..
ฝนตก ไม่หนักไม่เบา พวกเราเดินหลบเข้าสู่ที่หมาย
ผมเงยหน้า หันมองรอบตัว ไม่คุ้นเคยกับความหรูหราของมัน
เรานั่งลงรอบโต๊ะแก้วสีดำวาว สะท้อนแสงไฟสีเหลืองนวลดูอุ่นตา
ความหนาวเย็นจากฝนหายไป เมื่ออาหารทยอยลงสู่กระเพาะว่างๆ
บทสนทนาหลายบทผ่านไป และยังดำเนินอยู่
บทสนทนาที่ผมไม่มีส่วนร่วม
"(ชื่อผม)"
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรที่ผมถูกดึงให้กลับมาสู่วงสนทนา
ผมยิ้มกว้างให้พวกเธอ ตอบคำถามในสิ่งที่พวกเธอถาม
ผมมองเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารตรงหน้า
เธอมีความสุขกับการกิน
ผมมองมือของเธอที่ขยับอย่างคล่องแคล่วเพื่อจัดการอาหารบนจาน
ในขณะที่ผมเอง จบการกินไปนานแล้ว
ผมชอบมองมือ
ผมชอบมองริมฝีปาก
ผมว่า คนเราก็มีความชอบในการมองบุคคลตรงหน้าแตกต่างกันไป
วันนี้ ผมเลือกที่จะมองสิ่งที่ผมชอบ แทนที่การร่วมวงสนทนา
อาหารหมดไป กาแฟหมดแก้ว น้ำเย็นชะรสตกค้างในปากให้หมดไป
บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปอย่างออกรส
ผมยังคง เงียบต่อไป
บทสนทนาเหล่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อผม
มันก็แค่การผ่านเวลาไปพร้อมกันกับพวกเธอ เท่านั้นเอง
และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ผมได้ยิ้มได้ โดยไม่ต้องออกแรงคุย
ผมมักจะเป็นคนขี้เกียจคุยและประหยัดคำพูดเสมอในวงสนทนาใหญ่ๆ
อืมม .. บทสนทนาที่ไม่มีความหมายกับผม
แต่ความรู้สึกของการได้อยู่ร่วมกัน มันมีความหมายมากกว่า
อย่าบ่นว่าผมเลยนะ หากผมจะเงียบไปในวงสนทนา
ขอให้รู้เถอะว่า ผมจดจำรายละเอียดความรู้สึกกับพวกคุณได้เป็นอย่างดี
อืมม .. แล้วเมื่อไรบทสนทนานั้นจึงจะมีความหมายให้ผมได้จำ ?
อืมม ..
เมื่อคนตรงหน้าเป็นใครสักคนหนึ่งที่ผมมองหาละมั้งนะ
Create Date : 11 กรกฎาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2551 6:41:29 น. |
Counter : 592 Pageviews. |
|
|
|
|
เคยอ่านข่าวที่ blognone ว่ามีงานวิจัยชิ้นหนึ่งรายงานว่าคนญี่ปุ่นมักเป็นโรคซึมเศร้ากันมากเวลาหน้าฝน คนไทยก็ไม่ต่างกันอ่ะมั้ง อิอิ
(ไม่ได้เข้ามานาน หลัง ๆ มานี่เขียนแต่เรื่องเหงา ๆ นะตะเอง)
ปล. ว่าแต่คนอื่น ก่อนหน้านี้ก็เกือบไป ยังกลัว ๆ อยู่เลยว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า เอิ้ก ๆๆๆ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่หายหน้าหายตาไป