Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
Interview with : ดอน เชียดัล .. Don Cheadlel :: รับบทผู้พัน เจมส์ โรดส์ (โรดี้)/ไอรอน เพท IRON MAN 3 (3D) ::



อ่านเรื่องย่อ :: เรื่องราวการสร้าง :: ตัวละคร
ภาพยนตร์ :: Iron Man 3 :: มหาประลัย คนเกราะเหล็ก 3 ::::

.. มีให้อ่านกันทั้งหมด 9 บล็อก ..

คลิ๊กได้เลยค่ะ ..




















ดอน เชียดัล
ผู้พัน เจมส์ โรดส์ (โรดี้)
/ไอรอน เพทริออท

IRON MAN 3 (3D)











โรดี้ คือ ผู้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสตาร์ค อินดัสทรีส์ และกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา เขาคือเพื่อนที่ไว้ใจได้เพียงไม่กี่คนของโทนี่ สตาร์ค และหลายๆครั้ง ที่เขาต้องอดทนในการที่จะรับมือกับอัจฉริยะผู้หุนหันคนนี้ โรดี้มีชุดเกราะใหม่ของ วอร์ แมชชีน ที่มีสีแดง, เงิน, และน้ำเงินดีไซน์ออกแนวธงชาติอเมริกา เมื่อเขาสวมเกราะนี้ เขาจะกลายเป็น ไอรอน เพทริออท




















ดอน ชีเดิล (ผู้พันเจมส์ “โรดี้” โรดส์) ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากการแสดงในดรามาที่สร้างจากชีวิตจริงเรื่อง “Hotel Rwanda” การรับบทพอล รูเซซาบากินา ผู้จัดการโรงแรมที่ช่วยเหลือคนหลายร้อยไม่ให้ถูกสังหารระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา ยังทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และรางวัลคริติกส์ ชอยส์ อวอร์ด รวมถึงได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลสมาพันธ์นักแสดง (แซ็ก อวอร์ด) รางวัลหนึ่งในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและอีกรางวัลหนึ่งในฐานะทีมนักแสดง ในปี 2005 เขาได้แสดงในภาพยนตร์โดยพอล แฮ็กกิสที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง “Crash” ซึ่งชีเดิลรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างด้วย เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา อวอร์ดจากการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนั้น และได้ร่วมรับรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยมด้วย












Hotel Rwanda










ผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของเขา ภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดโดยโรเบิร์ต ซีเมคิสเรื่อง “Flight” ทำรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศ ในปี 2011 เขาได้อำนวยการสร้างและนำแสดงใน “The Guard” ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2011 และจัดจำหน่ายโดยโซนี พิคเจอร์ส คลาสสิก












Brooklyn’s Finest











นอกจากนี้ เขายังได้แสดงประกบโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ใน Marvel’s “Iron Man 2” และแสดงใน “Brooklyn’s Finest” ทริลเลอร์อาชญากรรมที่กำกับโดยอังตวน ฟูกัวและร่วมแสดงโดยริชาร์ด เกียร์และอีธาน ฮอว์ค หลังจากนี้ เขาจะได้แสดงในภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตของไมลส์ เดวิส ตำนานแห่งโลกดนตรีแจ๊ส นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในซีซันสองของซีรีส์ออริจินอลยอดนิยมทางโชว์ไทม์เรื่อง “House of Lies” อีกด้วย



ชีเดิลได้ร่วมงานกับผู้กำกับสตีเวน โซเดอร์เบิร์กห์ในภาพยนตร์เรื่อง “Ocean’s Eleven,” “Ocean’s Twelve” และ “Ocean’s Thirteen,” ดรามารางวัลออสการ์เรื่อง “Traffic” ซึ่งเขาได้ร่วมรับรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยมและ “Out of Sight” ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ภาพยนตร์โดยเบรท แรทเนอร์เรื่อง “After the Sunset,” “The Assassination of Richard Nixon,” “The United States of Leland,” ภาพยนตร์โดยไมเคิล เซนา “Swordfish,” ภาพยนตร์โดยเบรท แรทเนอร์ “The Family Man,” ภาพยนตร์โดยไบรอัน เดอ พัลมาเรสื่อง “Mission to Mars,” “Bulworth” ที่กำกับและนำแสดงโดยวอร์เรน บีตตี้, ภาพยนตร์โดยพอล โธมัส แอนเดอร์สันเรื่อง “Boogie Nights,” “Volcano” และภาพยนตร์โดยจอห์น ซิงเกิลตันเรื่อง “Rosewood” ซึ่งทำให้ชีเดิลได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ด การแสดงแจ้งเกิดของชีเดิลคือดรามาอาชญากรรมปี 1995 เรื่อง “Devil in a Blue Dress” ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาพันธ์นักวิจารณ์ภาพยนตร์ลอสแองเจลิส












