เดิน 30 นาทีดีต่อแม่ตั้งครรภ์
กรมอนามัย แนะหญิงตั้งครรภ์ ออกกำลังกายเหมาะสมและถูกวิธี แค่เดินต่อเนื่องอย่างน้อย วันละ 30 นาที ส่งผลดีต่อสุขภาพของแม่และลูก ช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ขณะคลอด หรือภายหลังคลอดได้ นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ ต้องแบกรับภาระน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติถึง 10 กิโลกรัม สาเหตุอันเนื่องมาจากอวัยวะหลายๆ อย่างของร่างกายขยายใหญ่ขึ้น เช่น มดลูกที่ขยายใหญ่ ขึ้นตามขนาดของตัวเด็ก ถ้ามีการยืดออกมามากๆจะทำให้ผนังหน้าท้องไม่มีแรงที่จะพยุงครรภ์ และไม่มีแรงช่วยเบ่งขณะคลอด นอกจากนี้ การตั้งครรภ์ยังทำให้มารดามีอัตราการเต้นของหัวใจ เร็วกว่าปกติ สาเหตุเนื่องมาจากภายในร่างกายมีการเผาผลาญที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเอ็นมีความยืดหยุ่นมากกว่าปกติ ซึ่งถ้ามีการออกกำลังกายที่ไม่ถูกวิธี หรือมีการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อทำกิจวัตรประจำวันที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของข้อต่อได้ง่าย และเกิดการปวดหลัง ปวดเอว ในเวลาต่อมาได้ นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรมอนามัยได้ทำการศึกษาวิจัยในหญิงตั้งครรภ์ท้องแรก ซึ่งเป็น คนไทยเกี่ยวกับการออกกำลังกายในขณะตั้งครรภ์ พบว่าสามารถช่วยลดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ในขณะตั้งครรภ์ให้น้อยลง เช่น อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อาการอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้า อีกทั้งยังช่วยให้แม่ฟื้นตัวหลังคลอดได้เร็วขึ้น สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการตรวจและยืนยัน จากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขว่าสามารถออกกำลังกายได้ ช่วงเวลา ที่เหมาะสมในการออกกำลังกายคือ เมื่ออายุครรภ์ครบ 2 เดือนขึ้นไป สำหรับผู้ที่มีประวัติแท้งง่ายควรเริ่มออกกำลังกายเมื่ออายุครรภ์ครบ 3 เดือนไปแล้ว “ทั้งนี้ วิธีการออกกำลังกายที่เห็นว่าที่เห็นว่าง่าย ปลอดภัย คือการเดิน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและปอด โดยให้เดินต่อเนื่องกันให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที และการบริหารร่างกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยืน การเดิน การทรงตัว และกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงครรภ์ หรือช่วยในการคลอด ซึ่งท่าบริหารมีเพียงไม่กี่ท่า
ในแต่ละท่าจะบ่งบอกจำนวนครั้งและข้อควรระวัง แต่สิ่งสำคัญของการออกกำลังกายที่หญิงตั้ง ครรภ์ต้องคำนึงถึงคือ การเริ่มต้นอบอุ่นร่างกายก่อนเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ปรับตัวเสียก่อน และภายหลังจากการออกกำลังกายควรมีการผ่อนหยุด โดยการเดินช้า ๆ เพื่อให้เลือดจากส่วนปลายของร่างกายไหลกลับเข้าสู่หัวใจ และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดเข้าสู่ระบบปกติ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ที่มา ผู้จัดการ
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2552 14:39:23 น. |
Counter : 1402 Pageviews. |
|
|
|