หักเหลี่ยมร้ายซ่อนลายรัก บทที่ 2 / 2
พอครุ่นคิดถึงความยุ่งยากภายหน้านางก็เกิดความสับสนหากจะเดินหน้าหาผ้าโบราณต่อต้องให้คนอื่นรู้ไม่ได้คุณชายน้อยจึงส่งสัญญาณให้บ่าวคนสนิทไปคุยกันอีกทาง ข้ามีเรื่องที่ต้องให้เจ้าทำ นางป้องปากกระซิบ ให้ข้าทำ?บ่าวร่างอวบขมวดคิ้วสีหน้างุนงงสักพักจึงกระตือรือร้นตอบ คุณชายสั่งการข้ามาได้เลยขอรับ ข้าต้องการให้เจ้าพานางกลับสำนักไปก่อน แล้วคุณชายเล่า? ข้าจะล่วงไปตามหาผ้าโบราณนั่นเองจะได้ไม่เสียเวลาแล้วข้าก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา สวี่ลี่ฟังแล้วถึงกับผงะส่ายหน้าระรัวมิได้นะขอรับหนทางอันตรายเช่นนั้นปล่อยคุณหนูไปคนเดียวนายท่านโบยข้าตายแน่ แค่ที่เราแอบหนีมาตามลำพังก็ว่าแย่แล้ว ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร!คุณชายน้อยชักสีหน้า ทำเสียงดุ อย่าเรียกข้าคุณหนูว่าอย่างไรเล่า แต่คุณหนูเป็นหญิงเดินทางลำพังมันอันตรายเกินไป ใครจะรู้เล่าขนาดเจ้าคนจรนั่นยังไม่รู้เลยว่าข้าเป็นหญิง แถมยังโฉมสะคราญเสียด้วยสวี่ลี่ตอบหน้าง้ำจนโดนตีแขนดังเพียะ โอ๊ย!คุณหนู!... เอ่อ คุณชาย ข้าลืมไปขอรับ จำไว้ว่าสำนักหลิวซือซือมีบุตรชายเพียงคนเดียวหลิวเสียะเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาสลดลงคล้ายมีความรู้สึกคล้ายเย็นชาแต่ล้วนคลายลงรวดเร็ว โธ่คุณชายน้อยของบ่าว มีวาสนาแต่หาได้ทำดังใจ สวี่ลี่น้ำตาซึม ข้าไม่มีเวลาแล้ว หากสำนักเราได้ครอบครองผ้าไหมโบราณในตำนานจริงรับรองว่าเส้นทางสายไหมหนนี้จะต้องมีผ้าจากสำนักหลิวซือซือเดินทางไปเปิดตลาดทำการค้าที่เปอร์เซียให้ได้ แต่ข้าได้ยินว่ามีคนทอที่ฝีมือเทียบเทียมได้คุณชายไม่คิดจะสนใจทาบทามหรือขอรับ สวี่ลี่พยายามแย้งแต่เห็นดวงตามุ่งมั่นของนายน้อยแล้วได้แต่พึมพำเช่นนั้นไม่ได้ก็ต้องได้สินะขอรับ เข้าใจง่ายๆ ก็ดีแล้ว เจ้าจงพานางกลับไปรอที่สำนัก บอกท่านย่าว่าให้นางเป็นสาวใช้ก็ดีทำงานในครัวได้ เฮ้อ!มือห่างตีนห่างเช่นนั้นจะทำเป็นหรือ หากท่านย่าถามไถ่ข้าคงอึดอัดยิ่งกว่าไอ้ใบ้กินบอระเพ็ดเสียอีก บ่าวร่างอวบลอบถอนใจ สกุณางามในคราบคุณชายหลิ่วตาให้สัญญาณทันทีที่สายตาเหลือบเห็นคนเจ้าเล่ห์แสร้งก้มๆ เงย ๆ หาอะไรบางอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลกันนักความไม่ไว้วางใจทำให้คุณชายน้อยเอ่ยกับบ่าวเสียงดังคล้ายโมโห เจ้าฟังไม่ผิดหรอกข้าบอกว่าเราต้องล้มเลิกการเดินทางและกลับสำนักกันได้แล้ว