอง) แต่อาจไม่ดังเป็นพลุแตก แต่เราก็ยังได้ยินเพลงทางคลื่นวิทยุบ่อยกว่าตอนที่แกรมมี่ปล่อยตัว AF1 ทั้ง 6 คน ยกเว้นอ๊อฟ AF1

เห็นด้วยเรื่องอ๊อฟ AF2 เพราะขนาดเราตอนนั้นเชียร์อ๊อฟสุดๆ ยังอึ้งกับเพลงเลย ฟังไป 2 เพลง น้องจะรอดไหมนะ นอกเหนือจากแฟนคลับที่ตามกันมา แต่ถ้ามองที่ความแปลกของเพลงก็อาจขายได้นะ (หวังว่า)

BB2 อันนี้เพิ่งมาดู BB1 ไม่เคยดูเลย ดู BB แล้วสนุกดีเหมือนกัน ได้เห็นคนหลายแบบดี อย่างหวานที่เนียนเข้าหาทุกคนแต่แอบซ่อนอะไรไว้เยอะ (คนในบ้านแทบจะดูไม่ออกเลย) และเห็นด้วยที่ จขบ บอกว่า ไอ้การ Fake ว่าฉันเป็นคนไม่ Fake น่ะ ดูแล้วมันส์ดีเจงๆ

ถึงรู้ว่าหวานก็ออกแนวบ่างช่างยุ แต่ชอบตอนที่หวานพูดในห้องเปิดใจเกี่ยวกับหมอ"นก"ที่ว่า คนพูดจริงใจก็ไม่ต้องใส่อารมณ์ก็ได้ พูดดีๆก็จริงใจได้เหมือนกัน ฟังแล้วมันจึ้กเข้าไปถึงใจ


โดย: cottonbook วันที่: 6 มีนาคม 2549 เวลา:20:44:59 น.  

 
สอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย


โดย: merveillesxx IP: 210.246.165.175 วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:2:36:39 น.  

 
ดีใจด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:13:07:36 น.  

 
พี่ครับผมอยากจะให้พี่เขามาให้คำเนะนำเกี่ยวกับ Lilly chou-chou ครับคือพวกเรากำลังตั้ง แฟนคลับ
//lilychouchou1.7.forumer.com


โดย: DABUUSY IP: 203.155.154.251 วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:16:00:00 น.  

 
ข้อความต่อไปนี้มาจาก //www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=26541


สอบเสร็จแล้วววววววววววววววววว

ดีใจมากเลยครับที่สอบเสร็จแล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน เพราะใกล้เรียนจบขึ้นทุกทีแล้ว

รู้สึกดีมากที่สอบเสร็จ เพราะช่วงนี้จะได้ไม่ต้องไปเฉียดแถวสนามหลวงอีก ช่วงสอบที่ผ่านมา ไปสอบแต่ละทีต้องเดินดูซ้ายดูขวาให้ดี พอสอบเสร็จก็ต้องรีบแจ้นกลับบ้านทันที เพราะแถวนั้นปกติช่วงเย็นๆ รถก็ติดมหาวิปลาสสุดๆ อยู่แล้ว ยิ่งมีชุมนุมแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลย

อีกอย่างที่รู้สึกดีก็คือ สอบคราวนี้ปิดท้ายด้วยวิชาเกี่ยวกับภาพยนตร์ (General Knowledge of Film) ซึ่งสอบเสร็จแล้วก็จะรู้สึกสบายใจ แต่ถ้าปิดสอบด้วยวิชาคณะ ความ “กังวล” (ว่าจะผ่านมั้ย, จะได้เกรดอะไร) ก็จะติดตัวไปตลอดปิดเทอม

