คิดถึง...ป้าโจ๊ว
ตั้งใจว่าจะเขียนบล็อคเกี่ยวกะคุณเพ็ญศรีมานานแต่ก็ผลัดมาเรื่อย ตอนที่ได้ข่าวท่านเสียชีวิตแล้วรู้สึกใจหายและเสียดายมาก ๆ รู้สึกผูกพันกับเพลงของป้าโจ๊วเพราะฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ เราว่านักร้องลูกกรุงผู้หญิงที่เสียงดีที่สุดก็ต้องป้าโจ๊วนี่แหละ ชอบทุกเพลงเลยค่ะ เสียงป้าโจ๊วมีเอกลักษณ์ มีพลัง พลิ้วกังวาน หวานใส หาใครเทียบได้ยาก ได้มาฟังเสียงท่านร้องแบบสด ๆ ก็เมื่อหลายปีมาแล้ว ถึงเสียงจะไม่ใสอย่างเคยด้วยเพราะวัยที่มากขึ้น(เกือบเจ็ดสิบแล้วล่ะ) แต่ลีลาการร้องก็ยังทำให้ผู้ชมประทับใจสุด ๆ ยังจำได้ว่าตอนที่ร้องเพลง "หงส์เหิร" ถึงช่วงที่ต้องร้องเสียงสูงมาก ป้าโจ๊วก็ยังโหนเสียงได้ถึงแบบสบาย ๆ พูดแล้วก็ยังขนลุกเลยอ่ะ
คิดว่าคงจะมีบล็อคเกี่ยวกะป้าโจ๊วต่ออีกหลายอัน เพราะหาข้อมูลได้เยอะเหมือนกัน จากในเวบ จากข่าวและบทความที่ตัดเก็บไว้ แล้วก็มีหนังสืออีกสองเล่มที่ซื้อตอนไปดูคอนเสิร์ตป้าโจ๊ว เล่มซ้ายหนาไม่ถึงร้อยหน้า รวบรวมประวัติและเรื่องราวของป้าโจ๊วและคุณสุวัฒน์ไว้ค่อนข้างละเอียดและน่าสนใจ อยากให้เพื่อน ๆ ได้อ่านด้วย แล้วจะค่อยๆทะยอยเอาลงบล็อคให้อ่านกัน ส่วนเล่มซ้ายเป็นหนังสือรวมรวมเนื้อเพลงค่ะ
 
คารวาลัย แด่ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี
“ราตรีนี้มืดไม่เห็นเพ็ญโสมส่อง”
เพ็ญพระจันทร์สีทองหายไปไหน
ข่าวร้ายโหมซ้ำกระหน่ำใจ
ดั่งใบไม้ร่วงแล้วก็ร่วงลา
ไปแล้วหรือพี่สาว-หนาวหรือพี่
ไปสู่ที่มีตะวันอันเจิดจ้า
ไปสู่อุ่นไอรัก “เปลวสุริยา”
ไปเป็น “เทวีขวัญฟ้า” – รพีพร
“ฟ้าคลุ้มฝน” มัวมนคนข้างหลัง
น้ำตาหลั่งอาลัยอกใจอ่อน
“หนามชีวิต” ยังแว่วไหวจนใจรอน
“หงส์เหิร” เอยบินร่อนสู่สวรรยา
เรารับรู้แล้วว่ารพีรัก
เราตระหนักแน่ในรพีกล้า
รพีรักคู่ขวัญดวงจันทรา
ย่อมจากฟ้าจากไกลไปด้วยกัน
สิ้นสองพี่เหมือนตะวันพระจันทร์ดับ
สิ้นสองพี่ลาลับสิ้นสูญขวัญ
วงศิลปินครึ้มชระอับลงฉับพลัน
น้ำตาโลมโลกสั่นสะท้านสะเทือน
ไปเถิดพี่ไปสวรรค์อันบรรเจิด
เป็นเพ็ญศรีอันเลอเลิศเทพใดเหมือน
นางสวรรค์กล่อมสวรรค์ซ่านดาวเดือน
ให้ฟ้าเลื่อนสวรรค์ลั่นบรรเลงรมย์
ประพันธ์โดย ชมัยภร แสงกระจ่าง (นิตยสารสกุลไทย)
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕o
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี (๑๗ มิถุนายน ๒๔๗๒ - ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕o) หรือชื่อเดิม ผ่องศรี พุ่มชูศรี รู้จักกันในชื่อเล่น ป้าโจ๊ว เป็นนักร้อง และครูสอนขับร้องเพลงไทยสากล เป็นนักร้องประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการ หรือสุนทราภรณ์ ได้รับการคัดเลือกให้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มีการบันทึกแผ่นเสียง ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๔
เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ที่จังหวัดพิษณุโลก เข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัด ตั้งแต่อายุ ๘ ปี โดยใช้นามว่า "ผ่องศรี พุ่มชูศรี" เริ่มต้นฝึกหัดร้องเพลงกับครูศิวะ วรนาฏ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๔ และได้บันทึกแผ่นเสียงเพลง ศิลธรรมทั้งห้า ขณะอายุ ๑๒ ปี โดยเปลี่ยนชื่อเป็น "เด็กหญิงเพ็ญศรี พุ่มชูศรี" และใช้ชื่อนี้ในการขับร้องเพลงเรื่อยมา จนมาถึงปี พ.ศ. ๒๔๗๘ จีงเข้าเป็นนักร้องประจำวงดนตรีกรมโฆษณาการซึ่งมี ครูเอื้อ สุนทรสนานเป็นหัวหน้าวง และได้บันทึกแผ่นเสียงเป็นจำนวนมากเรื่อยมา
ปี พ.ศ. ๒๔๙o พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คุณเพ็ญศรีขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพลง "สายฝน" ซึ่งเพิ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ก่อนหน้านั้นไม่นาน โดยเป็นการร้องสดในรายการบรรเลงดนตรีรายการหนึ่ง หลังจากนั้นในปี พ.ศ. ๒๔๙๑ จึงได้ขับร้องเพลงนี้บันทึกแผ่นเสียง
