ท้องอืด.... อาหารไม่ย่อย
สังเกตไหมคะว่า น้อยคนนักที่จะไม่เคยมีอาการท้องอืดเลย โดยเฉพาะคนในเมืองหลวง แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ที่มีอาการนี้กันทุกครัวเรือน ผู้ที่มีอาการท้องอืด จะรู้สึกปวดท้องส่วนบน ทำให้แน่นท้อง มีลมในท้อง ต้องเรอบ่อยๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อิ่มเร็ว หรืออาจมีอาการแน่นท้อง แม้กินอาหารเพียงเล็กน้อย และแสบบริเวณหน้าอก
สาเหตุนั้น เกิดจากหลายอย่างด้วยกัน ตั้งแต่
1. โรคในระบบทางเดินอาหารเอง ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร พยาธิในทางเดินอาหาร อาการแสบบริเวณหน้าอก ซึ่งอาจจะเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อนได้ 2. โรคที่เกิดจากสิ่งภายนอก ได้แก่
ยาต่าง ๆ ที่กิน ยาหลายชนิดจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ได้แก่ ยาแก้ปวดข้อทั้งหลาย ยาบางชนิด จะทำให้กระเพาะและลำไส้บีบตัวน้อยลง เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาปฏิชีวนะบางอย่าง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม เช่น สุรา เบียร์ หรือน้ำชา กาแฟ จะทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ รวมทั้งการระคายเคืองจากบุหรี่ ตลอดจนอาหารที่ย่อยยากหลายอย่าง รวมทั้งอาหารที่มีกากมาก ๆ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง 3. โรคของทางเดินน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี 4. โรคของตับอ่อน 5. โรคทางร่างกายอย่างอื่น ๆ เช่น เบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ 6. พฤติกรรมในการกิน ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการท้องอืด โดยเฉพาะอาหารรสจัด จะทำให้เยื่อบุอาหารอักเสบ การกินอาหารรีบร้อน เคี้ยวไม่ละเอียด หรือกินครั้งละมากๆ รวมทั้งกินอาหารที่ย่อยยาก อาหารมัน
สำหรับผู้ที่ชอบกินผัก แม้จะมีเส้นใยมาก ถ้ากินมากไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดขึ้นได้ เนื่องจากร่างกายเราไม่มีน้ำย่อยเส้นใยเหล่านี้ ต้องอาศัยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นตัวช่วยย่อยสลาย อย่างไรก็ตามอาหารประเภทผักก็มีประโยชน์ เพราะทำให้การขับถ่ายสะดวก
เช่นเดียวกับอาหารประเภทนมนั้น ในคนแถบเอเชียจะไม่มีน้ำย่อยที่ย่อยนม หรือถ้ามีก็มีปริมาณน้อย เมื่อกินนมเข้าไปมาก อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสีย ควรงดหรือค่อย ๆ ดื่มนมทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับตัวจนดื่มนมได้ในปริมาณที่ต้องการ แต่หากดื่มนมเปรี้ยว จะไม่มีอาการ เนื่องจากในนมเปรี้ยวจะมีการย่อยนมไปเป็นบางส่วนแล้ว
ท้องอืดบ่อย ๆ ผิดปกติหรือไม่
อาการท้องอืด ถ้านาน ๆ เป็นครั้งคราว จะไม่เป็นไร แต่ปัญหาที่พบบ่อยในคนที่ท้องอืด คือ โรคกระเพาะ อาจเป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบ บางคนอาจเป็นโรคของทางเดินน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือจากอาหารที่เรากินเข้าไป แต่ถ้าเป็นบ่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ มักจะเป็นสัญญาณเตือนถึงอาการนำอย่างหนึ่งของมะเร็งในช่องท้อง ร่วมด้วยอาการอื่น ๆ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ซีด ซึ่งควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด
แก้ไขเบื้องต้น
การแก้ไขเบื้องต้น อาจใช้ยาสามัญประจำบ้าน ได้แก่ ยาขับลม หรือ ยาธาตุน้ำแดง ลองกินดูก่อน และปรับอาหารโดยกินอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายแต่พอควร ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์ ส่วนการกินยาช่วยย่อย อาจช่วยลดอาการท้องอืดได้บ้าง แต่ถ้าต้องกินทุกวัน คงจะไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการท้องอืด ซึ่งอาจจะทำให้โรคเป็นมากขึ้นได้
เมื่อใดควรไปพบแพทย์
ผู้ที่มีอาการดังนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษา
1. ในผู้สูงอายุ เช่น อายุเกิน 40 ปี เพิ่งจะเริ่มมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจาก พบว่ามะเร็งของกระเพาะอาหาร หรือตับมักจะพบในคนอายุเกินกว่า 40 ปี 2. ในคนที่มีอาการท้องอืดร่วมกับมีน้ำหนักลด 3. มีอาการซีด ถ่ายอุจจาระดำ 4. มีอาเจียนติดต่อกัน หรือกลืนอาหารไม่ได้ 5. ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีก้อนในท้อง 6. ปวดท้องมาก 7. ท้องอืดแน่นท้องมาก 8. การขับถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็น เช่น อาการท้องผูกมากขึ้น จนต้องกินยาระบายหรืออาการท้องผูกสลับท้องเดิน เป็นต้น
การรักษา
ถ้าในคนอายุน้อยไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าเป็นโรคที่อันตราย แพทย์อาจให้ยามากิน และแนะนำวิธีปฏิบัติตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน และนัดมาพบเพื่อดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้น แพทย์อาจดำเนินการสืบค้นหาสาเหตุ ที่แท้จริงต่อไป
คำถามน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องท้องอืด
ถาม. ลักษณะอาการท้องอืด มีลักษณะอาการอย่างไร
ตอบ. ได้แก่ อาการ ที่มีการปวดท้องส่วนบน ท้องอืด แน่นท้อง มีลมในท้อง ต้องเรอบ่อยๆ บางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อิ่มเร็ว หรือบางคนอาจจะมีอาการแน่นท้อง แม้กินอาหารเพียงเล็กน้อย แสบบริเวณหน้าอก
ถาม. สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องอืด เกิดจากสาเหตุอะไร
ตอบ. สาเหตุอาจจะเกิดจากหลายอย่างด้วยกัน 1. โรคในระบบทางเดินอาหารเอง ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร พยาธิในทางเดินอาหาร เป็นต้น 2. โรคที่เกิดจากสิ่งภายนอก ได้แก่ ยาต่าง ๆ ที่เรารับประทาน ยาหลายชนิดจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ได้แก่ ยาแก้ปวดข้อทั้งหลาย ยาบางชนิด จะทำให้กระเพาะ และลำไส้บีบตัวน้อยลง เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาปฏิชีวนะบางอย่าง เครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอลเป็นส่วนผสม เช่น เหล้า เบียร์ จะทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ บุหรี่ อาหารที่ย่อยยากหลายอย่าง รวมทั้งอาหารที่มีกากมาก ๆ อาหารรสจัด 3. โรคของทางเดินน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี 4. โรคของตับอ่อน 5. โรคทางร่างกายอย่างอื่น ๆ เช่น เบาหวาน โรคต่อมไทรอยดพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร มีส่วนเกี่ยวข้อกับอาหารท้องอืด
ถาม. พฤติกรรมในการรับประทานอาหารมีส่วนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการท้องอืดหรือไม่
ตอบ. พฤติกรรม ในการรับประทานอาหาร มีส่วนด้วยอย่างแน่นอน เช่น การรับประทานอาหารรสจัด จะทำให้เยื่อบุอาหารอักเสบ การรับประทานอาหารรีบร้อน เคี้ยวไม่ละเอียด รับประทานครั้งละมากไป รวมทั้งรับ ระทานอาหารย่อยยาก รับประทานอาหารมันอาหารประเภทผักจะมีเส้นใยปริมาณมาก ร่างกายเราไม่มีน้ำย่อยที่จะทำการย่อย เส้นใยเหล่านั้น แบคทีเรียในลำไส้จะเป็นตัวช่วยย่อยทำให้เกิดมีกรดบางอย่างนั้น อาจจะทำให้ท้องอืดได้ ถ้ารับประทานมากไป แต่อาหารที่มีเส้นใยมากก็จะมีประโยชน์ในเรื่องของการขับถ่ายจะทำให้ขับถ่ายสะดวกอาหารประเภทนม ในคนแถบเอเชียจะไม่มีน้ำย่อยที่ย่อยนม หรือมีปริมาณน้อย เมื่อรับประทานจะทำให้มีอาหารท้องอืด หรือท้องเสีย ได้ถ้ารับประทานมาก
ถาม. คนที่ท้องอืดบ่อยๆ ถือว่ามีความผิดปกติหรือไม่
