ลูกหลานบางคนมักทุ่มเทกับการรักษาพยาบาลพ่อแม่อย่าง "เท่าไหร่เท่ากัน" เพื่อหวังให้พ่อแม่ได้รับการเยียวยาอย่างดีที่สุด แต่จากการศึกษาวิจัย ผู้ป่วยในระยะท้ายเกือบทุกคน อยากเสียชีวิตที่บ้านมากที่สุด
๒. ตายโดยไม่ทุกข์ทรมาน
ความทรมานในสภาวะใกล้ตายนั้น มีตั้งแต่ความเจ็บปวด แน่นอึดอัด หายใจไม่สะดวก ความหวาดกลัว การเยียวยาผู้ป่วยระยะสุดท้าย ไม่มีความทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ จึงมีความจำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางญาติและบุคลากรทางการแพทย์ต้องร่วมมือกัน
๓. ตายอย่างมีสติ สงบ ไม่ทุรนทุรายดิ้นรน
ไม่ถูกยื้อชีวิตด้วยการถูกใส่ท่อ สายระโยงระยางต่างๆ หรือการรักษาแบบรุกล้ำ (Invasive Treatment) ด้วยเครื่องมือต่างๆ ผู้ป่วยจำนวนมากเจริญสติ ด้วยอานาปานสติหรือสวดมนต์ขณะใกล้ตายจะทำให้จิตใจสงบ และเยือกเย็น ทำให้ญาติพลอยสงบระงับไปด้วย ๔. ตายท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นไม่แปลกแยก
แวดล้อมด้วยญาติมิตร ครอบครัวลูกหลาน บางคนขอจับมือสามีหรือภรรยาไว้ตลอดในยามใกล้สิ้นลม สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ต่อจิตวิญญาณความรู้สึกของคนใกล้ตาย
๕. ตายโดยมีเวลาสั่งเสีย
ตระเตรียมมอบภารกิจ จัดการกับพินัยกรรมทรัพย์สินและปัญหาค้างคาใจต่างๆ บางคนรอญาติที่อยู่ต่างประเทศ บางคนอยากขอโทษขออโหสิกรรมคนที่ตนเองเคยล่วงเกินไว้
๖. ตายแล้วไม่ทำให้ครอบครัวลูกหลาน หมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้สิน
บางครอบครัวเงินทองทรัพย์สินที่สะสมมาตลอดชีวิต หายมลายไปหมดสิ้นกับการรักษาเยียวยาภายใน ๓-๖ เดือนสุดท้ายของชีวิต บางคนต้องไปกู้หนี้ยืมสินมากมายเป็นภาระระยะยาวหรือแม้กระทั้งข่าวคราว แม่หรือลูกที่ไปก่อคดีผิดกฎหมาย เช่น ลักทรัพย์ ฉ้อโกง เพื่อเอามาเยียวยารักษาความเจ็บป่วยเรื้อรังของคนในครอบครัวก็เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยๆ ๗. ตายเมื่อถึงวัยและเวลาอันสมควร
คนไทยเราขณะนี้ในปี ๒๕๕๖ ผู้ชายมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ ๗๑ ปี ผู้หญิงอยู่ที่ ๗๗ ปี แต่ทุกวันนี้บางคนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเสียชีวิตตั้งแต่อายุ ๕๐ ปี บางคนเป็นไตวายเพราะเป็นเบาหวานตั้งแต่อายุ ๔๐ ปี บางคนเสียชีวิตจากโรคเอดส์ตอนอายุ ๓๐ ปี บางครอบครัวลูกตายก่อนพ่อแม่ คนเราหากจะต้องการทีอายุยืนถึงอายุขัยเฉลี่ย ต้องหมั่นเอาใจใส่ดูแลตนเองในทุกเรื่อง
๘. ตายแล้วใช้ร่างกายของตนเองก่อเกื้อประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม
การมีเจตนาขอบริจาคอวัยวะก็ดี เช่น ดวงตา ไต หลังเสียชีวิตเป็นอานิสงส์ที่มีคนสนใจกันมากขึ้น การบริจาคร่างกายให้เป็นครูสำหรับให้นักศึกษาเรียนในวิชากายวิภาคศาสตร์ให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคม
๙. ท้ายสุดคือการตายเสียก่อนตาย
ซึ่งเป็นโศลกธรรมของท่านอาจารย์พุทธทาส ที่สอนให้เรารู้จักการมีมรณานุสติ การใช้หลักไตรลักษณ์ในการดำรงชีวิต รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งต่างๆ และให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เมื่อถึงเวลาของความตายมาถึง ก็จะยิ้มแย้มเข้าสู่ความตายอย่างเข้าใจและสงบ
ข้อมูลสื่อ...นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 415 เดือน/ปี: พฤศจิกายน 2013
คอลัมน์: สปสช. สำนักงานหลักประกันสุขภาพ
นักเขียนหมอชาวบ้าน: นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ
ขอขอบคุณ
ภาพจาก....อินเตอร์เน็ต
บทความจาก..เว็บหมอชาวบ้าน .. โพสท์โดย.. Anonymous 11 พฤศจิกายน 2556
//www.doctor.or.th/article/detail/314288
เครื่องแต่งบล็อกจาก.....บล็อกชมพร / บล็อกญามี่
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
แม่หมูเข้าบล้อกได้เวลาเจิมพอดีอีกแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น