ว่าอย่างไรนะขอรับ สวี่ลี่ปรับอารมณ์ตามไม่ทันสีหน้าเงอะงะงุนงงหนักกว่าเก่า เจ้าหูตึงแล้วหรือข้าบอกว่าจะกลับสำนักแล้ว ข้าเบื่อไม่อยากเที่ยวเล่นให้วุ่นวายก็แค่นั้น เจ้าเข้าใจยากอันใดหนักหนาฮึ! นางแสร้งทำอารมณ์เสียพลันขยิบตาใส่ดังนั้นสวี่ลี่จึงเข้าใจ ถ้าเช่นนั้นเรารีบเดินทางกันเถอะขอรับกว่าจะถึงอีกหลายชั่วยาม คุณชายน้อยพยักยิ้มที่อีกฝ่ายเล่นเล่ห์ตามทันนึกพอใจที่หนุ่มเจ้าเล่ห์คงได้ยินมิเช่นนั้นนางไม่อาจรู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ภารกิจตามหาผ้าโบราณมีความสำคัญต่อสำนักของนางมากกว่าการเสี่ยงกับสตรีที่หาที่มาไม่ได้ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้จึงต้องเป็นความลับสูงสุด
แต่หลิวเสียะหารู้ไม่ว่าหนุ่มพเนจรแอบเข้าใจคำพูดของนางทุกคำเพราะความสามารถในการจับคำพูดจากริมฝีปากคนของเขานั้นแม่นยำตั้งแต่เด็กสืบเนื่องจากมารดาที่พิการตาบอดของเขา นางคิดจะลวงกันงั้นหรืออย่าได้หวัง... หึหึ... ยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าทันทีที่สวี่ลี่เดินส่ายอาดๆเข้ามาหา ดวงตาหรี่มองมาท่าทางเอาเรื่อง แล้วก็จริงอย่างที่คิดเมื่อบ่าวของคุณชายน้อยเท้าเอวหราหน้าตาขึงขัง นี่ก็เสร็จเรื่องยุ่งยากได้เวลาพวกเราต่างคนต่างไปแล้ว หยางซุนหยางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเอ่ยข้าเข้าใจแล้วว่าพวกพ่อค้าวานิชเช่นนายเจ้าเสร็จศึกก็ฆ่าขุนพลเช่นนี้ อย่าว่านายข้านะ!สวี่ลี่เลิกแขนเสื้อท่าทางหาเรื่องทันที หยางซุนหยางโยนต้นหญ้าที่กำลังปั่นหูทิ้งลงพื้นยืดตัวตรงปัดเนื้อตัวก่อนตอบสวี่ลี่แต่ตามองไปทางคุณชายหน้าหวานประเสริฐในเมื่อเก่งกล้าสามารถกันเช่นนี้ ข้าก็ขอไปตามทาง ข้าไปแล้วนะคุณชาย หลิวเสียะไม่ตอบกลับเมินหน้าไปทางอื่นมิไยที่หนุ่มพเนจรจะเอ่ยลอยลมให้ได้ยิน เดินทางปลอดภัยอย่าทำตัวเป็นสุนัขจับหนูอีกนะคุณชาย เจ้าต่างหากที่ทำตัวเป็นสุนัขคุณชายน้อยย้อนก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง สวี่ลี่กับหลิงหลิงต้องเร่งฝีเท้าตามนายไปโดยทิ้งชายพเนจรไว้ข้างหลังพอลับตาก็หยุดเจรจา ได้เวลาแยกกันแล้ว คุณชายแน่ใจว่าจะเดินทางคนเดียวจริงๆ หรือขอรับ สวี่ลี่ถามย้ำอีกครั้ง แน่ใจสิเจ้าพาหลิงหลิงล่วงหน้ากลับสำนักไปก่อน ส่วนข้าจะตามไปหลังจากนั้นคงไม่เกินสามวันหลิวเสียะนับนิ้วมือแล้วทำหน้ายุ่งยาก ข้าน่าจะกลับทันเทศกาลตวนอู่เจ้าบอกท่านย่าแทนข้าด้วย