http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Blindness : เมื่อโลกมืดบอด

โดย merveillesxx




Blindness (2008, Fernando Meirelles, A-)

ออกตัวก่อนว่าไม่เคยอ่าน นิยายต้นฉบับของ โจเซ ซารามาโก (เคยอ่านงานของเขาเรื่องเดียว "เรื่องเล่าจากเกาะที่ไม่มีใครรู้จัก" ชอบพอควร) เลยไม่อาจเปรียบเทียบอะไรได้ แต่ก็ดีไปอย่าง ดูหนังได้แบบไม่ต้องยึดติด เข้าใจว่านักวิจารณ์ถล่มด่ากัน เพราะมันเล่นของสูง

Blindness เล่าถึงเมืองสมมติที่อยู่ดีๆ คนก็เป็นโรคตาบอด (ตาบอดขาวซะก้วยนะ เก๋มั้ย?) กันทั้งเมือง เช่นเดียวกับนิยาย/หนังแนว Post-Apocalyptic ร่วมสมัย มันมักจะไม่บอกว่าสาเหตุที่โลกแตก, กลียุคเกิดจากอะไร (อาทิ The Road, Children of Men แต่สูงสุดของหนังแนวนี้คงเป็น Time of the Wolf ดูจนจบกูก็ยังไม่รู้ว่าเกิดห่าอะไรขึ้น!) ผลงานเหล่านี้มักโฟกัสในสเกลที่เล็กกว่าหนังโลก แตกของฮอลลีวูด (ที่จะต้องมีฉากข่าว CNN รายงานว่า โอ้ โตเกียวชิบหายแล้วครับ ปารีสชิบหายแล้วครับ ฯลฯ) มักมีฉากหลังของเมืองๆ หนึ่ง กลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ เน้นการสำรวจปัจเจกและระดับภายในจิตใจ

Blindness มีความน่าสนใจที่ประเด็นเรื่องการล่มสลายและการสร้างใหม่ของระบบ เช่นว่า เมื่อรัฐบาลจับพวกกลุ่มคนตาบอดขาวไปขังในโรง พยาบาลเน่าๆ แห่งหนึ่ง พวกเขาก็ต้องจัดระบบการปกครองกันเอง ใครจะเป็นหัวหน้า เราจะแบ่งอาหารกันยังไง ใครจะเป็นคนล้างขี้ล้างเยี่ยว หรือใึครจะฝังศพคนตาย (โอ) แต่แล้วก็มีกลุ่มคนเข้ามาใหม่ ไม่พอใจในระบบเดิม จึงทำการปฏิวัติยึดอำนาจเสีย

พอผ่านฉากในโรงพยาบาลที่ว่าแล้ว เมื่อตัวละครออกมาภายนอก พวกเขาก็พบโลก/ประเทศที่ไม่มีรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว ต้องแก่งแย่งชิงชังเอาตัวรอดกันเอง อย่างเช่นฉากหนึ่งที่คนแย่งอาหารกันเหมือนซอมบี้ในหนังของ จอร์จ เอ โรเมโร แต่พล็อตตอนท้ายที่เหมือนคลี่คลายไปในทางให้ความหวัง กลุ่มของพวกตัวเอกก็สถาปนาระบบครอบครัวใหม่ขึ้น มาอีกครั้ง ทั้งที่พวกเขาไม่รู้จักกัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แถมยังมีทั้งคนผิวขาว, คนผิวดำ, คนผิวเหลือง หรือว่านี่คือโลกยูโทเปียหลังดิสโทเปีย?

จริงๆ ก็ดูหนังเรื่องนี้อย่างเพลิดเพลินดี แต่มีติดในส่วนการสร้างตัวละครเล็กน้อย เช่นฉากดราม่าของ จูลีแอน มัวร์ กับ มาร์ค รัฟฟาโล ตอนต้นของหนัง ตอนที่พระเอกรู้ตัวว่าตาบอดแล้ว ชวนงุนงงมากและไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ตัวละครของ กาเอล การ์เซีย เบอนัล ก็ดูเป็นตัวร้ายจนไม่มีมิติเท่าไร (หรือว่าเพราะเขาหล่อ เราเลยไม่รู้สึกเชื่อ 555) แต่ที่น่ารำคาญที่สุดของ ตัวละครของ แดนนี โกลเวอร์ ที่ทำตัวเป็นผู้บรรยายผู้รอบรู้ เดาว่าผู้กำกับน่าจะลอกไดอะล็อกมาจากหนังสือเลย แต่พอมานำเสนอในหนังแล้วมันชวนปวดตับพอควร

การวางเส้นอารมณ์ของเรื่องก็แปลกดี ฉากที่กลุ่มผู้หญิงต้องเดินขบวนกันไปให้ฝั่งผู้ร้ายข่มขืนเพื่อแลกกับอาหารนี่น่ากลัวมาก เหมือนว่าฉากนี้กลายเป็นไคลแม็กซ์เลย ทั้งที่มันอยู่ประมาณองก์สองหรือช่วงครึ่งเรื่องเท่านั้น แต่องก์คลี่คลายมันผ่อนคลายมาก บรรยากาศการสร้างครอบครัวอุดมคติมันออกจะรื่นรมย์และดูชนชั้นกลางสุดๆ (หรือนี่คือการประชดหว่า) แต่ก็ชอบ มันขัดแย้งกันแปลกดี





Create Date : 12 เมษายน 2554
Last Update : 12 เมษายน 2554 10:11:37 น. 0 comments
Counter : 4603 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.