คุณเพ็ญศรีลาออกจากราชการเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ เพื่อเข้าร่วมงานกับละครคณะชุมนุมศิลปิน ซึ่งเป็นคณะละครเวทีของรพีพร หรือชื่อจริงคือคุณสุวัฒน์ วรดิลก รับหน้าที่ทั้งร้องเพลงประกอบและร่วมแสดง ในเวลาต่อมาได้เกิดความรักกับคุณสุวัฒน์ และสมรสกัน ในช่วงนี้แม้ว่าจะลาออกจากราชการไปแล้ว แต่ก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานของทางราชการอยู่เสมอ ได้รับเชิญให้ไปขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์เพื่อบันทึกแผ่นเสียงอีกหลายครั้ง
ในปี พ.ศ. ๒๕o๖ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน จากเพลง "วิหคเหิรลม" และเพลง "ม่านไทรย้อย" ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕o๘ ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากเพลง "ง้อรัก"
เพ็ญศรีได้จัดตั้งโรงเรียนสอนการร้องเพลงเล็ก ๆ ขึ้น ชื่อว่า "ศกุนตลา" เปิดสอนให้แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจการขับร้อง ทำให้มีนักร้องใหม่ๆ ที่มีความสามารถเกิดขึ้นมาหลายคน นอกจากงานสอนร้องเพลงแล้ว เธอยังได้รับเชิญให้ไปร้องเพลงเพื่อช่วยงานการกุศล และสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอตลอดมา อีกทั้งเคยได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรมนักร้องแห่งประเทศไทยติดต่อกันถึง ๓ สมัย
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง)
คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี ป่วยด้วยอาการหลงลืมและมีการของโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๖ แต่ยังสามารถจำเนื้อเพลงได้ และร้องเพลงได้เป็นปกติ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕o สิริรวมอายุได้ ๗๗ ปี
ผลงานเพลง
เพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่คุณเพ็ญศรีได้บันทึกเสียงไว้ ได้แก่เพลง สายฝน ดวงใจกับความรัก เทวาพาคู่ฝัน มหาจุฬาลงกรณ์ ความฝันอันสูงสุด และอาทิตย์อับแสง เป็นต้น
ผลงานของครูเพลง ได้แก่เพลง
ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น, ใต้ร่มมลุลี, สุดรำพัน
ธนูรัก, รำพันสวาท, ห่วงรักห่วงอาลัย, พิษรัก
ยาใจยาจก, กำสรวลสวาท, กามเทพ, โพระดก
ลาทีความรัก, ทาสรัก, พระจันทร์ร้องไห้, วิหคเหิรลม
รักข้ามแดน, หนามชีวิต, อยากจะรักสักครั้ง
พ่อแง่แม่งอน, หาดสงขลา, ผู้ที่พระเจ้าลืม
โอ้ยอดรัก, หงส์ทอง, ง้อรัก, เมื่อเธอกลับมา
หงส์เหิร, ชื่นตาฟ้างาม, จันทร์ข้างแรม, เพื่อเธอ
รำพึงชายหาด, สวรรค์ชายหาด, ฝากรัก, ชื่นสุข
ชะตาฟ้า, ม่านไทรย้อย, คนจะรักกัน, ศกุนตลา
แมกไม้ละเมอ, จันทร์เจ้าขา, เหยื่อ, สัญญารัก
สาบานรัก, รักลวง, ฯลฯ
https://www.youtube.com/watch?v=MCrJIA8z3PM
เพลงม่านไทรย้อย
ทำนอง: ปีเตอร์ ไชคอฟสกี้
ไวโอลิน: สุทิน เทศารักษ์
คำร้อง: ไสล ไกรเลิศ
ลืมลืมหมดแล้วหรือไร
แสงจันทร์ที่เคยเป็นใจ
หลบบังร่มไทรย้อยกิ่ง
กระซิบรำพัน
แฝงจันทร์เคยแอบเอนอิง
หนาวลมแนบอกเธอผิง
สุขซึ้งใจจริงหาใดปาน
ลืมลืมหมดแล้วน้ำคำ
ซึ้งจำติดรอยใจพิมพ์
เคยชิมว่าเป็นน้ำตาล
ยังหวานตรึงใจ
รสใดจะเปรียบประมาณ
แท้จริงลมปากเธอหวาน
หลอกฉันมานานร้อยหมื่นอย่าง
* กิ่งไทร ย้อยร้อยรักไว้
ลมไหวไทรเอน ใจเต้นคล้ายลาง
แอบออดชู้ชูกิ่งพลาง
ไทรเจ้ากางใบบัง
งามเหมือนดังม่านทอง
** ลืม ลืมหมดแล้วสายลม
แม้ไทรที่เคยชื่นชม
รื่นรมย์แทนเรือนหอห้อง
ไทรเอ๋ยเคยเอนพักเป็นแดนสุขเคียงครอง
เย้ายวนกันอยู่เพียงสอง
ขาดรักไทรมองหมองวิญญา
ลายมือของคุณนันทวัน เมฆใหญ่ที่เขียนเนื้อเพลงนี้ไว้้ตอนจัดคอนเสิร์ต "ที่นี่มีดาวประดับใจ" ครั้งที่ ๑๕ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๒ ลายมือแบบคนโบราณ สวยดี
บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่
Free TextEditor
| Create Date : 15 กันยายน 2550 |
| Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 21:08:26 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 3836 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [