http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
14 กุมภาพันธ์ 2548
 
All Blogs
 
All About Lily Chou-Chou – แด่เธอ…บทเพลงแห่งอีเธอร์ (2)

โดย merveillesxx



PART 2
5. แหวกว่ายทุ่งหญ้าสีเขียวใน All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ ก.พ. 2548) [SPOILER]
6. เนื้อเพลง + คำแปลภาษาอังกฤษ




แหวกว่ายทุ่งหญ้าสีเขียวใน All About Lily Chou-Chou (เขียนเมื่อ ก.พ. 2548)
ประเด็นเพิ่มเติมจากการดูหนังเป็นรอบที่ 4 (ในโรง)

- จากการดูในโรงภาพยนตร์ลิโด้ ในเทศกาล Shunji Iwai’s Love Story ในส่วนของซับไตเติ้ลภาษาไทยทำได้ค่อนข้างดีครับ แต่มีส่วนที่แปลผิดอย่างไม่น่าให้อภัยที่หนึ่งคือ ฉากที่ทซึดะกินข้าวกับยูอิจิ ที่ยูอิจิพูดว่า “ทำไมเธอปฏิเสธซาซากิเสียล่ะ เขาจะช่วยระวังเธอจากโฮชิโนะได้นะ” แต่ผู้แปลใช้ว่า “เขาจะช่วย ‘ตามหาเธอ’ เพื่อโฮชิโนะได้นะ” อันนี้เพราะแปลคำว่า look out = ตามหา ซึ่งที่จริงแปลว่า ‘ระวัง’ (แปลแบบนี้ซาซากิกลายเป็นคนเลวไปเลย)

- หรือฉากที่คนขับรถชาวโอกินาว่าพูดกับพวกยูอิจิว่า “Are you sure you didn’t bring something bad here?” = “เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้เอา ‘อะไรไม่ดี’ มาที่นี่” แต่ผู้แปลกลับใช้ว่า “เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้เอา ‘โชคร้าย’ มาที่นี่” ซึ่งแบบแรกจะ make sense กว่าเพราะ s’th bad ในที่นี้ก็คือเงินที่พวกยูอิจิขโมยมานั่นเอง ...โดยสรุปคือผมชอบซับของร้านพี่คนนั้นมากกว่าครับ

- ฉากที่ชอบผมมากๆอีกฉากคือ ตอนที่ยูอิจิไปค้างที่บ้านโฮชิโนะ ตอนอาบน้ำเขากลับเลือกใช้แชมพูของแม่โฮชิโนะแทนที่จะเป็นของโฮชิโนะ

เวลาในหนัง All About Lily Chou-Chouเวลาในหนังเรื่องนี้แบ่งได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ
<----ปัจจุบัน (2000) ----> <-----อดีต (1999) -----><----ปัจจุบัน (2000) ----><----ปัจจุบัน (2001) ---->
*ฉากเปิดเรื่อง (Chapter 1 ใน DVD) – ทุ่งหญ้าสีเขียว (ความจริงหรือจินตนาการ?)
1. ปี 2000 (Ch. 2-7) ช่วงแรกของหนังที่แสดงในเห็นชีวิตบัดซบ(ขั้นเบื้องต้น)ของเด็กชายยูอิจิในวัย 14 ปี จุดตัดไปยังช่วงที่ 2 คือหลังจากฉากที่ยูอิจิโดนรุมแกล้ง และตัดเข้าสู่บทสนทนาระหว่างฟิเลียและบลูแคทถึงการ ‘เริ่ม’ สัมผัสถึงลิลี่ ชู-ชู
2. ปี 1999 (Ch. 8-15) เปิดด้วยฉากวันปฐมนิเทศที่โฮชิโนะเป็นตัวแทนกล่าวสุนทรพจน์ ช่วงที่ 2 ว่าด้วยความทรงจำอันแสนหวานและงดงามของ ‘มิตรภาพ’ ยูอิจิในวัย 13 ปีกับเพื่อนสนิทของเขาอย่างโฮชิโนะ ลากยาวไปถึงฉากเที่ยวโอกินาว่า และวันเปิดเรียน 1 กันยายน 1999 วันที่โลกเริ่มเป็นสีเทา = โฮชิโนะกลายเป็นเด็กเกเร
3. (กลับมาที่) ปี 2000 (Ch.16-25) อันเป็นช่วงที่ผู้หญิง-ทซึดะและคุโนะ-เริ่มมีบทบาทต่อหนังมากขึ้น (และตัวละครผู้หญิงก็จะมีผลอย่างรุนแรงต่อชีวิตของตัวละครผู้ชาย ดังเช่นหนังทุกเรื่องของอิวาอิ) สถานการณ์ในหนังจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ ทซึดะถูกบังคับให้ขายตัว คุโนะถูกข่มขืน ทซึดะกระโดดลงมาตาย จนไปถึง-ฉากไคลแม็กซ์-ยูอิจิแทงโฮชิโนะ
4. ปี 2001 (Ch.26-27) เหตุการณ์หลังจากงานคอนเสิร์ต ยูอิจิในวัย 15 ปี กับการ ‘ลอกคราบ’ เปลือกอีเธอร์
*ฉากปิดเรื่อง (Ch.28) – ทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์ (ซึ่งน่าจะเป็นฉากจินตนาการ)

จะเห็นได้ว่าหนังอุ่นเครื่องความหดหู่ในเราก่อนในช่วงที่ 1 แล้วก็นำพาเราไประลึกอดีตอันแสนหวานในช่วงที่ 2 แล้วก็กลับมาเล่าถึงปัจจุบัน-ความจริง-อันโหดร้ายในทันที วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้เราแสนเจ็บปวดยิ่งนัก มันคือความแตกต่างจนน่ากลัวของอดีตและปัจจุบัน มันคือความน่ากลัวของ ‘เวลา’ ช่วงเวลาเพียง 1 ปีทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป …เราล้วนเข้าใจความรู้สึกของยูอิจิเป็นอย่างดี

ช่วงที่ 1 กราฟอารมณ์ของเราจะตกลงเรื่อยๆ (หมายถึงไปในทางลบ)
ช่วงที่ 2 กราฟอารมณ์จะขึ้นเป็นบวกจนถึงจุดสูงสุด
ช่วงที่ 3 กราฟจะพุ่งดิ่งลงเหวจนต่ำกว่าช่วงที่ 1 และถึงจุดต่ำสุด
ช่วงที่ 4 กราฟจะค่อนข้างคงที่
ฉากปิดเรื่อง กราฟของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน นั่นขึ้นกับกราฟในช่วง 1-4 นี่จะเป็นปลดปล่อยจินตนาการครั้งยิ่งใหญ่ของคุณ (นั่นรวมไปถึงตอนออกจากโรงไปแล้วด้วย)

เรื่องของการแอบชอบกัน
อย่างที่เคยว่าไปว่าเรื่องนี้มีการแอบชอบกันไปแอบชอบกันมา ที่ค่อนข้างซับซ้อนพอตัว ดังนี้
ซาซากิ --> ทซึดะ --> ยูอิจิ --> คุโนะ <-- โฮชิโนะ
1. ซาซากิ แอบชอบทซึดะ (เขาบอกกับยูอิจิตอนขี่จักรยาน)
2. ทซึดะน่าจะชอบยูอิจิเธอจึงปฏิเสธซาซากิ (ดูจากฉากในร้านอาหาร)
3. ยูอิจิแอบชอบคุโนะ ข้อนี้เห็นชัด
โดย ข้อ 2 และ ข้อ 3 อิวาอิสรุปในประเด็นนี้ไว้ในฉากร้องเพลงประสานเสียง (ยูอิจิแอบมองคุโนะ ทซึดะสังเกตเห็น เธอหันมามองทางยูอิจิ) และบางคนที่อาจจะร่วมรับรู้ด้วยก็คงเป็นโฮชิโนะ (เขามานั่งดูการแสดงด้วย)
4. โฮชิโนะ (เคย) แอบชอบคุโนะ อันนี้จากที่บลูแคท (โฮชิโนะ) เล่าให้ฟิเลีย (ยูอิจิ) ฟังถึง ‘เด็กผู้หญิงที่ชอบเดอบุสซี่’ และฉากเล่นน้ำฝนที่โฮชิโนะไปชนกับคุโนะ …แต่เรามิอาจรู้ได้ว่าโฮชิโนะยังคงความรู้สึกนั้นอยู่หรือไม่ เขาสั่งให้ลูกน้องข่มขืนคุโนะ แต่ผมคิดว่า object ของเหตุการณ์นี้ไม่ใช่คุโนะ แต่เป็นยูอิจิต่างหาก …โฮชิโนะเห็นอีเธอร์สว่างไหวในตัวยูอิจิ และเขาก็กลบฝังมันให้มืดมิด…อีกครั้ง

การกลับขั้ว
หนังเรื่องนอกจากจะมีการใช้สิ่งที่เป็นคู่ตรงข้ามหรือมีความขัดแข้งกันมากๆแล้ว ยังมีบางเหตุการณ์ บางฉากที่เป็นการกลับขั้ว-พลิกผันอย่างสุดโต่ง เช่น
คนที่เคยคุยกัน ----> ไม่คุยกัน เหมือนคนไม่รู้จักกัน (กรณี โฮชิโนะ & คุโนะ)
ความรัก (เคยชอบ) ----> การทำลาย (สั่งข่มขืน) (กรณี โฮชิโนะ & คุโนะ)
เหมือนจะเกลียดชัง ----> แอบชอบ (กรณี ทซึดะ & ยูอิจิ)
แนะนำให้รู้จักลิลี่ ----> ทำลายลิลี่ (กรณีโฮชิโนะ & ยูอิจิ)
เพื่อนรัก ----> ทาส (กรณีโฮชิโนะ & ยูอิจิ)
จึงเห็นได้ว่าในแต่ละคู่ แต่ละบุคคล พวกเขาล้วนสร้างอิทธิพลให้แก่กันและกัน และล้วนแต่สร้างความเจ็บปวดให้กัน (แม้แต่กรณีของ ทซึดะ & ยูอิจิ เพราะยูอิจิชอบคุโนะไม่ใช่ทซึดะ) นี่เป็นการย้ำประโยคจากหนังที่ว่า
“สิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดมากที่สุดก็คือ เพื่อน คนรัก และครอบครัว”
โลกสดใส (1999) ----> โลกสีเทา (2000)

ยูอิจิคือผู้นำสาร
ยูอิจิคือผู้นำสารแห่งความรัก เพราะเขาคือคนที่โทรไปนัดให้ทซึดะเจอกับซาซากิบนดาดฟ้า
แต่ในขณะเดียวกัน ยูอิจิคือผู้นำสารแห่งความตาย เพราะเขาคือคนพาคุโนะไปยัง ‘แดนประหาร’
(ถ้ายังจำได้ ฉากนี้หลังจากยูอิจิวางโทรศัพท์จากทซึดะ ก็มีอีกสายเรียกเข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นโฮชิโนะโทรมาบอกแผนการล่อลวงคุโนะ สังเกตจากหน้าตะลึงอึ้งงันของยูอิจิ)
อิวาอิเลือกถ่ายทอด 2 เหตุการณ์นี้พร้อมกัน ซึ่งก่อความรู้สึกอันแปลกประหลาดกับผู้ชม
ในขณะที่ดาดฟ้า ความรักกำลังจะงอกเงย
ณ ที่ที่ไม่มีใครรู้ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะถูกทำลาย และผู้ชายคนหนึ่งกำลังหัวใจสลาย
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตัลปัตร
ความรักของซาซากิและทซึดะไม่เป็นจริง…เพราะใคร ก็เพราะยูอิจิ (ทซึดะชอบยูอิจิ ไม่ใช่ ซาซากิ)
ส่วนคุโนะกลับไม่จนต่อชะตากรรม เธอลุกขึ้นใหม่ เธอเริ่มชีวิตใหม่
มันแสดงให้ว่า
ยูอิจิ = ผู้ที่อ่อนแอที่สุด
คุโนะ = ผู้ที่เข้มแข็งที่สุด
ผู้นำสารเจ็บปวดเพียงใด ฉากที่ยูอิจิร้องไห้...แสดงความรวดร้าวออกมาให้เราประจักษ์ชัดแล้ว

ปีกที่มิอาจโบยบิน
ในฉากร้องเพลงประสานเสียง ความรู้สึกทซึดะที่มีต่อยูอิจิอาจจะเริ่มเด่นชัดขึ้นมา
เพลงในฉากนี้มีชื่อว่า Tsubasa o Kudasai (Give Me Wings - ให้ปีกแก่ฉัน)
หลังจากนั้นหนังก็ทำให้เราเห็นว่าความสัมพันธ์ของทซึดะกับยูอิจิก่อตัวและงอกเงยขึ้น
บางที...ทซึดะอาจจะอยากให้ยูอิจิเป็น ‘ปีก’ ให้แก่เธอ (เธอพูดกับเขาในร้านอาหารว่า “ฉันก็มีเธอคอยดูแลให้อยู่แล้วนี่”)
แต่ยูอิจิอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นปีกให้กับใคร
ยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นกับคุโนะ อีเธอร์ของยูอิจิกำลังสลาย ปีกของเขาขาดละลิ่วหลุดลอยไป
ถ้าจำกันได้ หลังจากคุโนะโกนหัว หนังฉายภาพทซึดะกำลังร้องไห้
เธออาจไม่ได้ร้องไห้เพื่อคุโนะคนเดียว เธอกำลังร้องไห้ให้กับตัวเอง
เธอกำลังจะยอมจำนนต่อชะตากรรม

อย่างไรก็ตาม ยูอิจิก็ได้ส่งมอบปีกให้กับเธอ
นั่นคือ ลิลี่ ชู-ชู
ทซึดะฟังเพลงของลิลี่ เธอมองท้องฟ้า เธอมองเห็นว่าวลอยลม
เธอยิ้ม เธอหัวเราะ เธอก็ยังเป็นเด็กสาวอายุ 14 (ถ้าจำได้ฉากที่เธอแลกซีดีกับยูอิจิ แผ่นที่เธอฟังอยู่คือ Kinki Kids – วงดูโอสองหนุ่ม ป็อปไอดอลชื่อดังในกลางยุค 90)
ฉากเล่นว่าวเป็นดั่งความไร้เดียงสาครั้งสุดท้ายของเธอ
ทซึดะพูดว่า “ฉันอยากบินไปบนท้องฟ้าจัง”
(ตอนที่อยู่บนดาดฟ้า เธอก็ทำมือเป็นเงารูปนกด้วย)
แต่เพลงของลิลี่ ที่เธอฟังอยู่ตอนนั้นคือเพลง TOBENAI TSUBASA (Wings That Can't Fly - ปีกที่มิอาจโบยบิน)
“…โปรดกางปีกสีดำของเธอออก
กางมันออกทีละนิด
ให้เป็นดั่งขั้นบันไดสู่ท้องฟ้า
ฟ้าแสนไกลที่มิอาจเอื้อมถึง

ท้องฟ้าสายัณห์สีแดงฉาน
สายตาของผู้คนช่างเย็นชา
ทันใด...หินก้อนมหึมาจากฟากฟ้า
หล่นลงมากระหน่ำซัดร่างกายา

ปีกของฉันมิอาจโบยยินอีกต่อไป…”

ทซึดะคิดว่าเธอมีปีก แต่ปีกนั้นมิอาจจะบินได้
หรือความจริง เธออาจจะไม่มีปีกนั่นมาตั้งแต่แรกแล้ว
ไร้ปีก มนุษย์ก็ต้องร่วงหล่นสู่ฟื้นดิน

อาจารย์ครับ ได้ยินเสียงของผมมั้ย
จะเห็นได้ว่าอีกตัวละครที่มีบทบาทมากก็คือ อาจารย์โอซาไน
เธอดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ในเรื่องที่มี ‘โอกาส’ จะเข้าใจพวกเด็กๆได้มากที่สุด
อาจจะด้วยเพราะช่องว่างระหว่างวัยที่ยังไม่มากนัก
ยูอิจิพยายามจะสื่อสารกับอาจารย์อยู่เช่นกัน เช่น ตอนที่เขาให้เธอหยิบซีดีในกระเป๋าขึ้นมาดู
มันแตกแหลกละเอียด เขาบอกกับเธอว่ามันเป็นฝีมือของโฮชิโนะ
เด็กวัยอย่างยูอิจิมิอาจแก้ไขอะไรได้ นี่สัญญาบอกว่ามี ‘บางสิ่ง’ ที่เกิดขึ้น
นี่ไม่ใช่ห้องเรียนเด็กน่ารักแบบที่อาจารย์เห็นอีกต่อไปแล้ว!

ฉากที่สวยงามที่สุดอีกหนึ่งฉากในหนังคือ ตอนที่อาจารย์กับยูอิจิฟังลิลี่ ชู-ชู พร้อมกันด้วยหูฟังคนละข้าง
มันเป็นดั่งการสื่อสารของเด็กและผู้ใหญ่
แต่น่าเสียดายที่แม้เธอพยายามจะเข้าใจ แต่เธอก็ไม่อาจเข้าถึงยูอิจิ และเด็กอีกหลายๆคน
มันย้ำเตือนเราว่าโลกสมัยนี้กำลังวิ่งไปไกล เด็กๆกำลังวิ่งนำหน้าเราไป
เมื่อใดที่เราพูดว่า ‘เด็กสมัยนี้คิดอะไรของมันนะ’ นั่นอาจจะเป็นการทำร้ายพวกเขาอย่างสุดแสนก็เป็นได้

ลิลี่ ชู-ชู ที่ไม่เคยพบพาน
หนังเรื่องนี้เล่าเกี่ยวกับลิลี่ ชู-ชู เธอคือตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่อง แต่เรากลับแทบจะไม่เห็นเธอเลย ยกเว้นในฉากงานคอนเสิร์ต (แต่ก็เป็นในมิวสิกวิดีโอ ไม่ใช่ตัวจริง)
ยูอิจิ คือผู้ที่เฝ้าใฝ่หาอยากจะพบพานกับลิลี่ ชู-ชู มากที่สุด
แต่เขาไม่ได้พบเธอ
คนที่พรากลิลี่ไปจากยูอิจิก็คือโฮชิโนะ
โฮชิโนะผู้แนะนำลิลี่ให้ยูอิจิรู้จัก
และโฮชิโนะก็เป็นทำลายลิลี่ออกไปจากใจของยูอิจิ

เมื่อยูอิจิรู้ความจริงว่าโฮชิโนะคือบลูแคท
ฉากที่เขาซื้อโค้กกลับมาให้ เราเห็นรอยยิ้มแวบหนึ่งบนหน้าของยูอิจิ
เขาคงคิดเล่าความจริงให้โฮชิโนะฟัง เขาอยากเป็นเพื่อนกับโฮชิโนะ
เขาอยากกลับไป ‘เหมือนเดิม’
แต่โฮชิโนะทำลายทุกสิ่งให้สูญสิ้น
มิตรภาพ-ในอินเตอร์เน็ต-ระหว่างฟิเลียกับบลูแคทจบสิ้นแล้ว
และมิตรภาพระหว่างยูอิจิกับโฮชิโนะก็จบสิ้นเช่นกัน
ในโลกอินเตอร์เน็ตทั้งสองปลอมประโลมกัน
ในโลกแห่งความจริงมีแต่การทำร้ายกัน
แต่วันนี้ ไม่มีการแบ่งแยกอีกต่อ โลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียว
นี่คือความจริง นี่คือวิถีแห่งการทำร้าย
ยูอิจิกลับสู่โลกแห่งความจริง เขารู้ ‘วิถี’ ของโลกแล้ว

ฉากที่ยูอิจิอยู่หน้างานคอนเสิร์ต
จอภาพฉายมิวสิกวิดีโอของ ลิลี่ เพลง Kyoumei (Resonance)
ภาพนั้นคือลิลี่ที่เป็นดั่งฑูตสววรค์ที่ลงมาจุติที่โลก
แต่แล้วเธอก็ต้องแปดเปื้อนกลับดินโคลน นั่นคือ ความเป็นมนุษย์
(มิวสิกวิดีโอแบบเต็มๆ ดูใน DISC แผ่นที่ 2)
ยูอิจิคงตะหนักคิดได้แล้วว่า ลิลี่ก็คือเด็กสาวธรรมดา
“อย่าให้เธอเป็นในสิ่งที่เธอไม่ได้เป็นสิ!” แฟนเพลงคนหนึ่งบอกไว้
การที่ยูอิจิยึดลิลี่ เป็นดั่งศาสดา นั่นแหละคือการทำให้อีเธอร์แปดเปื้อน
มนุษย์เราต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง มนุษย์ต้องค้นหาและค้นพบอีเธอร์ด้วยตัวเอง
ลิลี่บอกให้ ‘หายใจ’ เราต้องหายใจด้วยตัวเอง

และถ้าสังเกตให้ดี เหตุการณ์ในฉากนี้ (Chapter 24) มีชื่อว่า reverie อันแปลว่า ‘ความฝัน’
ดั่งจะตอกย้ำว่าทุกสิ่งทุกอย่างยูอิจิล้วนคิดฝันขึ้นมาเองทั้งสิ้น

ยูอิจิตะโกนร่ำร้องหาลิลี่เป็นครั้งสุดท้าย
แม้กระนั้นเธอก็ยังไม่มา แน่นอน...ยูอิจิรู้แก่ใจ
นี่อาจจะเป็นยืนด้วยตัวเองครั้งแรกของยูอิจิ เขาตัดสินใจฆ่าโฮชิโนะ
โฮชิโนะ ตาย
แต่ ยูอิจิ กำลังจะเกิดใหม่
...ลิลี่ เกิดตอนที่จอห์น เลนนอน ถูกยิงตาย ฟิเลียบอกกับเราไว้

- ในฉากคอนเสิร์ต คุณ Unicorn จากเวบ Lilyphilia ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงศาสนาไว้น่าสนใจมาก ดังนี้
If we see Lily as a worshipped goddess, then the final concert is her religious festival, held exactly on the date of her 20th birthday. Hoshino may be interpreted as a human sacrifice to the goddess. He commits the ultimate sin by preventing Yuichi, who is Lily's 'high priest', from attending the religious ceremony. When Hoshino gets really stabbed and dies. The stabbing is also shown metaphorically as a bloodied knife sticking through an apple. The apple is also a symbol of the fall from innocence in Paradise.

