Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
17 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
+ + + เปิดใจนักแสดงนำภาพยนตร์ DEAD MAN DOWN .. แค้นได้ตายไม่เป็น .. Noomi Rapace .. นูมี ราเพซ .. .. ..+ + +



อ่านเรื่องย่อ :: เรื่องราวการสร้าง :: ตัวละคร
ภาพยนตร์ :: DEAD MAN DOWN ... แค้นได้ตายไม่เป็น::

.. มีให้อ่านกันทั้งหมด 6 บล็อก ..

คลิ๊กได้เลยค่ะ ..





















+ + + ประวัตินักแสดง + + +
DEAD MAN DOWN แค้นได้ตายไม่เป็น




Noomi Rapace (นูมี ราเพซ)
รับบท Beatrice (เบียทริซ)





















นูมิ ราเพซกระโจนเข้าใส่โอกาสที่จะรับบทเบียทริซใน DEAD MAN DOWN “สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจโปรเจ็กต์นี้ในตอนแรกคือบทค่ะ” ราเพซกล่าว

“ตอนที่ฉันได้อ่านบทครั้งแรก มันโดนใจฉันอย่างจังเลย ฉันอึ้งเลยค่ะ สำหรับฉัน มันเป็นสุดยอดเรื่องราวความรัก ระหว่างคนหลงทางสองคน แล้วฉันก็ได้ยินว่านีลส์ อาร์เดน ออพเลฟจะกำกับมัน แต่ฉันไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันต้องตรวจสอบให้แน่ใจอีกที ฉันก็เลยส่งข้อความไปถามเขาว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า และเขาก็ตอบว่า ‘ใช่’ ฉันก็เลยบอกว่า พระเจ้า เยี่ยมเลย ฉันชอบบทหนังเรื่องนี้นะ แล้วเราก็เริ่มส่งข้อความถึงกันเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แล้วเขาก็บอกว่าเขาอยากให้โคลิน ฟาร์เรลมารับบทวิคเตอร์ ซึ่งก็ฟังดูเยี่ยม ไม่นานนัก เขาก็อยากให้โคลินกับฉันได้พบกัน และเราก็พบกันในแอลเอ ประมาณแปดเดือนก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำ ฉันกับโคลินคุยกันถึงเรื่องราวนี้เล็กน้อย เพื่อทำความรู้จักกัน และฉันก็คิดว่าเรารู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างระหว่างกันตั้งแต่การพบกันครั้งแรกนั้นค่ะ”





















“แล้วฉันก็เริ่มนึกถึงเรื่องราวนี้และตัวละครเหล่านี้จนไม่อาจปล่อยวางได้” ราเพซบอก “ฉันคิดว่ามันเป็นหนึ่งในปฏิกิริยาที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดของฉันที่มีต่อบทหนังเรื่องหนึ่งๆ ฉันคิดว่าฉันตกหลุมรักเรื่องราวนี้ และฉันก็ยังตกหลุมรักมันตลอดระยะเวลาถ่ายทำ แม้ว่าเราจะทำงานกันยาวนาน และบางฉากก็ถ่ายทำยากทีเดียว ฉันก็ยังรักเรื่องราวนี้จริงๆ ค่ะ”


บทเรื่องนี้มีอะไรที่สะดุดใจและทำให้ราเพซรู้สึกเชื่อมโยงกับมันอย่างลึกซึ้งล่ะ? “มันเป็นเรื่องราวคู่ขนานสองเรื่องค่ะ” ราเพซอธิบาย

