Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2562
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
11 มิถุนายน 2562
 
All Blogs
 
นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 6 – คัมภีร์อาถรรพณ์ แปลโดย ภาวิดา คนบ้านป่า

LITERATURE
นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 6 – คัมภีร์อาถรรพณ์
แปลโดย ภาวิดา คนบ้านป่า
***********************************************************

ความเดิม:
บทที่ 1 ดาวพิษเวิร์มวู้ด
บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง
บทที่ 3 หมอยา
บทที่ 4 ซอยอินนิโก้
บทที่ 5 ปีกเทวดาตกสวรรค์

แผนผัง Bloombury Square
cr:https://historicengland.org.uk/listing/
the-list/list-entry/1000210


บทที่ 6 – คัมภีร์อาถรรพณ์

นางมาลาคิ่นเดินต้วมเตี้ยมไปตามทางเดินที่บ้านเลขที่ 6 จัตุรัสบลูมสเบอรี่ เสียงห่วงเคาะประตูกระทบแผ่นทองเหลืองดังกังวานน่ารำคาญไปทั่วบ้าน นางเดินไปหอบไปอย่างหงุดหงิด อ้าปากหอบหายใจแล้วใช้ชายผ้ากันเปื้อนเช็ดคราบเขม่าดำจากแก้มยุ้ยและแดงด้วยความเหนื่อย ทางเดินคลุ้งด้วยควันจากไฟที่เพิ่งจุดในห้องรับแขกเพราะอีกาทำรังขวางทางระบายควันซึ่งเป็นปล่องไฟแคบๆ

“ใจร้อน! มีแต่คนใจร้อนทั้งนั้น!” นางพูดขณะกัดฟันเดินไปที่ประตู

“ประตู มาลาคิ่น! ช่วยไปเปิดประตูหน่อย” เบล้กส่งเสียงลงมาจากห้องดูดาว “บอนนั่มมากับเพื่อนๆ บอกให้รอที่ห้องรับแขกนะ”

นางมาลาคิ่นพยักเพยิดกับตัวเอง พึมพำด้วยลมหายใจที่ยังพอมีเหลือ นางถอดกลอนประตูแล้วเปิดออกไปสู่ยามราตรี ก่อนนางจะทันได้เอ่ยปากทักทาย บอนนั่มก็ผลักนางให้พ้นทางแล้วก้าวเข้ามาในโถง ชายสองคนสวมวิกและเสื้อคลุมชั้นดีตามเข้ามา

“ดร. เบล้ก” นางมาลาคิ่นสะดุ้งอ้าปากค้างด้วยลมเย็นยามค่ำ “อยากให้พวกคุณไปที่ห้องรับ...”

บอนนั่มไม่พูดอะไร ท่าทีเขากลัดกลุ้มอย่างหนักขณะที่นำแขกผู้มีเกียรติไปยังห้องรับแขก เขาสูดจมูกฟุดฟิดแล้วนิ่วหน้าใส่ชายตัวเล็กร่างผอมผู้ตามหลังมาติดๆ เพดานห้องถูกบดบังด้วยควันทึบสีขาวที่คลุ้งอยู่จนแสบตา

“เขาต้องการให้พวกคุณรอในนี้” นางมาลาคิ่นพูดแล้วกระแทกประตูปิดตามหลัง หักห้ามใจที่นึกอยากขังพวกนั้นไว้ในห้องนี้ชั่วนิรันดร์ นางพยายามหัวเราะแต่ปอดที่ถูกไอน้ำยาฟอกผ้าทำร้ายมานานนับปียอมให้ทำได้แค่ไอแหบๆ

เซเบี้ยน เบล้กกุมหมวกจีนใบเล็กวิ่งลงบันไดมา เสื้อคลุมไหมสีน้ำเงินแบบที่ใส่อยู่กับบ้านปลิวสะบัดเหมือนใบเรือ นางมาลาคิ่นถลาหลบเพื่อไม่ให้ถูกชนตกบันไดลงไปในครัว

“ท่านทั้งหลาย!” เบล้กตะโกนเสียงดังก่อนเปิดประตู “คืนอันแสนอัศจรรย์กำลังรอเราทุกคนอยู่ ทุกอย่างพร้อมและ...” เขาเปิดประตูห้องรับแขกพรวด ควันลอยเอื่อยๆ ออกสู่โถงทางเดิน “สหาย” เขาพูด “อย่ารอตรงนี้เลย ดาวกำลังจะขึ้นแล้ว และคืนนี้ข้ามีของให้ชมที่แม้แต่คนที่ชอบตะบี้ตะบันคิดว่าคนอื่นงี่เง่าก็จะต้องตะลึง”

บอนนั่มก้าวออกจากควันไฟมาสู่แสงเทียนขาวนวลในโถง แขกคนอื่นๆโผล่ออกจากห้องรับแขกเหมือนผีโผล่จากหลุม

เบล้กเรียกชื่อทักทายแต่ละคน “เยทส์ … ลอร์ด แฟลมเบิร์ก … ยินดีต้อนรับ!” เขาปรบมือเข้าหากันแล้วยิ้ม “อย่ารอช้าอีกเลย อีกไม่นานสิ่งที่ข้าจะให้ท่านได้ชมกันก็จะปรากฏขึ้นจากห้วงลึกของท้องฟ้า” เขาหันกลับแล้วทำท่าให้คนอื่นตามขึ้นบันไดไป

“ข้าหวังว่าคงใช้เวลาไม่มากนะ เบล้ก” เยทส์พูดชัดถ้อยชัดคำพลางลูบเคราดกยาว “วงไพ่รอข้าอยู่ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรเลย บอนนั่มยืนกรานว่าต้องเป็นคืนนี้ ทำยังกะคนเสียสติ”