เธอคืออีเธอร์แหล่งใหม่
แม้จะบอกว่ามนุษย์เราต้องยืนด้วยตัวเอง
แต่ธรรมชาติก็ไม่อนุญาตให้มนุษย์อยู่เพียงลำพัง*
ยูอิจิกำลังจะค้นพบอีเธอร์แหล่งใหม่
…ก่อนหน้านั้นเขาบอกอาจารย์ว่าได้ยินเสียง เสียงก้องกังวานในหู
ก่อนลิลี่จะค้นพบกับอีเธอร์เธอก็มีอาการเช่นเดียวกัน
ปี 2001 อายุ 15 ปี ยูอิจิกำลังเล่นพยายามหัดเล่นเปียโนเพลง ‘อาราเบสก์’
เพลงของเดอบุสซี่ที่คุโนะเล่นเป็นประจำ
ฉากสุดท้ายของเรื่อง ดั่งจะบ่งบอกว่ายูอิจิได้ค้นพบอีเธอร์ใหม่ของเขาแล้ว
นั่นก็คือ คุโนะนั่นเอง
ยูอิจิยืนสดับรับฟังเธอบรรเลงเพลง ‘อาราเบสก์’
เธอจะยังคงเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบเดอบุสชี่
เธอจะยังคงเป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า ที่เขาจะแอบชอบ…ตลอดไป

(*ประโยคของคุณวชิรา ของนิตยสาร Hamburger ฉบับหน้าปก moderndog)

อีเธอร์สีเขียว
หนังเรื่องนี้มีสีเขียวเปรอะไปทั้งเรื่อง
ลิลี่บอกว่า ‘ลมหายใจ’ คือ อีเธอร์สีน้ำเงิน
‘อีโรติก’ คือ อีเธอร์สีแดง
ถ้าเช่นนั้นอีเธอร์ของยูอิจิก็คงจะเป็นสีเขียว
เขาฟังเพลง เขาอยู่กับท่วงทำนอง ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี
เขาหยอกล้อ จ้องมอง สัมผัส ลูบไล้ปลายต้นข้าว
ห้องของยูอิจิตกแต่งด้วยไฟสีเขียว
และฉากท้ายๆ เครื่องอบไอน้ำสีเขียว
บางทีหลังจาก ‘เกิดใหม่’ ยูอิจิอาจจะมองเห็นความงามที่คนอื่นมองไม่เห็น
เช่นเดียวกับลิลี่ที่มองเห็นบางสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
มันเป็นความงามสีเขียว สีของอีเธอร์ สีของยูอิจิ
บางทีเขาอาจจะกระซิบบอกความลับกับมัน เหมือนกับที่โจวมู่หวันกระซิบกับรูต้นไม้
หรือบางทีอาจจะเป็นอำลา อีเธอร์เก่า...
เพราะเขาได้เกิดใหม่แล้ว
อีเธอร์ใหม่กำลังรอเขาอยู่

ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับลิลี่ ชู-ชู
แม้จะแทบไม่เห็นตัวลิลี่ ชู-ชู แต่ชื่อหนังว่า All About Lily Chou-Chou ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว
เพราะทุกตัวละครในเรื่องนี้ล้วนเกี่ยวพันเชื่อมโยงกันด้วยลิลี่ ชู-ชู ทั้งสิ้น
คุโนะ --> โฮชิโนะ --> ยูอิจิ --> ทซึดะ
ลำดับนี้คือการแนะนำลิลี่ให้รู้จักกันเป็นทอดๆ
เริ่มจากคุโนะให้แผ่นวงฟิเลีย (วงเก่าของลิลี่) กับโฮชิโนะ
โฮชิโนะแนะนำลิลี่ให้ยูอิจิ (ตอนที่ยูอิจิไปค้างบ้านเขา)
ยูอิจิให้ทซึดะยืมลิลี่ไปฟัง

ในฉากตอน end credit ทุกตัวละครไปอยู่ ณ ทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์
ลำดับของตัวละครที่ออกมาคือ
ยูอิจิ --> ทซึดะ --> โฮชิโนะ
นั่นก็คือลำดับของการเข้าถึง ‘ทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์’ นั่นเอง
ยูอิจิเข้าถึงมันเป็นคนแรก
ถัดมาคือทซึดะ เธอน่าจะเข้าถึงมันตอนที่คิดอยากโบยบินสู่ท้องฟ้า
โฮชิโนะตามมาทีหลังเพราะก่อนหน้านั้นเขาฟังลิลี่ด้วยความเกรี้ยวกราด
พื้นที่ของเขาจึงไม่ใช่ทุ่งหญ้าสีเขียว แต่เป็นพื้นที่รกร้างแห้งแล้ง
ส่วนคุโนะไม่ปรากฏ...เพราะอีเธอร์ของเธออาจจะเป็นเปียโน
หรืออีเธอร์ของเธออาจจะเป็นตัวเธอเอง
เพราะเธอคือคนที่เข้มแข็งที่สุด
เธอสมควรกับการเป็นอีเธอร์ให้ผู้อื่นมากกว่า

เพลง Glide ในตอนจบ ดั่งจะบอกถึงความต้องการของเด็กๆเหล่านั้น
พวกเขาเพียงอยากจะโบยบินอย่างอิสระเสรี
อยากจะออกไปจากที่ๆเป็นอยู่
อยากจะบอกว่า “ฉันยังอยู่ตรงนี้”
ณ ทุ่งหญ้าแห่งนั้น ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้หลับไหลแล้ว

-- เกี่ยวกับฉากที่หลอกว่าผูกคอตาย
ตอนดูหนังครั้งแรก (จาก VCD) พอถึงฉากที่ว่า จิตใจผมของผมก็แทบจะร้องออกมาเลยว่า "มันเกินไปแล้วนะ! พอแล้ว! พอแล้ว!" โชคดีที่ผกก.อิวาอิ ไม่ใจร้ายขนาดนั้น ถ้าหากหนังจบด้วยการที่ยูอิจิผูกคอตายจริงๆ นอกจาก Lily Chou-Chou จะกลายเป็นหนังที่มืดมนที่สุดของอิวาอิแล้วมันอาจจะติดอันดับหนัง feel bad อันดับต้นๆเลยก็ได้

และถ้าหนังจบแบบนั้นจริงๆ หลังจากดูนั้นเสร็จผมอาจะกระโดดตึกตายโดยทันที (ให้คิดถึงฉากโดดตึกในหนังเรื่อง เดอะ ชัตเตอร์ นะครับ) เพราะผมจำได้ว่าตอนดูครั้งแรก หลังจบ end credit ผมนั่งค้างนิ่งงันอยู่ที่โซฟาประมาณ 5 นาที แล้วในหัวก็มีแต่ความคิดอยาก "โดดตึกตาย" (แต่ยืนยันว่าผมยังอยู่นะ ที่พิมพ์อยู่นี่ตัวผมจริงๆ)

สาเหตุคงเป็นเพราะ ตัวละครในเรื่องที่ผมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมมากที่สุดก็คือ ยูอิจิ ผมกับเขามีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกันมาก ดังนั้นถ้ายูอิจิคิดจะตาย ผมก็คงอยากตายตามไปด้วย

ข้อสังเกตอีกนิดนึงคือ เมื่อถึงฉากที่ว่าผู้ชมในโรงก็นิ่งไปแวบนึงทีเดียว (การดูในโรงครั้งนี้เป็นรอบที่ 4 ของผมแล้ว ดังนั้นคราวนี้ผมจึงไปสังเกตปฏิกิริยาของคนในโรงด้วยครับ) แต่ฉากที่เกิด 'ภาวะสูญญากาศ' มากที่สุดในโรงคือฉากที่ทซึดะโดดลงมาตาย (ผู้หญิงข้างหลังผมถึงกับหลุดปากร้องออกมาทีเดียว)

ฉากที่ว่า รุ่นพี่คนหนึ่งของผมบอกว่ามันเป็นฉากที่เศร้าที่สุดแล้ว ผมคาดว่าเธอน่าจะรู้สึกได้มากกับฉากนี้ เพราะเธอฟังภาษาญี่ปุ่นออกด้วย ดังนั้นถ้าเราเข้าใจหมายความของเพลง 'Wing That Can’t Fly - ปีกที่มิอาจโบยบิน' ได้ในขณะที่ภาพขับเคลื่อนด้วยฉากทซึดะเล่นว่าวลอยลม แล้วทันใดเธอก็โดดลงมาตาย นั่นคงเป็นสภาวะหัวใจสลายซ้ำซ้อนเลยทีเดียว...

-- ฉากที่ผมเศร้าสุดๆ อีกฉากก็คือ ฉากที่ยูอิจิร้องไห้ จำได้ว่าตอนดูครั้งแรกผมร้องไห้กับฉากนี้เป็นวักเป็นเวรเลยทีเดียว มันคล้ายกับว่ารู้สึกเศร้าเสียใจการทำร้ายคนที่เรารักน่ะครับ

-- สำหรับนักแสดงในเรื่อง เท่าที่ผมสอบถามมาส่วนใหญ่เขาจะชอบ SHUGO OSHINARI (โฮชิโนะ) กันมากนะครับ ซึ่งบทของเขาใน Battle Royale 2 (2003, KENTA FUKASAKU, D+ ...เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ผมรู้สึกเสียดายตังค์แบบจริงจัง) ผมคิดว่ามันออกไปทางน่ารำคาญและไร้มิติเหลือเกิน แต่ผมชอบ Hayato Ichihara (ยูอิจิ) เสียมากกว่า (คงไม่มีใครเล่นฉากยืนฟังเพลงท่ามกลางทุ่งหญ้าได้ดีเท่าเขาอีกแล้ว) ส่วนตัวละครฝ่ายหญิงก็ต้องเป็น ยู อาโออิ (ทซึดะ) รู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังดังในญี่ปุ่น ขนาดที่ว่ามี photo book ของตัวเองออกมาด้วย (แต่ความจริงที่ญี่ปุ่นไอ้บ้าหน้าไหนก็ออก photo book กันได้ครับ เป็นเรื่องธรรมดามาก)

-- หนังเรื่องนี้อาจจะคล้ายๆ Kairo (Kiyoshi Kurosawa, 2001, A++++++) ตรงที่พูดถึงเรื่องอินเตอร์เน็ตกับความเหงา จากเรื่อง Kairo ฉากที่ผมชอบมากๆ ก็ตอนที่คอมพิวเตอร์โชว์รูปวงกลมสีขาวเล็กๆวิ่งไปมา "ถ้ามันห่างกันเกินไปมันก็จะตาย แต่หากมันใกล้ชิดจนเกินไปก็จะสูญสลายไปด้วยกัน" ผมว่าประโยคนี้ก็ตรงกับ Lily Chou-Chou เช่นกัน

-- ฉากที่คุโนะถูกข่มขืนก็น่าสนใจเอามากๆ อิวาอิไม่ได้ให้ภาพกับฉากนี้อย่างตรงไปตรงมา แต่กลับใช้เทคนิคภาพจากกล้องวิดีโอและการถ่ายแฮนด์เฮลด์ ซึ่งบางคนบอกว่า HandHELL เพราะมึนหัวสุดๆ (ฮา) ภาพสั่นไหวไปมาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในห้องนั้นและความรู้สึกของคุโนะ (แถมด้วยลูกบ้าของอิวาอิคือใช้เปียโนเพลงคลาสสิกกับขนนกลอยละล่อง*ในฉากข่มขืน!) รวมถึงการเห็นภาพที่ 'ไม่ชัด' ทำให้ผมจินตนาการถึงฉากนั้นได้สยองสุดขั้ว ผมจึงถือว่าความแรงในฉากนี้ดีกรีไม่แพ้ฉากใน Irreversible (2002, กัสแปร์ โนว์, A+) หรอกครับ

*เกี่ยวกับขนนกในหนังของอิวาอิ
Picnic (1996, A+) อิวาอิใช้ขนนกสีดำในฉากสุดท้าย
All About Lily Chou-Chou ใช้ขนนกสีขาวในฉากข่มขืน

-- เกี่ยวกับประโยคที่นักท่องเที่ยวหนุ่มพูด (ความจริงแรกๆ ตัวละครตัวนี้เหมือนจะมาสร้างเสียงฮาให้เรา แต่กลับเป็นคนละทางเลย)
"สำหรับพวกเราแล้ว ธรรมชาติก็อาจจะเป็นเหมือนกับสวนสนุก แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นแล้ว มันอาจจะเป็นนรกบนดินก็ได้ ...แต่นั่นมันก็เป็นธรรมชาติสำหรับเธอ สำหรับฉันแล้วมันเป็นเรื่องดี ...สถานที่ที่ความเป็นและความตายอยู่ประชิดกัน น่าตื่นเต้นดีใช่มั้ยล่ะ? เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้กลับมาที่นี่บ่อยๆ"

ที่จริงแล้วประโยคข้างต้นก็คือการสรุปใจความทั้งหมดของหนัง วิถีชีวิตของเราอยู่บนเส้นด้ายความเป็นและความตาย และบางทีการอยู่รอดก็ต้องแลกมาด้วยการทำร้ายแก่กัน

ในส่วนนี้ผมก็นึกถึงประโยค(คลาสสิกไปแล้ว) จากนิยาย Norwegian Wood ของฮารูกิ มูราคามิ "ความตายดำรงอยู่ หากมิใช่ภาคตรงข้าม" - เกี่ยวกับวิถีการดำรงอยู่ของมนุษย์ ขอแนะนำหนังญี่ปุ่นเรื่อง 2LDK (A) หนังว่าด้วยผู้หญิงสองคนที่มาอยู่ห้องเดียวกัน และพยายามฆ่ากัน!

*นักท่องเที่ยวหนุ่มในเรื่อง รับบทโดย ทาคาโอะ โอซาว่า พระเอกจากหนังทำเงินถล่มทลายอย่าง Crying out for love, in the center of the world (2004, อิซาโอะ ยูกิซาดะ, A) อ่านที่ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=merveillesxx&month=15-01-2005&group=1&blog=1 (หนังจะเข้าฉายบ้านเราเร็วๆนี้) ล่าสุดเขาก็รับบทเป็นช่างภาพใน Hana & Alice ด้วย (เข้าฉายลิโด้ 10 มีนาคม 2548)

*ไกด์สาวสุด sexy ประจำเกาะโอกินาว่ารับบทด้วย มิวาโกะ อิจิคาว่า ซึ่งเล่นเป็นพี่สาวของนางเอก (โค ชิบาซากิ) ในซีรี่ย์เรื่อง Good Luck (2003, A) ที่เพิ่งอำลาจอ ITV ในบ้านเราไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (6 ก.พ. 2548 - วันเลือกตั้ง) นี่เอง

*คุณแม่ยังสาวของโฮชิโนะ รับบทโดย อิซูมิ อินาโมริ ซึ่งตรงนี้ก็มีมุกตลกว่าตอนหนุ่มๆ คุยกันบนสะพานถึงแม่ของโฮชิโนะ ตัวละครหนึ่งพูดว่า "แม่ของโฮชิโนะนี่สวยเป็นบ้า หน้าหยั่งกะ อิซูมิ อินาโมริ เลย" สำหรับ อิซูมิ อินาโมริ บ้านเราอาจจะคุ้นหน้าเธอจากซีรี่ย์เรื่อง Long Vacation (A+) และ Beach Boys (เคยฉายทาง ITV)

-- ในวันที่โฮชิโนะได้เปลี่ยนแปลงไป เขากลายเป็นเด็กเกเร วันที่อาละวาดในห้อง เขาซัดเด็กที่ชื่ออินุบูชิ (คนที่ดูโจ๋ๆ ทำผมเดร็ดร็อค) หมอบกระแต ก่อนหน้านั้นอินุบูชิเขาไปจิกผมเด็กที่ชื่อทซึจิ (ที่ไปย้อมผมทองมา) ...ในภายหลังทซึจิก็กลายเป็นลูกน้องของโฮชิโนะ (รวมถึงเด็กๆที่ยืนข้างโฮชิโนะ ตอนที่แกล้งให้อินุบูชิลงไปคลุกโคลน ทุกคนกลายเป็นลูกน้องของโฮชิโนะ)

ปี 2000 ลำดับความสัมพันธ์ กลับกลายพลิกผลัน ยูอิจิจากเพื่อนที่สนิทที่สุดของโฮชิโนะ กลายเป็น 'ทาส' ที่อยู่ชั้นต่ำที่สุด ตามความสัมพันธ์นี้
โฮชิโนะ --> ทซึจิ + เด็กอีกคน --> เด็กสองคน --> ยูอิจิ --> ทซึดะ
นอกจากเป็นลูกน้องโฮชิโนะแล้ว ยูอิจิต้องเป็นลูกน้องของ 'ลูกน้องโฮชิโนะ' อีกสองต่อ

หลังจากเหตุการณ์ข่มขืนคุโนะ หนังชี้ให้เห็นว่าไม่มีใครต้องการฝักใฝ่เป็นพวกกับโฮชิโนะอีกต่อไป (จากฉากเด็กๆคุยกันในรถตู้) โฮชิโนะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาเองก็น่าจะรับรู้ถึงความรู้สึกตรงนี้ได้ ในที่สุดหนังก็ฉากให้เห็นว่าเขามีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ภายใน ท่ามกลางผืนดินแห้งแล้งว่างเปล่า เขาฟังเพลงของลิลี่อยู่คนเดียว พร้อมเปล่งตะโกนระบายความอัดอั้นออกมาสุดเสียง จะมีใครบ้างที่ได้ยิน?
(ฉากนี้ใช้เพลงได้สุดยอดมากๆ นั่นคือการมิกซ์เพลงพื้นบ้านของโอกินาว่าอย่าง Aragusuku เข้ากับเพลงอิเล็กทรอนิกอย่าง AI NO JIKKEN ได้แนบสนิท)

เพลงของลิลี่ที่โฮชิโนะกำลังฟังคือ AI NO JIKKEN (EXPERIMENT IN LOVE - การทดลองรัก)
"การทดลองรัก - มันทำให้ฉันสับสน
การทดลองรัก - มันทำคุณขบขันหรือไร?"

โฮชิโนะอาจจะเคยคิดกลับมา 'ทดลองรัก' ใครสักคนอีกครั้ง แต่เขาทำในสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขได้ลงไปแล้ว เขาสั่งคนให้ข่มขืนคุโนะ ...การทดลองในครั้งนี้จึง 'ล้มเหลว' ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

หากจะมีใครที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของโฮชิโนะ คนๆนั้นคงเป็นยูอิจิ
ฟิเลียเข้าใจบลูแคท
ยูอิจิก็น่าจะเข้าใจและรู้สึกได้ถึงความเปล่าเปลี่ยวของโฮชิโนะ
ถ้าจำกันได้ในท้ายฉากนี้ เราจะเห็นยูอิจิยืนอยู่ในพื้นที่แห้งแล้งแห่งนั้นด้วย

โฮชิโนะก็ต้องการใครสักใครเหมือนกัน
เขาจึงใช้ 'แอปเปิ้ลเขียว' นัดพบกับฟิเลีย
แม้ยูอิจิจะรู้ในที่สุดว่า โฮชิโนะ = บลูแคท
เขาน่าจะยังเปิดใจรับโฮชิโนะได้
แต่โฮชิโนะคือคนที่เลือกที่ทำลาย 'โอกาสครั้งสุดท้าย' ของตัวเองลง ...ด้วยมือของเขาเอง
การทดลองรักของโฮชิโนะจึงไม่มีวันเกิดขึ้น

-- ความจริงแล้วตามแผนภาพยูอิจิควรจะมีตำแหน่งเหนือทซึดะ แต่เขากลับไม่ทำเช่นนั้น ในทางกลับกันทซึดะกลับมีอำนาจมากกว่ายูอิจิ (ดูจากฉากที่เธอเตะยูอิจิ) แต่ภายหลังหนังก็พลิกกลับอีกครั้ง เมื่อยูอิจิคือผู้ที่มีอิทธิพลอย่างรุนแรงกับทซึดะ ยูอิจิทำให้ชีวิตของทซึดะกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็มีค่านัก...

-- ตอนใกล้จบเรื่อง ในที่สุดยูอิจิก็ขอให้คุณแม่ทำสีผมให้ เหมือนกับประโยคตอนต้นเรื่อง ...มันคงได้เวลาที่ยูอิจิจะได้กลับมาใช้ชีวิตเยี่ยง 'วัยรุ่น' ทั่วไปอีกครั้ง แต่งตัว แฟชั่น ย้อมสีผม หลีสาว โดดเรียน อะไรก็ได้... ที่ไม่เหมือนช่วงเวลา 1 ปีที่หายไปในช่วงวัยของยูอิจิ 1 ปีที่โลกเป็นสีเทา

โลกยังคงหมุนไป
ชีวิตดำเนินต่อไป
แต่โลกของยูอิจิกำลังจะเปลี่ยนสี...