A Lesson Before Dying








นอกจากนี้ ชีเดิลยังได้รับการยกย่องจากผลงานจอแก้วของเขาอีกด้วย ในปี 1999 เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี อวอร์ดจากบทแซมมี เดวิส จูเนียร์ในภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง “The Rat Pack” ในปีเดียวกันนั้น เขายังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีครั้งที่สองจากการแสดงนำในซีรีส์เอชบีโอเรื่อง “A Lesson Before Dying” ที่สร้างจากนิยายเบสต์เซลเลอร์ของเออร์เนสต์ เจ. เกนเนส เขาได้รับการเสนอชื่อชิงเอ็มมีครั้งที่สามจากการแสดงของเขาในซีรีส์โชว์ไทม์เรื่อง “Things Behind the Sun” ที่กำกับโดยอัลลิสัน แอนเดอร์ส ล่าสุด เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีครั้งที่สี่จากบทประจำในซีรีส์ยอดนิยมทางเอ็นบีซีเรื่อง “ER” ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่การถ่ายทอดสดรามาสงครามเย็นที่ถ่ายทอดสดทางซีบีเอสเรื่อง “Fail Safe” ที่กำกับโดยสตีเฟน เฟรียส์, ซีรีส์เอชบีโอเรื่อง “Rebound: The Legend of Earl ‘The Goat’ Manigault” และบทประจำในซีรีส์โดยเดวิด อี. เคลลีย์เรื่อง “Picket Fences”




















ชีเดิล นักแสดงละครเวทีผู้ประสบความสำเร็จ เป็นนักแสดงคนแรกที่รับบทบูธในละครรางวัลพูลิทเซอร์โดยซูซาน-ลอรี ปาร์คส์เรื่อง “Top Dog/Underdog” ภายใต้การกำกับของจอร์จ ซี. วูลฟ์ที่โรงละครพับลิค เธียเตอร์ในนิวยอร์ก ผลงานละครเวทีของเขายังรวมถึงละครเรื่อง “Leon, Lena and Lenz,” “The Grapes of Wrath,” “Liquid Skin,” “Cymbeline,” “`Tis Pity She’s a Whore” และละครโดยเอโธล ฟูการ์ดเรื่อง “Blood Knot” นอกจากนั้น เขายังได้กำกับละครเรื่อง “Cincinnati Man,” “The Trip” และ “Three, True, One” ด้วย











Not on Our Watch – A Mission to End Genocide in Darfur and Beyond










นอกเหนือจากการแสดงแล้ว ชีเดิลยังเป็นนักดนตรีพรสวรรค์ ผู้เล่นแซ็กโซโฟน แต่งดนตรีและร้องเพลงด้วย นอกจากนี้ เขายังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแกรมมี อวอร์ดสาขาอัลบัมพูดยอดเยี่ยมจากการบรรยายนิยายโดยวอลเตอร์ มอสลีย์เรื่อง “Fear Itself” ของเขา นอกเหนือจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ เขายังได้ร่วมแต่ง (กับจอห์น เพรนเดอร์แกสท์) หนังสือเรื่อง “Not on Our Watch – A Mission to End Genocide in Darfur and Beyond” (ไฮเปอเรียน) อีกด้วย





