“ขอพระเจ้าทรงปกป้องพวกเราจากความวิกลจริตและโรงพยาบาลบ้าด้วยเถิด” เบล้กรีบตอบ “ถ้าสิ่งที่ข้าเชื่อเป็นความจริง สิ่งที่ทุกคนจะได้เห็นคืนนี้ก็อาจเป็นสัญญาณว่าจะเกิดเรื่องวิกลจริตมากกว่าที่เห็นที่โรงพยาบาลบ้าเสียอีก” เบล้กโน้มตัวลงบนทางขึ้นบันไดและหันมาเผชิญหน้าคนอื่นๆ “ก่อนที่เราจะไปต่อ ข้าต้องขอร้องให้ทุกคนเก็บเรื่องที่เห็นในคืนนี้เป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาอันควร ส่วนเจ้านะ เยทส์ เจ้าก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำความเข้าใจเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่เพื่อหาข้อเท็จจริงสำหรับหนังสือข่าวซุบซิบที่เจ้าเรียกว่าหนังสือพิมพ์นั่น ต่อจากนี้อีกสามวันเจ้าจึงจะเผยแพร่เรื่องที่เห็นในคืนนี้ให้โลกรู้ได้ ตกลงมั้ย?”

เยทส์มองพื้นแล้วใช้นิ้วยาวป้อมๆ ลูบราวบันไดอย่างครุ่นคิด เขาชูนิ้วเปื้อนฝุ่นให้เบล้กดู “สิ่งสกปรกมีอยู่ทุกหนแห่ง การแจ้งให้โลกรู้เป็นหน้าที่ของข้า ไม่ว่ากษัตริย์หรือทาส คนรวยหรือคนจน ก็ไม่อาจหลีกหนีความโสมมไปได้ เรื่องสกปรกนั้นมีอยู่เต็มท้องถนน เต็มหัวของเรา และข้ามาที่นี่เพื่อเปิดเผยเรื่องสกปรกสู่สายตาโลก”

“ใช่ และสายตาของใครก็ตามที่อยากซื้อหนังสือพิมพ์ ลอนดอนครอนนิเคิล บอนนั่มสอด “เจ้าเห็นด้วยกับเขารึเปล่า? ถ้าเห็นด้วย เราจะไปต่อ ถ้าไม่งั้นข้าจะเหวี่ยงเจ้าลงบันได จะได้ไปเล่นไพ่กับอีหนูซะ”

เยทส์หันมายืนค้ำหัวบอนนั่ม เขาเป็นคนร่างยักษ์ คิ้วหนาดูเหี้ยมหาญ ตาสีฟ้าเหมือนเหล็กกล้า หุ่นเหมือนนักมวยปล้ำ เยทส์ไม่กลัวมนุษย์หน้าใหน “เจ้าจะทำอะไรนะ บอนนั่ม? เหวี่ยงข้าไปที่ไหนนะ บอนนั่ม?” เขาคว้าปกเสื้อคลุมของบอนนั่ม แล้วหิ้วตัวบอนนั่มด้วยมือข้างเดียวจนเท้าไม่แตะพื้น “เจ้าอยากบินมั้ย จะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ได้ลองบินไง” เขายกบอนนั่มขึ้นสูงกว่าเดิม หิ้วไปทางปล่องบันไดที่ดิ่งสู่พื้นเบื้องล่าง “ข้ามาที่นี่นะ บอนนั่ม เพราะข้าได้กลิ่นข่าวชั้นดี และข้าจะเล่นเกมของเจ้านานเท่าที่จำเป็น” เยทส์หัวเราะแล้วปล่อยตัว บอนนั่ม ลงบนขั้นบันได

“ท่านทั้งหลาย ไปต่อกันเถอะ ดวงดาวจะไม่คอยท่า เรามีเรื่องให้ชมและพูดคุยกันอีกมาก” เบล้กรีบก้าวขึ้นบันไดที่เหลือไปยังห้องดูดาว

กล้องดูดาวขนาดใหญ่ทำด้วยทองเหลืองชี้ออกไปยังท้องฟ้ายามราตรี เล็งสู่จุดสูงสุดของฟากฟ้าตรงที่มืดที่สุดซึ่งแสงสลัวจากถนนในลอนดอนไม่อาจส่องถึง ชีวิตที่เบื้องล่างอันแสนไกลดำเนินไปตามปกติ ไม่รับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นบนนั้น

“เข้ามาสิ เข้ามา” เบล้กพูดไปก็นำทางเข้าห้องอย่างตื่นเต้น “ล้อมวงเข้ามาแล้วข้าจะอธิบายว่าท่านทั้งหลายจะได้เห็นอะไร”

เบล้กพูดกับเยทส์เหมือนว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องโน้มน้าวให้เชื่อ เขารู้ว่าลอร์ด แฟลมเบิร์กและบอนนั่มจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดเพราะเป็นสมาชิกราชสมาคมด้วยกันและรู้จักเขาดี เรื่องสำคัญที่สุดคือทำให้เยทส์เชื่อเพื่อจะได้แจ้งให้โลกรับรู้เรื่องดาวหางของเขา เบล้กเล่าเรื่องที่ค้นพบอยู่หลายนาที เดินกลับไปกลับมาอย่างเอาเป็นเอาตาย โบกไม้โบกมือชี้ขึ้นไปบนฟ้า คนในห้องฟังเงียบๆ แม้กระทั่งเยทส์ก็ยืนเฝ้ามองเขาโดยตลอด สนใจใคร่รู้ว่าจะมีอะไรต่อไป

“เห็นมั้ยครับ ท่านสุภาพบุรุษ ว่านี่อาจหมายถึงจุดจบ…จุดจบของชีวิตตั้งแต่ที่นี่ไปถึงปารีส หรือไม่ก็ดาวหางอาจเฉียดโลกไปแล้วโปรยก้อนหินใส่เรา คุณจะบอกเรื่องนี้ให้โลกรู้ได้อย่างไรโดยไม่ให้ผู้คนสติแตกหรือจับข้าไปแขวนคอข้อหาโกหกถ้าข้าคำนวณผิด” เบล้กหยุดพูดแล้วมองคนอื่น

