ช่วงที่ผมกำลังเขียนบทความชิ้นนี้อยู่ หนังเรื่อง The Fast and the Furious: Tokyo Drift กำลังเข้าโรงพอดี สาเหตุเดียวที่ทำให้ผมอยากไปดูหนังเรื่องนี้ก็คือ ซาโตชิ ทสึมาบูกิ (ถึงแม้เขาจะออกมาเพียงแค่ฉากเดียว เพื่อพูดคำว่า Go! ก็ตาม)
เมื่อไรที่พูดถึงซาโตชิ หลายคนก็จะนึกถึงเด็กหนุ่มหน้าตาทะลึ่งทะเล้น สาเหตุคงมาจากการติดภาพของเขาจากหนังเรื่อง Waterboys แต่เมื่อปีที่แล้วเราก็ได้เห็นซาโตชิในบทบาทที่จริงจังขึ้นใน Sayonara Kuro และต้นปีที่ผ่านมา เขาก็เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองญี่ปุ่นสาขานักแสดงนำชายจาก Spring Snow (แต่นอนว่ารางวัลนี้ก็ถูกหนังเรื่อง Always ซิวไป)
ต้องสารภาพเลยว่า ตอนแรกนั้นผมไม่ชอบหนังเรื่อง Spring Snow เอาเสียเลย ผมรู้สึกรำคาญพระเอกในเรื่องนี้มากๆ เขาเป็นพวกคนประเภทปากไม่ตรงกับใจ รักใครก็ไม่พูดออกมา กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าสายไปเสียแล้ว
แต่แล้วผมก็ไปอ่านเจอความคิดเห็นของคุณ Madeleine ในเวบบอร์ดไบโอสโคปว่า ตั้งแต่ดูหนังที่ซาโตชิ ทสึมาบูกิเล่นมาทั้งหมด บทบาทของเขาในเรื่อง Spring Snow เป็นบทที่ดิฉันชอบมากที่สุดค่ะ เพราะบทพระเอกที่ทำร้ายผู้คนและทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างตัวเองแบบนี้คงหาได้ไม่ยากนัก ซึ่งข้อความนี้ทำให้ความคิดที่ผมมีต่อเรื่อง Spring Snow เปลี่ยนไปโดยทันที
นอกจากนั้นแล้วยังมีหนังอีก 2 เรื่อง ที่ซาโตชิแสดงได้ดี จนคว้ารางวัลมาจากหลายเวที และผมก็ชอบมาก นั่นก็คือ A Day on the Planet และ Josee, the Tiger and the Fish
ยูกิซาดะเคยเป็นลูกมือของชุนจิ อิวาอิ (All About Lily Chou-Chou) มาก่อน เขาแจ้งเกิดจากหนังวัยรุ่นเลือดร้อนเรื่อง Go และดังสุดๆ จากหนังโกยเงินอย่าง Crying Out Love, in the Center of the World ความน่าสนใจคือ แทนที่เขาจะตามน้ำ ทำหนังรักเรียกคนดูต่อ เขากลับทำหนังย้อนยุคถึงสองเรื่องซ้อน นั่นคือ Year One in the North และ Spring Snow
ที่จริงแล้ว ก่อนจะมาแจ็กพ็อตแตกกับ Crying Out Love ยูกิซาดะเคยทำหนังอินดี้ที่เข้าฉายอย่างเงียบๆ ที่ญี่ปุ่นเรื่อง A Day on the Planet และนี่เป็นหนังของเขาที่ผมชอบมากที่สุด
A Day on the Planet เล่าถึง นาคาซาว่า (ซาโตชิ ทสึมาบูกิ), มิกะ (เรนะ ทานากะ - ที่เรื่องนี้น่ารักขาดใจ) แฟนสาวง้องแง้งของเขา และ เคท (อายูมิ อิโตะ) เพื่อนสาวที่ติงต๊องพอกัน สามคนนี้กำลังขับรถไปยังเกียวโตเพื่อฉลองกับเพื่อนคนหนึ่งที่สอบเข้าปริญญาโทได้
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากในนิตยสาร a day ก็คือ อัลบั้มชุด a day ที่แถมมากับหนังสือเป็นพักๆ มันเป็นงานที่ทุกเพลงมีชื่อว่า a day เหมือนกันหมด ศิลปินแต่ละคนจะไปตีความกันเองว่าเขาคิดอย่างไรกับคำๆ นี้
หนังชื่อประหลาดเรื่องนี้ (กำกับโดย อิชชิน อินุโดะ ผู้กำกับญี่ปุ่นอีกคนที่น่าจับตามอง) มีอะไรที่คล้ายกับ A Day on the Planet จนไม่น่าเชื่อ พระเอกก็คนเดียวกัน นักแสดงบางคนก็ไปโผล่ทั้งสองเรื่อง มีการใช้สัญลักษณ์โดยชื่อเรื่องและ ปลา เหมือนกัน แถมมันยังพูดถึงเรื่องเดียวกันคือ การดำเนินชีวิตต่อไป