Q: ใน Marvel’s “Iron Man 3” โรดี้มีสถานะแบบไหน

A: ใน “Iron Man 3” กับโทนีและโรดี้ ตอนนี้ เราก็มีซูเปอร์ฮีโรที่อยู่ในภาคเอกชนกับซูเปอร์ฮีโรที่อยู่ในภาครัฐแล้วครับ โรดี้ทำงานให้กับรัฐบาลมาโดยตลอด และตอนนี้ เขาก็ได้มาร่วมมือกับโทนีในฐานะไอรอน แพทริออท เพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่นี้ครับ



















Q: ดูเหมือนว่าตัวละครของคุณจะพัฒนาขึ้นมาก คุณมีความสุขมั้ยที่ได้เห็นมันในบทน่ะ


A: มันเยี่ยมมากที่ได้อยู่ในหนังที่มีแอ็กชันกระจายและสามารถเป็นส่วนหนึ่งของแอ็กชันนั้นได้ ความสัมพันธ์ระหว่างโทนีและโรดี้แน่นแฟ้นขึ้นและเราก็จะได้เห็นถึงตัวตนของผู้ชายเหล่านี้และความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญมากขึ้นด้วยครับ ดังนั้น ใช่ครับ ผมมีความสุขที่ได้อ่านบทและเห็นถึงเรื่องนั้น










Q: คุณชื่นชอบการที่เชน แบล็คได้เขียนบทกับดรูว์ เพียร์ซ โดยที่รู้ถึงประวัติของเขาในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายสองคนที่เป็นเพื่อนกันรึเปล่า


A: เชนมีสไตล์สำหรับงานเขียนของเขาและมีอารมณ์ขันที่เข้ากันได้ดีและสานต่อธรรมเนียมที่ถูกสร้างขึ้นมากับตัวละครเหล่านี้อยู่แล้ว มันก็เลยเข้ากันดีครับ นอกจากนี้ เขาก็เป็นผู้กำกับที่ให้ความร่วมมืออย่างมากด้วย มันก็เลยเป็นเรื่องดีที่มีโอกาสได้อยู่ในกองถ่ายที่ความคิดเห็นของคุณเป็นที่ต้อนรับและยกย่องน่ะครับ









Q: คุณได้สวมชุดเกราะไอรอน แพทริออทสีแดง ขาว น้ำเงินด้วย คุณคิดยังไงตอนที่ได้เห็นชุดเกราะนี้

A: ผมคิดว่า “ว้าว มันดูหนักจัง” แล้วผมก็คิดไม่ผิดเลย แต่นอกเหนือจากการพูดเล่นแล้วน่ะครับ ผมรู้สึกดีที่ได้เห็นการตีความที่แตกต่างออกไปของตัวละครตัวนี้ แต่ก็ยังคงถ่ายทอดถึงแก่นแท้ความเป็นเขา ว่าอะไรที่ทำให้เขาเคลื่อนไหว นอกเหนือจากเรื่องของชุดเกราะว่ามันคืออะไร มันมีสีอะไรและมีแบบดีไซน์เป็นยังไงน่ะครับ นั่นเป็นสิ่งที่เราพยายามจะเจาะลึกลงไปจริงๆ





















Q: ชุดเกราะชุดนี้มีน้ำหนักมาก และคุณก็ต้องสวมมันทั้งๆ ที่อากาศร้อนมาก มันเป็นสิ่งที่ทดสอบสภาพความมั่นคงทางจิตใจของคุณรึเปล่า

A: มันเป็นสถานการณ์หนึ่งที่คุณจะพูดว่า “ว้าว ฉันจะได้เป็นวอร์ แมชชีน จะได้เป็นไอรอน แพทริออท ฉันจะได้สวมชุดเกราะทั้งหมดนั่น” แล้วพอคุณสวมชุดเกราะ สามสิบนาทีให้หลัง พวกเขาก็ยังไม่ยอมให้คุณถอดชุดเกราะนั้นออกเสียที จนคุณจะคิดทำนองว่า “นี่ฉันเซ็นสัญญามาเจอกับเรื่องแบบนี้เหรอ” แต่บอกตามตรงครับ เราได้เล่นบทบาทสมมติกับของเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้แต่ตอนที่ผมได้ดูคลิปที่ถูกตัดต่อหยาบๆ หรือสิ่งที่ผมได้ดูที่งานคอมิก คอนหรือสิ่งที่อยู่ในกองถ่าย ผมก็แทบทนรอที่จะได้เห็นมันมาประกอบรวมร่างกันไม่ไหวเลยล่ะครับ