“รู้ได้ยังไงว่ามันจะชนที่นี่” เยทส์ถามอย่างระมัดระวัง ดึงเคราไปพลาง “คำนวนจากตำแหน่งของดาวหางบนท้องฟ้าทิศตะวันออก และการหมุนของโลก หารด้วยระยะทางที่ดาวหางได้เดินทางมาแล้ว คำนวณได้ว่าจะพุ่งชนโลกหรือไม่ก็ผ่านเหนือหัวเราไปห้าไมล์ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็จะเกิดความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”

“ดาวหางนี่ ถ้ามันชนโลก จะเกิดอะไรขึ้น” ลอร์ด แฟลมเบิร์กถามด้วยความกังวล

“ข้าไม่อาจแน่ใจได้ แต่ข้ารู้ว่าภายในยี่สิบวันนี้ เราอาจจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็เถ้าอัฐิของเราจะผสมปนเปกับขี้ฝุ่นย่านชีปไซด์ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง” เบล้กเดินไปที่กล้อง “ถึงเวลาที่พวกคุณจะได้เห็นเองแล้ว มีเมฆบ้างแต่ก็ยังเห็นดาวหาง แต่ละวันมันเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นมาก”

ลอร์ดแฟลมเบิร์กก้าวเข้ามามองผ่านเลนส์กล้องไปยังเจ้าปีศาจที่พุ่งทะยานผ่านห้วงอวกาศเข้ามา เงียบกริบกันทั้งห้อง ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ทำให้แสงเทียนกะพริบ เสียงเกือกม้าตามท้องถนนสะท้อนดังกุบกับเย็นเยือกเหมือนเสียงขบวนแห่ศพที่เคลื่อนไปช้าๆ

เยทส์เฝ้าดูอย่างรำคาญ รอให้ถึงตาของตน พลางล้วงค้นกระเป๋าเสื้อโค้ตจนเศษกระดาษฉีกขาดหลายชิ้นหลุดร่วงลงบนพื้น และเคาะส้นรองเท้าบนไม้กระดานปูพื้นที่หลวมอยู่แผ่นหนึ่ง ในที่สุดลอร์ด แฟลมเบิร์กก็ถอยออกมาจากกล้อง เยทส์สังเกตว่าเขามีสีหน้าแปลกๆ เยทส์ก้าวไปที่ช่องมองแล้วจ้องดูฟ้า เขาเห็นลูกกลมแสงสีขาวอมแดงอยู่ตรงหน้า ก้อนขนาดเท่ากำปั้นพุ่งมาโดยเร็ว หางยาวเหยียดทอดออกไปไกล สำหรับเยทส์แล้วมันดูเหมือนภาพดาวฤกษ์ระเบิดทาบทับอยู่บนผืนอวกาศสีดำ เหมือนแสงไฟของสะพานลอนดอนแขวนลอยอยู่เหนือแม่น้ำท่ามกลางหมอกเดือนตุลาคม

“แค่เนี้ยเหรอ! โวยวายกันด้วยเรื่องนี้เหรอ อยู่บนฟ้าไกลโพ้นโน่นแน่ะ! จะไปกังวลทำไม” เยทส์ถามด้วยสำเนียงทุ้มแบบทางเหนือ

“ถ้าเจ้ารู้วิทยาศาสตร์พื้นฐานอยู่บ้าง เจ้าก็จะกังวลน่าดู” แฟลมเบิร์กชิงตอบก่อนคนอื่น

“จากรูปร่างของหางดาวหาง เห็นได้ชัดว่ามันกำลังตรงมาหาเรา หน้าที่ของเจ้าก็คือแจ้งข่าวให้โลกรู้ แต่ไม่บอกความจริง…เพราะนั่นจะเกินกว่าคนจะเข้าใจ และเราไม่อาจยอมให้ชาวลอนดอนตื่นตระหนก อาจจะเกิดการจลาจลได้”

“แล้วจะให้ข้าบอกว่าอะไรล่ะ ‘ค้นพบดาวหาง ภาพน่าอัศจรรย์ยามราตรีที่จะส่องลอนดอนให้สว่างไสว’ ไม่สิ มีดีกว่านั้นอีก ‘ร้อนแรงที่สุดตั้งแต่ไฟไหม้ครั้งใหญ่ และกำลังตรงมาที่หน้าบ้านท่าน’ ท่านอยากให้ข้าเขียนพาดหัวข่าวอย่างนี้ใช่มั้ย ใครจะบอกได้ว่าตอนนี้ไม่มีนักวิทยาศาสตร์งี่เง่ารายอื่นกำลังเฝ้าดูดาวหางนี่อยู่ และกำลังจะแจ้งชาวโลกในเรื่องที่ท่านไม่อยากให้เขารู้” เยทส์กระตุกเครายาวของตนอย่างฉุนเฉียว

“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมวันจันทร์หน้าเจ้าต้องตีพิมพ์ว่า เบล้กค้นพบดาวหาง” แฟลมเบิร์กพูดพลางปิดหน้าต่างห้องแล้วดึงม่านปิดกระจก “บอกว่าจะไม่ชนโลก และบอกว่าข้าได้ยืนยันการคำนวณของเบล้ก ราชสมาคมบอกว่า...”