Lyrics
Lily Chou-Chou: Kokyu

01. ARABESUKU - ARABESQUE (translated lyrics only)
Note- Lily sings this song in OKINAWAN

aoi sora
aoi umi
tori no uta
aoi sora
aoi umi
minami no tori no uta

shiroi hana ga saku koro
musume wa umare
moratta
hana no namae o
musume wa moratta

aoi sora
aoi umi
tori no uta
aoi sora
aoi umi
minami no tori no uta

shiroi hana ga saku koro
musume wa umare
moratta
hana no namae o
musume wa moratta

hana no namae o
musume wa
moratta

aoi sora
aoi umi
tori no uta
akai hana ga saku koro

ARABESQUE (provisional translation)
blue sky
blue sea
birdsong
blue sky
blue sea
birdsong of the south

when the white flowers blossomed
a girl was born
the girl was named after the flower

blue sky
blue sea
birdsong
blue sky
blue sea
birdsong of the south

when the white flowers blossomed
a girl was born
the girl was named after the flower

the girl was named after the flower

blue sky
blue sea
birdsong
when the red flowers blossom

-------------------------------------------

02. AI NO JIKKEN
I see you. You see me.
(tooku wo miru)
You see me. I see you.
(haruka tooku o)
I see you. You see me and now

I'm in you. You're in me
(eeter no umi)
You're in me. I'm in you.
(kwooku no soto)
I'm in you. You're in me and now

Ai no jikken ga watashi wo mayowaseru
Ai no jikken de waratte iru no?

Ai wa mai, ai wa tobu (soshite)
Ai wa suru, ai wa kau (soshite)
Ai wa seku, ai wa ai wo ai shite 'ru

Life like dead
Dead like life

Ai no jikken ga watashi wo mayowaseru
Ai no jikken de waratte iru no?

I see you. You see me.
(doko ni ikite 'ru)
You see me. I see you.
(genzai wo ikite 'ru)
I see you. You see me and now

EXPERIMENT IN LOVE
I see you. You see me.
(seeing far)
You see me. I see you.
(far far away)
I see you. You see me and now

I'm in you. You're in me.
(the sea of ether)
You're in me. I'm in you.
(surrounding the quark)
I'm in you. You're in me and now

Experiment in love - it confuses me
Experiment in love - does it make you laugh?

Love dances, love leaps (and then)
Love is made, love sustains (and then)
Love is impatient, love makes love to love

Life like dead
Dead like life

Experiment in love - it confuses me
Experiment in love - does it make you laugh?

I see you. You see me.
(Where do you live?)
You see me. I see you.
(I am living in the present)
I see you. You see me and now

--------------------------------------

03. EROTIKKU
yume no naka ni hairikonnda imeeji no kakera kara
anata ga hoshigatte 'ru mono o sagashi dashite 'ru

koucha no naka ni utsutte 'ru kumotta sora no gurei
anata ga mochiagete itte hiru ni tokete 'ta

suki nano wa anata no subete ja nakute
kaze no yoo na, kizuato no yoo na, umi no hibiki no yoo na
erotikku

ki no nai soburi de hiite 'ru sukeeru no aida kara
oto nanoka onngaku nanoka kikoe hajimeru

sono yubi de nanigenaku hiku merodii hajime kara
soko ni aru rain nazoru yoo ni kanaderu

shinnda yoo na machi ni hibiku no wa asu no rekuiemu
ikite itai to omowanakute mo ...

watashi ga hoshigatte 'ru mono o sagashi dashite yo

sono yubi de nanigenaku hiku merodii, hajime kara
soko ni aru rain nazoru yoo ni kanaderu

suki na no wa anata no subete ja nakute
kaze no yoo na kizuato no yoo na umi no hibiki no yoo na
erotikku

EROTIC
From the fragments of an image which entered my dream
I am trying to figure out what pleases you:

The grey, cloudy sky, mirrored in the teacup -
But as you raised it, the reflection dissolved in daylight.

I don't love everything about you -
It's like the wind, like a scar, like the sound of the sea:
Erotic.

From among the random scales you are playing
A sound, perhaps music, begins to be heard:

In the melody you casually perform with your fingers,
A certain pattern may be discerned from the start.

In a city apparently dead, tomorrow's requiem is echoing,
Although I feel there is no point in staying alive.

Please try to figure out what pleases me.

In the melody you casually perform with your fingers,
A certain pattern may be discerned from the start.

I don't love everything about you.
It's like the wind, like a scar, like the sound of the sea:
Erotic.

----------------------------

04. Hikousen N/A

Zeppelin

For no reason at all, out in the afternoon streets
In the gloomy crowds, I breathe out..
We wanna go

Urges that I have no wish to rid off suddenly emerge
Giant zeppelin, launches me to up above

Existence is null
Chaos whirls into a maelstrom
And life saving kit is useless

From between scissors, I peek out on the streets
Giant zeppelin carries me away
Essence is still mystery
And the now repeats itself
Life saving kit is useless
So in the rapid fall, fly!

We wanna go.


credit: //delico.myth200.com/salyu/eng/kokyuu.html


----------------------------


05. Kaifuku suru kizu เป็นเพลงบรรเลง

06. HOOWA (Saturation)
I miss you, I miss you
Ichi-oku-koonenn no hate ni mo todoite

I miss you, I miss you
Yonjuu-man-kiro mo saki no tsuki ga warau

I miss you, I miss you
Minami kaikisenn de modotte kita nara

I miss you, I miss you
Anata no kuchibiru ni chikazuite shimatta
Ato ichi-miri ni aru hoowa e no iriguchi

SATURATION
I miss you, I miss you
Stopping at the end of 100 million light years

I miss you, I miss you
Another 400 thousand kilometers away the moon grins

I miss you, I miss you
If you had returned by the southern line

I miss you, I miss you
Your lips came close
Just another millimeter and saturation is reached

----------------------------------

07. TOBENAI TSUBASA (Wings That Can't Fly)
kootei ga hizunde mieta
shiroi taisoogi ga mieta
karasu ga hikuku sora
tonda
kuroi hane o
sukoshi dake wakete kudasai
sora ni nobita kaidan
soko made te ga todokanai

yuugure no sora wa akaku
minna no shisen tsumetaku
soshite ookina ishi ga
sora kara ochite kite
atashi o oshitsubusu

watashi no kokoro ni wa mieta
torinokosarete iku mono ga
anata no iiwake ya uso wa
nan no yaku nimo tatanai
garakuta no yoo
sora ni nobita kaidan
soko made te ga todokanai

yuugure no sora wa akaku
minna no shisen tsumetaku
soshite ookina kumo ga
sora kara orite kite
atashi o kakushite iku

kigen naoshite ikiyou
sora no kirema kara koboreru
hikari ga mata ugoite kuruyo

yuugure no sora wa akaku
mou sugu ni kurete shimau
dakara tobenai tsubasa o
sutetara suteta nara
atashi wa maiagarou

dakara tobenai tsubasa o
sutetara suteta nara
atashi wa maiagarou

WINGS THAT CAN'T FLY
the school playground looks distorted
the white gym outfits are on display
a crow flies low across the sky
please stretch your black wings
please stretch them out a little
a staircase reaching up to the sky
no hand can reach that far

the twilight sky is crimson
everyone’s gaze is cold
then a huge rock
comes tumbling from the sky
and it crushes me

in my heart there have appeared
things left farther and farther behind
your excuses your lies
have turned useless
like garbage

a staircase reaching up to the sky
no hand can reach that far

the twilight sky is crimson
everyone’s gaze is cold
then a huge cloud
descends from the sky
and wraps itself all around me
I must pull myself together and go on living
because the lights tumbling out of the gaps in the sky
are again flashing at my eyes

the twilight sky is crimson
and darkness will fall very soon
now that my wings can no longer fly
I'll cast them off and when I do
I'll walk on air and soar in the sky

now that my wings can no longer fly
I'll cast them off and when I do
I'll walk on air and soar in the sky

--------------------------

8. Kyoumei (Resonance)

8 Echo (Hollow Stone)

Through the long, winding passages we came to here
And after this, we have to still go on
Only time quietly registers all

When we grow up, we give up
Inside the heart
We find so many mirrors

The rapture of meeting you
is even more excruciating than the pain of seeing you
Because in my heart, there still lies a hollow stone

Born only to exist
Is there any other meaning to this?
Then what is the so-called 'language of love'?

On the side of the path I see words on a torn poster
"Love is here, God is in you..." and it broke off here

In the depth of the Universe, edge of the soul..

The echo that's born in this body/struggles to reach you
Echo that transcend the meaning of words, ripples out
The rapture of meeting you
is even more excruciating than the pain of seeing you
Because in my heart, there still lies a hollow stone


credit: //delico.myth200.com/salyu/eng/kokyuu.html


--------------------------


9. Glide
I wanna be I wanna be I wanna be just like a melody
just like a simple sound like in harmony

I wanna be I wanna be I wanna be just like the sky
just fly so far away to another place

To be away from all, to be one of everything

I wanna be I wanna be I wanna be just like the wind
just flowing in the air through an open space

I wanna be I wanna be I wanna be just like the sky
just fly so far away to another place

I wanna be I wanna be I wanna be just like the sea
just swaying in the water so to be at ease

To be away from all, to be one, of everything

I wanna be I wanna be I wanna be just like a melody
just like a simple sound like in harmony

Glide – โบยบิน
(ถอดความเป็นภาษาไทย โดย merveillesxx)

ฉันอยาก…เป็นแค่เพียงท่วงทำนอง
แค่เพียงเสียงบริสุทธิ์ที่คล้องจอง

ฉันอยาก…เป็นแค่เพียงท้องนภา
แค่เพียงโบยบินไปสู่อีกจักรา

เพื่อไปจากทุกสรรพสิ่ง
เพื่อเป็นหนึ่งในทุกสิ่ง

ฉันอยาก…เป็นแค่เพียงสายลม
แค่เพียงโบกสะบัดพัดผ่านทุกแห่งหน

ฉันอยาก…เป็นแค่เพียงท้องนภา
แค่เพียงโบยบินไปสู่อีกจักรา

ฉันอยาก…เป็นแค่เพียงท้องทะเล
แค่เพียงแกว่งไกวให้ทุกข์ได้ถ่ายเท

เพื่อไปจากทุกสรรพสิ่ง
เพื่อเป็นหนึ่งในทุกสิ่ง

ฉันอยาก…เป็นแค่เพียงท่วงทำนอง
แค่เพียงเสียงบริสุทธิ์ที่คล้องจอง


----------------------------------

Tsubasa o Kudasai (Give Me Wings)
**เพลงในฉากร้องประสานเสียง**

Ima watashi no negai-goto ga
Kanau-naraba tsubasa ga hoshii
Kono senak ni tori no yoh-ni
Shiroi tsubasa tsukete-kudasai

Kono ohzora ni tsubasa wo hiroge
Tonde Yukitai-yo
Kanashimi no nai jiyuu na sora e
Tsubasa hatamekase yukitai

Ima tomi toka meiyo naraba
Iranai kedo tsubasa ga hosli
Kodomo no toki yume mitakoto
Ima mo onaji yume ni mite-iru

Kono ohzora ni tsubasa wo hiroge
Tonde Yukitai-yo
Kanashimi no nai jiyuu na sora e
Tsubasa hatamekase yukitai




ขอ “อีเธอร์” จงอยู่คู่กับท่าน….



Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 24 กันยายน 2554 8:31:06 น. 54 comments
Counter : 11110 Pageviews.

 
**คำแถลงไขจากผู้แปลซับ**
ความคิดเห็นที่ 34

สวัสดีค่ะ

ตรงส่วน look out ที่คุณ merveillesxx ว่ามา ดิฉันเบลอค่ะ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ก้มๆเงยๆ ลุกไปกรอหนัง วิ่งกลับมาพิมพ์ต่ออยู่หลายรอบจนมึนไปหมด

แต่ดิฉันได้สคริปท์มาอย่างนี้ค่ะ จึงเกิดอาการก่งก๊งแปลโชะเข้าให้

Why did you turn him down?
[i]ทำไมถึงปฏิเสธเขาล่ะ?[/i]
He'd look out for you!
[i]เขาจะตามหาเธอ![i] (บ๊าบ้า...พอส่งงานไปแล้วได้ย้อนมานั่งอ่านที่แปลแล้วก็อยากเอาหัวโหม่งโต๊ะเหมือนกันค่ะ)
He'd fight Hoshino for you!
[i]เขาจะสู้กับโฮชิโนะเพื่อเธอ![i]
He'd be there for you!
[i]เขาจะอยู่กับเธอ![/i]

สรุปคือดิฉันเข้าใจแหละค่ะว่าซาซากิเป็นคนดี แต่ดิฉันเพี้ยนสนิทเลย คิดว่าพลาดอีกหลายจุด (ตัวสะกดพลาดด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ ดิฉันแปลเสร็จก็ส่งเลยค่ะ ไม่มีโอกาสได้ตรวจทานก่อนด้วยความที่ได้มาแปลแบบฉุกละหุกและเห็นเส้นตายนอนเกยตื้นอยู่เบื้องหน้า จบงานนี้สงสัยเขาคงไม่ให้ดิฉันแปลแล้ว ^^" มันขี้บ่นเหลือเกิน) ทางคุณเจ้าของงานเธอว่าจะมีคนญี่ปุ่นสันทัดภาษาไทยตรวจให้ก่อนลงโรงด้วย คาดว่าก็คงมึนๆอยู่เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ไม่เคยดูหนังอิวาอิมาก่อนค่ะ พอได้ดูแล้วดิฉันก็ชอบหนังเรื่องนี้นะ มันหดหู่เศร้าและเครียดคนละแบบกับ Dancer in the Dark แต่ฉันชอบเรื่องนี้มากกว่าเพราะมันใกล้ตัวกว่าด้วย

จากคุณ : คนแปล - [ 13 ก.พ. 48 12:12:57 A:61.91.178.66 X: TicketID:088038 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:10:15 น.  

 
ความคิดเห็นจาก //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3280048/A3280048.html

ความคิดเห็นที่ 5

รอดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ
นึกว่าจะเข้าฉายวันศุกร์ที่ผ่านมาเสียอีก
ยังไม่ได้อ่าน ตรงสปอยเลอร์
และลิงค์ที่เป็นแหล่งข้อมูล

แต่อ่านจากที่ข้อมูลช่องแรก นึกถึงประโยคนี่ที่เคยอ่านเจอในหนังสือนานแล้ว
" การเปลี่ยนผ่านขีวิตแต่ละวัน เหมือนเป็นการเปลี่ยนผ้าพันแผลในหัวใจ "

ไว้ดูหนังเสร็จแล้ว จะมาแลกเปลี่ยนต่อ

จากคุณ : grappa - [ 7 ก.พ. 48 07:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6

เป็นหนังที่ได้ดูแค่ครั้งเดียวก็จะไม่มีวันลืมครับ ... สุดยอดทุกอย่าง เป็นมาสเตอร์พีซของอิวาอิเลยจริงๆ

จากคุณ : don_custom - [ 7 ก.พ. 48 09:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7

เจอกันที่ลิโดครับ

จากคุณ : หน้าพระลาน - [ 7 ก.พ. 48 10:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8

ได้ดูมาแล้วอ่ะคับ ..

ชอบหนังเรื่องนี้จังแฮะ ..

จากคุณ : wat_wa - [ 7 ก.พ. 48 11:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9

คุณ merveillesxx อยากแอดคุยด้วย พอจะบอกเมล์ได้อ่ะเป่า ( ซีดีของหนัง )

จากคุณ : bluecat_h - [ 7 ก.พ. 48 15:06:47 A:61.138.200.142 X: TicketID:061687 ]

ความคิดเห็นที่ 11

"...Lily Chou-Chou..."
"Genius"
"or rather"
"Genesis"
"...the Ether personified..."
From: Philia

เพลงในเรื่องนี้ ค่อนข้างจะหลอนประสาทดีนะครับผมว่า

ความรู้สึกเมื่อถึงท้ายๆ เรื่อง มันใช่จริงๆ เรารู้สึกได้ถึงความรู้สึกของยูอิจิ ชุนจิได้ปูเรื่องมาจนถึงจุดนั้นได้ดีมาก

หนังของชุนจิ แทบทุกเรื่อง ที่ดู ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมหรือเปล่านะ ผมรู้สึกได้ถึงความเหงา น่ะ แต่มันก็เป็นคนละแบบกะของ wkw นะ ชุนจิ เขานิ่งสุดๆ จริงๆ ถ้าเป็นหนังวัยรุ่นฝั่งตะวันออกนี่ ผมยกให้เขาเลยนะ

จากคุณ : ซาเวีย - [ 7 ก.พ. 48 20:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12

ไปดูแล้วจะกลับมาคุยนะ

จากคุณ : Korean_Girl - [ 7 ก.พ. 48 23:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13

ใช่ค่ะ หนังชุนจิเหงา เป็นหนังวัยรุ่นเหงา
หนังเฮียหว่อง จะอารมณ์กร้านโลกกว่า ผู้ใหญ่เหงา
ตามมาจากpopcornmagนะคะ
ตามไปดูเว็บมาแล้ว ไว้จาเมล์ไปคุยด้วย ^^

จากคุณ : birdlove - [ 8 ก.พ. 48 03:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14

I really love every single piece of music in this movie.

จากคุณ : pizzicatoj - [ 8 ก.พ. 48 13:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15

รอดูอยู่เหมือนกันครับ ไว้ดูแล้วจะมาคุยด้วยใหม่

จากคุณ : dNb - [ 8 ก.พ. 48 15:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16

สำหรับหนังเรื่องนี้ เราดูแล้วหดหู่สุดขีด (เทียบเท่ากับ Virgin Suicide)
ประมาณว่า รู้ล่ะว่าชีวิตมันโหดร้ายขนาดนั้น แต่มันโหดและเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ
ดูไปก็แบบว่า เครียด กดดัน หดหู่ จบแบบเรารู้สึกเกินบรรยาย ดูรอบเดียวเกินพอสำหรับเรา
เลยขอบอกว่าไม่เข้าใจในความรู้สึกของคนที่ชอบหนังเรื่องนี้
อาจต้องถามว่าชอบตรงไหน แต่พอคิดไปคิดมา หนังแต่ละเรื่องมันโดนคนแต่ละคนไม่เท่ากัน
มาอ่านที่คุณเขียนคราวนี้ เหมือนเข้าใจได้เลยว่า ชอบจริง และหนังคงมีอะไรซ่อนไว้ให้ค้นหา
สำหรับคนที่อยากค้นหา แต่ไม่ใช่เรานั่นเอง

ตาม Spoilor ข้อ 1 และ 2 เราเห็นด้วยนะ ส่วนข้อที่เหลือก็ไม่แน่ใจ เพราะว่าดูมานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ต้องขอชมว่า สุดยอดอีกรอบให้กับการเขียนวิเคราะห์หนัง
รายละเอียด ที่มา ความคิดเห็นส่วนตัว เยี่ยมจริงๆ

หมายเหตุ ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่ลิโดโปรโมทหนังเหมือนเป็นเรื่องรักโรแมนติค
คนบางคนอาจเข้าไปดูแบบไม่ได้เตรียมใจไว้ คงจะอึ้งไปเลยก็ได้ ออกมาถ้าชอบก็คงชอบไปเลย
แต่ถ้าไม่ชอบ คงเหมือนโดนหลอกนิดๆนะ (ความเห็นส่วนตัว)
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 48 15:46:35

จากคุณ : cottonbook - [ 8 ก.พ. 48 15:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17

The Virgin Suicides ผมก็ชอบครับ แต่อาจจะไม่รู้สึกหดหู่เท่า Lily Chou-Chou ผมคิดว่า Virgin Suicides เป็นหนังที่จะเข้าถึงผู้หญิงได้มากกว่า ส่วน Lily Chou-Chou นี่เราทุกคนล้วนเข้าถึงมันได้ เพราะเราทุกคนล้วนผ่าน 'ช่วงนั้น' มาแล้วทุกคน

อย่างไรก็ตาม แม้ Lily Chou-Chou จะหดหู่เพียงใด แต่การนำเสนอกลับออกมาตรงกันข้าม หนังไม่ได้มีฉากแรงๆเลยซักนิดเดียว หนังกลับนำเสนอออกมาได้ 'ป็อป' มากๆ ดังนั้นผมจึงเพื่อนทุกคนเลยว่า นี่ไม่ใช่หนังอาร์ตดูยากอะไรเลย

มันน่าแปลก ที่หนังไม่มีภาพสะเทือนใจตรงๆ แต่มันก็บีบให้เราใจสลายได้...