พูดถึงวิชาฟิล์มที่สอบไป ข้อสอบก็เป็นคำถาม “ทื่อๆ” เสียส่วนใหญ่ ประมาณว่าท่องไปก็ตอบได้ (เช่น จุดมุ่งหมายของภาพยนตร์ตะวันตกคืออะไร) แต่ก็รู้สึกดีกับคำถามบางข้อที่มีลักษณะค่อนข้างฟรี เพราะข้อสอบแบบนี้เราจะได้ “แผลงอิทธิฤทธิ์” ได้เต็มที่ เช่น

1. ให้ท่านเลือกภาพยนตร์มา 1 เรื่อง โดยระบุว่าภาพยนตร์เรื่องนั้น “มี” หรือ “ไม่มี” ความเป็น “งานศิลปะ” พร้อมยกเหตุผลประกอบ (ข้อนี้ตอบเรื่อง Yes ของ Sally Potter ไป)

2. จากความรู้ที่เรียนมา ให้ท่านแนะนำภาพยนตร์ที่ทุกคนควรชมมา 1 เรื่อง

ข้อนี้ไม่รู้จะตอบอะไร ก็เลยใช้หนังหากินของตัวเองก็คือ เรื่อง All About Lily Chou-Chou (อีกแล้ว)

เดาว่าต้องมีไม่ต่ำกว่า 10 คนที่ตอบว่า Lord of the Rings

ใจจริงแล้วอยากตอบข้อสอบข้อนี้ด้วยหนัง (สารคดี?) เรื่อง “แอนนา” มากกว่า เพราะ ทำหน้าที่ 4 อย่างของสื่อมวลชนครบถ้วนทั้ง To Inform, To Educate, To Entertain และ To Persuade (จะ Persuade ให้ทำอะไรก็คิดกันเอาเองนะจ๊ะ)

-----------------------------------------------

เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาติดสอบ ก็เลยไม่ได้ดูหนังอะไรเลย

แต่ตอนนี้รู้สึกว่าชอบหนังเรื่อง Invisible Waves มากขึ้นเรื่อยๆ (อาจจะเลื่อนความชอบจาก A เป็น A+) ถ้ามีเวลาพอก็อยากจะไปดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สอง (รอบแรกดูไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เพราะคนเดินออกเยอะมาก แล้วก็มีคุยโทรศัพท์กันบ่อยมาก อยากลุกขึ้นเอามีดไปจ้วงจริงๆ)

ตอนแรกที่ดู Invisible Waves รู้สึกตกใจกับ “ภาพ” ของหนังเหมือนกันว่าทำไมมันถึงมืดๆ มัวๆ แบบนั้น (ทำให้หนังกลายเป็นหนัง “ฟิล์มมัวร์” แทนที่จะเป็น “ฟิล์มนัวร์”) ดูไม่เหมือนงานภาพก่อนๆ ของคริสโตเฟอร์ ดอยล์ ช่วงแรกก็เลยรู้สึกปวดตาเหมือนกัน แต่พอตอนกลางๆ เรื่องก็เริ่มชิน

จุดที่ชอบก็คือ การที่หนังเล่นกับบรรยากาศและสถานที่ได้ในแนวทางที่ถูกใจตัวเองมากๆ เช่น การทำให้ “เรือ” และ “โรงแรม” กลายเป็นอะไรสักอย่างที่เหมือนกับ “แดนสนธยา” และการทำให้ภูเก็ตดูไม่เหมือนภูเก็ต (แต่จริงๆ แล้วตัวเองก็เคยไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ตแค่ครั้งเดียว)

ส่วนที่ชอบที่สุดก็เหมือนกับพี่แมดเดอลีนคือ sound ของหนังเรื่องนี้ (จริงๆ ติดใจเรื่อง sound ในหนังคุณเป็นเอกมาตั้งแต่เรื่อง Last Life in the Universe แล้ว) ชอบที่ว่าเสียงใน Invisible Waves จะลอยขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เราจะรู้สึกถึงเสียงนั้นตอนที่ผ่านไประยะหนึ่งหรือตอนที่หนังกลับมาเงียบอีกครั้ง

