สิ่งดีๆที่เกิดในชีวิต...ที่หอกลาง
วันนี้เป็นวันก่อนสอบหนึ่งวัน 2-3 วันมานี้ก็ไปซุกตัวเอาหัวหนุนหนังสือ ทำมาหาอ่านอยู่ในหอกลาง...ห้องสมุดของจุฬาฯ นิสิตปีสามที่อยู่จุฬาฯมาสี่ปี ก็เพิ่งจะเคยใช้บริการห้องสมุด ชนิดที่เรียกว่าหามรุ่งหามค่ำขนาดนี้ เริ่มรู้สึกรักเจ้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คตัวนี้อย่างสุดจิตสุดใจ เป็นเพื่อนตาย ขึ้นรถเมล์ ลงใต้ดิน ซ้อนมอร์เตอร์ไซค์ด้วยกัน
สิ่งดีๆที่เกิดน่ะเหรอ ในโรงอาหารข้างๆหอกลาง แต่ก่อนเปิดโล่งทุกด้าน น้องหมาวิ่งเล่นกันเกือบ 20 ตัว แต่น้องหมาอาจจะทำคนรำคาญให้กับพี่ๆคนอยู่ไม่น้อย วันนี้เลยมีคอกกั้น....เปล่า ไม่ได้กั้นน้องหมา ปล่อยให้น้องหมาเริงร่ากับต้นไมใบหญ้าท่ามกลางสายลม กั้นพี่ๆคนเนี่ยแหละ ให้นั่งกินอยู่ข้างใน อย่าไปยุ่งกับน้องหมาข้างนอก
แต่มีน้องหมาตัวนึงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ล้ำเส้นแห่งอิสรภาพ เข้ามาทักทายพี่ๆคนที่อยู่ข้างใน เดือดร้อนคุณลุงผู้ดูแลต้องมาไล่ให้ออกไป ไอ้ที่น่ารักคือ วิธีการไล่ของคุณลุง คุณลุงทำเสียงจุ๊ๆๆๆ เหมือนจิ้งจกสวัสดี แล้วก็เดินตามหลังน้องหมาไปเรื่อยๆ ไม่ตี ไม่ตะโกน ไม่ตวาด แต่ที่แย่คือ น้องหมาก็เดินหนีเป็นวงกลมอยู่อย่างนั้นล่ะ โธ่! ก็ไม่มีใครเปิดประตูให้มันออกนี่ มันก็วนเป็นวงกลมอยู่อย่างนั้น เหมือนพยายามจะไล่ยุงในรถ แต่ไม่เปิดกระจก เดือดร้อนถึงคนกินที่นั่งอยู่ริมประตู ต้องเปิดประตูให้ .....เชิญคร้าบบบบ......
อีกเรื่อง...เจอเพื่อนเก่า จริงๆแล้วไม่อยากเรียกว่าเพื่อนเก่า เพราะยังไม่อยากให้มันเก่า เพื่อนผู้ชายที่ตอนที่เราต่างเป็นเฟรชชี่เกือบจะได้เป็นแฟนกัน ใต้ต้นจามจุรี ลมเย็นๆ พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ถ้าเพียงแต่ว่าเราตัดสินใจให้มันเร็วหน่อย เธอบอกว่าไม่เป็นไร เธอจะรอ อีกสี่เดือนเธอจะถามใหม่
เพื่อนเราคนนี้เป็นคนเก่งมากๆ เรียนก็เก่ง คิดอะไรก็เก่ง แบบพิสดารๆ ถ่ายรูปเก่งอีกแน่ะ ขยัน อดทน มานะ พยายาม แล้วก็.....ขำๆ ประมวลจากวันลอยกระทง สักสองปีที่แล้วมั้ง จำไม่ได้.....(หรือว่าไม่อยากจำกันแน่หนอ) กระทงไม้ ใส่สบู่ ที่เราลอยกันที่ U-Center กลางวันแสกๆ กับ vegemite รสชาติตลกๆ แล้วก็ส้มตำใส่น้ำแข็ง เรายังจำได้ว่า เพื่อนเรา ไม่กินเผ็ด