สำหรับเรื่องการโปรโมทที่ลิโด้ที่ว่าเป็น Shunji Iwai's Love Story ผมว่ามันก็เหมือนดาบสองคมแหละครับ ถ้าคนที่คิดจะดูหนังรักแบบ Love Letter ก็คงหงายหลังตึงทีเดียว แต่ในความคิดผม Lily Chou-Chou ก็ถือเป็นหนังรักนะครับ มันเป็น Love Story แท้ๆอีกเรื่องนึงทีเดียว เพียงแต่มันเป็นความรักที่ต้องผ่านความเศร้าและความผิดหวัง มันเป็นความรักที่ระยะทางแสนจะห่างไกล เป็นความรักที่อาจจะสัมผัสจับต้องไม่ใช่อย่างชัดเจน

เพราะว่า...ความรักก็เป็น 'อีเธอร์' อีกชนิดหนึ่งในหนังเรื่องนี้

ไปดูกันแล้ว ก็กลับมาคุยกันนะครับ ผมจะเฝ้ารอ

จากคุณ : merveillesxx - [ 8 ก.พ. 48 20:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18

ขอเซฟกระทู้เก็บไว้ก่อน
เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน หลังทำงานเสร็จ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความรู้สึกเราต่อหนังเรื่องนี้คือ หดหู่มากๆ
ตอนจบ เราถึงกับตะโกนออกมาว่าสมน้ำหน้า เป็นงี้ได้ก็ดี

ไม่รู้เราคิดไปเองรึป่าวนะคะ
แต่เหมือนมันบอกอะไรกับโลกเราเลยนะ

ใน love letter ชีวิตมัธยมดูสดใสสวยงาม
ใน lily chou-chou ทำไมทุกอย่างมันดูมืดหม่น

หรือนี่จะป็นการเดินทางของเวลา

รอไปดูในโรงเหมือนกัน
นอกจากทิม เบอร์ตัน
ชุนจิ อิวาอิ คือผู้กำกับที่เราชอบมากที่สุด

ปล. ลีลี่ ชูชู เราดูจบและคิดว่าเค้ามีตัวตนจริงๆเลยอ่ะ

ลงรูปผิดหง่ะ
แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 48 20:58:35

จากคุณ : ปลาทองแก้มยุ้ย - [ 8 ก.พ. 48 20:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20

ยังไม่ได้อ่านนะคับ แต่ยังไงก็รัก lily chou chou และจะไปดูให้ได้แน่ๆ คับ
ฝันเป็นจริงแล้ว ได้ดู lily จอใหญ่ ลัลล้าลลลล

จากคุณ : ใบไม้ ใบหญ้า - [ 8 ก.พ. 48 21:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21

ฝันเป็นจริงเหมือนกันอะ
เห็นกระทู้โปรแกรมฉายครั้งแรกร้องกรี๊ด ^___^
อยากเห็นทุ่งหญ้าเขียวๆจอใหญ่ตั้งแต่เห็นปกหนังเรื่องนี้

ดู Virgin Suicide แล้วก็หดหู่ค่ะ แต่ดันชอบมากกว่า Lost in tran
แต่ส่วนตัวแล้ว Virgin Suicide ยังหดหู่ได้ไม่ถึงครึ่ง lily ค่ะ
เราดูlilyรอบเดียว แต่ดันจำได้ทุกฉาก
ยิ่งมาอ่านรีวิวนี้นะ ยิ่งนึกออก จำได้อีกเหมือนกันว่าเคยอ่านแล้ว
แล้วทำให้เข้าใจหนังมากขึ้นเป็นกอง ไม่งั้นคงมีอะไรให้ต้องค้นหาอีกเยอะ ^---^

คนที่ไม่เคยดู swallowtail butterfly อาจจะช็อกนิดหน่อยกะหนังชุนจิเรื่องนี้
เหมือนอย่างเราเป็นต้น ดูลิลลี่ก่อน เอ๋อไปเลย *--*

จากคุณ : birdlove - [ 9 ก.พ. 48 01:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22

ก่อนหน้านี้ All About Lily Chou-Chou เป็นหนังที่ผมชอบน้อยที่สุดของ ชุนจิ อิวาอิ เลย

อาจเป็นเพราะติดภาพงานแก จาก love letter กับ april story ก็ได้ ตอนที่ได้ซีดีเรื่องนี้มาก็เห็นภาพเด็กผู้ชายฟังซาวเบ้าว์ในทุ่งหญ้าสีเขียวเท่านั้น ทำให้ตอนที่ดูจบถึงกับอึ้ง ๆ ไปนิด

ตอนที่รู้ข่าวว่าหนังทั้ง 3 เรื่องที่จะเข้าฉายที่ลิโด้ก็ยังรอดูแต่ Hana & Alice เท่านั้นเอง

ขอขอบคุณ คุณ merveillesxx มากเลยครับ ที่ทำให้ผมอยากเข้าไปลองดูหนังเรื่องนี้ในโรงดูสักครั้ง
จากคุณ : ตาอิน - [ 9 ก.พ. 48 19:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24

ผมดูปีที่แล้ว
ชอบ มากกว่า April Story
แต่น้อยกว่า Love Letter
จากคุณ : เกิดมาเพื่อปืน - [ 10 ก.พ. 48 13:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25

หุหุ หึหึ อิอิ พรุ่งนี้จะไปดูล่ะคับ หลังจากจดๆ จ้องๆ มาหลายวัน ติดงานยุ่งชะมัด พรุ่งนี้แหละจะไปดูให้หายอยากเลย

จากคุณ : ใบไม้ ใบหญ้า - [ 11 ก.พ. 48 22:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28

จำประโยคสุดท้าย ท้ายที่สุดของหนังได้ไหมครับ

"บางทีที่เราสื่อสารข้อความไปมากมายนั้น ก็เพียงเพื่อ
บอกว่า "เฮ้... ฉันอยู่ตรงนี้!!!!""

จากคุณ : โอเล่ (trufa) - [ 12 ก.พ. 48 14:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29

ถ้าการบอกว่า "เฮ้ ...ฉันอยู่ตรงนี้ " คือการแสดงตัวตนของคนๆ นึง
คำถามตามมาก็คือว่า การแสดงตัวตนของคนๆนึง
จำเป็นหรือที่ต้องผ่าน ความรุนแรง ถึงมากมายขนาดนี้

หนังเรื่องนี่แสดงแง่มุมของความรุนแรงที่มาจากคนใกล้ตัวของเรา
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก ครอบครัว ได้อย่างชัดเจน
หลายครั้งเกือบจะทนไม่ไหว
แต่ผู้กำกับก็ฉลาดตรงที่เอาทุ่งหญ้าสีเขียว มาปลอบประโลมคนดูเป็นระยะ ๆ

เป็นหนังที่เสนอความรุนแรงได้อย่างอ่อนโยนเรื่องนึง

จากคุณ : grappa - [ 12 ก.พ. 48 17:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32

แวบแรกที่เห็นโปสเตอร์ คิดว่า หนังรัก ชัวส์ๆ เลยลากเพื่อนที่ฮอลลีวู้ดโคดๆ ไปดูด้วยกัน .... เหอๆ

ขนาดว่าดู Swallowtail Butterfly มาแล้วก้อยังอึ้งอยู่ดี แทบจะอ้วกตามยูอิจิ(เพราะกล้องแฮนด์เฮล-_-'') และแทบจะระเบิดเสียง อ๊า..อ๊า.. ตามโฮชิโนะ

หนังจบ แต่เสียงเพลงยังหลอนๆอยู่ในหัว อยากหาเพลงมาฟังจัง ตอนที่คิดว่ายูอิจิผูกคอตาย รู้สึกได้เลยว่าทั้งโรงเงียบมากกก

(ขำมุกอิซูมิ อยู่คนเดียว เค้าคงไม่รู้จักมั้ง)

จากคุณ : คาซาม่า - [ 12 ก.พ. 48 22:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33

หลังจากดูจบ..

ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง...
อยากยึดลิลี่เป็นศาสดา ..
อยากเป็นส่วนหนึ่งของอีเธอร์

แต่เมื่อคิดว่าเป็นแค่หนังเรื่องหนึ่งเท่านั้น
หัวใจเริ่มแตกสลาย .. ชีวิตเริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ
....

ได้โปรดอย่าปลุกผมเลย.. ขอให้ผมได้อยู่ในโลกที่มีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ..

ได้โปรดเถิด อย่าทำให้ผมรู้เลยว่า มันไม่ใช่ความจริง

อีเธอร์คือความจริงผมอยากได้ยินอย่างนั้น...

......

จากคุณ : อสุรกายออนไลน์ - [ 13 ก.พ. 48 11:18:56 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:18:53 น.  

 
ความคิดเห็นจาก //www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=14486

14495
ยาวมากขี้เกียจอ่าน
เดี๋ยวรอให้ซ่อมคอมเสร็จก่อนจะกลับมาอ่าน
เล่นเนตข้างนอก จะมามัวค่อยๆอ่านซึมซับเรื่องราวไม่ได้อ้ะนะ


ปล. ชอบเวบบล็อกของคุณนะ เข้าไปอ่านประจำเลย
ถึงตอนเรียนเศรษฐศาสตร์จะได้เกรดห่วยมาก
ก็ยังชอบอ่านบทความคุณอยู่ดี
คุณเป็นอายุน้อยกว่าเราอีกนะเนี่ย
จากคุณ : บัฟน้อย : - [ 07 กพ. 2005 10:34:36 ]

14544
โอย...ยาวมาก
ถ้าอ่านจบต้องแฮงค์แน่ๆ
แต่อยากอ่าน...เอาไว้จามาอ่านตอนนี้อยู่รร.ต้องเซฟเวลา
อยากดู all about lilychou-chou มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กลัวมะได้ดูอ่ะ (อยู่ตจว.)
ฮืออออออออ

ฝากถึงคุน merveillesxx
คุณเจ๋งเจงๆ
นับถือมากมาย

จากคุณ : myrmidon : - [ 09 กพ. 2005 09:26:13 ]

14643
ขอบคุณมากค่ะที่เอามาให้อ่านกัน

เพิ่งได้ดูหนังค่ะ ก็เลยเพิ่งเข้ามาอ่าน

ชอบหนังเรื่องนี้มากๆค่ะ

จากคุณ : Madeleine de Scudery : - [ 12 กพ. 2005 00:52:03 ]

14651
(spoilers)

ขอบคุณน้อง merveillesxx มากที่เข้ามาเขียนเพิ่มเติม ช่วยให้ความกระจ่างกับเรื่องและทำให้เห็นหลายๆจุดในเรื่องเพิ่มขึ้นอีกมาก

--รู้สึกว่าในฉากที่น่าจะเศร้าหลายฉาก หนังก็ใส่อารมณ์ขันเข้ามาได้อย่างน่าประหลาดใจเหมือนกัน อย่างเช่น

1.ฉากที่มีผู้ชายตายที่โอกินาวา แล้วหนังก็ชอบถ่ายให้เห็นผู้หญิงอ้วนคนนึงที่พร่ำพูดอยู่แต่ว่า “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด” พอกล้องตัดกลับมาที่ใบหน้าเธอทีไร เธอก็จะพูดอยู่แต่ “ฉันไม่ผิด” (ไม่รู้ผู้กำกับจงใจให้รู้สึกฮาหรือเปล่า แต่เรารู้สึกฮา ทั้งๆที่จริงๆเราน่าจะเศร้าที่ตัวละครตาย)

2.ฉากที่กล้องถ่ายให้เห็นเหมือนกับว่าตัวละครตัวนึงผูกคอตายในช่วงท้ายเรื่อง แต่จริงๆแล้วไม่ใช่

--ชอบ YU AOI ที่เล่นเป็น TSUDA มาก รู้สึกว่าหน้าเธอคุ้นๆ ตอนหลังเพิ่งรู้ว่าเธอเคยเล่นเป็นตัวประกอบใน HARMFUL INSECT (2001, AKIHIKO SHIOTA, A+) ที่นำเสนอชีวิตวัยรุ่นได้อย่างน่าประทับใจมากเช่นกัน

--SHUGO OSHINARI ดูหล่อมากๆใน ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU แต่ที่รู้สึกประหลาดใจก็คือดิฉันไม่เคยสะดุดตาเขาใน BLUE SPRING (2001, TOSHIAKI TOYODA, B) กับใน BATTLE ROYALE 2 (KENTA FUKASAKU, 2003, C) เลยค่ะ ดูหนังสองเรื่องหลังนี้ผ่านไปโดยไม่สะดุดตากับความหล่อของใครเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ SHUGO OGINARI หล่อน้อยลง หรือเป็นเพราะผู้กำกับสองคนหลังนี้ถ่ายทอดความหล่อของผู้ชายได้ไม่เก่งเท่าชุนจิ อิวาอิ อิอิอิ
//www.imdb.com/name/nm1099171/
//www.imdb.com/name/nm1099171/board/nest/11739382

--ชอบประโยคพูดของนักท่องเที่ยวหนุ่มในโอกินาวาเกี่ยวกับความโหดร้ายของธรรมชาติ ประโยคพูดนี้ทำให้นึกไปถึงหนังเรื่อง CHARISMA (1999, KIYOSHI KUROSAWA, A+) ในขณะที่บางฉากบางอารมณ์ใน ALL ABOUT LILY-CHOU CHOU ก็เข้ากับ KAIRO (2001, KIYOSHI KUROSAWA, A) ได้เหมือนกัน นักวิจารณ์บางคนยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า บทพูดบางบทเกี่ยวกับอีเธอร์ใน ALL ABOUT LILY-CHOU CHOU ทำให้นึกไปถึงฉากที่ตัวละครแต่ละตัวใน KAIROสลายตัวกลายเป็นฝุ่นผงสีดำลอยไปในอากาศ

--KUNO คือหนึ่งในตัวละครที่น่าประทับใจที่สุด ถ้าหากดิฉันเจออย่าง KUNO ดิฉันคงกลายสภาพไปเป็นเหมือน “มานู” นางเอกเรื่อง BAISE-MOI (VIRGINIE DESPENTES + CORALIE TRINH THI, A+) หรือไม่ก็อาจทำแบบเด็กๆในโคลัมไบน์ ขอจัดการกับตัวเลวๆทุกตัวในโรงเรียนก่อนฆ่าตัวตาย คงไม่เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป รู้สึกว่าคุโนะเข้มแข็งกว่าดิฉันอย่างไม่อาจจะประมาณได้

จากคุณ : M.Scudery Chooses "Manu" over "Kuno" : - [ 12 กพ. 2005 16:01:56 ]

14685
ขอกราบขอบพระคุณคุณ MERVEILLESXX เป็นอย่างยิ่งค่ะ สำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์มากมายที่ได้มา

รู้สึกดีกับคนแปลบทหนังเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ จากที่เขาเขียนขออภัยมา ทำให้รู้สึกดีกับเขามาก

สิ่งที่ดิฉันติดใจมากๆจากหนังเรื่อง ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU ก็คือการที่หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นสะพานทางอารมณ์เชื่อมต่อไปยังหนัง FEEL-BAD มากมายหลายเรื่องในโลกนี้ เพราะหนัง FEEL-BAD หลายเรื่อง จะไม่มีการบอกเล่าอดีตของตัวละคร, มีแต่เหตุการณ์เลวร้าย และมีแต่โทนมืดมนตลอดทั้งเรื่อง

แต่ ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU เหมือนจะช่วยปูแบ็คกราวด์ของตัวละครทำนองนี้ให้ และสิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ “แสงอาทิตย์” และ “สีเขียวสด” ที่มีอยู่มากมายในหนังเรื่องนี้ ประทับใจกับแสงอาทิตย์ในหนังเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะแสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาตามอาคารต่างๆ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะทำให้แสงอาทิตย์ในหนังดูมลังเมลืองเป็นพิเศษเวลามันลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในอาคารห้องเรียนและอาคารอื่นๆ

ในขณะที่เหตุการณ์เลวร้ายในหนังเรื่องอื่นๆ ความเลวร้ายอาจจะถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมา ด้วยโทนอารมณ์ที่มืดมนเพียงอย่างเดียว หนังเรื่องนี้กลับชอบตัดสลับเหตุการณ์เลวร้ายกับเหตุการณ์สดใส ซึ่งทำให้อารมณ์ตรงจุดนั้นมันน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากคุโนะที่ถูกตัดสลับกับฉากทซึดะรอคำสารภาพรักจากชายหนุ่มอยู่ที่อาคารดาดฟ้า หรือฉากทซึดะเล่นว่าวเริงร่าก่อนที่ตัวเธอเองจะถลาลงสู่พื้นดิน

รู้สึกว่าการให้ “เหตุการณ์เลวร้าย” เกิดท่ามกลาง “บรรยากาศที่สดใสเริงร่า” เป็นกลวิธีที่ให้ผลทางอารมณ์ในแบบที่ดิฉันชอบมากๆค่ะ อาจจะน่าสนใจกว่าการให้ “เหตุการณ์เลวร้ายเกิดท่ามกลางบรรยากาศมืดมนหดหู่” ซะอีก

เหตุการณ์ทำนองนี้เท่าที่พอนึกออกในตอนนี้ ก็มีแค่

1.ในนิยายเรื่อง LORD OF THE FLIES ของ WILLIAM GOLDING

นิยายเรื่องนี้เคยสร้างเป็นหนังแล้วราว 2 ครั้ง แต่ไม่รู้มีฉากที่เหมือนกับในหนังสือหรือเปล่า ฉากที่ว่าก็คือฉากที่ตัวละครรุมฆ่าหมูอย่างโหดxxxมอำมหิต ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม มีผีเสื้อบินเริงร่าไปมา ฉากนี้ทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยกับการกระทำทารุณกรรมหมูอย่างโหดxxxมที่เกิดขึ้น


2.ในบทกวี APPARENTLY WITH NO SURPRISE ของ EMILY DICKINSON

บทกวีนี้จะเล่าถึงดอกไม้ที่สดใสเริงร่าก่อนที่จะถูกน้ำค้างแข็งตัดคอขาดตาย ในขณะที่ธรรมชาติรอบข้างไม่ใส่ใจใยดีแม้แต่น้อย พระอาทิตย์ก็ยังคงไต่ขึ้นท้องฟ้าไปเรื่อยๆ และอำนาจศักดิ์สิทธิ์ก็ดูเหมือนจะเห็นชอบกับการฆาตกรรมดอกไม้ที่สดใสเริงร่านั้น

ดิฉันชอบ LORD OF THE FLIES (A+) กับ APPARENTLY WITH NO SURPRISE (A+) มากค่ะ แต่ก็นึกไม่ออกว่ามีหนังเรื่องไหนที่ “นำเสนอเหตุการณ์เลวร้ายท่ามกลางบรรยากาศที่สดใสเริงร่า” บ้าง เพราะแม้แต่ SALO (A+) หนังก็มีบรรยากาศหดหู่ตลอดทั้งเรื่อง รู้สึกว่ามี ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU นี่แหละ ที่น่าจะเป็นเรื่องนึงที่เข้าใกล้จุดนี้ได้มากที่สุด

ขออนุญาตแถมบทกวีของ EMILY DICKINSON ไว้ด้วยนะคะ นอกจาก ALL ABOUT LILY CHOU-CHOU แล้ว ก็อยากให้มีหนังเรื่องอื่นๆที่ถ่ายทอดอารมณ์คล้ายๆบทกวีนี้ออกมาด้วยเหมือนกันค่ะ

Apparently with no surprise
To any happy Flower
The Frost beheads it at its play—
In accidental power—
The blonde Assassin passes on—
The Sun proceeds unmoved
To measure off another Day
For an Approving God.

//www.geocities.com/sir_john_eh/nosurprise.html

In “Apparently with no Surprise” Emily Dickinson writes about the cold, unfeeling attitude of nature. Dickinson also writes that the brutality and randomness of nature is approved by God. Her final line states that the God that bears witness to this uncaring nature is an “approving God.” God himself is indifferent to the suffering in nature. In fact, he designed nature to be that way and is glad to see it functioning as intended. The last line of the poem seems to state that God is just as impassionate and brutal as nature.

จากคุณ : Madeleine de Scudery : - [ 13 กพ. 2005 22:38:50 ]

14687
อ่า...อย่าถึงขั้นกราบขอบพระคุณเลยครับ ^^;;

รู้สึกดีกับคนแปลซับ เหมือนกันครับหลังจากที่เธอเข้ามาตอบ เพราะเข้าใจว่าผู้แปลไม่มีเวลาตรวจทานเลย แถมซับเป็นแบบฝังไปในฟิล์มด้วย

ขอบคุณพี่แมดที่เข้ามาตอบอยู่เรื่อยๆนะครับ รวมถึงข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆด้วย LORD OF THE FLIES นี่ผมไม่เคยอ่าน/ดูเลยครับ (แต่ได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ) ส่วน Salo นี่แผ่นยังกองอยู่ที่เดิมครับ เปิดผ่านๆไปครั้งเดียวก็หงายหลังตึง แต่จะพยายามดูให้ได้

เมื่อกี้เพิ่งดูรายการแนะนำหนังทางช่อง UBC 11 (Film Asia) ช่วงเปิดเพลงจากหนัง ทางรายการเปิดมิวสิกวิดีโอเพลง Wings that can't fly จากหนังเรื่องนี้ด้วยครับ แหม่..เป็นปลื้ม

-- เกี่ยวกับเรื่อง 'แสง'
อิวาอิเป็นคนที่แม่นยำในการกำกับแสงแดด สายลม และธรรมชาติมากเลยครับ ในเรื่อง Love Letter (A++++) อาจจะยังไม่เด่นชัดเท่าไรเพราะส่วนใหญ่เป็นฉากหิมะ แต่อิวาอิได้ฝึกปรือกับการกำกับแสงอย่างเต็มที่ใน April Story (B+) หนังเรื่องนี้แสงสวยมากๆ สวยพอๆกับ ทาคาโกะ มัตซึ นางเอกของเรื่องทีเดียว

April Story จะเข้าฉายที่ลิโด้วันที่ 24 ก.พ. ถ้าหาก Lily Chou-Chou เป็นดิสโทเปียของวัยรุ่น April Story ก็น่าจะเป็นด้านยูโทเปียทีเดียว (ส่วน Hana & Alice บทวิจารณ์ในนิตยสาร DDT ฉบับ ก.พ. 2548 บอกว่าเป็นหนังที่มีอารมณ์อยู่ตรงกลางระหว่างหนังสองเรื่องนี้)

นอกจากดูแล้วจะมีความสุข (โดยเฉพาะในคุณผู้หญิง) ยังไม่สงสัยเลยว่าทำไม April Story ถึงทำให้ ทาคาโกะ มัตซึ ดังเป็นพลุแตกได้ขนาดนั้น (ซีรี่ย์ที่เธอเล่นแล้วมาฉายในบ้านเราทาง ITV ก็เช่น Long Vacation และ Love Generation โดยทั้งสองเรื่องมีทาคุยะ คิมูระ เป็นพระเอก, และโฆษณาเครื่องสำอาง WHITIA ที่ทำให้เพลง Stay With Me และYume no Shizuku (drops of a dream) ดังมากในหมู่นักฟังเพลงญี่ปุ่นในบ้านเรา)

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ All About Lily Chou-Chou (อาจจะรู้กันอยู่แล้วนะครับ)

-- โทรศัพท์มือถือที่ห้อยอะไรบ้าบอเต็มไปหมดของทซึดะเป็นของ ยู อาโออิ จริงๆ (ข้อมูลจาก imdb.com และเวบ official <-- ในเวบจะมีข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อหนังอยู่มากทีเดียว)

-- อิวาอิได้รับแรงบันดาลจากการดูคอนเสิร์ต เฟย์หว่อง ในฮ่องกง จนมาสร้างตัวละครเป็น Lily Chou-Chou (ซึ่งใครๆก็ดันบอกว่าเธอเหมือน Bjork มากกว่า)

-- ข้อความบนเวบบอร์ดที่เห็นในหนัง บางข้อความเป็นของจริง จากการที่อิวาอิปั้นเรื่อง ตั้งเวบไซต์ Lily-Holic ขึ้นมา (มีคนญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่าเวบนี้โด่งดังในหมู่วัยรุ่นประมาณปี 1999) แถมอิวาอิยังมั่วชื่อเข้าไปปั่นกระทู้ด้วย (ร้ายจริงๆ...)