เมื่อกี้ได้ฟังรายการหนังหน้าไมค์ทางคลื่น FaT Radio ซึ่งคุณเป็นเอกมาร่วมรายการ ก็ได้ข้อมูลน่าสนใจหลายอย่างเหมือนกัน เช่น ตอนแรกคุณเป็นเอกกะว่าจะไม่ใส่เพลงประกอบลงไปในหนังเรื่องนี้เลย เพราะต้องการทำให้หนังเรื่องนี้ดู “แห้ง” ที่สุด แต่สุดท้ายพอปรึกษากับทีมงานแล้วความคิดนั้นก็ตกไปด้วยความที่ทีมงานคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “สงสารนายทุนหน่อยเถอะพี่แค่นี้เขาก็แย่แล้ว” (ฮา)

กระบวนการของการทำเพลงประกอบในหนังเรื่องนี้ก็คือ เริ่มจากให้คุณโหน่ง (แห่งค่ายหัวลำโพงริดดิม, หนึ่งในสมาชิกวง The Photo Sticker Machine) แต่ง score ขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ส่งต่อให้กับ Koichi (รีมิกเซอร์ชาวญี่ปุ่นที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในเมืองไทย รู้สึกว่าเขาจะ mix เพลงให้กับศิลปินค่ายเบเกอรี่อยู่บ่อยๆ) ซึ่งวิธีที่ Koichi ทำต่อก็คือ เอา score ไปมิกซ์รวมกับเสียงบรรยากาศ (live sound) ของหนัง ซึ่งผลที่ออกมาก็คือ ความประสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันอย่างที่ปรากฏในหนัง

ฉากหนึ่งที่คุณเป็นเอกชอบมากก็คือ ฉากต้นเรื่องที่โคอิจิอยู่กับเซโกะ --> กล้องจับภาพแก้วไวน์ --> หนังตัดภาพไปที่คุณป้ามาเรียที่กำลังดูทีวี --> ตัดกลับมาตอนที่โคอิจิกำลังเทไวน์ทิ้ง, ล้างแก้ว, เช็ดรอยนิ้วมือ ซึ่งเสียงในตอนนี้จะเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกว่า “มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น” (ซึ่งก็คือการที่เซโกะถูกวางยาตาย) และซาวด์ที่ Koichi เลือกใช้ในฉากนี้คือ เสียงลม (????) (สงสัยต้องกลับไปดูใหม่จริงๆ แล้ว เพราะจำฉากเหล่านี้โดยละเอียดไม่ได้เลย)


ส่วนเกี่ยวกับหนังเรื่องต่อไป คุณเป็นเอกก็บอกว่ายังเป็นการร่วมทุนกับต่างชาติ ตอนนี้ไปถึงขั้น Treatment แล้ว โดยเรื่องนี้จะเป็นหนังออกไปในทาง Comedy และนำแสดงโดยนักแสดงชาวอเมริกัน นอกจากนั้นเป็นเอกยังมีอีกโปรเจกต์หนึ่งซึ่งจะเป็นการย้อนกลับทำหนังไทยจริงๆ (ถ่ายในไทย, แสดงโดยคนไทย) แต่ตอนนี้ต้องพักไว้ก่อน


รู้สึกว่าช่วงนี้คุณเป็นเอกจะฮ็อตมากเพราะมีหนังสือที่เกี่ยวกับเขา + หนังของเขาออกมาถึง 3 เล่มคือ

1. เบื้องหลังงานสร้างของ Invisible Waves (ของ Bioscope)

2. บทหนัง Invisible Waves โดย ปราบดา หยุ่น ซึ่งตอนจบไม่เหมือนกับในหนัง (สนพ.ระหว่างบรรทัด)

3. สัมภาษณ์เป็นเอก โดยวรพจน์ (สนพ.ไต้ฝุ่น)