เรื่องนี้ซาโตชิรับบทเป็น ทสึเนะโอะ นักศึกษามหาลัยใกล้จบ (อีกแล้ว) ที่ใช้ชีวิตแบบชิวๆ จีบผู้หญิงคนนู้นทีคนนี้ทีไปเรื่อย จนวันหนึ่งเขาได้พบกับสาวขาพิการนิสัยประหลาด เธอบอกว่าตัวเองชื่อ โจเซ่ (จิซุรุ อิเควากิ - เธอเล่นเรื่อง A Day on the Planet ด้วย แต่ไม่ได้เข้าฉากกับซาโตชิเลย) เธอชอบไปเก็บหนังสือตามกองขยะมาอ่านที่บ้าน (ชื่อโจเซ่ของเธอก็ได้มาจากนางเอกในนิยายของ ฟรังซัวส์ ซากัน) และเธอก็มีคุณยายคนหนึ่งที่คอยย้ำตลอดเวลาว่า เธอน่ะมันคือของที่เสียแล้ว
2.WORK HARD, PLAY HARD (2003, JEAN-MARC MOUTOUT, A+)
หนังเรื่องนี้ก็นำแสดงโดย JEREMIE RENIER เหมือนกับ THE CHILD ดิฉันได้ดูหนังสองเรื่องนี้ติดๆกัน และก็รู้สึกว่า JEREMIE RENIER เล่นได้สุดยอดมากๆ ทั้งสองเรื่อง ดิฉันรู้สึกว่าเขาแสดงได้ดีใน THE CHILD แต่บทชายหนุ่มไร้ที่ยึดเหนี่ยวของเขาใน THE CHILD ก็คล้ายคลึงกับบทที่เขาเคยแสดงมาแล้วใน THE THIRD EYE (2002, CHRISTOPHE FRAIPONT, A+) จนแทบจะเหมือนกับว่าเป็นตัวละครคนเดียวกัน ก็เลยทำให้ดิฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นสุดขีดกับการแสดงของเขาใน THE CHILD มากนัก แต่บทของ JEREMIE RENIER ใน WORK HARD, PLAY HARD เป็นบทที่มีบุคลิกแตกต่างจากใน THE CHILD อย่างสิ้นเชิง เพราะในเรื่องนี้เขารับบทเป็นหนุ่มออฟฟิศผมทองหน้าตาใส และดวงตาของเขาดูมีความหวังและดูฉ่ำมากในช่วงต้นๆของเรื่อง มันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากดวงตาของเขาใน THE CHILD ที่ดูแห้งผากและสิ้นหวังต่อชีวิต
ถึงแม้เขาจะรับบทเป็นหนุ่มออฟฟิศชนชั้นกลางใน WORK HARD, PLAY HARD เขาก็ได้เรียนรู้ว่า การที่เขาจะได้ทำงานมีเงินเดือนต่อไปนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใดเลย มันต้องแลกกับทั้งความรัก, ชีวิตครอบครัว, มนุษยธรรม การที่เขาจะได้ทำงานต่อไปนั้น มันต้องแลกกับการที่เขาต้องทำให้คนอีก 80 คนตกงานให้ได้
ฉากที่ซึ้งที่สุดใน WORK HARD, PLAY HARD คือฉากที่ SUZANNE (MARTINE CHEVALIER) ซึ่งเป็นผู้หญิงวัย 50 กว่าปีต้องไปสมัครงานใหม่ และต้องเจอกับคู่แข่งที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนอีกหลายคน มันเป็นฉากที่น่าเศร้ามาก ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยได้เห็นฉากหญิงสาววัย 20-30 กว่าปีต้องไปเข้าคิวยาวเพื่อสมัครงานในหนังฝรั่งเศสราว 2-3 เรื่อง ดิฉันเคยรู้สึกว่าฉากดังกล่าวมันน่าเศร้ามาก แต่มันอาจจะไม่น่าเศร้าเท่ากับฉากหญิงวัย 50 กว่าปีต้องไปหางานใหม่ทำในหนังเรื่องนี้
คิดว่าประเด็นเรื่องความก้าวหน้าทางอาชีพที่สวนทางกับชีวิตครอบครัว เป็นประเด็นที่พบได้บ่อยมากในหนังหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง CLICK (B+) และเดาว่าคงได้รับการนำเสนอในภาพยนตร์เรื่อง THE DEVIL แดกปลาร้า ด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่า WORK HARD, PLAY HARD หาทางออกให้ตัวละครได้ดี และดีที่หนังเรื่องนี้จบโดยไม่ต้องมีการกล่าวสุนทรพจน์ของพระเอกแบบในหนังเรื่อง IN GOOD COMPANY (2004, PAUL WEITZ, A)
3.DINING TIME (2006, SHIGEAKI IWAI, A)
อันนี้เป็นงาน INSTALLATION ที่ JAPAN FOUNDATION โดยมีการฉายวิดีโอการกินข้าวในรูปแบบต่างๆลงบนโต๊ะกินข้าว 3 โต๊ะ รู้สึกชอบไอเดียนี้มากๆที่มีการดัดแปลง โต๊ะกินข้าว ให้กลายเป็นจอภาพยนตร์ได้ด้วย