-- All About Lily Chou-Chou มีในแบบนิยายด้วย (ก่อนหน้านั้นเป็นนิยายอินเตอร์แอ็คทีฟทางอินเตอร์เน็ต) เข้าใจว่ายังไม่มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงภาษาไทยด้วย นิยายของอิวาอิที่มีขายในบ้านเราคือ Love Letter - จดหมายรัก (A++++) โดย สนพ. BLISS (Image เดิม)

จากคุณ : merveillesxx : - [ 13 กพ. 2005 23:32:28 ]

14688
อันนี้เป็นความเห็นจาก pantip.com ที่โดนใจผมมากๆ

-------------------

ความคิดเห็นที่ 33

หลังจากดูจบ..

ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง...
อยากยึดลิลี่เป็นศาสดา ..
อยากเป็นส่วนหนึ่งของอีเธอร์

แต่เมื่อคิดว่าเป็นแค่หนังเรื่องหนึ่งเท่านั้น
หัวใจเริ่มแตกสลาย .. ชีวิตเริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ
....

ได้โปรดอย่าปลุกผมเลย.. ขอให้ผมได้อยู่ในโลกที่มีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ..

ได้โปรดเถิด อย่าทำให้ผมรู้เลยว่า มันไม่ใช่ความจริง

อีเธอร์คือความจริงผมอยากได้ยินอย่างนั้น...

......

จากคุณ : อสุรกายออนไลน์ - [ 13 ก.พ. 48 11:18:56 ]

-----------------

ตอนดูหนังจบรอบแรกๆ ผมก็คิดคล้ายๆ ที่เขาว่ามาครับ ผมหลงใหล-คลั่งไคล้ Lily Chou-Chou มาก จนเริ่มตามหาเธอ ทั้งถามผู้คน หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต จนชีวิตจริงกับชีวิตในโลกภาพยนตร์สับสนปนเปกันไปหมด

และในที่สุดผมก็พบว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่จริง*
..นั่นทำให้อีเธอร์ของผมสูญสลาย
ยูอิจิ อาจจะเป็นตัวละครที่ผมเคยดูแคลน
แต่แล้วผมก็พบว่าตัวเอง อ่อนแอ ไม่ต่างอะไรกับเขาเลย
คนที่ไปดูหนังเรื่องนี้กับผมถามว่า "คนเราจะอ่อนแอได้ขนาดนั้นเชียวหรือ"
ผมไม่มีคำตอบให้...เพราะคนที่อ่อนแอ-อ่อนแอเกินไป-ที่จะบอกว่าเขา 'อ่อนแอ'

* Lily Chou-Chou เป็นเพียงตัวละคร-นักน้องสมมติ เธอกำเนิดมาจากคน 3 คน 3 ภาค นั่นคือ
1. ชุนจิ อิวาอิ (ผู้กำกับ-ผู้เขียนบท)
2. ทาเคชิ โคบายาชิ (นักแต่งเพลง)
3. Salyu (นักร้อง)

จากคุณ : merveillesxx : - [ 13 กพ. 2005 23:46:24 ]

14689
อีกนิดเพิ่งคิดได้...

สาเหตุที่ผมสัมผัสลึกซึ้งกับหลังเรื่องนี้มากๆ ก็คงเพราะนอกจากมันจะสร้างแรงสะเทือนในจิตใจของผมได้มากมายแล้ว ผมยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ 'ผู้สังเกตการณ์' หรือ 'บุคคลที่สาม' สำหรับหนังเรื่องนี้ แต่ผมเป็น 'ตัวละคร' หรือ 'ผู้ถูกกระทำ' (object) ในหนังเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นเมื่อตัวละครในเรื่องมีความสุข ผมก็จะมีความสุข แต่หากตัวละครรู้สึกเจ็บปวด ผมก็เจ็บปวด ไม่ใช่เพียงยูอิจิ แต่เป็นตัวละครทุกตัวในเรื่อง รวมถึงอาจจะเป็นความรู้สึกของวัยรุ่นทั้งโลกนี้เลยก็ได้

ผมเคยเป็นไอ่ขี้แพ้ในโรงเรียน
ผมเคยมีเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่หนึ่งปีถัดมากลับไม่คุยกัน
ผมเคยแอบชอบเด็กผู้หญิง แต่ไม่กล้าบอก
ผมเคยมีเด็กผู้หญิงมาชอบ แต่ไม่อาจตอบความรู้สึกของเธอได้
ผมพิมพ์ตอบเวบบอร์ดได้คล่องปรื๋อ แต่ไม่รู้จะพูดกับเพื่อนยังไง
ฯลฯ

ดังนั้น All About Lily Chou-Chou สำหรับผมไม่ใช่เพียงแค่ 'หนังเรื่องหนึ่ง' แต่เป็น 'ชีวิต' และมันเป็น 'จริง' ผมมันอาจจะเป็นภาพหนึ่งของชีวิตของผม

หลายครั้งผมพยายามจะสลัดตัวเองจากหนังเรื่องนี้ (คุณเต้เคยพูดกับผมทาง MSN ว่า "น้องก็คุยสนุกดีนะ แต่ทำไมชอบทำตัวประหนึ่งอยู่ในหนังเรื่อง lily chou-chou") แม้จะตระหนักรู้ว่าในตอนจบ ฟิเลียกับบลูแคทหายไปแล้ว แต่เด็กๆคนอื่นยังคงอยู่ในโลกนั้นต่อไป ข้อความทั้งหลายยังพรั่งพรูมาไม่ขาดสาย

...มันน่ากลัวว่า บางทีในการดูหนังเรื่องนี้รอบที่ 5 ข้อความในตอนท้ายอาจจะมีชื่อของผมด้วยก็ได้

จากคุณ : merveillesxx : - [ 14 กพ. 2005 00:05:26 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:22:30 น.  

 
โอ๊ะ โอ ตามมาอ่านครับ ยาวจังเลย

คุณ merveilesxx คิดเหมือนผมหลายข้อเลยครับ (พวกเรื่องความอ่อนแอของยูอิจิ, ความเข้มแข็งของคุโนะ,บางประเด็นเรื่องเพลงของ "ลิลี่ ชู-ชู" ที่ยูอิจิไม่เคยพานพบ, ....)

ชอบครับ เขียนได้ดีมาก แปลเพลงก็เพราะมากๆ ด้วย :)


โดย: it ซียู วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:9:15:19 น.  

 



HaPpY VaLeNTiNe'S DaY



click

โดย: นุทศรี วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:11:46:02 น.  

 
14700
คุณmerveillesxx ครับ คุณเนี่ยสุดยอดจริงๆเลย ไม่น่าเชื่อคุณจะอายุแค่20 ซูฮกว่ะชื่นชมจริงๆ ถ้าคุณได้เขียนหนังสือออกมาขายเมื่อไหร่ ผมสัญญาว่าจะติดตามงานเขียนของคุณตลอดไป (OST Lily Chou-Chou ที่ร้านแว่นยังมีอยู่รึป่าวครับ ตั้งแต่ปีใหม่มาไม่เคยไปสวนจตุจักรเลย วันเสาร์-อาทิตย์ต้องทำงานตลอด)
จากคุณ : aoe_eng : - [ 14 กพ. 2005 11:55:39 ]

ขอบคุณ คุณ aoe_eng
หนังสืออาจจะออกได้แล้วนะครับ เพราะเขียนเก็บไว้เยอะมาก สนใจเป็นายทุนให้ป่าวครับ (ฮ่าๆ)
ส่วนเรื่อง OST นี่ผมว่าลองเมลไปถามพี่เค้าก่อนดีกว่า แต่เชื่อว่าช่วงนี้พี่แกจะต้องปั๊ม soundtrack เรื่องนี้ขายจนเมื่อยมือ...
จากคุณ : merveillesxx : - [ 14 กพ. 2005 13:37:55 ]

---------------------

ยอมรับครับว่าเคยประทับใจ อิวาอิมาก ๆ จาก love letter
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหนังที่หยิบมาดูหรือนึกถึงสักกี่ครั้งก็ให้ความ
รู้สึกดี ๆ ทุกครั้งไป ........
แต่เมื่อหลังจากที่ดูหนังเรื่อง All about lily chou-chou
จบ ความรู้สึกแรกที่รู้สึกก็คือ....เหมือนไม่เป็นตัวของตัว
เองครับ มันล่องลอย และนึกย้อนไปถึงอะไรบางอย่าง
จากคุณ : นิทานหิ่งห้อย - [ 13 ก.พ. 48 22:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11

....................................................................
นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดในโรงหนัง
แต่ทุ่งข้าวสีเขียวก็ช่างสว่างจ้า
และท้องทะเลโอกินาว่าก็ยิ่งฟ้าสดแสบตาไปเสียกว่า
อีเธอร์กำลังพร่างพรมรอบกาย
จะมีใครเห็นเราแอบเช็ดน้ำตาไหมนะ
.............................................
.............................................
เสาวิทยุสูง...สูงเหมือนจะเสียบอกฟ้า
สายป่านหลุดลอยไปจากมือ
I see you....you see me........
And you see me...I see you.....
เดบุชชีกำลังกรีดร้องคร่ำครวญ
โกดังผุพัง ห้องดนตรี
ดาดฟ้ากว้าง โรงแรม หอประชุม
ให้มันพังทลายไปให้หมดยิ่งดี
....................................
คว้าง.......คว้าง..........
ฉันกำลังบิน...ฉันกำลังบิน...
เสียงลมหวีดหวิวก้องหู
ความตายของฉันจะเป็นสีแดงหรือสีฟ้ากันนะ
หรือไม่มีอะไรเลย
เป็นแค่หายไปเท่านั้น
..........................
..........................
อาราเบสก์ บรีธ ลิลี่-ชูชู
อยากให้ได้ฟังจัง
อีเธอร์มันคืออะไรกันน่ะ
พวกเธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ฟิเลียหายไปไหน เธอรู้ไหม
บลูแคทล่ะ แบร์ล่ะ
ทรยศ สับปลับ หลอกลวง
ตายๆกันซะให้หมด
พวกมันทำให้อีเธอร์แปดเปื้อน
......................................
นั่นเป็นเพลงของเกาะโน้น
ไม่ใช่ของที่นี่
ไม่ใช่ของที่ไหนเลย
เป็นแค่ของที่โน่น
ไกลโพ้นโน้น.......
.....................................
แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 48 10:31:58

จากคุณ : พระจันทร์ทรงกลด - [ 14 ก.พ. 48 10:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 38

ได้ดูที่ ลิโด วันนี้ (วันอาทิตย์ 13)
ดูเสร็จไม่เคลียร์ 100% เก็บรายละเอียดได้ไม่มาก
อาจจะเป็นเพราะหนังมันตัดสลับข้อความบนเวปไซต์
กับเรื่องราวปกติ งง เบลอๆ เลยเก็บรายละเอียดได้ไม่เต็มๆ

แต่จำได้ว่าคุณ merveillesxx เคยเขียนโพสต์เกี่ยวกับ
เรื่องนี้ไว้อย่างละเอียด กลับมาถึงบ้าน
เลยรีบมาอ่านกระทู้นี้

ซึ่งก็ถือว่าเยี่ยมมากสำหรับผมนะ มันช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้นเลยทีเดียว
ก็คงให้รอ DVD คงซื้อเก็บแล้วมาดูอีกรอบ

** อันนี้ชมส่วนตัวเลยคุณ merveillesxx เขียนถึงเรื่องนี้ได้ละเอียดมาก มันอาจเป็นเพราะมันตรงกับชีวิตของคุณ merveillesxx มาก่อน เข้าใจ***

*** เหมือนผมที่ได้ดูเรื่อง Goal Club เกมล้มโต๊ะ นั้นแหละ
ชีวิตผมเคยเขาไปอยู่ในวงจรอย่าางนั้นมาแล้วถึงได้อินและเข้าใจ
กับเรื่องนี้มาก ***


** ชอบเด็กที่เล่นเป็น ทซึดะ น่ารักดี **

จากคุณ : น้องๆ...เบียร์ขวด - [ 14 ก.พ. 48 03:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39

โอ๊ะ โอ ตามมาอ่านครับ ยาวจังเลย

คุณ merveilesxx คิดเหมือนผมหลายข้อเลยครับ (พวกเรื่องความอ่อนแอของยูอิจิ, ความเข้มแข็งของคุโนะ,บางประเด็นเรื่องเพลงของ "ลิลี่ ชู-ชู" ที่ยูอิจิไม่เคยพานพบ, ....)

ชอบครับ เขียนได้ดีมาก แปลเพลงก็เพราะมากๆ ด้วย :)

ป.ล. ฝากที่ผมเขียนด้วยนะครับ //unit-maxx.bloggang.com
แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 48 09:18:50

จากคุณ : it ซียู - [ 14 ก.พ. 48 09:16:15 ]


โดย: merveillesxx วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:52:32 น.  


 





…Happy Valentine's Day…

Gucci & Veggie


++Lucky in love++


โดย: ถั่วแดงเย็น วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:22:10:42 น.  

 
เพิ่งไปดูมาเมื่อวานแหล่ะ
นั่งร้องไห้เงียบๆคนเดียวเหมือนใครบางคนด้วยล่ะ

การเสพศิลปะเนี่ยมันเป็นเรื่องส่วนบุคลจริงๆเลยนะ
สื่อศิลปะนั้นๆจะ"กระทบใจ" ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
ต่างที่กัน เนื่องจากปรสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน

ส่วนตัวแล้วชอบซีนที่ โฮชิโนะ ฟัง lily กลางทุ่ง ตอนที่ยืนเฉยๆยังไม่กรีดร้องอ่ะ
มันสื่อถึงความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง เราเชื่อว่าสิ่งที่เพิ่มความปวดร้าวให้กับโฮชิโนะคือ ความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่เขาทำ แต่คนอ่อนแออย่างเขาจะทำเช่นไรได้อีก เมื่อก้าวถลำมาแล้วก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะหันกลับ ได้แต่ปล่อยให้ชีวิตลอยไปกับ black ether ของเขา

ว่าแต่ merveillesxx มีdesktop/ screen server/ wallpaper แบ่งกันมั่งปะจ้ะ?
อยากมี อีเธอร์สีเขียวลอยล่องอยู่บนหน้าจอมั่งอ่ะ


โดย: agaligo IP: 203.155.192.211 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:10:44:06 น.  

 
พิมพ์ผิดอ่ะ ประสบการณ์ ต่างหาก


โดย: agaligo IP: 203.155.192.211 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:10:46:55 น.  

 
ขอถามหน่อยนะคะ

soundtrack ออกหรือยังคะ
ถ้าออกแล้วจะหาซื้อได้ที่ไหน แล้วราคาจะประมาณเท่าไหร่คะ

รบกวนด้วยนะคะ


โดย: _Uchi_Kansai_ IP: 203.118.67.172 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:18:52:05 น.  

 
อืม....อีกอย่างนะคะ จะซื้อ dvd หรือ vcd ได้ที่ไหนคะ แล้วราคาประมาณเท่าไหร่คะ

คือตอนนี้ยังอยู่ม.ปลายอยู่เลยค่ะ (เงินน้อย)
แต่อยากได้เก็บไว้ค่ะ

รบกวน(อีกครั้ง)นะคะ


โดย: _Uchi_Kansai_ IP: 203.118.67.172 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:19:04:32 น.  

 
ผมเพิ่งไปดูมาวันนี้เองครับ รู้สึก... หลายอย่างระคนกัน ผมเคยคิดว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ถนัดทางด้านการถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นตัวหนังสือ แต่สำหรับหนังเรื่องนี้... คงเป็นข้อยกเว้น มันจุกแน่นอยู่ในอก ไม่สามารถอธิบายและบรรยายออกมาได้ เหนือกว่าสิ่งอื่นใดทั้งนั้น... ผมคงต้องทิ้งช่วงให้ความรู้สึกมันตกผลึกกว่านี้อีกซักหน่อย ถ้าวันนั้นผมจะกลับมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น คงจะไม่สายเกินไปนะครับ... แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ ...คงนานเท่านาน... เพราะฉะนั้น... คิดดูดี ๆ แล้ว... อย่ารอผมเลย ^^'


โดย: Zweet_Daddy IP: 202.176.123.246 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:14:53 น.  

 
มันไหลเวียนอยู่ในหัวผมจนมึนงงไปหมดเลย...
อีเธอร์...สำหรับผม ผมคิดว่า...
มันอาจจะเป็นความ มี ในความ ไม่มี ก็ได้
สิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตา...
สิ่งที่มันบอบบางและบางเบา...
สิ่งที่มันมีอยู่จริง...

....ความเป็นตัวของตัวเองไงล่ะ...


โดย: Zweet_Daddy [again] IP: 202.176.123.246 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:20:50 น.  

 
ในที่สุดก็ได้ดูเรื่องนี้จนได้ คิดว่าจะพลาดดูโรงไปซะแล้ว
พี่ซื้อเรื่องนี้มานาน แต่ไม่ได้ดูซะที แล้วพอปลายปีก่อน ก็เห็นว่ามันมีโปรแกรมจะเข้าโรง เลยรอดูในโรง ซึ่งก็เกือบไม่ได้ดูซะแล้ว

ดีใจที่ในที่สุดก็ได้ดู กลับมาอ่านที่น้องเขียนเป็นชั่วโมงเลย
ขอบคุณครับ ได้อะไรเยอะขึ้นมาก


โดย: Dr Syntax วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:29:18 น.  

 
สำหรับเรื่อง Soundtrack คงต้องพึ่งร้านพี่คนนั้นแล้วละครับ ส่วน DVD คงออกเร็วๆนี้จากค่าย EVS ครับ

---------------------

ความเห็นจากบอร์ด houserama

//www.houserama.com/webboard/viewtopic.php?t=204

สุดยอดสมค่ำร่ำลือเจงๆ ครับ ... เรื่องนี้ ทำให้เหมือนกับว่าตัวผมได้กลายเป็นสาวกของ Lily Chou-Chou และถูกดูดเข้าไปอยู่ในอีเธอร์ด้วยอีกคน ... ตอนเดินออกมาจากโรงลิโดตอน 4 ทุ่มครึ่ง ผมก็ยังมึนๆ อยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอชีวิตวัยรุ่นได้อย่าง 'เซอร์' และ 'หลอน' เต็มที่ ... ผกก. อิวาอิ เรียงร้อยประเด็นแรงๆ ของชีวิตช่วงวัยรุ่น ทั้งเรื่องการคลั่งไคล้บูชาศิลปิน, การที่คนเข้มแข็งข่มเหงคนอ่อนแอกว่า, โลกของความจริงกับโลกเสมือน (หรือโลกแห่งความฝัน) ในอินเตอร์เน็ต, มิตรภาพ, การฆ่าตัวตาย, การขายตัว, การข่มขืน, การแบล็คเมล์, ฯลฯ ผ่านสัญลักษณ์มากมายในเรื่อง ให้ผู้ชมค่อยๆ ซึมซาบเรื่องราวเหล่านั้นอย่างพร่าเลือนเสมือนเป็นเงา แต่ก็ทรงพลังยิ่งนัก ... เรียกว่าหนังเรื่องนี้ "ดูดกลืนจิตวิญญาณ และกระชากอารมณ์คนดู (โดยเฉพาะอารมณ์มืดหม่น) ในระดับรุนแรง" ก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะหนังเข้าใจนำสิ่งที่สว่างไสวที่สุด (อย่างเช่นฉากพระเอกยืนฟัง CD ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว อันเป็นฉากที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโลโก้ที่โดดเด่นที่สุดของเรื่อง) มาเข้าคู่กับอารมณ์อันมืดหม่นของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ถูกเหวี่ยงขึ้นไป แล้วก็ลอยละลิ่วลงมาจนกระทั่งดำดิ่งถึงจุดที่ต่ำที่สุดของก้นบึ้งแห่งอารมณ์ ...