คุณชายให้ข้าไปด้วยดีหรือไม่หลิงหลิงเสนอตัวสีหน้าเป็นห่วง ข้าอยากตามไปปรนนิบัติพัดวีคุณชาย ไม่ได้! เจ้าต้องไปกับข้า บ่าวร่างอวบตอบแทนทันที แต่ข้า... เอาเถอะจงทำตามที่ข้าสั่ง หลิวเสียะสั่งความเสร็จก็เดินแยกไปอีกทางมิไยที่สตรีงามจะรู้สึกเป็นห่วงจนน้ำตาไหลพรากสวี่ลี่ได้แต่ส่ายหน้าหนักใจแทนคุณชายน้อยของตน นึกห่วงภายภาคหน้านางผู้นี้อาจกลายเป็นเครื่องหลังของนายน้อยตน เจ้าจะร่ำรำพันอีกนานหรือไม่...ไปได้แล้ว พูดจบบ่าวร่างอวบก็เดินนำร่างระหงไปทิศทางตรงกันข้ามหลิงหลิงละล้าละลังแต่ก็ยอมเดินตามไปโดยดี หยางซุนหยางนอนดูทั้งสองฝ่ายตกลงกันเสร็จแยกกันไปคนละทางจึงผุดลุกนั่งตวัดขาเกี่ยวกิ่งไม้ครู่ใหญ่จึงโยนผลไม้ป่าทิ้ง กระโดดลงพื้นแล้วเดินตามคุณชายน้อยไปห่างๆ การเดินทางขึ้นเขาป่าสนทางทิศตะวันตกตามแผนที่ราบรื่นจนน่าแปลกใจหลังรอนแรมหลายชั่วยามจนฟ้าเริ่มมืดจันทร์เหลืองนวลดวงใหญ่ทอแสงอ่อนผ่านแนวทึบของเมฆและสุมทุมไม้ใหญ่ ฝนเริ่มพรำเป็นระยะจากเบาเริ่มลงเม็ดหนัก หลิวเสียะยกหลังมือปาดเม็ดฝนที่ตกกระทบใบหน้าด้วยความอ่อนเพลียโชคดีที่คราวนี้นางทำสัญลักษณ์ไว้บนต้นไม้ทำให้ไม่หลงทางเหมือนเช่นคราแรกที่หลงวนเวียนอยู่นาน แต่สิ่งที่ต้องกังวลมากกว่าความมืดที่โรยตัวอย่างเงียบงันคือที่พักค้างแรมร่างอรชรในคราบคุณชายเหลียวมองไปรอบกายล้วนเต็มไปด้วยป่าสนสภาพเหมือนกันแทบไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นใดแม้แต่สัตว์ป่า ช่างน่าแปลกนัก... นางฟาดไม้ถางพงหญ้าไล่สรรพสัตว์มีพิษและอาศัยเสียงสวบสาบของต้นหญ้าเป็นเพื่อนเดินทางแต่ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอยดังไม่ไกล เสียงใคร! สองเท้าเร่งฝ่าดงหญ้าสูงกว่าสองศอกอย่างรวดเร็วไปยังทิศทางที่ได้ยินแล้วนางก็ได้พบต้นทางที่มาของเหตุ โอย...ช่วยด้วย! ขาข้า... หญิงชราร่างเล็กผมสีเทาแซมขาวรวบหลุดลุ่ยนอนคุดคู้ตะแคงกายร้องครวญครางบนหลังงุ้มของนางมีตะกร้าเก่าคร่ำคร่าเต็มไปด้วยเศษไม้ใหญ่น้อย หลิวเสียะรีบรุดไปใกล้แล้วนั่งคุกเข่าตรงหน้าพลางร้องถามท่านยาย! บาดเจ็บตรงไหนบอกข้า! พ่อหนุ่ม! ช่วยด้วย! หญิงชราหน้าเหี่ยวย่นเผยอยิ้มมุมปากค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เพียงแค่สบตาคุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือถึงกับตาค้างราวต้องมนต์สะกดแววตาหญิงชราวาววับฉายแสงสีแดงวาบหนึ่งต้องตาจนสติคุณชายน้อยขาดผึงดับวูบไปในทันที...