“มันมีสถานการณ์ชีวิตสองสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างเบียทริซ ตัวละครของฉันและวิคเตอร์ ตัวละครของโคลิน และฉันก็ตอบสนองกับลักษณะที่พวกเขาปฏิสัมพันธ์กันและลักษณะที่พวกเขาเปลี่ยนแปลงการเดินทางของกันและกัน ฉันโตขึ้นมากับการดูหนังอย่าง True Romance, Natural Born Killers และ Thelma and Louise ที่มีเรื่องราวความสัมพันธ์บิดเบี้ยว ที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งระหว่างคนที่ยืนอยู่บนขอบเหว และฉันคิดว่าบทหนังเรื่องนี้มีพลังงานและจิตวิญญาณที่ทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวความรักอมตะพวกนั้น ที่ทั้งรุนแรงและทารุณ แต่ก็ยังมีแสงสว่างในนั้น มันคือการผสมผสานสิ่งเหล่านั้นและความสัมพันธ์ระหว่างวิคเตอร์และเบียทริซนั่นเองค่ะ ฉันคิดว่ามันงดงามมาก ในแง่หนึ่ง พวกเขาเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่พวกเขามีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันและฉันก็คิดว่ามันงดงามทีเดียวค่ะ”



















“เบียทริซ ตัวละครของฉันมีแม่เป็นชาวฝรั่งเศส ที่รับบทโดยอิซาเบล ฮัพเพิร์ท และพ่อชาวอเมริกัน ที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่เธอเป็นเด็กหลังจากที่พวกเขาย้ายจากฝรั่งเศสมานิวยอร์ก” ราเพซอธิบาย


“มันก็เลยมีแต่เบียทริซ ที่มีแง่มุมแบบเด็กยังไม่โต และแม่ของเธอตั้งแต่นั้นมา พวกเธอเหมือนกับใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ฟองสบู่นี้ มันเหมือนเวลาในอพาร์ทเมนต์ของพวกเธอถูกแช่แข็ง พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่เกือบจะเหมือนการพึ่งพาซึ่งกันและกัน พวกเธอพูดต่อประโยคกันได้ เป็นเหมือนพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทมากกว่าแม่กับลูกสาว และสำหรับพวกเธอแล้ว สิ่งสำคัญคือความงดงาม การหาความงดงามในชีวิตและมีความสุขกับชีวิตน่ะค่ะ”




















“และแล้วก็มีบางสิ่งที่ค่อนข้างจะรุนแรงเกิดขึ้นกับเบียทริซ และมันก็เปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของเธอ” ราเพซกล่าว

“มันเหมือนว่าชีวิตเธอหยุดลงในวันนั้น และนับตั้งแต่นั้นมา เธอก็พยายามจะหาหนทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม เธอพยายามหาหนทางที่จะรับมือมัน ที่จะยอมรับมัน ที่จะหาเครื่องมือบางอย่างมารับมือกับหายนะน่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับเธอ และฉันคิดว่าในตอนนั้น มีบางสิ่งเกิดขึ้นระหว่างเบียทริซและแม่ของเธอ พวกเธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสนิทสนมกันได้เหมือนเดิม เบียทริซไม่เล่าให้แม่ฟังอีกแล้วว่าเธอคิดอะไรในใจบ้าง ดังนั้น ความโดดเดี่ยวของเธอก็เลยเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ จนถึงช่วงเวลาหนึ่งในหนังค่ะ”



















“เบียทริซและแม่ของเธอเหมือนเป็นผู้อพยพค่ะ” ราเพซอธิบาย “อย่างน้อยที่สุดแม่ของเธอก็เหมือนอย่างนั้น ถ้าคุณเป็นเด็กที่มาประเทศใหม่ คุณก็อยากจะทำตัวกลมกลืน อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกัน บ้านของพวกเขาจะเหมือนเป็นประเทศเอกราช ฉันคิดว่ามีแง่มุมหนึ่งของเบียทริซที่อยากจะโบยบิน ที่จะจากลา ที่จะทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ผูกพันและใกล้ชิดกับแม่ของเธอมากๆ ฉันไม่แน่ใจว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่เหมาะสม 100% รึเปล่า แต่พวกเธอรักกันและกันอย่างลึกซึ้ง พวกเธอผูกพันกันมาก และมันก็มีเรื่องของความเป็นผู้หญิง ความเป็นคนสวย เซ็กซี มีเสน่ห์ด้วย ฉันคิดว่าแม่ของเบียทริซ ที่รับบทโดยอิซาเบล ฮัพเพิร์ทเป็นคนที่น่าทึ่งและเซ็กซีมากๆ และเธอก็มีความเข้มแข็งที่เปราะบางด้วย ดังนั้น การเป็นลูกสาวของเธอก็คงเป็นเรื่องยากแน่ๆ ค่ะ”





