ส่วนก่อนหน้านี้ก็เคยมีหนังสือ “เขียนบทแบบเป็นเอก” ออกมาด้วย

-------------------------------------------

เพลงที่ฟังช่วงนี้

1. Ayumi Hamasaki - (miss) understood (2006, A-)

ผิดหวังหน่อยๆ กับอัลบั้มชุดที่ 7 ของเธอชุดนี้ เพราะเพลงที่ไม่ได้ตัดเป็นซิงเกิ้ลไม่ค่อยเพราะเท่าไร ก็เลยไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์นัก


2. Utada Hikaru - Keep Tryin’ (single) (2006, A+)

ซิงเกิ้ลนี้ของเธอฟังติดหูง่ายที่สุดแล้วในผลงานช่วงหลังๆ มา แต่ยังมีกลิ่นอายของ world music อยู่เหมือนเดิม (เข้าใจว่าเธอคงจะมุ่งมั่นมาในทางนี้แน่นอนแล้ว)

สิ่งที่น่าสนใจคือ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ Utada จะสวมบทบาทเป็นคนในอาชีพต่างๆ ทั้งสาวเสิร์ฟ, แม่บ้าน, แอร์โฮสเตท ซึ่งเนื้อหาของเพลงนี้ก็คือการให้กำลังใจทุกๆ คนให้พยายามต่อไป ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใคร หรือทำอาชีพอะไรก็ตาม

ว่ากันว่านี่จะเป็นผลงานมิวสิกวิดีโอตัวสุดท้ายของ Kazuaki Kiriya (สามีของ Utada, ผู้กำกับเรื่อง Casshern) เดาเอาว่าต่อจากนี้เขาคงจะมุ่งมั่นทำหนังอย่างเดียว


ชอบหน้าปก DVD คอนเสิร์ตอันล่าสุดของ Namie Amuro มากๆ เลยครับ
//www.cdjapan.co.jp/detailview.html?KEY=AVBD-91403


โดย: merveillesxx วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:21:16:44 น.  

 
ตอบ พี่ grappa

ไปตอบเรื่อง Invisible Waves ในบล็อกพี่ตามสัญญาแล้วนะจ๊ะ แต่อาจจะตอบอะไรมากไม่ได้ เพราะพิษจากการดูหนังอัดๆๆๆ กันในเทศกาล ทำให้จำอะไรไม่ได้มากนัก

รู้สึกใจหายมากที่ร้าน Book Club สาขา Siam Discovery ปิดตัวไปเสียแล้ว เข้าและซื้อหนังสือจากร้านนี้บ่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงเทศกาล 3rd World Film Festival เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (จัดที่ Grand EGV) เข้าร้านนี้ทุกวันเลยเวลารอดูหนัง

ยังดีว่าที่เซ็นทรัลลาดพร้าว (ห้างใกล้บ้าน) มีร้าน Book Club ด้วย สงสัยต้องไปอุดหนุนที่นั่นแล้ว

พอร้าน Book Club ปิดตัวไป ก็หวั่นใจว่าร้าน Comfort Zone (ร้านซีดีที่อยู่สยามดิสชั้น 6 เหมือนกัน) จะไปตามกันหรือเปล่า (จริงๆก็ไม่ค่อยได้ซื้อแผ่นจากร้านนี้เท่าไร แต่ก็ได้ซาวด์แทร็กเรื่อง Wonderland กับ The Hours มาจากร้านนี้)


ร้านหนังสือที่ตัวเองเข้าบ่อยๆ

1. ร้านนายอินทร์ ท่าพระจันทร์ (ถ้าสมัยก่อนก็สาขาฟิวเจอร์รังสิต มีหนังสือดีๆ แอบอยู่เยอะมาก แถมในร้านมีน้ำตกจำลองเล็กๆ น่ารักด้วย)