ท่านพ่อ...ท่านพ่อเจ้าขา วันนี้ข้ามีข่าวดีเจ้าค่ะ ท่านพ่อ... ทาริกาน้อยในชุดสตรีสีชมพูอ่อนกรุยกรายวิ่งพลางร้องเรียกหาบิดามาตามทางเดินจนถึงโถงกลางของสำนักมือป้อม ๆ แง้มบานประตูจะก้าวเข้าไปพลันต้องหยุดเมื่อมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากภายใน นางแนบหูฟังด้วยความอยากรู้เพราะเสียงฉุนเฉียวของบิดา ท่านพ่อกำลังเจรจากับใครอยู่... ทาริกาน้อยรำพึงแล้วเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ ท่านแม่จะให้ข้าทำเช่นไรเล่าขอรับภรรยาข้าก็ตายไปแล้วบุตรชายสืบสกุลเช่นสำนักอื่นก็หามีไม่ แม่ถึงบอกให้เจ้าแต่งภรรยาเข้าบ้านอีกสักคนอย่างไรเล่า เช่นนั้นมิได้ขอรับ เหตุใดไม่เจ้าไม่อยากมีบุตรชายสืบสกุลหรือ คือข้า...ข้า ข้าสัญญาไว้ก่อนนางตายว่าข้าจะไม่มีอนุ จะรักนางคนเดียว คนตายไปแล้วเหตุใดจึงผูกมัดตัวเองด้วยคำสัญญา ประมุขชราแห่งหลิวซือซือโต้แย้งทันที เจ้าสำนักอึกอักเมื่อคำตอบนั้นมิใช่หนทางปลายอุโมงค์ที่มารดาต้องการแต่คำพูดนั้นมิอาจคืนคำได้ ข้าเชื่อว่าอาเสียะจะต้องเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องให้นางเป็นอย่างที่นางถือกำเนิดลูกเจ้าควรจะได้ร่ำเรียนวิชาในโรงเรียน มิใช่กักขังไว้แต่ในบ้านเช่นนี้ ข้ามิได้ขังลูกข้าสรรหาครูที่ดีที่สุดเผื่อนางนะขอรับ เจ้าสำนักเสียงแข็งเดินไปเดินมาลงฝีเท้าหนัก ๆ อีกทั้งสีหน้าครุ่นคิดก่อนเอ่ยต่อ มีผู้ใดบ้างไม่รักลูกตัวเอง หากมีมันผู้นั้นเป็นคนก็คล้ายมิใช่คนแล้ว แม่จะไม่เถียงกับเจ้าแต่แม่ขอยื่นคำขาดว่าอาเสียะควรจะได้รับอิสระ นางควรได้แต่งงานเป็นภรรยาของใครสักคนและที่สำคัญนางควรได้เป็นแม่ของเด็กคนหนึ่งเมื่อถึงเวลา ข้า...ข้าเอาสำนักมาเสี่ยงเช่นนั้นมิได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกับแม่! ประมุขชรากล่าวจบผลุนผลันออกจากห้องคุณหนูน้อยถึงกับหลบวูบด้วยความตระหนก ท่านพ่อกับท่านย่าทะเลาะกันเพราะนางงั้นหรือ... ทาริกาน้อยครุ่นคิดในใจ ครั้นจะผลักบานประตูเข้าไปก็มีมือป้อมอวบกว่ามาดึงนางไว้ หลิวเสียะหันขวับไปมองแล้วทำหน้าง้ำเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายทันที อาลี่!