“ราชสมาคมซึ่งเป็นที่ชุมนุมพวกหัวแปลกๆ เพี้ยนๆ และนักต้มตุ๋นนั่นน่ะเรอะ! ปิดหูปิดตาพวกเขาด้วยวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ! ท่านจะให้ข้าทำยังงั้นใช่มั้ย?” เยทส์ถาม “ดูเรื่องที่เกิดเมื่อคืนก่อนสิ แผ่นดินไหวครั้งเดียวก็ป่วนกันทั้งเมือง คนตายไปกว่าร้อย อธิบายเรื่องนี้ให้ข้าฟังหน่อยว่าเกิดจากอะไร ทำไมหมาทุกตัวในลอนดอนถึงได้เป็นบ้า พวกท่านยังให้คำตอบข้าไม่ได้เลย เพื่อนรักเอ๋ย พิสูจน์ว่าวิทยาศาสตร์นั้นไม่ได้เรื่อง ทุกคนควรจะกลับไปพยายามแปลงตะกั่วให้เป็นทองเหมือนเดิม ทุกอย่างเริ่มจากจุดนั้นไม่ใช่เรอะ เจ้าทั้งหมดก็แค่หมอผีโฉมใหม่เท่านั้นเอง”

เยทส์เดินไปที่ประตู ผลักบอนนั่มให้พ้นทาง “แฟลมเบิร์ก ท่านจะได้ข่าวแบบที่ต้องการ แต่ข้าอยากรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไร และถ้ามันจะชนโลก ข้าต้องการให้รถม้าของข้าเป็นคันแรกที่หนีออกจากเมืองเหม็นโฉ่นี่ไปตามถนนสายเหนือ ตอนนี้ขอตัวก่อน ข้ามีเรื่องด่วนต้องทำ”

เยทส์ปิดประตูโครมแล้วเดินตึงตังลงบันได ได้ยินเสียงขั้นบันไดลั่นทุกขั้นเพราะน้ำหนักร่างเขาช่วยโยก เสียงเขาเดินตึงๆ ไปยังประตูหน้า มีเสียงดังปังใหญ่เมื่อเขาออกจากบ้าน
นักวิทยาศาสตร์ยืนมองหน้ากันอยู่ในแสงเทียนสลัว “เขาจะทำอะไร” บอนนั่มถามเพื่อค่อยๆ ทำลายความเงียบพิกลในห้อง

“เขาเป็นคนของข้า” ลอร์ดแฟลมเบิร์กพูดอย่างใจเย็น “เขาจะทำตามที่ข้าบอก เพราะเขาเองก็รู้ว่าถ้าข้าไม่ให้เงิน เขาก็ไม่มีหนังสือพิมพ์จะทำ แต่คนทั่วไปไม่รู้เรื่องนี้”

“ทำไมตอนนี้ล่ะ เบล้ก ทีแรกแผ่นดินไหว คราวนี้ดาวหาง จะมีอะไรมากกว่านี้ที่เกินกว่าเราควรจะรู้รึเปล่า” บอนนั่มถามเบาๆ กวาดตาไปทั่วห้อง “ถ้าข้าเคร่งศาสนา ข้าคงบอกว่านี่คือการพิพากษาครั้งสุดท้าย และเจ้าก้อนในอวกาศนั่นก็คืออุปกรณ์ที่พระผู้สร้างจะใช้ล้างโลก ท่านสัญญาไว้ว่าจะไม่ปล่อยน้ำท่วมอีก แต่ไม่ได้ตรัสถึงเรื่องดาวตกใส่โลก”

“ถูกของเจ้า” เบล้กพูด “เจ้ากล่าวถูกต้องแล้วว่าไม่มีคำทำนายเรื่องดาวจะร่วงลงมาจากอวกาศ และที่เรากำลังสังเกตอยู่นี้เป็นปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ทางจิตวิญญาณ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ เรามีหน้าจรรยาบรรณทางวิชาชีพในอันที่จะทำความเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งและชัดเจนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และแจ้งเตือนชาวโลกในเวลาที่เหมาะสม”

“หรือไม่เตือนเลย” ลอร์ดแฟลมเบิร์กพูดอย่างเลือดเย็น “ข้าไม่คิดว่าเราควรบอกประชาชนเลย องค์กษัตริย์นั้นต้องทรงรู้ในฐานะผู้ทรงให้ความอุปถัมภ์ พระองค์จะได้เสด็จไป ณ ที่ปลอดภัย และยังมีครอบครัวของเรา คนรับใช้ และเพื่อนสมาชิกราชสมาคมของเราอีก ควรจัดการเรื่องนี้โดยไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ข้าจะบอก เยทส์ ไม่ให้ระบุว่าดาวหางจะตกตรงไหน หนังสือพิมพ์ ลอนดอนครอนนิเคิล จะดูหมิ่นนักวิทยาศาสตร์หรือหมอเถื่อนคนไหนก็ตามที่กล้าบอกว่าดาวหางจะชนโลก” แฟลมเบิร์กหยุดพูด กระแสแห่งแรงบันดาลใจชั่วร้ายแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา “เราน่าจะเชิญทุกคนไปร่วมงานชมดาวพุ่งเฉียดโลก งานของเราจะจัดขึ้นทางเหนือให้พ้นจุดอันตราย ส่วนของชาวบ้านให้ไปจัดงานที่ ไฮด์ปาร์ค แถบตะแลงแกงทริ้ปเปิ้ลทรี”