เพื่อนที่อยู่เป็นเพื่อนเราทางอินเตอร์เน็ต ในวันที่สุดจะเหงาในต่างแดน คนที่บอกว่า...อีเมลล์นี่ดีนะ เพราะว่ามันไม่ได้บังคับให้คนสองคนต้องว่างพร้อมกัน เราต่างคนต่างว่างก็ได้ คุยกันตอนไหนก็ได้ ว่างตอนไหนก็มาตอบ ไม่รีบร้อน ไม่บีบบังคับ อันนี้จำได้....ไม่รู้ทำไม
แล้วเราก็แล่นไปฮ่องกง หวังจะไปตามหาความฝัน แต่หาไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ ก็เลยกลับมา กลับมาคราวนี้ เธอเปลี่ยนไปอยู่อีกคณะเสียแล้ว เราก็เรียนช้าไปหนึ่งปีเหมือนกัน คณะของเธอก็อยู่ห่างจากคณะของเราไปอีกหน่อย ไม่เป็นไร....เรายังเป็นเพื่อนกัน
เพราะเธอไม่ถามคำถามที่เธอสัญญาว่าอีสี่เดือนเธอจะถามเสียที แปลว่าเธอคงไม่อยากจะถามแล้ว แต่...ไม่เป็นไร เพราะยังเชื่อว่า เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่
กลับมาคราวนี้เลยตั้งใจจะโทร.บอกเธอ ว่าเรากลับมาแล้วนะ เราไม่เรียนที่นู่นต่อแล้ว เรากลับมาจุฬาฯเรียนต่อนะ ...ไปกินข้าวกันมั้ย... แต่...เธอไม่รับสาย แล้วหลังจากนั้นเธอก็ไม่รับสายอีกเลย มีเพียงครั้งเดียวที่เธอรับ แล้วเธอบอกว่า ไม่ว่างคุย เหมือน...ขาดกัน...ไม่เป็นไร(มั้ง)
แต่ก็ยังเจอเธออยู่เรื่อยๆ ที่คณะบ้าง บนถนนบ้าง เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง ทักบ้าง ไม่ทักบ้าง จนหลังๆเริ่มแน่ใจว่า แม้แต่ความเป็นเพื่อน เธอก็ไม่ยินดีที่รักษามันไว้ ที่เคย......ไม่เป็นไร......ก็เริ่มเป็น ...หัวใจเริ่มเจ็บเป็น... ถึงเธอจะไม่คิดอย่งนั้นแล้ว ทำไมเป็นเพื่อนกันไม่ได้
2-3 วันนี้เจอเธอทุกวัน เธอก็ขะมักเขม้นอ่านหนังสือไป ทักบ้างตอนเดินผ่าน สวัสดีจ้ะ แล้วผ่านไป วันนี้ ทั้งๆที่กลัวว่าจะรบกวนเธอ แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทัก ก็เลยเดินเข้าไปหา...สองครั้ง ครั้งแรก...หวัดดี ครั้งที่สอง..กลับบ้านละนะ เอาโกปิโก้ไปฝาก 1 เม็ด กลัวเธอเหนื่อย เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ แล้วก็คุยกันเกิน 3 ประโยค แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วรู้ไหม ...เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ ขอให้ไม่ผิดหวังในการทำข้อสอบนะจ๊ะ คนเก่ง
ขอบคุณนะ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ครั้งหนึ่ง เราเคย....สวย ^^' (ใครหว่าชอบใช้สัญลักษณ์แบบนี้) //www.pantip.com/cafe/gallery/topic/G3210391/G3210391.html เราแอบเข้าไปดูเสมอๆเลยนะ ขอยืมรูปเธอมาแปะ เธอคงไม่ว่ากันนะ