... และหลังจากที่ผมใช้เวลาค่อยๆ แกะข้อมูลต่างๆ ที่มีคนเขียนอธิบายแต่ละจุดของเหตุการณ์ในเรื่องไว้ ก็ทำให้ภาพและความหมายต่างๆ ในหนังค่อยๆ กระจ่างชัดในห้วงความคิดของผมมากขึ้นๆ เป็นลำดับ จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเริ่มจะอินกับอารมณ์ของคนดูที่เขียนถึงหนังเรื่องนี้ว่าเกิดอาการ "หัวใจสลาย" หลังจากการดูหนังเรื่องนี้จบลง และก็แทบอยากจะกระทำอาการแบบที่ตัวละครในหนังได้กระทำลงไปนั่นทีเดียว ... และแล้วสิ่งต่างๆ ในหนังก็เริ่มไหลวนเวียนกลับไปกลับมาในหัวผมอีกครั้ง ทั้งเสียงเพลงหลอนๆ, Dystopia, โลกแห่งอีเธอร์, Lily Chou-Chou,ชีวิตในช่วงวัยรุ่นของตัวเอง ... รวมทั้งทุ่งหญ้าสีเขียวอันเป็นนิรันดร์แห่งนั้น.....................ซึ่งคงจะกระจ่างชัด ติดตราตรึงอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำในหัวของผม ......ตลอดไป

ปล. ต้องขอขอบคุณ คุณ merveillesxx (น่าจะถือเป็นอภิสาวกของ Lily Chou-Chou ท่านหนึ่ง) อย่างแรงนะครับ สำหรับคำอธิบายประเด็นย่อยๆ แต่ละจุดในหนังของหลายๆ กระทู้ที่ได้ทำลิงค์ไว้ให้ ซึ่งช่วยให้ผมเข้าใจแต่ละเหตุการณ์เหล่านั้นชัดเจนขึ้นเยอะมั่กมากเลยครับผม
จากคุณ: semi_indy_stu

ไม่มีคำบรรยาย
ไม่ได้ดูด้วยสายตา แทบไม่เชื่อ

ฟังคนอื่นบอกมาว่า งี่เง่า

แต่พอได้ดู ต้องบอกว่า
คนพูดว่างี่เง่า นี่แหล่ะ งี่เง่าเอง...
จากคุณ: im@gine

ประหัสประหารความรู้สึกอย่างรุนแรง... กระชากหัวใจจนหลุดลุ่ย... ปลดปล่อยจิตวิญญาณจนหลุดลอย...
มันยังดำเนินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับเกาะกุมและบีบรัดอย่างรุนแรงที่หัวใจ...

หลายช็อตของหนังที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนทุบหัวอย่างแรง
บางช็อตกระทบกระแทกจนทำให้รู้สึกราวกับเหมือนปลาที่ถูกทุบหัวหมายพรากชีวิต ดิ้นทุรนทุราย
...ภายในใจร่ำร้อง... อย่างหดหู่...

ผมพกพาความเหงาหงอย เศร้าสร้อย สิ้นหวัง แห้งแล้ง ปวดร้าว กลับบ้านมาด้วย...
ในขณะที่อีเธอร์สีเขียวแทรกซึม แผ่กระจาย และอบอวลไปทั่วสมอง...

...และผมก็ฝันว่าซักวัน... ผมจะเจอทุ่งหญ้าเขียวขจีอันนิรันดร์...

แล้วเจอกันนะ ยูอิจิ ทสึดะ โฮชิโนะ คุโนะ...

และทุกคน... ผู้มีใจรักใน... อีเธอร์...
จากคุณ: Zweet_Daddy

--------------------------------

//www.houserama.com/webboard/viewtopic.php?t=227

สืบเนื่องจากกระทู้ที่คุณ merveillesxx เขียนถึงหนังในดวงใจของเขาคือ All about Lily Chou-Chou ด้านล่าง ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ จึงขอแตกประเด็นมาเป็นกระทู้นี้อีกสักอันนึงแล้วกันนะครับ ...

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากผมได้ดู All about Lily Chou-Chou ที่ลิโดจบลง ผมก็มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้กระทบความรู้สึกและอารมณ์ผมอย่างรุนแรง เพียงแต่ประเด็นต่างๆ ในหนังมันอาจจะดูหลอนๆ เบลอๆ ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ผมจึงลองไล่ตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ต ตามที่มีหลายๆ คนเคยโพสต์ลิงค์เอาไว้ (โดยเฉพาะจากกระทู้ของคุณ merveillesxx) เพื่อทำความเข้าใจกับประเด็นต่างๆ ในหนัง จนภาพต่างๆ ในหนังแจ่มชัดขึ้น ก็ยิ่งทำให้ผมขนลุก ... หนังเรื่องนี้ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดถึงหนังอีกเรื่องหนึ่งที่เคยได้ดูมา แล้วสามารถกระทบอารมณ์ผมในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นหนังอันดับ 1 ในดวงใจของผมด้วยนั่นก็คือเรื่อง Shawshank Redemption ... เพียงแต่ มันเป็นอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ... คือหลังจากดู Shawshank จบลง ผมมีความรู้สึกว่าหัวใจพองโต ชีวิตเรืองรองไปด้วยความหวังแห่งการดำรงอยู่ต่อไป เรียกว่าเป็นหนัง "Feel good" สุดๆ ว่างั้นเหอะ ตรงข้ามกับ Chou-Chou โดยสิ้นเชิง เพราะผมว่าคนปกติบางคนที่ได้ดู หลังจากดูจบอาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้าขึ้นมาได้ (ผมก็เป็น อินกับหนังอยู่ตั้ง 2-3 วันแน่ะ) และยิ่งถ้าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว ก็อาจเกิดอาการอยากฆ่าตัวตายหนีจากโลกอันแสนโหดร้ายใบนี้ไปเลยด้วยซ้ำ ... แต่อย่างไรก็ตามทั้ง Shawshank และ Chou-Chou ก็มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างอยู่ในตัวของหนังเอง เท่าที่ผมพอจะนึกประเด็นออกก็ได้แก่ ...

ความแตกต่างคนละขั้ว :
- ถ้า Shawshank เป็นหนัง 'Feel good' สุดๆ ... Chou-Chou ก็ต้องเรียกว่าเป็นหนัง 'Feel bad' สุดๆ ... เหมือนที่ผมได้เขียนไว้ว่า Shawshank อาจเสริมสร้างกำลังใจให้คุณอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ... ส่วน Chou-Chou ก็อาจทำให้คุณไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปได้เช่นกัน
- ใน Shawshank เป็นโลกของผู้ใหญ่ ตัวละครเกือบทุกตัวอยู่ในวัยฉกรรจ์จนถึงวัยไม้ใกล้ฝั่ง มีเพียงเด็กวัยรุ่นในช่วงกลางค่อนท้ายเรื่องอยู่เพียงคนเดียว ... ตรงข้ามกับ Chou-Chou ซึ่งเกือบทุกตัวละครเป็นวัยรุ่น (ไม่นับผู้ใหญ่ที่เป็นครอบครัวของเด็กๆ เหล่านี้ เพราะแทบไม่บทบาทใดๆ ต่อเนื้อเรื่อง) ... มีผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่หนังใส่มิติเข้ามาให้ คืออาจารย์สาวที่เกือบจะสื่อสารกับพระเอกได้ คนนั้นเท่านั้น
- ที่เป็นสุดขั้วตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัดของหนัง 2 เรื่องนี้ก็คือ ใน Shawshank ภาพส่วนใหญ่จะออกแนวหดหู่ และโทนสีดำทมึน เนื่องจากเป็นชีวิตในคุก แต่ตัวละครกลับเปี่ยมไปด้วยความหวังของชีวิต... ตรงกันข้ามกับ Chou-Chou ที่เป็นโลกอิสระ วิวสวยสดงดงามมาก (โดยเฉพาะภาพหลอนๆ ของทุ่งหญ้าแห่งอีเธอร์) แต่แทบทุกคนในเรื่อง กลับเหมือนถูกกักขังอยู่ด้วยบ่วงอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น และยิ่งดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อจะให้หลุดพ้นจากมันเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งรัดแน่นขึ้นๆ ทุกที จนอึดอัดแทบหายใจไม่ออกเลยทีเดียว

ความเหมือน :
- หนังทั้ง 2 เรื่องนี้ ผกก. สามารถคุมอารมณ์หนังแทบทุกซีนได้ในระดับ 'ท็อปฟอร์ม' เหมือนกัน และหนังทั้ง 2 เรื่อง ต่างก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานระดับ 'มาสเตอร์พีซ' ของทั้ง ผกก. แฟรงค์ ดาราบอนต์ และ ชุนจิ อิวาอิ ด้วย
- ตัวเอกของทั้ง 2 เรื่อง เป็น 'ผู้ถูกกระทำ' ทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดเช่นเดียวกัน ... และน่าจะสื่อความหมายถึงว่า โลกใบนี้แท้จริงแล้วเป็นโลกที่รุนแรงโหดร้าย เพียงแต่เราจะรับมือกับมันอย่างไร เพื่อให้ชีวิตของเราสามารถดำรงคงอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุขเท่านั้นเอง
- หนังมีสัญลักษณ์และซับพล็อตมากมายที่อาจต้องได้รับการตีความ ใน Shawshank อาจไม่มากเท่าไหร่ แต่ Chou-Chou อาจเป็นด้วยวิธีการนำเสนอแบบเบลอๆ และหลอนๆ ไม่ให้เห็นภาพชัดเจน จึงเป็นหนังที่ 'ลึก' เอามากๆ (หนังไม่ได้ดูยากขนาดนั้น เพียงแต่มันมีประเด็นอะไรต่อมิอะไรอยู่ในเนื้อเรื่องตั้งมากมาย)
- ในตอนจบของหนัง ตัวเอกได้รับการปลดปล่อยไปสู่อิสรภาพอันเป็นจุดมุ่งหมายของคนทั้งสองเช่นเดียวกัน เพียงแต่ต่างกรรมต่างวาระกันเท่านั้น ... Shawshank พระเอกได้รับอิสรภาพ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่เขาปรารถนา พร้อมกับเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันในคุก จึงเปรียบเสมือนการไถ่ถอนและปลดเปลื้องความผิดบาปทั้งปวง ที่เขาได้รับจากคุก Shawshank ตามชื่อเรื่อง ... ส่วนใน Chou-Chou พระเอกได้รับการปลดปล่อยจิตวิญญาณให้สถิตย์อยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวแห่งอีเธอร์อันเป็นนิรันดร์ เหมือนดังเช่นในฉากเปิดเรื่องนั่นเอง ...

... แล้วเพื่อนๆ ที่เคยได้ดูหนังทั้ง 2 เรื่องนี้มาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ? ...
จากคุณ: semi_indy_stu

---------------------------

ความคิดเห็นที่ 41

ดูแล้ว...

***มันน่าแปลก ที่หนังไม่มีภาพสะเทือนใจตรงๆ แต่มันก็บีบให้เราใจสลายได้...**

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

จากคุณ : ซุ่งกี้ (ซุ่งกี้) - [ 14 ก.พ. 48 15:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 42

อ่านจบจนได้ เย้

เพิ่งไปดูมาเมื่อวานเอง
ตอนก่อนดูรู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังหม่นๆ เหงาๆ ด้านมืดของนักเรียนมัธยมปลาย แต่ไม่รู้ว่าจะขนาดนี้..

..แต่ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย
เพราะมัวแต่เวียนหัวจากการเพิ่งกินอะไรที่ไม่อร่อยมาอิ่มๆ (~.~*) ภาพของพี่เค้าพลิ้วไหวเกินไป:P มองเต็มๆไม่ไหวจะอาเจียน จ้องแต่ซํบที่นิ่งๆไว้ -_-"
และเข้าใจว่าเราไม่เคยมีประสบการณ์อะไรคล้ายๆกันนี้

อีกอย่าง จำหน้าตัวละครไม่ค่อยได้เลยล่ะค่ะ ดูแล้วงงๆไปหมด เพิ่งมาเข้าใจตอนอ่านกระทู้นี้นี่แหละ

ถ้าฟังเพลงรู้เรื่อง ต้องยอดมากแน่ๆเลยค่ะ ก็มันสัมพันธ์กันขนาดนี้


อ่านวิจารณ์ แล้วอยากดูอีกรอบจัง.....

จากคุณ : ลูกหนอน. - [ 15 ก.พ. 48 15:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43

ความรู้สึกหลังที่ได้ไปดูในโรงใหญ่น่ะ ยอดเยี่ยมมาก เลยครับ


หลังหนังจบ ช่วงเครดิตขึ้น หลายคน(เกือบทุกคน) ในโรงนั่งนิ่งไม่ขยับไม่ลุก ดูจนจบกระทั่งเหลือเป็นจอดำๆ เลยล่ะครับ ประทับใจจริงๆ

จากคุณ : ใบไม้ ใบหญ้า - [ 15 ก.พ. 48 23:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 44

คุณmerveillesxx ไปเขียน แบบได้เงิน
ลงนิตยสารหรือ ตีพิมพ์เลยดีกว่า เป็นอาชีพ(เสริม)
ไปเลย เห็นอยู่ในเน็ตแล้วเสียดายเเทน
แบบในbioscope ที่ตีพิม งานคุณแต่ ว่า หลายคน
เคยได้อ่านในเนตก่อนแล้ว ทำให้งานช้ำโดยไม่สมควร
อืมม หวังดีนะครับ

จากคุณ : Capitano A. - [ 17 ก.พ. 48 00:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45

ผมดูมาแล้วครับ แต่ตอนแรกยังงงๆ สุดท้ายมาอ่าน กระทู้ของคุณ เลยทำให้ผมเข้าใจ เนื้อเรื่องมากขึ้นครับ ขอบคุณมากๆนะครับ

จากคุณ : ลูกบ้าเที่ยวสุดท้าย - [ 20 ก.พ. 48 02:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 46

ชอบ ost เรื่องนี้มากๆเลย ..โอ้ lily chou-chou

หลังบ้านเราก็เป็นทุ่งเขียวเหมือนกันค่ะ (ทุ่งนา) .. แต่ตอนนี้เริ่มเหลืองเพราะรวงข้าวแล้ว

กลับบ้านเลยคิดถึง ost ของเรื่องนี้มาก ..น่าเอามาเปิดที่สุด ต้องเข้ากันแน่ๆ

หา ost เรื่องนี้ ..หรือเพลงแนวนี้เพลงอื่นๆได้ที่ไหนบ้างคะ (แล้วแนวนี้มันเรียกว่าแนวอะไร)

จากคุณ : ลูกหนอน. - [ 21 ก.พ. 48 08:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47

เพิ่งไปดูมาเมื่อวาน ตอนแรกยังงงๆอยู่ (คิดว่าฟิเลียคือโฮชิโนะ และบลูแคทคือยูอิจิ) กลับมาอ่านกระทู้นี้แล้วเคลียร์ขึ้นเยอะมากๆ คิดว่าต้องไปดูอีกซักรอบ

เป็นหนังที่อึดอัดและกดดันมากๆ บางฉากอยากจะร้องไห้ แต่มันจุกอยู่ที่อก ร้องไม่ออก

ขอบคุณคุณ merveillesxx และทุกๆความเห็นในกระทู้นี้มากๆครับ สำหรับข้อความดีๆที่ทำให้รักหนังเรื่องนี้มากขึ้น

จากคุณ : dNb - [ 21 ก.พ. 48 16:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 48

เนื้อนี้ผมดูที่ช่อง SBS ตอนปลายปีที่แล้ว คือตอนแรกไม่ตั้งใจจะดูครับ แต่พอดูไปแล้วอึ้งไปเลย นอนไม่หลับครับ ตอนนี้ผมจะไปดูรอบที่สองที่ลิโด้ และจะรอซื้อ DVD และ sound track ด้วย กลายเป็นหนึ่งในหนังดวงใจของผมไปแล้ว

จากคุณ : นาย 17 อดีตเด็กหลังห้อง - [ 21 ก.พ. 48 22:33:32 ]

---------------------------




โดย: merveillesxx วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:1:22:54 น.  

 
โฮชิโนะ ทำลายอีเธอร์ในตัวเอง และยังพาลไปทำลาย อีเธอร์ ของทุกคนที่เขากลั่นแกล้ง
เหมือนเขาจะสะใจมากๆ ตอนที่เห็นยูอิจิร้องไห้ ฉากนั้น ฉันแทบหยุดหายใจ คุโนะช่างเข้มแข็ง เธอดิ้นรนเอาตัวรอด ทั้งๆที่ไม่มีทางรอด เธอต่อสู้ และ ยังคงเดินไปข้างหน้า

*ถ้าฉันจะคิด ไปว่า เพราะโฮชิโนะรู้ว่า ยูอิจิ ชอบ คุโนะ ที่ตนก็ชอบอยู่ จึงทำร้ายยูอิจิ ด้วยการทำร้าย ทำลาย คุโนะเสีย

น้ำตาฉันไหล แบบไม่ทันตั้งตัว ตอนที่ คุโนะเดินเข้าห้องเรียนด้วยศรีษะโล่งเตียน และมันก็ไหลต่อเนื่อง และหยุดไหลในตอนที่ทสึดะโดดลงมา


โดย: . . . (WhaT iT'S W๐l2tH ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:12:16:38 น.  

 
I came to say hi and just to tell you that I have visited your websites as I promised.
You did a really great job, my friend.
You have just gained one more fan of yours.=)
Life sucks here.
You made my day.


โดย: Jan IP: 155.69.5.235 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:14:01:39 น.  

 
- Hamburger ฉบับที่ 62 (ปักษ์แรก มีนาคม 2548) คุณนราเขียนถึงหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou ไว้ในคอลัมน์ CUT ครับ

- ตอนนี้มีเวบบอร์ด Lily Chou-Chou สำหรับชาวไทยแล้วครับ ที่นี่เลยครับ
Lilyholic-th
//phpbb-host.com/phpbb/?mforum=lilyholic


โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.163 วันที่: 12 มีนาคม 2548 เวลา:4:20:26 น.  

 
มีเกร็ดเพิ่มเติมครับ

เพลงที่เปิดในร้านซีดีที่พวกยูอิจิเอาซีดีที่ขโมยมาไปปล่อย (ตอนต้นเรื่อง) ที่เป็นเพลงจังหวะช้าๆหน่อย คือเพลง I'll be around ของวง edwin moses (สเปน) ซึ่งเป็นวงอินดี้ ป็อป ฟังกี้ ดูที่เวบนี้ มีเพลงให้ฟังด้วยครับ //www.siesta.es/pags/disco.asp?codigoSiesta=118

เรื่องนี้อาจแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ร้าน CD ในแถบชนบทยังมีวงแบบนี้ขายเลย เฮ้อ..คิดแล้วน่าอิจฉานะ

**ขอบคุณ คุณเก้าอี้มีพนัก สำหรับข้อมูลครับ


โดย: merveillesxx วันที่: 13 มีนาคม 2548 เวลา:0:10:29 น.  

 
สวัสดีคุณ merveillesxx
เพราะคุณเราถึงเป็นแบบนี้
ใครจะสามารถรับผิดชอบได้?
เราเชื่อคุณ จึงบังเกิดความอยากดู All About Lily Chou-Chou
แล้วเป็นไง?
กลายเป็นสาวกอีกคนไปโดยปริยาย
เราอ่านที่คุณไปโพสไว้ แต่ไม่พยายามอ่าน spoiler
พอไปดูกลับมา เลยไปอ่านทีหลัง
เราก็รู้สึกว่าเรามันก็ the loser อีกหนึ่งคน
เศร้า เหงา เก็บกด เหมือนช่วงเวลาที่เราไม่เข้าใจชีวิตเราเองมันกลับมาอีกครั้ง
ซึ่งถามว่าตอนนี้ เราหายรึยังก็ตอบว่ายังนะ
กลับมาเป็นมนุษย์สับสนอีกหนแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะหนังนะ แต่เพราะเริ่มสับสนกับจุดมุ่งหมายของชีวิตตะหาก
ตอนยังเรียนก็คิดว่า ether ของเราคือการ เรียนจบรับปริญญา ทำงาน
แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ เอ่อ...ไปกันใหญ่มาบ่นอะไรบล้อคคนอื่น
เราฟัง sound track วันละ 3 รอบ แล้วก็อ่านวิจารณ์ และ spoiler อย่างบ้าคลั่ง ปวดหัวหนึบ
ไม่ได้รู้สึกดีอย่างนี้นานแล้ว การได้ทำอะไรที่เรา "บ้า" จริงๆเนี่ย
ปล.แอบ add ชื่อคุณไปเรียบร้อยแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ยินดีที่บทความได้ลงหนังสือนะ ทึ่งมาก!!
//lunatic-space.bloggang.com


โดย: LUNATIC SPACE วันที่: 15 มีนาคม 2548 เวลา:10:12:48 น.  

 
ฉากที่ผมเศร้าที่สุดอีกฉากคือ ตอนคอนเสิร์ตครับ ผมรู้สึกแบบเดียวกันกับยูอิจิครับ ใครเจอแบบนี้ ผมว่าก็ต้องทำอะไรสักอย่างเหมือนยูอิจินั่นแหละ


โดย: หนอนน้อย IP: 61.91.68.49 วันที่: 22 มีนาคม 2548 เวลา:15:32:45 น.  

 
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับข้อมูลต่างๆในนี้
ผมเพิ่งได้ดูรอบเดียว ดูเสร็จก็มึนๆ ได้อารมณ์เหงา เศร้า ทุกข์ทนมาอีกแบบ แต่ได้แง่คิดทางสังคมซะมากกว่า

ในอีกประเด็นหนึ่งที่ผมมองก็คือ นานมาแล้วผมเคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสังคมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเรื่องวัตถุนิยม อย่างในตอนที่ทซึดะขโมยเงินลูกค้าเธอมาได้ ก็เอามาสั่งอาหารอย่างเมามัน และกินอย่างเปรมปรี ซึ่งตรงข้ามกับยูอิจิที่แทบจะไม่แตะต้องอาหารเท่าไหร่ (no offense นะครับ อาหารก็คืออาหารครับ ข้าวแกง 30 บาทกับสปาเก็ตตี้ 125 บาทสนองความต้องการความหิวในปัจจัยสี่เหมือนกันครับ สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ value added ในสปาเก็ตตี้ครับ มันถูกปรุงแต่งด้วยวัตถุต่างๆจนทำให้ดูน่ากิน ให้นึกถึงตอนที่ไซเฟอร์กินสเต๊กแล้วบอกว่ารู้ว่ามันไม่มีอยู่จริงแต่โปรแกรมแมทริกซ์จะทำให้เราคิดว่ามันเลิศมาก ควบคู่กันไป)

ปัญหาสังคมนั้นเป็นกราฟไปทิศทางเดียวกันกับความเจริญก้าวหน้าของสังคมและประเทศชาติ โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวขับดันทั้งหมด

ลองคิดภาพว่าซักวันหนึ่งประเทศไทยเจริญทันญี่ปุ่นในปัจจุบันนี้ สังคมวัยรุ่นไทยจะเป็นอย่างนี้หรือไม่?