“ฉันคิดว่าส่วนใหญ่ของความสัมพันธ์ระหว่างเบียทริซและแม่ของเธอเป็นสิ่งที่อิซาเบลและฉันพบร่วมกันค่ะ” ราเพซกล่าว “มันเกิดขึ้นกับฉันตอนที่ฉันทำงานร่วมกับเธอ ฉันไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลยก่อนหน้าที่เราจะก้าวเข้าไปในฉากและเริ่มทำงานด้วยกันน่ะค่ะ”



“ในตอนที่เบียทริซพาวิคเตอร์มาดินเนอร์ที่อพาร์ทเมนต์ของเธอ วาเลนไทน์อยากให้วิคเตอร์ได้เห็นว่าเธอสวยขนาดไหน” ราเพซบอก


“ดังนั้น แม้ว่าเธอจะอยากให้เบียทริซออกไปข้างนอก อยากให้เธอหาหนทางกลับเข้าร่องเข้ารอย กลับมามีชีวิตอีกครั้ง อยากให้เธอเป็นผู้ใหญ่ ให้เธอหาสถานการณ์ของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน วาเลนไทน์ยังอยากจะเป็นคนสำคัญในชีวิตเบียทริซ และเธอก็อยากให้ทุกคนได้เห็นว่าตัวเธอเองยังเป็นคนพิเศษอยู่ บางที เธออาจจะยังมองเห็นตัวเองว่าเป็นหญิงสาวที่จากปารีสมาเมื่อหลายปีก่อนก็ได้ มันเกือบเหมือนว่าเบียทริซและแม่ของเธอไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ มันเหมือนช่วงเวลาที่ถูกตรึงเอาไว้ และพวกเธอก็ไม่ได้ขยับไปในทิศทางไหนทั้งสิ้นก่อนที่วิคเตอร์จะเข้ามาในโลกของพวกเธอน่ะค่ะ”




















“มันเกือบเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นตำนานที่โหดร้าย ซึ่งฉันก็ชอบนะคะ” ราเพซเล่า “และเบียทริซก็เปลี่ยนแปลงจากการเป็นเด็กสาวหวาน มีความเป็นเด็กสุดๆ ไปเป็นคนที่เข้มแข็ง มีความเป็นผู้ใหญ่มากๆ และรับรู้ถึงทุกสิ่งรอบตัวเธออย่างมาก เหมือนกับเธอเป็นเอลฟ์ เอลฟ์ที่ถูกทำร้ายมาก่อนน่ะค่ะ”



“แล้วคืนหนึ่ง เธอก็เห็นวิคเตอร์อยู่ฝั่งตรงข้าม” ราเพซกล่าวต่อ “และฉันคิดว่าเธอรู้สึกถึงความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างกับเขาเพราะเธอเห็นได้ชัดเจนว่าเขาก็เหงาเหมือนกัน มีแค่เขายืนอยู่ตรงนั้น แล้วมันก็เป็นเหมือนความหมกมุ่นสำหรับเธอ ฉันคิดว่าเธอมองเขา ศึกษาเขา ประกอบชิ้นส่วนปริศนาเข้าด้วยกัน พยายามจะปะติดปะต่อปริศนาที่ว่าชายคนนี้เป็นใครน่ะค่ะ”




