เจ้า! คุณหนูแอบฟังท่านพ่อกับท่านย่าเจรจากันไม่ดีนะเจ้าคะ แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอย่างไรข้าอยากจะเล่าให้ท่านพ่อฟังว่าข้าเรียนได้คะแนนเต็มนี่นา สวี่ลี่ผู้มีเรือนร่างอวบกว่าแต่ความปราดเปรียวไม่เป็นรองยกมือปิดปากนายน้อยของตนลากพาตัวออกมาหลบข้างเสาแล้วกระซิบบอกอย่าเสียงดังสิเจ้าคะ ทันทีทันใดประตูก็เปิดกว้างหลิวข่ายเยี่ยมหน้าออกมามองกวาดตาซ้ายขวาอย่างระแวดระวังก่อนที่เสียงตามหลังจะดังขึ้น ข้าบอกแล้วให้เจ้าพูดเบาๆ มีใครอยู่ด้านนอกหรือไม่ ประมุขชราแห่งหลิวซือซือเอ่ย ไม่มีผู้ใดขอรับ เจ้าแน่ใจนะนางสำทับอีกครา ขอรับ เจ้าสำนักกล่าวพลางกวาดสายตามองพลันหน้าถอดสีเมื่อเห็นชายกระโปรงพลิ้วไหวที่ข้างกำแพงจึงรีบปิดประตูก่อนประคองมารดาไปนั่งที่เดิมแล้วนั่งลงตามบีบมือนางคล้ายปลอบใจก่อนเอ่ยที่ข้าต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อรักษาสำนักของเราเอาไว้ สำนักจะมาปิดตัวเพียงเพราะข้าไม่มีบุตรชายสืบทอดกิจการมิได้ แต่แม่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเจ้า เจ้าไม่ควรเลี้ยงบุตรีเยี่ยงชาย ข้ารู้ว่าต่อไปลูกข้าต้องแบกภาระมากมายนางต้องเข้าใจขอรับท่านแม่ แล้วถ้าลูกเจ้าเตลิดไปเล่า ลูกข้ามิมีวันทำเช่นนั้นหรอกท่านแม่อีกหน่อยนางต้องรู้ว่าภาระหน้าที่สำคัญกว่าความสุขส่วนตัวมากนัก แม่ไม่พูดกับคนหัวดื้อเช่นเจ้าแล้ว ทาริกาน้อยลอบฟังทุกคำด้วยความตระหนกสุดขีดนางล่วงรู้ความนัยของบิดาแล้ว มิน่าเล่านางจึงถูกห้ามไม่ให้ไปโรงเรียนเฉกเช่นคนอื่น นางสะอื้นไห้เมื่อนึกถึงวันที่ต้องตัดผมสลวยยาวกลางหลังเหลือเพียงผมยาวประบ่าเพื่อรวบมวยผูกผ้าแบบบุตรชาย เลิกประแป้งแต่งแต้มสีชาดบนริมฝีปาก เลิกอาบน้ำด้วยน้ำอบปรุง เลิกรัดเท้าและสลัดชุดยาวฮั่นฝูสตรีกรอมเท้าสีหวานแสนสวยออกแล้วแทนที่ด้วยชุดบุรุษกับเสื้อคลุมตัวยาวเยี่ยงชายชาวฮั่นนับแต่นั้น... นี่คือชะตากรรมที่นางต้องเผชิญ...
Create Date : 23 ตุลาคม 2561 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2561 13:25:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 470 Pageviews. |
|
|