ส่วนในมุมมองของเรื่องนี้ ผมชื่นชมคุโนะ สาวแกร่งของเราในเรื่องนี้มาก ผู้กำกับยังใจดีให้ตัวละครนี้เป็นความหวังแก่ทุกคนในเรื่อง รวมถึงคนดู และคนทุกคน ให้อดทนสู้กับความเป็นจริงที่เลวร้ายโดยไม่ย่อท้อ "do what you think it's right" ไม่ว่าการปรับตัวให้เข้ากับสังคม (ตอนที่เธอโดนหญิงในห้องแบน เลยปรับโน๊ตให้เป็น no piano - a cappella), การยืนยันที่จะเป็นตัวของตัวเองและสู้กับปัญหา (ตรงข้ามกับโยชิโนะที่ยอมแพ้ต่อปัญหาทางบ้าน) และการเล่นเปียโนในช่วงสุดท้ายที่เหมือนกับให้ทุกคนเก็บความรู้สึกเศร้าหมองและอดีตที่เลวร้ายไว้ในใจแล้วดำเนินชีวิตอย่างไพเราะตามเสียงเปียโน

คือ ถ้าผมเป็นคุโนะหรือยูอิจิในวัยนั้นๆ สติคงขาดผึ่งไปนานแล้วครับ คงใช้อารมณ์มากกว่าความคิด ผมเลยเข้าใจว่าผู้กำกับต้องการให้ทุกคนเห็นว่าทุกคนล้วนผ่านอดีตที่ปวดร้าว แต่เมื่อดำรงชีวิตในปัจจุบันแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่ออนาคตครับ

โดยส่วนตัวแล้ว มุมมองความรักเรื่องนี้ไม่โดนใจและลึกซึ้งเหมือนกับงานต่างๆของพี่หว่องน่ะครับ เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่ก็สะเทือนใจอย่างแรงตอนที่ยูอิจิร้องไห้อย่างผู้สิ้นหวังหลังส่งคุโนะไปโดนเชือดนะครับ


โดย: SaudadE IP: 64.171.1.96 วันที่: 1 เมษายน 2548 เวลา:18:27:59 น.  

 
เอ้อ คุณ merveillesxx ครับ
ถ้าสนใจเมล์คุยกัน หรือเล่น msn นี่ บอกด้วยนะครับ จะได้ไป add ชื่อ ครับ


โดย: SaudadE IP: 64.171.1.96 วันที่: 1 เมษายน 2548 เวลา:18:31:39 น.  

 
คุณ merveillesxx เขียนได้เยี่ยมมากครับ ตอนหนังเข้าผมดูไป 2 รอบ ตั้งใจจะดู 3 แต่ไปเขาชนไก่ 5 วันกลับมา เหลือรอบ 20.40 ไม่ไหวครับ เลยหยุดที่ 2 รอบ ตอนนี้ได้คนรู้จักไรท์ ost. มาให้ฟังจนติดไปแล้วฟังวันหนึ่งหลายรอบมาก ส่วน dvd ของหนังผมลังเลอยู่ว่าจะซื้อของ evs หรือว่าแผ่นผีดีครับ พี่ว่าอันไหนจะดีกว่ากัน


โดย: สมิงFilm IP: 202.129.45.198 วันที่: 3 เมษายน 2548 เวลา:18:50:42 น.  

 
อา ขอโทษนะครับที่ตอบช้า เพิ่งสอบเสร็จ

ตอบคุณ SaudadE
MSN ของผมคือ merveillesxx@hotmail.com ครับ

ตอบคุณสมิงFilm
อันนี้ยังตอบไม่ได้ครับเพราะแผ่นของ EVS ยังไม่ออกมา แต่ทำใจไว้ก่อนจะเป็นดีครับ


โดย: merveillesxx วันที่: 11 เมษายน 2548 เวลา:20:59:19 น.  

 
บทความนี้น่าสนใจมากๆครับ ลองอ่านกันดูนะจ๊ะ

"รหัสลับชุนจิ อิวาอิ ตอน ปริศนาแอปเปิ้ลเขียว"

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kino&date=20-04-2005&group=1&blog=1


โดย: merveillesxx วันที่: 24 เมษายน 2548 เวลา:23:39:38 น.  

 
เพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้ค่ะ ตอนแรกไม่รู้เลยค่ะว่าจะเป็นหนังแบบนี้ คิดว่าเป็นหนังโรแมนติกซะอีก แต่พอดูจบแล้วรู้สึกหดหู่และเศร้ามากๆ แต่กลับประทับใจอย่างบอกไม่ถูก ดูจบแล้วเห็นภาพในหนังวนเวียนตลอดคืนเลย
โดยส่วนตัวประทับใจในตัวละครของคุโนะมากๆ เพราะรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่คุโนะได้รับมากๆ แต่เธอก็ยังเข้มแข็งและก้าวเดินต่อไปได้ ถ้าเป็นเราคงไม่อยากจะอยู่ต่อไป
แต่..อย่าว่ากันนะ ถ้าจะบอกว่ายิ่งดูก็ยิ่งเกลียดแก็งค์เด็กผู้ชายเอามากๆ โดยเฉพาะยูอิจิ ที่ยังทำกับคนที่ตัวเองชอบได้ลงคอ ถ้าฉากนั้นยูอิจิผูกคอตายจริง เราว่าก็สมควรเหมือนกันสำหรับคนที่ทั้งเลว อ่อนแอ และขี้ขลาดแบบนี้ ขอโทษด้วยถ้าบางคนอาจจะไม่รู้สึกแบบนี้ แต่เราพูดเพราะสงสารผู้หญิงด้วยกันที่ตกเป็นเหยื่ออย่างคุโนะหรือทซึดะน่ะ


โดย: pooky IP: 203.188.6.252 วันที่: 5 พฤษภาคม 2548 เวลา:0:36:54 น.  

 
แวะเข้ามาร่วมแสดงความเห็นกับหนังเรื่องนี้ด้วยคนครับ หลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้จบด้วย DVD Zone 3 (Hongkong) ที่ซื้อมานะครับ ดูแล้วก็ยังงงๆหลายๆตอน ก็เลยเข้ามาอ่านโพสท์เรื่องนี้ของคุณ merveillesxx กับของคุณ it ซียู และคุณ das Kino ก็ขอบคุณสำหรับข้อเขียนดีๆ อ่านแล้วก็ทำให้ผมเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้นครับ ก็อยากจะมาเล่าแชร์ประสบการณ์ของการดูหนังเรื่องนี้ให้ฟังกันบ้างครับ

ตอนแรกที่ตั้งใจจะดูหนังเรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่าคงเป็นหนังภาพสวยๆ เศร้าๆเหงาๆซึ้งๆของเด็กวัยรุ่นเท่านั้น แต่พอดูเข้าจริง กลับไม่เป็นแบบนั้น ไม่เป็นอย่างที่เข้าใจแต่แรกครับ ช่วงที่ดูตอนแรกๆ รู้สึกว่าหนังเนือยๆอืดๆ จนต้องใช้เวลา 3 วันในการดูหนังเรื่องนี้ต่อจนจบครับ เพราะหนังก็ยาวถึง 140 นาที บางช่วงดูแล้วรู้สึกเวียนหัวเหมือนกันครับ อย่างช่วงที่ตัวละครไปเที่ยว Okinawa ที่ถ่ายเหมือนกับใช้กล้องวิดีโอถ่ายทำครับ เพราะภาพมันสั่นเหลือเกินครับ

พอได้ดูแล้วรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เกินกว่าหนังเศร้าซึ้งเหงาๆธรรมดา มีเรื่องราวประเด็นต่างๆในหนังมากมาย ตามความเห็นส่วนตัวของผมเอง มีความรู้สึกเหมือนดูหนังเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาทางพฤติกรรมและจิตใจ เหมือนดูหนังปัญหาความรุนแรงของวัยรุ่นในสังคม เหมือนดูหนัง gangster หรือหนัง cult ที่เหมือนเป็นการคลั่งไคล้ลัทธิอะไรสักอย่างนึง ซึ่งดูจะเป็นประเด็นสำคัญและเน้นมากๆในหนัง ที่เหมือนกับตัวละครทุกตัวจะคลั่งไคล้และบูชาในลัทธินี้มากๆ และเหมือนกับผู้กำกับก็พยายามส่งสารหรือยัดเยียดให้คนดูให้ความสนใจกับลัทธิตรงนี้มากพอสมควรครับ

ดูมาถึงช่วงท้ายๆของหนัง ก็เริ่มจับทิศทางและเข้าใจปะติดปะต่อเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ได้มากขึ้น เริ่มเข้าใจเนื้อหาการสื่อสารทางหน้าจอคอมพิวเตอร์กับเรื่องราวและภาพในหนัง เข้าใจว่าใครเป็นใครในหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ดูมาตั้งแต่แรก และเห็นประเด็นต่างๆของหนังที่พยายามจะสื่อให้คนดูรับสิ่งต่างๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพฤติกรรมช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อในวัยรุ่น (adolescent turmoil) ซึ่งพอยิ่งดูๆไปแล้วมันมากกว่านั้นครับ, ปัญหาพฤติกรรมเกเรของวัยรุ่น (conduct behavior), ปัญหาทางด้านจิตใจของวัยรุ่น (psychological problems) ส่วนตัวของผมเอง ดูแล้วเข้าใจว่าพฤติกรรมพระเอกและตัวละครหลายๆตัวในเรื่องนี้ น่าจะเข้าได้กับภาวะหรือโรคซึมเศร้า (depression) ที่มีลักษณะอาการทั้งซึมเศร้าหดหู่ท้อแท้ เก็บตัว (internalization) รวมทั้งบางคนที่มีพฤติกรรมออกมาในลักษณะเกเร (externalization) เหมือนกับเป็นการสะท้อนให้เห็นภาวะของโรคซึมเศร้าลึกๆภายในตัวละครเหล่านี้ครับ รวมทั้งประเด็นสำคัญในแง่ของพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง (violence) ของวัยรุ่นในสังคม ทั้งการล่วงละเมิดทางร่างกายและทางเพศ (physical & sexual abuse) รวมทั้งพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicidal behavior) และการฆ่าตัวตายสำเร็จ (committed suicide) รวมทั้งอาชญากรรมของวัยรุ่น (youth crimes) ลัทธิการคลั่งไคล้และเลียนแบบดาราศิลปินนักร้องที่เด็กวัยรุ่นนิยม ดูแล้วชวนให้นึกถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นที่คลั่งไคล้นักร้องฮิเดะของญี่ปุ่นเหลือเกินครับ รู้สึกว่าเหมือนหนังเรื่องนี้พยายามเน้นประเด็นนี้มากๆครับ

ดูหนังเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกสงสาร เศร้า หดหู่ไปกับหนังด้วยมากๆเหลือเกินครับ รวมทั้งความรู้สึกชวนขนลุกและหลอนความรู้สึกไปด้วย ยิ่งเพลงประกอบที่ฟังดูยิ่งหลอนความรู้สึกคนดูมากขึ้นครับ

ในส่วนของเนื้อหา ยอมรับว่า ยังไม่เข้าใจเรื่องราวสักเท่าไหร่ จากการที่ดูไปรอบเดียว แต่จากความเห็นส่วนตัวของผม เข้าใจว่า พฤติกรรมเกเรอันธพาลของโฮชิโนะที่เปลี่ยนจากภาพเด็กสุภาพเรียบร้อย นุ่มนิ่ม ถูกเพื่อนแกล้ง กลายเป็นเด็กเกเร อันธพาล ส่วนหนึ่งคงอธิบายได้จากทฤษฎีที่เรียกว่า Turning Passive into Active ที่ใช้อธิบายสาเหตุของการที่เด็กที่เคยถูกล่วงละเมิดทั้งทางร่างกายและทางเพศ (physical & sexual abuse) สุดท้ายก็กลายเป็นผู้ล่วงละเมิดเสียเองตอนโตขึ้น จากบทบาทผู้ถูกกระทำกลายเป็นผู้กระทำเสียเอง ก็คงคล้ายๆกับโฮชิโนะในเรื่องนี้น่ะครับ

อยากจะร่วมแสดงความเห็นบางประเด็นที่น่าสนใจมากๆครับ ขอยกเอาส่วนที่ผมตอบไว้แล้วในโพสท์ของคุณ it ซียู มาแบ่งปันให้ฟังบ้างนะครับ เพราะเห็นว่าน่าสนใจดีครับ

1. วัยรุ่น Vs เพลง Vs ศิลปิน

หนังเรื่องนี้เหมือนพยายามเน้นประเด็นนี้มากๆครับ ถ้าตามทฤษฎีพัฒนาการทางด้านจิตใจก็จะบอกว่า วัยรุ่นเป็นวัยที่ค้นคว้าเอกลักษณ์ของตัวเอง (identity) ต้องการตัวอย่างแบบอย่าง (role model) ในแง่ของเอกลักษณ์ของตัวเอง อยากจะได้ อยากจะเป็น อยากจะเหมือนบุคคลที่ชื่นชมหรือบุคคลที่ตนเองชอบ และก็พยายามเลียนแบบสิ่งต่างๆเหล่านั้นของคนที่ชื่นชอบเข้ามาไว้ในตัวเอง (internalization) ซึ่งก็อาจจะรับเอาบางส่วนเข้ามาไว้ในตัวเอง (identification) เช่นคุณธรรม ค่านิยม ลักษณะบางอย่าง หรือแม้แต่แทบจะ copy เอามาไว้กับตัวเองทั้งหมดเหมือนคำว่าลอกแบบหรือเลียนแบบ (imitation) เช่นการแต่งกาย หรือทรงผมผม ตามแบบฉบับนักร้องที่ตนเองชื่นชอบ

ดูจากหนังเรื่องนี้แล้ว Lily Chou-Chou คงมีส่วนช่วยเยียวยาทางจิตใจแก่เด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาทางพฤติกรรมและจิตใจเหมือนกัน คงไม่ต่างจากที่ยึดเหนี่ยว หรือศาสนานั่นเอง เพราะเหมือนกับเป็นลัทธิๆหนึ่ง คล้ายๆแบบนั้นครับ รวมทั้งกระแสการผลักดันทางสังคม (social force) ของคนหมู่มากก็ยิ่งทำให้กระแสวัยรุ่นที่คลั่งไคล้นักร้องมากขึ้นๆครับ

2. วัยรุ่น – วัยที่ต้องการ “การเอาใจใส่”

เป็นสิ่งที่เห็นด้วยเต็มที่เลยครับ หนังชี้ให้เห็นปัญหาพฤติกรรมและจิตใจของวัยรุ่นอย่างชัดเจน การสนับสนุนประคับประคองจากครอบครัวและสังคม (family and social support) ก็เป็นปัจจัยสำคัญมากๆอย่างหนึ่งที่จะลดการเกิดปัญหาพฤติกรรมและจิตใจในวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ในวัยรุ่นที่ต้องการคนคอยชี้นำ ต้องการคนคอยประคับประคอง รับฟังปัญหา แต่ไม่ใช่การบีบบังคับ

ในส่วนของพฤติกรรมการตีลูก จากที่หนังเรื่องนี้สื่อออกมา ดูแม่ของพระเอกจะเอาใจใส่และดูแลพระเอกดีทีเดียว และดูเหมือนจะตึงเกินไปด้วยซ้ำ คิดว่าการตีลูกครั้งนั้น น่าจะเกิดจากความรู้สึกผิดหวังจากการคาดหวังลูกให้เป็นคนดีมากกว่าครับ เพราะเหมือนหนังจะสื่อให้เห็นว่า แม่คอยส่งเสริมศีลธรรมคุณธรรมในตัวลูกอย่างเต็มที่ และแม่ก็มีบทบาทเด่นในครอบครัวเสียด้วย เหมือนเป็นคนหลักในครอบครัวที่ดูแลลูก แม่ที่เข้มแข็งและเป็นคนนำครอบครัว แต่บางครั้งการเข้มงวดมากเกินไป หรือเน้นศีลธรรมมากเกินไป ก็อาจจะส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจ ขาดความมั่นใจ แล้วก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง สมยอม (submissive / passive) คล้ายๆกับบุคลิกของพระเอกในเรื่องนี้ก็เป็นได้ และเมื่อแม่ผิดหวังกับความคาดหวังในตัวลูก ที่อยากให้ลูกเป็นเด็กดี พอทราบว่าลูกขโมยของ ก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตีลูกครั้งนั้นด้วยความรุนแรง

จริงๆแล้ว การตีลูก สามารถทำได้ครับ เพราะถือเป็นการปรับพฤติกรรมอย่างหนึ่งด้วยการใช้วิธีการลงโทษ (punishment) คือให้สิ่งที่ไม่เป็นที่น่าพอใจ ทำให้พฤติกรรมที่มีปัญหานั้นลดลงหรือหมดไป แต่ว่าต้องทำโดยให้ลูกรู้และเข้าใจวัตถุประสงค์ของการตีว่า เป็นการเตือนเป็นการสั่งสอนว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องครับ แต่ไม่ใช่การตีแบบ physical abuse นะครับ

อีกประเด็นที่อยากร่วมแสดงความเห็นก็คือ internet กับพฤติกรรมของวัยรุ่น เชื่อว่าสาเหตุที่ internet เป็นสิ่งที่นิยม เพราะ 3 As ครับ Anonymity (ไม่มีใครทราบชื่อหรือฐานะของอีกฝ่าย), Accessibility (เข้าถึงได้ง่าย) และ Availability (มีให้ใช้กันอย่างแพร่หลาย) ครับ
จริงๆแล้ว internet คงไม่ได้เป็นโทษเสมอไป มีการศึกษาพบว่าจริงๆแล้วการที่วัยรุ่นใช้ internet ส่วนหนึ่งก็เป็นการค้นคว้าและทดลองสิ่งต่างๆ เช่นเรื่องของการศึกษาและทดลองการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และเหมือนกับการหาแหล่งประคับประคองทางจิตใจที่จะพูดคุยกันในบางเรื่องที่อาจจะไม่สามารถพูดคุยหรือไม่กล้าพูดคุยกันทางสังคมก็ได้ครับ

ยังมีอีกหลายประเด็นครับ ถ้านึกออก จะมาแสดงความเห็นเพิ่มเติมครับ

ฟังเพลงประกอบไปๆมาๆหลายครั้งจนหนังจบ ก็รู้สึกติดหูและหลอนความรู้สึกดีจังครับ เพลงคงมีส่วนเยียวยาความรู้สึกและจิตใจคนจริงๆครับ

ป.ล. ดูหนังจนจบแล้วก็ยังไม่เข้าใจและก็ไม่ทราบว่า Ether คืออะไร หมายถึงอะไร แปลว่าอะไรเหมือนกันครับ แต่ก็เดาๆว่าคงหมายถึงจิตใจหรือจิตวิญญาณของแต่ละคนมั้งครับ ^ ^


โดย: Tempting Heart วันที่: 5 พฤษภาคม 2548 เวลา:17:49:44 น.  

 
ยังไม่ได้ดูเลย แต่ก็อยากดูนะ ไม่ใช่ว่ามาอ่านกระทู้เลยอยากดู เราอยากดูตั้งแต่เห็นภาพใบปิดของหนังแล้ว มีอีกเรื่องที่อยากดูคือ Crying out for love at the center of the world เป็นหนังญี่ปุ่น เห็นนักวิจารณ์ชมว่าเป็นหนังที่ดีมากอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราก็ยังไม่ได้ดูทั้ง 2 เรื่อง เห็นว่าEVS ตัดเรื่อง About lily Chou-chou ด้วยเหรอเสียดายจัง คงลดอรรถรสลงไปเยอะน่าดู


โดย: .... IP: 203.151.140.111 วันที่: 6 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:26:32 น.  

 
ขอบคุณ คุณ Merveillesxx ที่ช่วยทำให้เราได้เข้าใจหนังเรื่องนี้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นคุณอธิบายได้อย่างแจ่มชัดมาก เพราะว่าไปดูครั้งแรกกลับมายังงๆ เอ๋ออยู่ แต่ดูแย้วชอบแล้วมันทำให้เรารับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมะเข้าใจอยู่ดี ว่า ยูอิจิทำไมถึงกับคนที่ตัวเองแอบชอบได้ขนาดนั้น(คุโน่) แต่ว่าซื้อวีซีดี EVS มาอ่ะ มันดั๊นตัดตอนที่ยูอิจิร้องไห้ด้วยอ่ะ แบบว่าเสียความรู้สึกว่าขาดช่วงไปอ่ะ และตอนที่โฮชิโนะจะตัดผมคุโน่ด้วยอ่ะ ตอนนั้นดูในโรงแล้วมันได้ฟีลมากอ่ะ แต่อย่างว่าไม่รู้ว่าภาพมันแสดงออกว่ารุนแรงไปป่าวเค้าถึงตัดแต่ก็ไม่น่านะ งั้นสงสัยต้องรอ Soundtrack อ่ะ รวมทั้งเพลงชอบมากๆเลยอ่ะ เราชอบ Lily Chou Chou มากกว่า Love letter อีกอ่ะ และที่สำคัญยิ่งชอบหนังเรื่อง Hana & Alice เข้าไปอีกอ่ะ อยากบอกว่าดู ฮานะกะอลิซไปตั้ง 2 รอบแหน่ะ ซึ่งแตกต่างจากลิลี่โดนสิ้นเชิง แต่ว่าเรารักหนังสองเรื่องนี้มาก Lily กะ Hana อ่ะ แถม เรื่อง Hana & Alice ได้ ยู ออยที่เล่นเป็นทซึดะในลิลี่มาเล่นเป็นอลิซในเรื่อง Hana &Alice เล่นได้น่ารักมักๆอ่ะ หนังตลกดีอ่ะชอบ


โดย: Blue Sky IP: 58.9.186.143 วันที่: 6 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:39:07 น.  