ตอบ. อาการท้องอืดถ้านาน ๆ เป็นครั้งคราวจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นบ่อย ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารท้องอืด โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะอาการท้องอืด เป็นอาการนำอันหนึ่งของมะเร็ง ในช่องท้อง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่เคยมีอาการมาก่อน เพิ่มจะมีอาการท้องอืด ในช่วงเวลาสั้น ๆ รวมถึงถ้ามีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เมื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ซีด ควรจะรีบพบแพทย์ เพราะอาจจะเป็นอาการนำของมะเร็ง กระเพาะอาหารได้
ถาม. ปัญหาที่พบบ่อย ในคนที่มีอาการท้องอืดบ่อยๆ
ตอบ. ปัญหาที่พบบ่อย ในคนที่ท้องอืด ได้แก่ โรคกระเพาะอาจจะเป็นแผลในกระเพาะอาหาร หรือกระเพาะอาหารอักเสบ อาจจะเป็น โรคของทางเดินน้ำดี เช่น เป็นนิ่วในถุงน้ำดี หรืออาจจะเป็นจากอาหารที่เรารับประทาน
ถาม. เมื่อมีอาการท้องอืด เบื้องต้นมีวิธีแก้ไขอย่างไร
ตอบ. การแก้ไขเบื้องต้น อาจจะใช้ยาสามัญประจำบ้าน ได้แก่ ยาขับลม หรือ ยาธาตุน้ำแดง ลองรับประทานดูก่อน ปรับอาหารให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย รับประทานแต่พอควรไม่ให้มาก ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
ถาม. การรับประทาน ยาช่วยย่อยที่มีขายตามร้าน ขายยาทั่วไปมีผลอย่างไรต่อร่างกายหรือไม่ในกรณี ใช้เป็นประจำ
ตอบ. การรับประทานยาช่วยย่อย อาจจะช่วยอาการท้องอืดได้บ้าง แต่ถ้าต้องรับประทานทุกวัน คงจะไม่ถูกต้องเพราะเราไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ของอาการท้องอืดและไม่ได้รับการแก้ไขสาเหตุที่แท้จริง อาจจะนำให้ โรคเป็นมากขึ้นได้
ถาม. เมื่อใดควรไปพบแพทย์
ตอบ. ผู้ที่มีอาการดังต่อไปนี้ควรจะไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และทำการรักษาได้แก่ 1. ในคนสูงอายุ เช่น อายุเกิน 40 ปี เพิ่งจะเริ่มมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจาก พบว่ามะเร็งของกระเพาะอาหาร หรือตับมักจะพบในคนอายุเกินกว่า 40 ปี 2. ในคนที่มีอาการท้องอืดร่วมกับมีน้ำหนักลด 3. มีอาการซีด ถ่ายอุจจาระดำ 4. มีอาเจียนติดต่อกัน หรือกลืนอาหารไม่ได้ 5. ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีก้อนในท้อง 6. ปวดท้องมาก 7. ท้องอืดแน่นท้องมาก 8. การขับถ่ายอุจจาระเปลี่ยนแปลงไป
ถาม. การรักษาในปัจจุบัน
ตอบ. ถ้าในคนอายุน้อยไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่า เป็นโรคที่อันตรายแพทย์ อาจจะให้ยามารับประทาน และแนะนำวิธีปฏิบัติตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และนัดมาพบเพื่อดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้น แพทย์อาจจะดำเนินการ สืบค้นหาสาเหตุ ถ้าเป็นในกรณีที่กล่าวข้างต้น ถึงอาการต่างๆ แพทย์คงจะต้องทำการตรวจสืบค้นหาสาเหตุ และรักษาไปตามต้นเหตุ
ถาม. ข้อแนะนำ และการปฏิบัติตัวในผู้ที่มีอาการท้องอืดและการป้องกัน
ตอบ. ไม่ควรดื่มสุรา หรือ แอลกอฮอลล์ อาหารรสจัด อาหารหมักดอง บุหรี่ น้ำชา กาแฟ ผู้ที่ดื่มนมแล้วมีอาการท้องอืด หรือท้องเสีย อาจจะขาดน้ำย่อย ใช้ย่อยนม ซึ่งได้แก่การเปลี่ยนแปลงในการกินอยู่และการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรรับประทานอาหารประเภทผักที่มีเส้นใยมากๆ ถ้ารับประทานอาหารมากไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดเกินขึ้นได้ เพราะเส้นใยอาหารหรือกากใยอากรร่างกายเราย่อยไม่ได้ต้องอาศัยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป้นตัวช่วยย่อยสลาย แต่อย่างไรก็ตามอาหารประเภทผัก ก็มีประโยชน์ เพราะทำให้การขับถ่ายสะดวก สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารควรรับประทานอาหารครั้งละมากๆ แต่ควรจะมีอาหารว่างระหว่างมื้อ รับประทานอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียดไม่ควรรีบร้อน
ขอบคุณข้อมูลจากwww.si.mahidol.ac.th
Create Date : 24 มีนาคม 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 6 เมษายน 2553 10:59:53 น. |
Counter : 4781 Pageviews. |
|
|
|