อีกเรื่องนึง...ป้ายรถเมล์หน้าหอกลาง ดึกแล้ว ฝนตกด้วย ผู้หญิงคนเดียวนั่งอยู่อย่างนี้ กลัวจัง มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมา แขนซ้ายของเขาหยุดอยู่แค่ข้อศอก แขนขวาหิ้วถุงสีดำใบใหญ่ เขากำลังมุ่งหน้ามา กลัวเขา แต่ก็ไม่สามารถจะลุกหนีไปไหนได้ ทำได้แค่กระชับกระเป๋าให้แน่นๆ แล้วถือโน้ตบุ๊คให้มั่นๆ มือซ้ายถือขวดน้ำที่เหลือน้ำอยู่เล็กน้อย กะว่าถ้าเขาจะทำอะไรเรา จะเอาขวดน้ำขว้างใส่หน้า แล้วตะโกน
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก....หัวใจเต้น
เขาเดินมา แล้วก็ค่อยๆชะลอฝีเท้าลง แล้วก็มาหยุดที่เรา มองเราอย่างช่างใจเล็กน้อย เรานึกอะไรขึ้นมาได้...เลยขยับขวดน้ำในมือ เปล่า..ไม่ได้จะตีเขา เรายื่นขวดน้ำให้เขา แล้วก็เลิกคิ้วเชิงถาม เค้ายิ้มกว้างทันที....ขอบคุณครับ ....แหม ถามก็ได้ค่ะ (อย่ามองอย่างนั้นจิ หนูกลัว) ไม่กล้าถามครับ เห็นยังไม่หมดขวด .........เอาไปเถอะค่ะ โชคดีนะคะ ขอบคุณมากครับ แล้วเขาก็เดินจากไป นี่แหละ เรื่องดีๆของชีวิต
กลับถึงบ้าน มีเรื่องแถมอีก เราไม่ได้รอโทรศัพท์เขามาเป็นสัปดาห์แล้ว ยิ่งช่วงนี้ยิ่งไม่ได้คิดถึง ....คือพยายามจะอ่านหนังสือให้หนักๆ จะได้ไม่ต้องคิดถึงอะไร แต่แล้วเขาก็โทร.มา ...หัวใจแทบกระโดดออกมาข้างนอก แม้ว่าแต่ละเรื่องเขาจะทำให้เราห่อเหี่ยวลงมากมาย แต่เราก็จะถือว่านั่นคือเรื่องดีๆ เรื่องความรัก อะไรก็ตามของเขานั่นน่ะ... มันมาช่วยพิสูจน์ว่า.....แผลเรายังไม่หาย อย่าเพิ่งเหลิง อย่าเพิ่งดีใจ อย่าเพิ่งคิดว่าเราสบายดีแล้ว อย่าเพิ่งคิดว่าหายป่วย แล้วไม่ต้องกินยา
แต่ละอย่างที่เขาพูดออกมา มันทำให้เราอยากร้องไห้ เพราะมันแสดงว่า เขาไม่ได้มีใจอะไรกับเราเลยสักนิด ไม่ถามไถ่ ไม่ห่วงใย เขาคุยแต่เรื่องตัวเขาอย่างเดียว หลัง 45 นาทีผ่านไป เขาบอกเราแค่ว่า.... ขอบคุณที่เป็นเพื่อนคุยนะ...สวัสดี
แล้วทำไมมันถึงเป็นเรื่องที่ดีน่ะเหรอ ก็เพราะเรากำลังจะขึ้นบทเรียนบทใหม่แล้วน่ะสิ ...ก็มันทำให้เราชัดเจนมากขึ้น และตัดใจได้ง่ายขึ้นไง...
ขอบคุณวันดีๆ วันนี้
Create Date : 28 กันยายน 2549 |
|
6 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2549 1:36:21 น. |
Counter : 1315 Pageviews. |
|
|
|