รู้สึกว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว เป็นหนึ่งในสุดสัปดาห์ที่มีความสุขมาก ได้ดูหนัง+ละครเวทีกับเพื่อนๆที่แสนดี, ได้เขียนถึงเทศกาลหนังโตรอนโต และได้อ่านที่น้อง merveillesxx เขียนถึง THINGS YOU CANT TELL JUST BY LOOKING AT HER BREASTS เอ๊ย ไม่ใช่ HER EYES เป็นสุดสัปดาห์ที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสำหรับดิฉัน แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานเท่าไหร่ที่จะยิ้มและหัวเราะแบบสุดสัปดาห์ที่แล้วได้อีก
ถ้าหากชีวิตดิฉันเป็นหนัง ดิฉันคิดว่าเหตุการณ์วันนั้นคงจะเป็นเหตุการณ์ประเภทหนึ่งที่ทำให้ดิฉันได้ COMING OF AGE เพราะหลังจากวันนั้น ดิฉันก็เปลี่ยนไป และดิฉันก็ได้คบหากับเพื่อนสนิทกลุ่มเดิมกลุ่มนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ดิฉันพบว่าในภายหลังตัวดิฉันเองก็ทำตัวไม่แตกต่างจากเพื่อนสนิทที่ในหลายๆครั้งก็โกหกหรือผิดคำสัญญาต่อเพื่อนสนิทด้วยกันเอง ดิฉันไม่ได้ดีไปกว่าเขาแต่อย่างใดเลย
พูดถึงหนังรัสเซียแล้ว อยากดูหนังรัสเซียเรื่องนึงมากๆ แต่ยังไม่ได้ดูสักที นั่นก็คือ Father & Son (2003, Alexander Sokurov) ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ที่เคยดูหนังตัวอย่างหนังเรื่องแล้ว พ่อ-ลูกในหนังเรื่องนี้ดูเกย์ๆ ยังไงไม่รู้
ปล. ขอบคุณคุณ "เก้าอี้มีพนัก" ที่เอื้อเฟื้อ DVD เรื่อง Stalker มาให้นะจ๊ะ
เวบไซต์ของโนเบลมีเกมเพื่อการศึกษาด้วยครับ โดยแบ่งตามสาขา ดังนี้ : ฟิสิกส์ (เลเซอร์) เคมี (โพลิเมอร์) การแพทย์ (หูชั้นใน) วรรณกรรม (Lord of the Files) สันติภาพ (นิวเคลียร์) เศรษฐศาสตร์ (เกม the Heckscher-Ohlin World)
สนใจไปที่ //nobelprize.org/educational_games/
เห็นว่าพี่แมดเดอลีนชอบนิยายเรื่อง Lord of the Files ของ William Golding (ยังไม่มีโอกาสได้อ่าน หรือดูหนังเลย) เลยเอามาฝาก ผมยังไม่ได้เล่นนะครับ ถ้าใครเล่นแล้วเป็นไง ก็บอกกันบ้าง
ปล again. เห็นต่อไม่สบายอยู่บ่อยๆ ก็อยากให้แข็งแรงขึ้นอีกนิดสำหรับการเรียนที่กำลังจะ go inter ไปอยู่ที่ไหนซักแห่งนะจ๊ะ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวอาการภูมิแพ้ที่เหลือทนของชีวิตจะกำเริบเสิบสานขึ้นมาได้นะค้าาา
1. DVD หนังเรื่อง Celine And Julie Go Boating (1974, Jacques Rivette)
หนังของผู้กำกับ french new wave ที่ชอบทำหนังย๊าวยาว (เรื่องนี้ยาว 192 นาที) นี่เป็นเรื่องโปรดของคุณแมดเดอลีน
2. อัลบั้มรวมฮิตชุด Legacy The Best of Mansun ของวง Mansun
Mansun เป็นวงบริทป็อปที่อายุไม่ยืนนัก (1996-2003) และก็ไม่ค่อยดังด้วย แต่วงนี้เคยมีซิงเกิ้ล I Can Only Disappoint U ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่ผมชอบที่สุดในชีวิต
34. คุณต้องการความสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียวหรือเปล่า เคยเชื่อว่า Polygami is cultural แต่แอบหวังจะเจอใครสักคนที่ทำให้เรากลับไปเชื่อแนวคิด Monogami อีกครั้ง (พิมพ์แล้วเขินจัง)
มาอวยพรวันเกิดด้วยเพลง Disco , soul-funk , 80's pop เพราะๆเก๋ๆ(ในสมัยนั้น)ที่ไปโพสต์ไว้ในบล๊อกคุณ แมดเดอลีนนะครับฯ หวังว่าคงจะชอบเพราะเห็นMerฟัง Madonna ด้วย
ประกาศ! Michael Jackson คนที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นตัวปลอมนะครับ ตัวจริงถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปเมื่อเกือบ 20 ปีแล้ว หลักฐานฟังได้จากเพลงในยุคแรกเพลงนี้ที่เท่มากๆ