“พวกเขาก็ตายแน่สิ! จะเกิดหายนะครั้งใหญ่” บอนนั่มพูดอย่างไม่เชื่อหู

“แล้วมันแย่ตรงไหนล่ะ” แฟลมเบิร์กถาม “จะได้จบเรื่องที่เราเริ่มด้วยไฟใหม้ครั้งใหญ่ไปซะ เราจำเป็นต้องล้างโลกนี้ให้สะอาดปราศจากความโง่เขลา งมงาย และหวาดกลัว นี่อาจเป็นวิธีทำให้ได้ผลลัพธ์เช่นที่เจ้าเรียกว่าหายนะ แต่ข้าขอเรียกว่าโอกาส” แฟลมเบิร์กมองอีกสองคน แววตาเขาฉายแววดุเดือดอย่างที่เบล้กไม่เคยเห็นมาก่อน “คุกนิวเกตขังนักโทษไม่ได้มากกว่านี้ โรงพยาบาลบ้าก็มีคนบ้าเต็มเอี้ยดแล้ว การทำลายล้างระดับนี้จะล้างคราบไคลที่รกถนนลอนดอนออกไปจนเกลี้ยง เป็นงานบันเทิงยามเย็นที่ไม่เลวเลย” ลอร์ด แฟลมเบิร์กยิ้มให้เบล้ก “ห้าทุ่มคืนนี้ เยทส์กับข้าขอนัดเจ้าไปกินช็อกโกแลตกับที่ร้านกาแฟนานโด ขอกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนละและขอให้ทุกคนเก็บความลับนี้ไว้”

แฟลมเบิร์กเดินไปที่ประตูห้องแล้วเบียดตัวผ่านนางมาลาคิ่นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
บอนนั่มมองหน้าเบล้ก “เจ้าไม่เห็นบอกเขาว่าเน็มโมเร็นซิสบันทึกไว้ยังไง เจ้ามีโอกาสบอกเขาทุกอย่างแต่กลับไม่บอก” เขาพูดอย่างโกรธเคือง “แล้วเรื่องคำทำนายล่ะ ลอร์ดแฟลมเบิร์กจะคิดต่างไปจากนี้มั้ยถ้าเขารู้ว่ามีคัมภีร์นั้นจริง”

“ไม่ว่าจะรู้เรื่องเน็มโมเร็นซิสหรือไม่ แฟลมเบิร์กก็จะคิดแบบเดียวกัน ข้าไม่เชื่อใจเขาพอที่จะแจกแจงว่าเรารู้อะไรบ้าง เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่เข้าใจเรื่องศรัทธาเท่าไหร่ เน็มโมเร็นซิสคือความจริงของจักรวาล มันคือวิทยาศาสตร์ เหตุผล และทุกอย่างที่จีรัง ผสมเข้าด้วยกันเป็นความจริงอันบริสุทธิ์หนึ่งเดียว เท้าของลอร์ด แฟลมเบิร์กนั้นตกหล่มลึกของหลักเหตุผล เขาไม่มีทางเข้าใจวิทยาการแบบคุณไสยหรอก” เบล้กมองไปยังตู้ที่เขาซ่อนเน็มโมเร็นซิสไว้ “ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”

เบล้กมองบอนนั่มอย่างวิตก พลางขมวดคิ้วแล้วสูดลมหายใจยาว “ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้าอาจคิดว่าข้าเป็นบ้า แต่เมื่อคืนข้าอ่านเน็มโมเร็นซิสตั้งแต่ต้นจนจบ พอพลิกหน้าสุดท้าย ก็ยังมีอีกหน้าที่มีคำจารึกปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตา เป็นเรื่องว่าจะมีอำนาจหนึ่งเกิดขึ้นบนโลกนี้เมื่อดาวพิษพุ่งเข้าชน แต่ไม่เพียงแค่นั้นนะ” เบล้กเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก “เช้านี้ข้ากลับไปตรวจงาน หยิบเน็มโมเร็นซิสจากตู้มาแก้ห่อ แล้วเปิดไปหน้าสุดท้าย มีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นสองหน้า มีคำจารึกใหม่จารด้วยมือไว้ที่ขอบด้วย เชื่อข้าเถอะ ไอแซ็ค ข้าไม่ได้วิกลจริตหรอกนะ”

เบล้กกระวีกระวาดไปที่ตู้ หยิบลูกกุญแจทองเหลืองแท่งยาวจากกระเป๋า ไขแม่กุญแจหนาที่ปิดประตูตู้สนิทแน่น เขาหยิบเน็มโมเร็นซิสจากชั้นมาวางบนโต๊ะอย่างมีพิธีรีตอง

“ดูเอาเองเลย” เบล้กชี้ไปที่หน้าใหม่ บอนนั่มจ้องอย่างไม่เชื่อตา “เจ้าทำเองรึเปล่า เซเบี้ยน” เขาถามพลางพลิกหน้าใหม่กลับไปกลับมา สายตาสำรวจว่าหน้ากระดาษใหม่ๆ ถูกสอดเข้ามาอย่างไร “หารอยเย็บหรือกาวไม่เจอหรอก” เบล้กตอบ “ดูเหมือนมันงอกจากมาจากสันปกเหมือนใบไม้งอกออกมาหาดวงอาทิตย์ ติดกับเล่มเสียแน่นเชียว วันนี้ข้าพยายามดึงออกมาสีกแผ่น แต่ดึงสุดแรงก็ยังไม่เคลื่อนไม่ขาด”

บอนนั่มพลิกไปหน้าสุดท้าย “ข้อความว่ายังไง?”

“ก็พูดถึงการทรมานและการทำลายล้างด้วยไฟและกำมะถัน โลกจะสั่นเคลื่อนคลอน ความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่จะเริ่มขึ้น เน็มโมเร็นซิสพูดถึงเทพที่เหาะหนีมาจากสรวงสวรรค์ เขามีคำตอบให้แก่คำถามของเรา”

“เจ้าเชื่อรึเปล่า เซเบี้ยน ว่าคัมภีร์ที่งอกหน้า กับดาวหางที่จะผลาญชีวิตมีจริง?”