2. ดอกหญ้า สยามสแควร์

3. โอเดียนโสตร์ สยามสแควร์

4. Book Club สยามดิส (ปิดตัวไปแล้ว)

5. Asia Book สยามดิส

6. ศูนย์หนังสือจุฬา สยาม (แต่หลังๆ มาไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไร เพราะยามฝากกระเป๋าดุหยั่งกับหมา)

7. Kinokuniya สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ (เพราะชอบไปดูหนังสือรวมภาพดาราญี่ปุ่นเอ๊าะๆ + ยังไม่ชินกับสาขาพารากอนเท่าไร แต่พยายามทำตัวให้ชินอยู่)

8. Book Club เซ็นทรัลลาดพร้าว (แต่รู้สึกชอบสาขาสยามดิส มากกว่านะ)

9. แพร่พิทยา เซ็นทรัลลาดพร้าว (รู้สึกฮากับชุดฟอร์มพนักงานร้านนี้ทุกครั้งที่เข้าร้าน)

---------------------------

ตอบ คุณ cottonbook

เกี่ยวกับ Big Brothers 2

-- ตอนนี้ไม่ชอบ "หวาน" มากที่สุดเลยครับ โดยเฉพาะกรณีที่เธอไปพูดแบบนั้นกับ "ปุ๋ย" รู้สึกว่าคนแบบนี้เนี่ยแหละที่น่ากลัวที่สุด

ตอนแรกไม่ค่อยชอบปุ๋ยเท่าไร ก็ปุ๋ยเหมือนคนรู้จักหลายคนที่ตัวเองไม่ค่อยชอบ คือเป็นพวก "ชั้นอยากจะตบแกให้คว่ำเสียเหลือเกิน แต่เพราะแกทำตัวเป็นนางฟ้า ขืนชั้นตบแกไปตัวเองก็มีแต่เสียกับเสีย" ประมาณนั้น

แต่หลังจากที่หวานไปพูดแบบนั้น ความรู้สึกไม่ชอบปุ๋ยเลยลดลงไป

-- ถ้าเข้าไม่ผิด "โอ้" คือคนๆ เดียวกับที่อยู่บนปกอัลบั้มชุด ZERO ของวง Pru (ใช่หรือเปล่าหว่า)

----------------------------

ตอบ น้อง DABUUSY

พี่ยังไม่ได้เข้าไปบอร์ดของน้องโดยละเอียดนะครับ ก็เลยไม่รู้ว่าจะให้คำแนะนำอะไรดี ถ้าน้องอยากถามอะไร ก็ถามในบล็อกนี่แล้วกันนะ

อย่างไรก็ตาม พี่ดีใจจ้ะที่ยังมีคงพูดถึง Lily Chou-Chou อยู่ ถึงเวลามันจะผ่านไปนานแล้ว

(ว่าแล้วก็อยากให้ Shunji Iwai กลับไปทำหนังดาร์คๆ จังเลย)


โดย: merveillesxx วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:21:40:11 น.  

 
Ayu My Love ~

ซิงเกิ้ลลำดับที่ 39 เป็นดับเบิ้ลซิงเกิ้ล Startin' และ Born to Be... ขึ้นอันดับหนึ่ง oricon daily ranking chart ไปแล้วเรียบร้อย และต้องขึ้นอันดับหนึ่ง weekly chart แน่นอน




CD + DVD version




CD only version


ส่วนอันนี้ DVD คอนเสิร์ตล่าสุด อยากดูมากๆๆๆๆ แค่หน้าปกก็เริ่ดสุดๆ แล้ว

ayumi hamasaki COUNTDOWN LIVE 2005-2006 A




ขอให้ค่าย GMM Grammy ทำออกมาขายเร็วๆ นะค้า~ (ไม่ใช่ออกหลังที่ญี่ปุ่น 3 เดือนแบบที่ผ่านๆมา...เต่าถุยมาก)


โดย: merveillesxx วันที่: 9 มีนาคม 2549 เวลา:23:19:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.