“หลังจากเย็นนั้น เบียทริซและวิคเตอร์ถึงเริ่มที่จะทำความรู้จักกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป” ราเพซเล่าต่อ “และเธอก็แปลกใจเล็กน้อยที่เขามีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อเธอ วันหนึ่ง เธอก็เลยตามเขาไป และเขาก็ได้ไปพัวพันกับสถานการณ์ตึงเครียดที่วุ่นวายและรุนแรงมากๆ แล้วเธอก็ได้ช่วยเขาไว้ด้วยรถของเธอ เขากระโดดขึ้นรถและพวกเขาก็เริ่มกลายเป็นเพื่อนกัน พวกเขาเริ่มทำงานร่วมกันในการแก้แค้นของอีกฝ่าย และแล้วเธอก็ตกหลุมรักเขาค่ะ”




















สำหรับการทำงานร่วมกับโคลิน ฟาร์เรล ราเพซมองว่ามันเป็นประสบการณ์ที่พิเศษสุด “ฉันรักการได้ทำงานร่วมกับโคลินค่ะ” ราเพซกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ระหว่างการถ่ายทำ เราส่งข้อความหากันในกลางดึกและเกือบทุกเช้าเกี่ยวกับฉากต่างๆ ‘ถ้าฉันพูดแบบนี้ล่ะ?’ หรือ ‘คุณคิดยังไงกับการแสดงฉากนี้แบบนั้นแทนล่ะ?’ มันเหมือนสมองเราทำงานกันแบบไฮสปีดค่ะ ฉันคิดว่าพลังงานของเราค่อนข้างจะคล้ายคลึงกันในแง่นั้น เราไม่เคยหยุดเลย เราอยู่ในโลกนี้ ใช้ชีวิตในนี้ หายใจเป็นมัน คิดถึงมัน ฉันถึงขั้นฝันว่าฉันกับโคลินกำลังขับรถในเมืองที่มีไฟลุกไหม้ โดยที่เขาขับเหมือนกับคนบ้า และฉันก็นั่งข้างๆ เขาคิดว่า ‘ฉันไม่เป็นไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่เป็นไรเพราะฉันอยู่ข้างๆ เขา’ ฉันเลยคิดว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเรื่องของเราสองคนมากๆ ค่ะ ฉันอยากจะแสดงทุกฉากกับเขา เรามีฉากที่ยาวมากๆ ประมาณเก้านาที และเหมือนกับว่าฉันลืมโลกรอบตัวเราไปเลย มันมีแค่เราสองคนเท่านั้นค่ะ”




















“และโคลินก็ทั้งอ่อนไหว มีสมาธิ มุ่งมั่นและมีอารมณ์รุนแรงเหลือเกิน และเขาก็เปิดกว้าง โดยไม่ปิดกั้นด้วยค่ะ” ราเพซอธิบาย “มันมีแค่เขากับฉัน…และนั่นก็เป็นสิ่งที่งดงามที่สุดเท่าที่คุณจะสัมผัสได้ในฐานะนักแสดง การมีความรู้สึกเชื่อมโยงแบบนั้น มันเกิดขึ้นระหว่างเราและสิ่งอื่นก็ถูกกันออกไป และฉันก็ชอบการมีความรู้สึกแบบนั้นกับเขา และเขาก็ไม่มีความถือตัวเลยค่ะ มันมีแค่เรื่องงานเท่านั้น และเขาก็ทำงานหนักมาก ฉันประทับใจและทึ่งในตัวเขาจริงๆ ค่ะ”




















“ฉันกับโคลินไม่ได้เตรียมฉากของเราล่วงหน้าหรือพูดถึงมันมากนัก” ราเพซเล่า “ฉันคิดว่าเราทั้งคู่ต่างก็มีมันในตัวอยู่แล้ว แล้วพอเราก้าวไปในฉาก สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ฉันมักพยายามเตรียมตัวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้รู้เกี่ยวกับตัวละครให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยต่อยอดจากตรงนั้น ไม่ใช่เป็นการเรียบเรียง วางแผน เพื่อควบคุมทุกอย่าง แต่เป็นการพยายามทำตัวกล้าพอที่จะก้าวเข้าไปและเปิดตัวเองออก และพูดว่า ‘โอเค วันนี้เราจะทำอะไรกัน?’ เพราะฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะทำอะไร และฉันคิดว่าคุณไม่สามารถวางแผนมันได้จริงๆ หรอกค่ะ คุณไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ล่วงหน้ามากเกินไป เพราะคุณไม่รู้หรอกค่ะ คุณไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ และฉันคิดว่าเราสองคนคล้ายกันในแง่นั้น ในแง่ที่ว่าเราอยากจะทดลองสิ่งต่างๆ น่ะค่ะ”



