“ข้าเชื่อในสิ่งที่ข้าสามารถมองเห็นและประสบได้ ข้าค้นหาความจริง” เบล้ก หยุดพูดแล้วเดินข้ามห้องไปที่หน้าต่าง เขาขยับม่านเปิดเป็นช่องเล็กพอให้จ้องออกไปยังจัตุรัสได้

“มาดูสิ” เขาเรียกบอนนั่ม “ทุกคืนจะมีชายคนหนึ่งมายืนใต้ต้นไม้ตลอดทั้งคืน เขากำลังเฝ้าดูบ้านหลังนี้”

บอนนั่มเพ่งมองผ่านช่องม่าน เขาเห็นเงาร่างทะมึนของผู้ชายกับแสงคุจากกล้องยาเส้นที่ทำจากดินเหนียวอยู่ใต้เงาต้นเอล์มที่ไกลออกไปเบื้องล่าง

“เขาอยู่นั่นตลอดเลย” เบล้กพูด “ตามข้าไปที่พิกคาดิลลี่แล้วตามกลับมา แต่งตัวเหมือนพวกฮูเกอโนต์ หมวกดำ เสื้อคลุมยาวสีดำ ไม่เคยยิ้ม”

“เขาอาจเป็นผู้ลี้ภัยที่หนีการกลั่นแกล้ง หรือผู้ลี้ภัยที่รอจะจี้ชิงทรัพย์เจ้าก็ได้” บอนนั่มหัวเราะ

“หัวเราะไปเถอะไอแซ็ค แต่สถานการณ์ตอนนี้ประหลาดยิ่งขึ้นทุกวัน ข้าเชื่อว่ามีอำนาจที่เราไม่ค่อยรู้จักกำลังดำเนินการอยู่ ถ้าเขาเป็นฮูเกอโนต์ก็คงไม่อยู่นี่ตอนเช้าวันอาทิตย์หรอก เสียงระฆังโบสถ์นั้นเร่งเร้าเกินกว่าเขาจะอดใจไหว”

“แล้วทำไมเจ้าไม่ลองตามเขาดูล่ะ เขาต้องกินหรือนอนที่ไหนสักแห่ง แม้จะเป็นชาวฝรั่งเศสก็คไม่หน้าด้านเสียจนปล่อยหนักปล่อยเบาใต้ต้นเอล์มหรอกน่ะ”

“ข้าก็คอยดูเขาอยู่ เห็นเขาไม่กินไม่นอน อยู่ตรงนั้นทั้งตอนข้าเข้านอนและเมื่อข้าตื่น เขาไม่ไปไหนยกเว้นข้าจะไป พอลมพัดแรง เขาก็แค่พลิกปกเสื้อขึ้นแล้วพิงต้นไม้ ถ้าข้าไม่เคยเห็นเขาใกล้ๆ ข้าคงบอกว่าเขาเป็นผี”

“ถึงจะเป็นคนมีชีวิตก็ยังมีวิธีตามหลอนเราได้นะ” บอนนั่มพูดไปก็จ้องไปที่ถนน “ให้ข้าออกไปชวนเขามากินอาหารเย็น เอามั้ย เขาอาจสบายกว่าถ้ามาพักเสียด้วยกันกับเจ้า จะได้รู้ว่าแต่ละฝ่ายอยู่...”

“เขาจะได้เชือดคอข้าให้มันจบๆ ไปงั้นรึ?” เบล้ก ตอบ

“เอ้า งั้นขอดูหน้าหน่อย” บอนนั่มพูด เขาลากกล้องมาที่หน้าต่างแล้วยื่นเลนส์ผ่านช่องม่าน

“ดูสิ!” เบล้กตะโกน “เกิดอะไรขึ้นกับเขาน่ะ?”

ในขณะที่ทั้งสองมองอยู่ ชายแปลกหน้าก็ค่อยๆ หายตัวไปต่อหน้าต่อตา ทีแรกขาของเขากลายเป็นเถ้าสีเงินที่เต้นไปมาเหมือนลูกไฟ จากนั้นมือของเขาก็ลุกไหม้สว่างจ้าเมื่อแสงโอบกลืนแขนและลำตัว แล้วทันใดนั้นร่างเขาก็หายวับไป ใบต้นเอล์มปลิวไปตามพื้นหญ้า ไม่มีร่องรอยของชายผู้นั้น เขาไม่อยู่แล้ว

เบล้กจ้องไปในความมืด แสงจากร้านเหล้าส่องผ่านต้นไม้ทอดเงาน่าขนลุก ใบไม้ใกล้ร่วงแขวนอยู่ตามกิ่งก้านเหมือนซากศพกระทบกันไปมา หมอกจากแม่น้ำหมุนวนใต้แสงโคมเหมือนภูตอิมพ์ทั่วทั้งจัตุรัส เขามองแล้วมองอีก เชื่อว่าสายตากำลังหลอกตัวเอง

ทั้งเบล้กและบอนนั่มไม่เห็นสัตว์ตัวเล็กป้อมๆ ที่เดินโขยกเขยกมาตามพื้นถนนดินใต้หน้าต่างแล้ววิ่งจู๊ดเหมือนหนูหิวโซลงบันไดบ้านไปยังชั้นใต้ดิน ผ่านประตูห้องทำครัวที่เปิดทิ้งไว้


บทแปลนี้มิใช่เวอร์ชั่นก่อนพิมพ์เล่ม
จึงยังมีความลักลั่นเรื่องชื่อสถานที่อยู่บ้าง
ขออภัยด้วยค่ะ

(ติดตามบทที่ 7
ร้านบิ๊บเบิ้ลวิคที่สะพานลอนดอน
ต่อไปนะคะ)

LITERATURE
 ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ต



Create Date : 11 มิถุนายน 2562
Last Update : 13 มิถุนายน 2562 7:29:07 น. 30 comments
Counter : 1627 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณตะลีกีปัส, คุณmelody_bangkok, คุณเริงฤดีนะ, คุณkatoy, คุณInsignia_Museum, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณวลีลักษณา, คุณผีเสื้อยิปซี, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณSai Eeuu, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณ**mp5**, คุณhaiku, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณkae+aoe, คุณmcayenne94, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณRinsa Yoyolive, คุณmambymam, คุณJinnyTent, คุณญามี่, คุณAsWeChange, คุณที่เห็นและเป็นมา


 
อังคารสวัสดีครับ พี่ภา
ส่งกำลังใจไว้ก่อนครับ เพิ่งอ่านจบทที่ 4



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:8:16:43 น.  