โปรดอ่านอีกครั้ง !
4.Chic - Le Freak
//www.youtube.com/watch?v=Putity0ZMl8
เอาชื่อเพลงมาใช้แล้วไม่มีเพลงนี้ก็กระไรอยู่ 5. PM Dawn - Set Adrift On Memory Bliss
//www.youtube.com/watch?v=x2p9-eC-QWk
6.Shannon - Let The Music Play
//www.youtube.com/watch?v=h4OmsXzuzm0
7. C+C Music Factory - Gonna Make You Sweat
//www.youtube.com/watch?v=EMmWa8D6U6U
จริงๆอยากได้เพลง Share That Beat Of Love เพราะมันเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ดี แต่ลองหาแล้วไม่มี
8. The Whispers "Its A Love Thing"
//www.youtube.com/watch?v=ToCHhVBmIgQ
9. A Taste Of Honey - Boogie Oogie Oogie
//www.youtube.com/watch?v=y_BnJM_apS8
10. Mary Jane Girls - All Night Long
//www.youtube.com/watch?v=6wZZo2L_X0w
11. Freeez - Southern Freeez
//www.youtube.com/watch?v=Yh0hGoESFcE
ไม่มีเจ้าแม่เพลงDiscoคนโปรดได้ไง 12. Donna Summer - This Time I Know It's For Real
//www.youtube.com/watch?v=0_1HcCtteKE
มีDonnaก็ต้องมีAretha 15.Aretha Franklin - Daydreaming
//www.youtube.com/watch?v=lqg6ujcHQis
14. Esther Phillips - Just Say Goodbye ขอเพลง Northern Soul แบบ Original ซักเพลง หวังว่าคุณแมดเดอลีนคงจจะชอบนะครับ
//www.youtube.com/watch?v=lbpjxGSy8hI
16.Saint Etienne - Nothing Can Stop
//www.youtube.com/watch?v=sK3iuDP-SSU
17.Indeep - Last Night A DJ Saved My Life เพลงนี้มอบให้กับตัวเองครับ อิอิ
//www.youtube.com/watch?v=JATuXQI65PQ
18. Jocelyn Brown - Somebody's Else Guy
//www.youtube.com/watch?v=yDrxwpqEk58
19. Candi Staton - Young Hearts Run Free
//www.youtube.com/watch?v=T0pRFWLBnEQ
20. Cher - Song For The Lonely
//www.youtube.com/watch?v=DTONPVd8a8U
21. Kool and the Gang - Get down on it
//www.youtube.com/watch?v=LbnVOiqaXwU
22. Cheryl Lynn - Got To Be Real ต้นฉบับวง Groove Rider
//www.youtube.com/watch?v=EoXvDleWJ5U
23. The Real Thing - You To Me Are Everything
//www.youtube.com/watch?v=28FbmfUlupQ
24. The Blow Monkeys - Digging Your Seen
//www.youtube.com/watch?v=e8x7ip9-emE
25. Prefab Sprout - Cars and girls
//www.youtube.com/watch?v=PJMLB3GaUs0
26. Lotus Eaters - The First Picture Of You
//www.youtube.com/watch?v=52wuwbJGC_c
27. Nick Heyward - Warning Sign
//www.youtube.com/watch?v=MPjygaNRYwA
28. Marvin Gaye - What's going on
//www.youtube.com/watch?v=UJ35qNXmRJE
29. Barry White - can't get enough of your love
//www.youtube.com/watch?v=-uxtqDl9tHU
30. SADE - No Ordinary Love //www.youtube.com/watch? v=YcAyGCQ6ihQ
A bot is common parlance on the Internet for a software program that is a software agent. A bot interacts with other network services intended for people as if it were a person. One typical use of bots is to gather information. The term is derived from the word "robot," reflecting the autonomous character in the "virtual robot"-ness of the concept.