“เราไม่ได้ซ้อมกันจริงๆ จังๆ ในช่วงสี่วันแรกนั้นในลอสแองเจลิส” ราเพซกล่าว “เราแค่พูดกันถึงเรื่องตัวละครและฉากต่างๆ แต่ภายหลัง ฉันก็อีเมลหามือเขียนบทโจเอล วีแมนถึงฉากที่ฉันอยากจะเพิ่มเติมอะไรบางอย่าง…แล้วเขาก็อีเมลฉากที่เขาเขียนใหม่มาให้ฉัน ซึ่งถ่ายทอดสิ่งที่ฉันต้องการและสิ่งที่ฉันกำลังคิดได้พอดี ความสัมพันธ์ในการทำงานแบบนั้น ที่มีการค้นหาหรือสำรวจสิ่งต่างๆ เริ่มต้นในแอลเอ ตอนที่เราทุกคนนั่งลงคุยกันและเริ่มฝันถึงตอนที่เราก้าวเข้าสู่โลกของหนังเรื่องนี้ด้วยกัน ฉันเลยรู้สึกว่าการทำงานในหนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่เป็นส่วนตัวมากๆ”





















“และแน่นอนว่ากับนีลส์ ด้วยความที่เราเคยร่วมงานกันมาก่อน เขาก็รู้ว่าฉันพยายามจะแสดงให้ลึกที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ และฉันก็ค่อนข้างจะดื้อทีเดียว” ราเพซอธิบาย “ตอนที่ฉันคิดว่าฉันรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ ตอนที่ฉันรู้สึกเหมือนฉันมีคำบอกใบ้บางอย่าง ฉันก็รู้ว่าฉันมีกุญแจไขคนๆ นี้ มีกุญแจไขหัวใจของเขา แล้วฉันก็รู้ว่าฉันต้องลอง ฉันรู้ว่าฉันจะต้องเกลี้ยกล่อมนีลส์ ให้เขาเชื่ออย่างฉัน และฉันก็คิดว่าพวกเราสี่คนต่างก็เป็นแบบนี้ ทั้งนีลส์, ฉัน, โจเอลและโคลิน จริงๆ แล้วมันเหลือเชื่อเลยนะคะ และฉันก็รู้ในตอนที่เรากำลังถ่ายทำหนังเรื่องนี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยมองตัวเองและกำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ก็จริง แต่สัญชาตญาณของฉันก็บอกฉันว่าเรามาถูกทางแล้วน่ะค่ะ”




















สำหรับการร่วมงานกับผู้กำกับนีลส์ อาร์เดน ออพเลฟอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาและราเพซมีความสัมพันธ์ที่พิเศษ “นีลส์บอกว่าฉันเป็นเหมือนระเบิดน้อยหน่า เพราะพลังงานของฉันมันพลุ่งพล่านเหลือเกิน แต่ฉันก็จะต้องโยนคำพูดนี้กลับไปหาเขาค่ะ” ราเพซกล่าวกลั้วหัวเราะ “เขาเป็นเหมือนระเบิดน้อยหน่าค่ะ เขามีพลังงานที่น่าทึ่งและมีอารมณ์เข้มข้นมากๆ เขามีอารมณ์ที่รุนแรง และอาจจะใช้อารมณ์กับหลายเรื่องมากๆ แต่เขาก็ทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้ 150% เสมอ มันเหมือนกับว่าเขาประนีประนอมไม่ได้ มันไม่มีตัวเลือก นั่นเป็นวิธีการทำงานของเขาค่ะ บางครั้ง เขาก็มองหาบางสิ่ง และเขาก็ไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้ ฉันก็เลยจะบอกว่าฉันคิดว่าฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร แล้วฉันก็จะแสดงซักเวอร์ชันหนึ่งออกมา แล้วเขาก็ ‘ใช่ ใช่เลย!’ มีครั้งหนึ่ง เขาเดินมาหาฉันด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขาจูบฉัน กอดฉันแล้วบอกว่า ‘ใช่เลย ใช่เลยล่ะ’ เขาไม่เคยลังเลอะไรเลย เขายืนอยู่ตรงนั้นใจกลางภูเขาไฟค่ะ”




