 
ภาวิดา คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
แวะมาส่งคะแนนในฐานะแฟนคลับพี่ภาค่ะ



โดย: หอมกร วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:12:25:56 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะพี่ภาขา

เม็มโมเรนซิสมีหน้างอกใหม่ได้เอง2แผ่น
และชายร่างทะมึนในชุดคลุมสีดำ เป็นใคร
หายตัวเป็นเถ้าถ่านได้ด้วย

ตื่นเต้น ดาวลมพิษจะชนโลก และจะเกิดอะไรขึ้น
ตามต่อค่ะ

ขอบคุณอิแปะให้เจ๊าะแจ๊ะด้วยค่ะ
ลำพังเอาไปใช้ค่ายาฉีดยาหยอดก็ไม่พอแล้วค่ะ
จิเอาที่ไหนไปเม้มเข้าเป๋าล่ะคะ...อิโถ่


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:13:28:14 น.  

 
ไม่มีงอนค่ะ วัยนี้แล้วเลิกงอนเป็นช้อนหอยมานานแล้วค่ะ เพราะงอนยังไงก็ไม่งามเหมือนสาวรุ่น..กิกิ
รุ่นสว.ถ้าทำงอนเมื่อใด จะกลายเป็นนางงอม ไปทันที เลยไม่กล้า กลัวคนเอาไปฝัง

แต่จะมาบอกว่าอิแปะที่ให้ไป มันยังน้อยอยู่นะคะ
อาหารเม็ดจิหมดถุงอีกแระ...เงินทั้งนั้นค่ะ
จะให้กินข้าวคลุกกระดูกไก่ ก้างปลา ก็กลัวจะต้องขุดหลุมฝังแจ๊ะ..มาอ้อนยายดีกว่า เผื่อได้กินแซลม่อน


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:14:20:44 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ภา ไม่ได้เข้าบล็อกหลายวันค่ะพี่ภา งานถาโถมเลยปลีกวิเวกค่ะ แหะๆๆ

กลับเข้ามาเจอตอนที่ 6 ไม่ได้การละต้องรีบกลับไปอ่านตอนที่ 5 อย่างละเอียดก่อนเลยในตอนนี้ค่ะ ชอบมากเรื่องนี้ (จริงๆแฟร์ไม่ได้อ่านเรื่องแปลมานานมากแล้วนะคะ ชอบสำนวนของพี่ภาจริงๆค่ะ)

ไม่สบายหายหรือยังคะพี่ภา ช่วงนี้ฝนตกหนักเลย ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ



โดย: melody_bangkok วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:14:26:37 น.  

 
ตอนนี้พ่อนางเอกเริ่มแบไต๋ซะแล้ว
เกริ่นโฆษณาซะมากมายก่ายกอง
ตื่นเต้นๆเลย
ชวนให้รออ่านตอนต่อไปค่ะ




โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:15:33:23 น.  

 
แผ่นที่งอกใหม่ในหน้าหลังของหนังสือคัมภีร์ ผู้เขียนได้ดึงผู้อ่านไปสู่มิติเร้นลับด้วยกลวิธีที่คาดไม่ถึง

ปล. ชอบคอมเมนต์ในบล็อกเมื่อวานนี้ด้วยครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:16:19:45 น.  

 
ทุกยุคเลยนะคะ เรื่องของวิทยาศาสตร์ กับสิ่งลี้ลับ แนวพ่อมดหมอผี มักมีเรื่องให้ถกกัน

ติดตามตอนต่อไปค่ะ คัมภีร์ที่งอกหน้า กับดาวหางที่จะผลาญชีวิต



โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:20:19:18 น.  

 
สนุกมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:20:22:33 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ภา

แวะมาทักทายค่ะ
มาไม่ทันคำเชิญมาเล่นกะเจ้านุ้งวันก่อน
วันนี้เลยได้มาอ่าน "ดาวพิษ" แทน

อิอิ แถวนี้ฝนตกอากาศดีเลยมีเวลาอัพบล็อก^^



โดย: ผีเสื้อยิปซี วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:20:47:54 น.  

 
ฝันดีค่ะพี่ภาคืนนี้


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:21:00:25 น.  

 
ใช่ค่ะทั้งสองความอยากนี้ทำให้มีเรื่องเขียนได้มากมาย วลีว่าทั้งเพลงและบทประพันธ์ที่เป็นอมตะทั้งหลายก็มากจากทั้งสองความอยากนี้นะคะ ส่วนบทวลีก็เขียนไปเรื่อยใส่อารมณ์ได้ไม่ลึกเพราะจริงๆแล้ว จิตใจค่อนข้างว่างมากๆเลยค่ะ คือว่างจากความอยากทั้งสองนั่นแหละ
ขอบคุณพี่ภาที่แวะคุยและให้กำลังใจนะคะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:21:12:32 น.  

 
แวะมาอ่านฝีมือแปลของพี่ภาค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:21:15:24 น.  

 
เดี๋ยวมาอ่านใหม่วันพรุ่งนี้นะครับ ขอไปดูกลิ่นกาสะลองก่อน อิอิอิ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:21:38:14 น.  

 
ตามมาให้กำลังใจครับ

ดูแล้วน่าจะอีกยาว ลงได้อีกนานเลยนะครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:22:58:25 น.  