2.LE PONT DU NORD (1981) เคยดูหนังเรื่องนี้แบบไม่มีซับไตเติล รู้สึกว่าฮามาก ถ้าจำไม่ผิด จะมีฉากหญิงสาวคนนึงสู้กับเครื่องเล่นในสวนสนุกด้วย
3.GANG OF FOUR (1988, A+) หนังเรื่องนี้มีขายแล้วที่ร้านแว่น
4.UP, DOWN, FRAGILE (1995, A++++++++++)
นอกจากนี้ CELINE AND JULIE GO BOATING ยังมีอิทธิพลต่อหนังอีกมากมายหลายเรื่อง อย่างเช่น
1.SERAIL (1976, EDUARDO DE GREGORIO)
This film is about a novelist who's out looking at real estate and finds a huge, decaying old mansion in the woods. A somewhat-demented girl named Arianne gives him a tour of the place, but halfway through she runs away and hides from him. He decides that the situation has potential for a novel, so he goes back to the house. This time there's a maid, and a different girl named Agathe, who says no one named Arianne lives there. So, she shows him the house, and some things in it have changed.
2.DESPERATELY SEEKING SUSAN (1985, SUSAN SEIDELMAN) ฉากเปิดของเรื่องนี้เหมือน CELINE AND JULIE GO BOATING มาก
3.SINGLE WHITE FEMALE (1992, BARBET SCHROEDER, A) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เคยแสดงเป็นผีใน CELINE AND JULIE GO BOATING
4.DANS PARIS (2006, CHRISTOPHE HONORE)
ส่วนหนังที่มักได้รับการเปรียบเทียบกับ CELINE AND JULIE GO BOATING ก็คือ MULHOLLAND DRIVE
เนื่องด้วยสถานการณ์บ้านเมือง และสถานการณ์ของตัวเจ้าของบล็อกเอง (จะสอบไฟนอลแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัว + รายงานท่วมหัวเอาตัวไม่รอด) จึงขอหากินกับของเก่าไปก่อนนะจ๊ะ
และมีเรื่องประกาศ (ขายของ) โดยท่านสามารถพบกับผลงานของ จขบ. ได้ดังนี้
1. Bioscope ฉบับเดือนตุลาคม (เขียนเรื่อง The Host)
2. GM ฉบับเดือนตุลาคม (สัมภาษณ์ - คุยกัน 3 ชั่วโมง เค้าให้ลงสัก 3 บรรทัดก็บุญแล้ว ฮ่าๆๆ)
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
โปรดดูแลตัวเอง...เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
-----------------------------
ประกาศ...
ประกาศจากคณะปฏิรูปการชมภาพยนตร์ในระบอบประพันธาธิปไตย
ฉบับที่ 1/2549
เนื่องด้วยขณะนี้เวบบอร์ดของ bioscope ถูกปิดไปเสียแล้ว ทางคณะปฏิรูปฯ จึงขอเรียนเชิญ มาดาม Madeliene du Scudery มาพูดคุยเรื่องหนังกับ merveillesxx ที่บล็อกนี้ไปพลางๆ ก่อน (แต่ขอให้เพลาๆ แหล่งลิงค์ข้อมูลอันมีประโยชน์ลงสักนิด เพื่อไม่ให้ประชาชนแตกตื่น) จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
ทั้งนี้ท่านอื่นๆ ก็สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่อง หนัง-เพลง-หนังสือ ได้เช่นกัน
โปรดฟังอีกครั้ง... (ย้อนไปอ่านตั้งแต่ต้นใหม่)
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
merveillesxx
เลขาธิการคณะปฏิรูปการชมภาพยนตร์ในระบอบประพันธาธิปไตย