Q: ตอนนี้ มาร์เวลกำลังปลาบปลื้มกับความสำเร็จต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า คุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร

A: ความสำเร็จของหนังไม่ได้ขึ้นอยู่กับตำนานยาวนานที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ในหนังสือการ์ตูนและตัวละครเหล่านี้ที่คนเติบโตมาพร้อมกันมันมา 50 ปีแล้ว แต่มันเป็นเพราะการที่มาร์เวลสามารถร้อยเรียงเนื้อเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ให้แต่ละคนปรากฏตัวในเนื้อเรื่องของอีกคน และการที่หลังจากหนังแต่ละเรื่อง มันจะมีตอนจบที่เนื้อเรื่องต่อไปสามารถเข้ามาสานต่อได้ พวกเขาฉลาดในการทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้คุณติดตามไปถึงเรื่องต่อไป และมันก็สร้างให้เกิดความตื่นเต้นสำหรับตำนานบทต่อไป ว่ามันจะถูกบอกเล่าออกมาอย่างไร พวกเขาฉลาดในเรื่องพวกนี้มากๆ และผมก็คิดด้วยว่ามันมีอารมณ์ขันในแบบที่มันไม่ได้ถูกมองจริงจังจนเกินไปหรือไม่ได้สูงค่าเกินไปจนไม่สามารถแตะต้องหรือไปข้องเกี่ยวได้ ผมก็เลยคิดว่า มันเป็นเรื่องสนุกมากๆ และก็เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เข้าถึงมันได้มากด้วย พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะได้พบกับความสนุกสนาน ก็มันไม่ใช่ยานี่ครับ




















Q: อะไรที่ดึงดูดให้นักแสดงที่วิเศษสุดเหล่านี้สนใจภาพยนตร์มาร์เวล


A: ผมคิดว่ามันเป็นการที่คุณรู้ว่าคุณจะได้มาเจอกับนักแสดงมากพรสวรรค์คนอื่นๆ ในกองถ่าย และสนุกกับสิ่งเสริมแต่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ครับ ผมใช้เวลาสองสามชั่วโมงที่ผ่านมาเหาะเหินอยู่บนลวดสลิง ได้แสดงฉากสตันท์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ได้ลุยด้วยตัวเอง ซึ่งผมก็สนุกสุดๆ กับตัวละครพวกนี้ แล้วฉากที่ผมได้แสดงประกบโรเบิร์ต [ดาวนีย์ จูเนียร์] ที่เราประชันกันก็เป็นความท้าทายด้านการแสดงที่สนุกมากด้วย เขามีความคิดที่คล่องแคล่วและรวดเร็วมากๆ ซึ่งเราก็สนุกกันมากกับการหาคำตอบว่าคนพวกนี้เป็นใครและเราจะทำอะไร ดังนั้น มันก็ไม่ค่อยมีข้อเสียนักหรอกครับ





















Q: อะไรที่ทำให้โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เป็นโทนี สตาร์คที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้

A: บางครั้ง การจับคู่นักแสดงกับตัวละครก็เวิร์ค โดยที่เราไม่สามารถหาเหตุผลที่ชัดเจนมาอธิบายได้ แต่ผมคิดว่าในตอนที่คุณอ่านการ์ตูน คุณก็จะได้เห็นถึงทัศนคติที่หยิ่งยะโสและไม่แคร์ใคร แบบเพลย์บอยที่โรเบิร์ตสามารถแสดงออกมาอย่างยอดเยี่ยม ผมคิดว่ามันเป็นการจับคู่กันที่ลงตัวระหว่างตัวละครกับนักแสดงที่มีความเข้าใจในตัวละครและความสัมพันธ์นั้นอย่างดีครับ





