 
น่าสนใจมากค่ะพี่ภา
เรื่องคำจารึกที่ว่าจะมีอำนาจหนึ่งเกิดขึ้นบนโลกนี้เมื่อดาวพิษพุ่งเข้าชนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
เรื่องคัมภีร์ที่งอกหน้าใหม่ขึ้นมาได้
และเรื่องชายที่หายตัว
ต๋าจะติดตามอ่านต่อนะคะ
งานแปลพี่ภาบรรยายเห็นภาพชัดเจน อ่านสนุกมากค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:0:43:11 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะพี่ภาขา

ตอนนี้ชีพจรลงเท้าอีกแล้ว
น่าจะไม่ได้อัพอีกนานค่ะ
เก็บอิแปะไส้ให้แจ๊ะและแม่แจ๊ะด้วยนะคะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:10:02:26 น.  

 
ส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:10:07:55 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ภา

วันนี้มาส่งกำลังใจ

พี่ภาไม่ชอบกินหอยเหรอคะ?

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
ภาวิดา คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:13:03:18 น.  

 
สวัสดีค่ะป้าภา


โดย: kae+aoe วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:13:15:50 น.  

 
ชะแว๊ปปป มาส่งกำลังใจค่ะพี่ภา^^



โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:15:18:49 น.  

 
คนแต่งเรื่องนี้ แฝงความตื่นเต้นและผูกปม
ให้ชวนติดตามไว้หลายเงื่อนมากค่ะ
วันนี้ก็มีหลายจุด ทั้งเรื่องกระดาษหนังสืองอกเอง
ชายลึกลับ และ ดาวหางจะชนโลกรึเปล่า
ใจจดจ่อ รอติดตามอ่าน นึกถึงสมัยเด็กๆ
ที่รออ่านนิยาย ในหนังสือนิตยสารรายปักษ์
สกุลไทย กุลสตรี ในร้านทำผม เดี๋ยวนี้หายสูญ
กันไปหมด เหลือซื้ออ่านเองไม่กี่เล่ม
แต่ไม่มีนวนิยายแล้วค่ะ
Vogue Hello แพรวจากรายปักษ์เหลือรายเดือนแล้ว

ขนมนั้นไม่ได้ชิม กลัวอาหารไม่สะอาดและจะติดเชื้อในลำไส้ได้ คนเตือนกันเรื่องนี้มากๆค่ะ



โดย: mcayenne94 วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:18:09:47 น.  

 
สวัสดี ยามเย็นค่ะ พี่ภา
ตามมาอ่าน ดาวพิษ ตอนที่ 7 ต่อค่ะ อ่านแล้ว
ก็เพิ่มปมปริศนาให้อยากรู้ว่า ดาวหางจะชนโลกแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นมากกว่าที่เคยเกิดมาแล้วบ้าง
ชายลึกลับที่ใต้ต้นไม้ คือใคร คราวที่แล้ว ก็สตรี
ลึกลับ ยังไม่ได้เปิดเผยเลยนะ หนูจำได้ ค่ะ อิอิ
คัมภีร์ เม็มโมเรนซิส มีหน้างอกจากเดิมเพิ่มได้
อย่างไร ไสยศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วนะเนี่ย
จากความคิดของ ตา ลอร์ด แฟรมเบิร์ก หนูว่่า
ตานี่ ใจร้ายค่ะ เอาแต่ตัวเองและพรรคพวกตัวเอง
รอดเท่านั้น

โหวดหมวด งานเขียน ฯ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:18:11:54 น.  

 
เขารอลุ้นเทวดาจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:20:31:03 น.  

 
เรียกสถานการณ์แบบนี้ได้ว่า
เป็นความบีบคั้นสุดๆ เลยก็ว่าได้ค่า
ชายลึกลับ ก็ยังคงเป็นคนลึกลับกันต่อไป



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:21:03:29 น.  

 
ที่ไปคุย
ความเห็นผม ลงทีละบทผลตอบรับน่าจะดีกว่านะครับ แต่ยังไงก็แล้วแต่ความสะดวกของพี่ภาเลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:22:06:31 น.  

 
แวะทักทายยามค่ำค่ะพี่ภา
แม่กำปองสดชื่นจริงๆค่ะ อากาศดีมากค่ะที่นั่น



โดย: melody_bangkok วันที่: 12 มิถุนายน 2562 เวลา:22:43:25 น.  

 
สวัสดีอีกรอบค่าพี่ภา

เมื่อก่อนหนูก็เหมือนพี่ภาค่ะ ไม่กินของดิบ

เดี๋ยวนี้กินได้เยอะมากค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 มิถุนายน 2562 เวลา:9:38:45 น.  

 
อ่านบท 5-6 จบแล้วครับ
เรื่องกำลังสนุก
ใครจะขโมยคัมภีร์เน็มโมเร็นซิสไปได้


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 13 มิถุนายน 2562 เวลา:13:16:15 น.  

 
แวะมาให้กำลังใจพี่ภาค่า
ช่วงนี้จินก็ติดนิยายจีนแปลค่ะ

ด้วยภาษาที่เรียบเรียงไม่ค่อยเหมือนนิยายไทย
แต่อ่านแนวแปลจีนบ่อย เลยพอจะรู้สึกชินบ้าง
ค่อย ๆ เล็มเรื่องไปทีละนิด อ่านทำเวลาเร็วเหมือนนิยายไทยไม่ได้


โดย: JinnyTent วันที่: 13 มิถุนายน 2562 เวลา:19:37:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ภาวิดา คนบ้านป่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [?]




BG Pop.Award #17
BG Pop.Award #16
BG Pop.Award #15
BG Pop.Award #14
BG Pop.Award #13
BG Pop.Award #12
BG Pop.Award #11
BG Pop.Award #10
BG Pop.Award #9
BG Pop.Award #8
BG Pop.Award #7
BG Pop.Award #6
*****
*****
Friends' blogs
[Add ภาวิดา คนบ้านป่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.