“ฉันชอบการทำงานกับนีลส์เพราะฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะพาฉันไปไหน หรือเราจะไปลงเอยที่ไหนในตอนที่ถ่ายทำเสร็จ” ราเพซอธิบาย “แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าพลังงานของเขาเป็นอะไรในแง่บวกเสมอ แม้ว่าเขาจะมีพลังงานที่แข็งแกร่ง และเขาก็อาจจะรู้สึกโกรธหรืออะไรก็ตาม แต่มันก็เป็นไปด้วยเหตุผลที่ดีเสมอ ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะเขาอยากจะสร้างหนังที่วิเศษสุดและมหัศจรรย์ และความสัมพันธ์ของเราก็ตรงไปตรงมาและซื่อตรงมากๆ เราไม่ปกป้องกันและกันในความสัมพันธ์ด้านการทำงานของเราเพราะเรารู้ว่าเรามีวิสัยทัศน์เดียวกัน และเราก็รู้ว่าเราทั้งต่างก็ทำงานเพื่อทำในสิ่งที่โดดเด่น และฉันก็คิดว่าเราเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบนั้นในตอนที่เราทำงานใน `The Girl with the Dragon Tattoo’ ค่ะ”




















“และกับนีลส์ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมีพื้นที่ในการแสดงความคิดของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่” ราเพซให้ความเห็น “มีฉากหนึ่งที่ฉันกับโคลินอยากได้ในบท คือพวกเขาต้องรีไรท์มันใหม่เพราะมันยาวเกินไป แล้วโคลินก็มาหาฉันแล้วบอกว่า ‘คุณจำฉากนั้นที่มีเราอยู่ในรถ ด้านนอกบ้านคุณได้มั้ย เราอยากได้มันกลับมานะ’ และฉันก็บอกว่า ‘ใช่ค่ะ’ เราคิดเหมือนกันค่ะ และนีลส์ก็เปิดกว้างมากๆ ฉันคิดว่าเขาอยากให้นักแสดงมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ฉันก็เลยคิดว่าเขาได้สร้างพื้นที่ให้กับเราและเขาก็เปิดโอกาสให้กับฉันเสมอ เผื่อว่าฉันจะอยากแสดงอีกเทคหรือลองทำอย่างอื่น และก็มีบางสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไปมากจากที่อยู่ในบทตั้งแต่ตอนแรก เช่นเรื่องของพลังงานและอารมณ์ของตัวละครของฉันในตอนนั้นน่ะค่ะ ฉันคิดว่านีลส์เชื่อใจฉันเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการร่วมงานกันระหว่างเรา เราไม่ต้องเจรจาต่อรองเลยค่ะ”




