Q: คุณได้พูดคุยตอบโต้กันในกองถ่ายหลายครั้งรึเปล่า

A: เมื่อคุณได้ร่วมงานกับนักแสดงอย่างโรเบิร์ต [ดาวนีย์ จูเนียร์] ที่สนุกกับการคิดอะไรต่อมิอะไรใหม่ๆ มันก็จะเกิดการตอบโต้กันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณเปิดรับไอเดียนั้น และมันได้รับการสนับสนุน ส่งเสริมโดยผู้กำกับของคุณ ผู้อำนวยการสร้างและทุกคนในกองถ่าย เราทั้งคู่สนุกกันมัน และผมคิดว่านั่นคือตอนที่คุณจะได้เห็นการที่มิตรภาพที่เกิดขึ้นนอกจอสามารถถูกถ่ายทอดขึ้นไปสู่หน้าจอได้ ซึ่งเป็นเรื่องดีครับ พอเราเริ่มถ่ายทำจริงๆ สิ่งต่างๆ เหล่านั้นก็มักจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ เพราะมันเป็นเรื่องทางเทคนิคมากๆ แต่มันก็เป็นกระบวนการที่สนุกดีนะครับ





















Q: เนื้อเรื่องของเอ็กซ์ตรีมมิสต์และเทคโนโลยีชีวภาพไม่ได้ไกลเกินจริงเลยในยุคสมัยนี้ มันช่วยเสริมสร้างอะไรให้กับเรื่องราวบ้าง


A: สำหรับผม สิ่งสำคัญคือมันมีพื้นฐานมาจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป ดังนั้น สำหรับผมแล้ว พล็อตย่อยในบทก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจจริงๆ






















Q: การร่วมงานกับเชน แบล็คในฐานะผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเขานำอะไรมาสู่ภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง


A: เชนได้คิดวิธีที่น่าสนใจมากๆ ในการเล่าเรื่องราวนี้ และเขาก็เป็นผู้กำกับที่ยินดีกับการร่วมมือมากๆ และเขาก็เป็นคนที่คล่องแคล่วและเปิดกว้างมากๆ ด้วย











แมนดาริน










Q: คุณคิดยังไงกับแมนดารินในตอนที่คุณเห็นเขาครั้งแรก

A: ผมชอบเห็นเขาในชุดของเขาครับ แต่ผมตื่นเต้นมากกว่าที่ได้ยินเสียงของเขาและหน้ากากแปลงเสียงที่เขาสวม ผมคิดว่าสำเนียงน่ากลัวที่เขาใช้เป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ มันทำให้ผมตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เห็นว่าเขาจะทำอะไรน่ะครับ





















Q: คุณหวังว่าผู้ชมจะได้อะไรจาก “Iron Man” ภาคสามนี้

A: ผมหวังว่าพวกเขาจะอยากดู “Iron Man 4” ครับ ผมหวังว่ามันจะทำให้พวกเขาสนใจใคร่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะมาร์เวลมีหลายสิ่งหลายอย่างเตรียมรอไว้อยู่แล้ว ซึ่งผมคิดว่ามันจะน่าตื่นเต้นจริงๆ แต่สำหรับการผจญภัยของโทนี สตาร์ค รวมถึงการผจญภัยของโทนี, โรดี้และเป็ปเปอร์ รวมถึงโลกที่พวกเขาสามคนอาศัยอยู่ ผมหวังว่าผู้ชมจะรู้สึกพึงพอใจว่ามันเป็นไปตามสิ่งที่ถูกสัญญาเอาไว้ก่อนหน้านี้และยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ครับ






































Create Date : 25 เมษายน 2556
Last Update : 25 เมษายน 2556 16:26:28 น. 2 comments
Counter : 3652 Pageviews.

 
มารู้จักคนนี้อีกคนคะ คุณดี
ชอบเรื่องนี้มากเลยคะ
ขอบคุณที่มีข้อมูลดี ๆ ของนักแสดงนะคะ


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:16:41:14 น.  

 
เย้ๆ มาอ่านต่อค่ะ คุณดี ^^

เมื่อวานที่เฉลิมไทยมีคนถามถึงคุณลุงเบน คิงส์ลีด้วยค่ะ

กระแส Iron Man ดีนะคะ



โดย: lovereason วันที่: 25 เมษายน 2556 เวลา:21:35:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มัชชาร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




Friends' blogs
[Add มัชชาร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.