 
อยากวิ่งไปดูดีวีดี อีกรอบ

ขอบคุณครับ


โดย: KiNgKoNg IP: 133.1.223.72 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:41:10 น.  

 
วันนี้เพิ่งได้ CD Lily Chou-Chou มาจากเพื่อนที่แสนดี
เลยมาตามหา Lily ในเน็ตอีกครั้ง แล้วก็มาเจอที่นี่

ขอบคุณมากๆ ที่ถ่ายทอดความเห็น ความรู้สึก ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ประทับใจจริงๆ และดีใจที่มีคนรักหนังเรื่องนี้เหมือนเราได้ขนาดนี้


เราเป็นสาวก Lily Chou-Chou มาตั้งแต่ประมาณปี 2003
บังเอิญโชคชะตาพาไป search เจอในเน็ต เลยซื่อแผ่นมาดู พอเปิดดูครั้งแรก กะว่าจะเช็คแผ่นดูเฉยๆ แล้วไปนอน
ฉากทุ่งหญ้าสีเขียวกับเด็กหนุ่มที่ฟังเพลงของ Lily สะกดเราให้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งนั้นด้วย

นั่นแหละ เป็นจุดเริ่มต้นที่ Lily Chou-Chou และ Ether เป็นแรงบันดาลใจกับชีวิตเราที่เหลืออยู่มาจนทุกวันนี้


โดย: Neuter Lover IP: 125.25.134.152 วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:57:59 น.  

 
เราเม้นอีกรอบนะ
ดูหนังเรื่องนี้มาได้ซัก1ปีแล้วล่ะ
ครั้งล่าสุด เช่าออกมารอบที่สาม
เช่ามาดูกับแม่
วันนั้นพวกเราร้องไห้ด้วยกัน
รู้สึกถึงความเจ็บปวดของแต่ละคน
มันเหมือนกับว่า...ตัวละครกับเราและแม่
มีด้ายเส้นบางๆ
เชื่อมพวกเราเข้าด้วยกัน
ให้สูดetherเข้าไปเต็มๆปอดเท่าๆกัน
เพราะหนังเรื่องนี้
ทำให้เรามองชีวิตเปลี่ยนไป
เพราะหนังเรื่องนี้
เรายอมที่จะเปิดใจขึ้นมา
แล้วยอมรับกับตัวเองว่า
การที่เราเองนั้นโดนแกล้ง
โดนเหยียดผิว
การที่เรามีปัญหา
ไม่ใช่แค่เราคนเดียว
ยังมีเด็กๆอีกหลายคน
ที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วหวังว่าจะไม่โดนแกล้งที่โรงเรียน


หนังเรื่องนี้
เราดูกี่ทีก็ต้องร่ำไห้
ดูทีไรเรารู้สึกอยากจะไปที่ไหนซักแห่ง
ที่ไม่มีใครเลย
นอกจากตัวเราเอง
กับทุ่งหญ้าเขียวขจี
มีแต่เสียงเพงคอยกล่อมจิตใจ
ให้ลืมทุกๆอย่าง
ไม่ต้องรับรู้ปัญหาที่บ้าน
ที่โรงเรียน
มีแต่เรากับetherจากlily


อย่าให้ฉันต้องวิ่งอีกเลย
ขอหยุดแค่นี้เถอะนะ

x


โดย: ตะวัน IP: 81.96.184.77 วันที่: 21 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:31:48 น.  

 
จากความรู้สึกส่วนตัวผมว่า
ทซึดะจังเป็นคนที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งที่สุด
ต้องทนกับความข้มขื่น
(ไม่ใช่ข่มขืนนะ เขียนถูกป่าวว่ะ- -")
ที่ถูกข่มขื่นและเป็นเด็กผู้ ญ อย่างนั้น
การที่ทซึดะจังโดดลงมาตายคงเพราะคิดว่า
นี่คือการปลดปล่อยจากความจริงที่เธอได้เป็นอยู่
และหลุดพ้นจากโลกอันโหดร้าย
บวกกับความน้อยเนื้อต่ำใจ
ที่ตัวเอง ยังไงก้อไม่มีทางที่จะคู่ควรกับใครเลย
ถึงยูอิจิจะได้มอบปีกให้แก่ทซึดะ
แต่ปีกของทซึดะนั้นก้อไม่อาจที่จะโบยบินได้


โดย: ผู้ที่สูญเสียอีเธอร์ IP: 58.9.54.144 วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:3:52:19 น.  

 
อ่านจบแล้วค่ะน้องพี่...
เครียดดดดดดดดดดด


โดย: เมอี้ IP: 125.24.192.12 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:9:43:48 น.  

 
สงสัยว่าที่
ตอนที่ยูอิจิไปค้างที่บ้านโฮชิโนะ ตอนอาบน้ำเขาเลือกใช้แชมพูของแม่โฮชิโนะแทนที่จะเป็นของโฮชิโนะ
นั้น ต้องการสื่ออะไรหรือคะ ไม่เข้าใจประเด็นคะ แล้วทำไมคุณ merveillesxx ถึงชอบล่ะคะ


โดย: ^(aNaRia)^ IP: 203.131.212.69 วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:23:51:43 น.  

 
DVD ตอนนี้ยังมีมั้ยเนี่ย


โดย: Erotic IP: 61.19.66.225 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:17:44:04 น.  

 
ผมอยากคุยกะคนรักLily Chou-Chou มากๆ friday-ss@hotmail.com เเอดนะคับ


โดย: Erotic IP: 61.19.66.225 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:17:45:50 น.  

 
หวัดดีค่ะ ...
เพิ่งไปซื้อ DVD มานั่งดูอ่ะค่ะ
แต่ได้ยินชื่อมานานแล้ว
ดูจบแล้วก้อรู้สึกเหมือนกับทุกคนที่เม้นในนี้ค่ะ
ทุกความรู้สึกเลย ทุกอารมณ์ด้วย
ไม่คิดว่าจะมีคนชอบมากขนาดนี้ และ
ก้อไม่คิดด้วยว่า จะมีเว็บดี ๆ เเบบนี้เกิดขึ้นด้วย
ขอบคุณค่ะ
merveillesxx คุณทำให้ชั้นกลายเป็นอีกคนนึงไปเลย
เมื่อได้มาอ่านบทความของคุณ
ขอบคุณ merveillesxx มากนะ


โดย: SaADah IP: 124.121.245.254 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:14:13:24 น.  

 
หวัดดีด้วยอีกคนค่ะ

ที่จริงซื้อมาเพราะตามหนังของเจ้าที่เล่นเป็นเพื่อนเด็กเลวตัวโกงเจ้าผมสั้น ไป ๆ มา ๆ ดูทั้งเรื่องแล้วโอ้โฮ โดน.. หนังตีแผ่ด้านมืดทุกชนิดของสังคมวัยรุ่นไม่แพ้เมืองไทยที่เราอยู่นี่เลยในประเทศที่ผู้เป็นใหญ่ในสังคมไม่ใส่ใจไง แต่ผู้กำกับคงจะชอบสีเขียวมากหน่อยทำให้เขียวซะ..

ปวดใจกับ”ทซึดะ” ที่พยายามหาทางออกให้ตัวเองเพื่อที่จะไม่ต้องไปขายตัวให้พวกอันตพาล ที่คิดจะกินให้อ้วนบ้าง แต่พอมาเห็นอุโนะโดนกล้อนผมแล้วยังมาโรงเรียนต่อ ด้วยความเข้มแข็งจนปฏิเสธแม้แต่ครูให้วิกมาก็ไม่เอา ฉากต่อมา “ทซึดะ” นั่งแอบนั่งร้องไห้อย่างหนัก ก่อนเธอไปหาทำเลที่จะฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกสุดท้าย แม้กระทั่งความสุขสุดท้ายที่เธอได้เล่นว่าวที่น่าจะทำให้อารมณ์เปลี่ยนได้ กลับไม่ทำให้ความคิดเธอเปลี่ยนเลย

หลังจากนั้นก็ไปตามซื้อหนังของเจ้าพระเอกมาดูต่อโดยสังเกตุจากขี้แมงวัยสองเม็ดที่ตาข้างหนึ่งของเขา แต่ก็ไม่ประทับใจเท่าเรื่องนี้ เพราะเจ้านี่โตขึ้นไม่หล่อเท่าอายุนั้นที่เขาเลยน่ะ

อีกอย่างเข้าใจธีมเรื่องของวิถีชีวิตของคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถยอมรับกับสิ่งแวดล้อมร้าย ๆ ที่พวกเขาต้องทนอยู่ได้โดยหนีเข้าไปในโลกที่สร้างขึ้นเองโดยใช้ภวังค์ของดนตรีที่หลอน ๆ โหย ๆ เข้าใจเพราะเคยเป็นในช่วงวัยรุ่นที่ความคิดสับสนและโตมาในสิ่งแวดล้อมโหดร้ายไม่ว่าจะเป็นภาวะล่มสลายของครอบครัวแตกแยก และความรุนแรงรอบ ๆ ตัว มันจำเป็นถ้าเราจะอยู่ให้ได้เพื่อให้ช่วงเวลาเหล่านั้นผ่านไป ดนตรีนี่ใช่เลย เคยไหมที่นอนฟังและเคลิ้มลอยเข้าไป อยู่ในนั้น ที่ที่เราคิดเองว่าปลอดภัย และให้อีกตัวตนของเราเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้ายที่เป็นโดยแยกร่างแต่ไม่รับรู้อีกร่างที่เราปล่อยไว้ข้างนอก มันใช่เลย....

ถ้าเป็นมุมมองของนักจิตวิทยา--คิดว่าคงเป็นสภาวะทางจิตที่มนุษย์ประเภทหนึ่งพยายามรับมือกับปัญหาอีกวิธีการอีกรูปแบบหนึ่งมั้ง.. ถึงตอนนี้โตแล้วก็จริงเวลามีเพลงบางเพลงที่คลื่นสมองเราคลิ๊กก็หลุดโลกปัจจุบันยืนมึนอยู่ตรงนั้นพักหนึ่งก็มี มิน่าเขาถึงมีโครงการดนตรีบำบัดไง ได้ยินมาว่าเสียงดนตรีมีคลื่นเสียงที่จูนได้ตรงกับคลื่นสมองเรานะทำให้เราชอบและ Relax สมองเราได้ไง ใช่ไหมเพื่อน ๆ


โดย: คนมาใหม่อีกคน IP: 58.136.207.152 วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:21:05:10 น.  

 
เพื่อน ๆ ดูแล้วซึ้งอีกเรื่อง

ไปหาซื้อ The Letter ของญี่ปุ่น (จดหมายจากสายเลือด) พระเอกคือ Takayuki Yamada (คนนี้ก็หล่อแบบคม ๆ นะ) แม้ว่าภาวะไม่โหดร้ายเพราะโดนในวงกว้างคือทั้งสังคมกระทำ แต่สุดท้ายพระเอกก็ปลดตัวเองจากคุกในใจ เมื่อกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาและยอมรับมัน แม้จะไม่หนักมากแต่ก็ใช้ได้เชียว


โดย: คนมาใหม่อีกหนึ่งคน IP: 58.136.207.152 วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:21:18:30 น.  

 
ไม่น่าเชื่อเลยว่า

จะมีคนที่ถ่ายทอดความรู้สึก เหงา เศร้า หดหู่ และอีกหลายๆ อารมณ์ ในทาง+

ผมดูเรื่อง All About love lily chouchou เป็นครั้งแรก ทางช่อง MIC เลยไม่เคยดูตอนแรกๆ แต่ก้แค่นิดเดียวที่ไม่ได้ดู ดูแล้วรู้สึกว่า ทั้งชีวิตตั้งแต่เราเกิดมา เราทำไปเพื่ออะไร ตอนที่ เด็กผู้หญิง โดดจาก เสาไฟฟ้า ผมมีความรู้สึกว่า ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ความทุกข์ ความสุข ความทรมาร ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้รับ

ฉากที่หลอกว่า ยูอิจิ จะผูกคอตายก็ตกใจอยู่เหมือนกัน ผมคิดว่าตัวเอกของเรื่องคือเค้า

ชอบเพลงในเรื่องมันเพราะและเข้ากับหนังได้ดีทุกๆฉาก

ถึงจะไม่มันอย่าง RamBo4 ไม่สนุกอย่าง แฮงค้อก

แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ผม ไม่สามารถลุกจากเก้าอี้ไปไหนได้ ทั้งๆที่ตอนแรกผมไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพียงแค่จะเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆเผื่อจะมีอะไรดีๆให้ดู

รู้สึกเหมือน เรป บนๆ ที่พูดว่า มึนอยู่5นาที เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่รู้สึกสมน้ำหน้าหรืออยากกะโดดตึกหรอกนะครับ

สุดท้ายนี้ถึงจะไม่มีใครอ่าน คอมเม้นของผม
ผมก็รู้สึกว่าได้ระบาย อะไรในใจของผมเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ออกอย่างหมดเปลือก







โดย: PonGT IP: 124.157.201.91 วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:20:39:42 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะที่เขียน Blog นี้ขึ้นมา พอดีเพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้ อาจช้าไปหน่อยแต่ก็อยากขอบคุณค่ะ อ่านแล้วอินเข้าไปอีก อารมณ์ประหนึ่งอยู่ในเวบ Lilyphillia เลยค่ะ ^^
หลังจากอินกับหนังเราตกหลุมรักกับ Ost เรื่องนี้อย่างมากมายยย โชคดีที่หามาเติมเต็มอารมณ์ได้ทันท่วงที ตอนนี้ฟังไปเกินสิบรอบได้ละ (และไม่สามารถหยุดตัวเองให้เลิกฟังได้) เริ่มรู้สึกว่า 9 เพลงมันน้อยไปอ่า

อยากดูเรื่องอื่นๆของผุ้กำกับคนนี้อีก ต้องหามาดูให้ได้เลย
อ่อ..อีกเรื่องที่เราได้ดูใกล้ๆกันคือ Rainbow Song ที่เขาอำนวยการสร้าง หนังโอเค แต่ยังไม่ประทับใจเราเท่าเรื่องนี้ ....แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขากำกับนี่นะ



โดย: ^^Cho Chong-Min^^ วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:22:58:59 น.  

 
พึ่งได้ดู หนัง จาก ดีวีดี มาได้ไม่นานเลยค่ะ*
มาเจอเว็บที่มีการพูดคุยกันเเบบนี้,,รู้สึกดีจัง


คงไม่ช้าเกินไปที่เป็นอีกคนที่ได้มารู้สึกร่วม




ทุกครั้งที่ดู เหมือนกับว่าอยากไปที่ไหนซักเเห่ง



ไกลออกไป...


โดย: BA EN IP: 125.24.0.117 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:18:24:04 น.  

 
วิเคราะห์แบบว่า...สุดๆ

น่าจะไปเข้าคณะ Lily chou chou ศาสตร์เนอะ

ละเอียดแบบสุดๆ

เราว่านะผู้กำกับมาอ่านเองยังแบบงงว่าเราสื่ออะไรมากขนาดนั้นเรยหรอ ถ้าเราเปนคนทำหนังเรื่องนี้คงดีใจมากอะ

ที่มีคนมานั่งวิเคราห์ขนาดนี้
นับถือๆ


โดย: nunaet IP: 124.120.221.219 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:16:56:15 น.  

 
สงสัยต้องกลับไปดูอีกรอบจริงๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องวิเคราะห์ดีๆค่ะ



โดย: cassecou วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:19:32 น.  

 
ทุกคนและตัวเราก็ชอบlily chou-chou
ไม่มีเว็บของพวกเรา เพราะอะไรละ
หรือว่าเราหาไม่เจอนะ ใครรุ้บางละ
มารวมตัวกันดีกว่า

เราไม่ชอบบอกใครเรีอง lily chou chou เราไม่อยากให้ lily กายเป็นคีนปากคนมากมาย แล้วก็กายเป็นของโหล
เราไม่ชอบจริงๆ
แต่ที่เห็นเรีองเว็บก็มีแต่ //www.lily-chou-chou.com คลิปเข้าแล้ว จะมีให้เลี่ยงภาษา อังกฤษ กับ ญี่ปุ่น ไม่มีไทย



โดย: cos IP: 125.24.240.156 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:31:07 น.  

 
เป็นหนังที่เราดูแล้ว งงมากกกก

คือ...พยายามทำความเข้าใจ

อีกอย่างเพราะพี่ชายดูไปกอไป สุึดท้าย

โคตรงงเลยอะ

ใครก็ได้ ช่วยสาธยาย เนื้อเรื่องย่อๆ ให้เราพอทราบหน่อยนะคะ

งงมากๆ เลย แต่มีความรู้สึกว่าเป็นหนังดี


โดย: Mijung_devil IP: 125.25.251.71 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:21:47:07 น.  

 
เป็นหนังที่ดีมาก
เพิ่งได้ดูจบเรื่องก็เมื่อกี้
หนังพูดเรื่องจริง ใวเวบบอร์ด พูดเรื่องจริง

เพลงเพราะมากในภาษาที่ไม่เข้าใจ


โดย: i'm Comment No.49 IP: 172.28.16.201, 58.10.222.216 วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:21:43:14 น.  

 
แม้จะบอกว่ามนุษย์เราต้องยืนด้วยตัวเอง
แต่ธรรมชาติก็ไม่อนุญาตให้มนุษย์อยู่เพียงลำพัง


ปี 1999 นอสตราดามุสทำนายผิด โลกไม่ได้จบสิ้น
...หากคำทำนายนั้นเป็นจริง
...หากชีวิตฉันถึงกาลอวสาน
......ฉันคงมีความสุขกว่านี้”


ทุกสรรพสิ่งหยุดเคลื่อนไหว
แม้แต่ลมหายใจของฉันเอง





โดย: Tos IP: 115.67.117.70 วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:9:59:32 น.  

 
ยังมีใครวนเวียนอยู่ในเว็บนี้มั้ยย
ร้านขายdvdยังมีเรื่องนี้
แบบซับไทยอยู่มั้ยอ่าครับ 11ปีแล้วอะ
ผมพึ่งมาดูในทรูวิชั่นเมื่อวาน ดูแล้วนอนไม่หลับเลย
เลยอยากหาdvdมาดูอีกรอบ
เขาว่าพากไทยเขาตัดบางตอนออกเลย
อยากดูซับไทยแบบเต็มๆ

มีใครยังอยู่บ้างมั้ยย ?

ส่่วนตัวผม เศร้าฉาก ทซึดะ ตายมากที่สุด
สลด ฉาก คุโนะ โดนขมขืนมากที่สุด

และผมไม่เข้าใจตรงที่ว่า
"ทซึดะัฆ่าตัวตาย เพราะตัวเองอยากตายจริงๆ?"
"หรือไม่ได้อยากตาย แค่อยากบิน แต่ไม่รู้ว่าต้องตาย?"
"หรือไม่อยากตาย แค่อยากบิน ถึงรู้ว่าตายก็ยอม?"
ใครตอบที ขอบคุณมากๆ



โดย: guitar IP: 110.168.108.226 วันที่: 10 เมษายน 2555 เวลา:16:12:24 น.  

 
หนังเรื่องนี้มี DVD ลิขสิทธิ์ของค่าย EVS ครับ แต่ออกมานานแล้ว ตอนนี้อาจจะหายากหน่อย แต่ยังเห็นอยู่บ้าง ตามโซนลดราคาน่ะครับ


โดย: merveillesxx วันที่: 11 เมษายน 2555 เวลา:4:54:12 น.  

 
แล้วตรงที่ผมไม่เข้าใจตรงที่ว่า
"ทซึดะัฆ่าตัวตาย เพราะตัวเองอยากตายจริงๆ?"
"หรือไม่ได้อยากตาย แค่อยากบิน แต่ไม่รู้ว่าต้องตาย?"
"หรือไม่อยากตาย แค่อยากบิน ถึงรู้ว่าตายก็ยอม?"

พี่มีความเห็นว่ายังไงบ้างหรอครับ
ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะครับ


โดย: guitar IP: 124.122.177.235 วันที่: 11 เมษายน 2555 เวลา:11:56:45 น.  

 
ตอนแรกไม่กล้าดู พอได้ดูก็รู้สึกว่าจะไม่มีวันลืมหนังเรื่องนี้ได้เลย ถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่ทีอยู่จริงบนโลกออกมาได้น่าสนใจ

คนเราพอสร้างความสัมพันธ์กันทางใดทางหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่เริ่มด้วยร้ายทก็เริ่มด้วยดี
แล้วการเดินทางของความสัมพันธ์ จะนำด้านตรงข้ามมาให้เสมอ ทั้งแบบที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ

แต่เอาจริงๆขัดใจยูอิจิ ถ้าชอบคุโนะก็ต้องไม่พาไปสิวะ


โดย: Nurin Shappo IP: 171.96.74.181 วันที่: 5 มีนาคม 2566 เวลา:14:23:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.