“ทีมนักแสดงใน DEAD MAN DOWN ที่มีโดมินิค, เทอร์เรนซ์, อิซาเบล, โคลินและฉันก็เป็นเหมือนทีมนักแสดงในฝันค่ะ” ราเพซกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ฉันดีใจมากๆ ตอนที่นีลส์ส่งข้อความหาฉันว่าเราได้ตัวโดมินิค คูเปอร์ หรือเราได้เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ดมา ซึ่งแต่ละครั้งฉันก็จะบอกว่า ‘โอเค เจ๋งเลย!’ และพอเขากำลังติดต่อกับอิซาเบล ฮัพเพิร์ท ฉันก็เขียนอีเมลไปหาเธอด้วยตัวเอง ก่อนหน้าที่เธอจะตอบตกลง ว่าฉันนับถือเธอและชื่นชมเธอมากแค่ไหน เธอเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉันจริงๆ และฉันก็ดูหนังของเธอมาหลายปีมากๆ แล้ว ฉันก็เลยบอกเธอไปว่า ‘ถ้าคุณแสดงหนังเรื่องนี้กับฉัน ฉันจะดีใจมากๆ และมันคงเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ฉันรู้ว่าเราจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวที่งดงามและผิดแผกไปทางอารมณ์ได้’ แล้วพอนีลส์ส่งข้อความมาหาฉันบอกว่าเธอตกลง ฉันก็บอกไปว่า ‘เยี่ยมเลย!’ น่ะค่ะ”



















“และทุกคนก็จริงจังกับการสร้างหนังเรื่องนี้มากๆ” ราเพซกล่าวต่อ “มันเหมือนกับเป็นวิธีการทำงานที่บริสุทธิ์ แบบไม่ป้องกันตัวเองเลย มันเป็นเรื่องของฉากล้วนๆ ของการพยายามจะถ่ายทอดแก่นแท้ของฉาก สิ่งที่เราต้องทำ สิ่งที่ฉากบอกเกี่ยวกับคนพวกนี้ และการหาวิธีทำให้ได้แบบนั้นบางครั้งก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่าคุณต้องโหดกับตัวเองและกระโจนเข้าไปในนั้นเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนใหญ่แล้ว ฉันจะรู้สึกกลัวค่ะ ฉันไม่รู้อะไรเลย เหมือนว่าฉันไม่รู้ว่าวันนี้คนๆ นี้เป็นใคร ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ฉันไม่รู้ว่านูมิเป็นใคร บางครั้ง ฉันก็รู้สึกหลงทาง และทันทีที่ฉันทำงาน ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในนั้น และเราเริ่มถ่ายทำฉากนั้นๆ มันเหมือนหมอกควันที่ฉันรู้สึกว่าห้อมล้อมตัวฉันอยู่มันก็หายไป และหนังก็สว่างและชัดเจนขึ้น ดังนั้น มันก็เป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถคาดเดาหรือวางแผนได้เลยน่ะค่ะ”






















คลิ๊กอ่านได้เลยค่ะ ^^

บล็อกที่ 2 ประวัตินักแสดง :: DEAD MAN DOWN แค้นได้ตายไม่เป็น

บล็อกที่ 3 ประวัตินักแสดง :: Colin Farrell.. โคลิน ฟาร์เรล

บล็อกที่ 4 ประวัตินักแสดง :: Dominic Cooper .. โดมินิค คูเปอร์

บล็อกที่ 5 ประวัตินักแสดง :: Terrence Howard (เทอร์เรนซ์ โฮเวิร์ด)








Create Date : 17 พฤษภาคม 2556
Last Update : 18 พฤษภาคม 2556 9:37:11 น. 2 comments
Counter : 2070 Pageviews.

 
นางเอก คล้ายนัท มีเรีย บ้านเราไหมคะ คุณดี


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 17 พฤษภาคม 2556 เวลา:17:42:28 น.  

 
สวัสดีค่า คุณดี ^^

มาตามต่อค่ะ นางเอกคนนี้บางภาพเธอก็สวย บางภาพก็ไม่สวยแถมดูอายุเยอะกว่าโคลินอีก

แต่คาแร็กเตอร์แบบนี้บางทีก็น่าค้นหามั๊งคะ



โดย: lovereason วันที่: 18 พฤษภาคม 2556 เวลา:1:03:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มัชชาร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




Friends' blogs
[Add มัชชาร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.