119 .. ช่องโหว่
ช่ อ ง โ ห ว่
เขียนโดย วินทร์ เลียววาริณ
จากคอลัมน์ หนอนในตะกร้า เว็บ winbookclub.com
มีเรื่องขำๆ ที่เล่ากันในแวดวงชาวนิวยอร์กว่า ชายแต่งตัวดีคนหนึ่งเดินเข้าไปในธนาคารแห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน ขอพบเจ้าหน้าที่สินเชื่อ
เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ผมต้องเดินทางไปทำธุรกิจที่ตะวันออกกลางสองอาทิตย์ จะขอกู้เงินสองหมื่นเหรียญ
เจ้าหน้าที่สินเชื่ออธิบายว่า การกู้เงินขนาดนี้ต้องค้ำประกันด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน
ลูกค้าบอกว่า ผมต้องเดินทางบ่ายนี้ ไม่สะดวกที่จะค้ำประกันด้วยอสังหาริมทรัพย์ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ใช้รถยนต์ของผมค้ำประกันได้ไหม? เขาชี้ไปที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดหน้าธนาคาร
มันเป็น เฟอร์รารี คันงามรุ่นใหม่ล่าสุด เจ้าหน้าที่สินเชื่อรู้ว่าราคาของรถรุ่นนี้คือ ราวสามแสนเหรียญ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานการเป็นเจ้าของรถคันนั้นว่า เอกสารถูกต้องทุกประการ จึงตกลงให้ลูกค้ารายใหม่กู้เงิน
เจ้าหน้าที่ธนาคารนึกขันในใจที่ลูกค้าใช้รถราคาสามแสนเหรียญค้ำประกันเงินกู้เพียงสองหมื่นดอลลาร์ อย่างไรก็ตามเขานำรถเฟอร์รารีของลูกค้าไปจอดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของธนาคาร
ผ่านไปสองสัปดาห์ ลูกค้าคนนั้นกลับมาที่ธนาคาร คืนเงินต้นกับจ่ายค่าดอกเบี้ย จำนวน 45 ดอลลาร์ แล้วขอรับรถคืน
ก่อนจากไป เจ้าหน้าที่สินเชื่อถามลูกค้าว่า ท่านครับ ผมอดไม่ได้ที่จะต้องถาม เราตรวจสอบดูแล้วพบว่า ท่านเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ทำไมจึงยังต้องมากู้เงินเราแค่ สองหมื่นเหรียญ ด้วยครับ?
ลูกค้าตอบยิ้มๆ ว่า เพราะไม่มีที่ไหนในแมนฮัตตัน ที่คุณสามารถจอดรถทิ้งไว้สองอาทิตย์ ด้วยเงินเพียง 45 ดอลลาร์ และสบายใจได้ว่ารถจะไม่หาย!
แม้จะเป็นเรื่องเล่าขำๆ แต่เรื่องนี้สะท้อนสันดานมนุษย์ว่า เป็นสัตว์โลกที่สามารถทำอะไรก็ได้เพื่อประโยชน์ของตนเอง
คนบางคนมองเห็นช่องทางในการพลิกแพลง เปลี่ยนหน้าที่เดิมของระบบซึ่งออกแบบมาเพื่องานหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่ง ในกรณีนี้ก็คือ การเปลี่ยนหน้าที่บริการทางการเงินของธนาคาร เป็นอาคารจอดรถ แต่แก่นของมันก็คือการโกงชนิดหนึ่ง
นี่ก็คืออีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ ศรีธนญไชย เล่นกับช่องโหว่ของระบบ ซึ่งเป็นภาพปกติของสังคมไทยด้วย..... ความชอบธรรม ยอดนิยมว่า ก็มันไม่ผิดกฎหมาย
โลกไม่เคยขาดแคลน ศรีธนญไชย ซึ่งมีสายตาดีมองเห็นช่องโหว่ทางกฎหมายเสมอ
ที่น่าตกใจก็คือ คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีทัศนคติมองนักเลี่ยงบาลีแบบนี้ว่า เออ! มันเก่งที่เลี่ยงกฎหมายได้!
ด้วยทัศนคติแบบนี้ ต่อให้มีกฎหมายนับหมื่นแสนมาตรา ก็ไม่สามารถขวางกั้นคนที่คิดจะโกง เพราะมีคนสามารถมองเห็นช่องโหว่และแทรกซึมเข้าไปได้เสมอ
โดยเฉพาะนักธุรกิจการเมือง ซึ่งโกงกินโดยหลังพิงกำแพงกฎหมาย และประโยคหรูอย่าง เพื่อประชาชน จนหลายคนมีทัศนคติว่า โกงก็ได้ แต่ขอให้มีผลงานบ้าง
ไม่นานสังคมก็เต็มไปด้วยคนที่มีความรู้แต่ไร้ธรรม ประเภท ความรู้ท่วมหัว ความโลภท่วมใจ นักวิชาการระดับมันสมองรับใช้ผู้ปกครองเผด็จการและนักการเมืองเลว ทนายความไม่น้อย รับใช้คนผิดทั้งที่รู้ ฯลฯ
การโกงเงินชาวบ้านใน พ.ศ. นี้ มีลูกเล่นลูกชนมากมาย ตั้งแต่การปลอมบัตรเครดิต การหลอกให้เหยื่อเชื่อว่า ถูกลอตเตอรี่รางวัลสูงซึ่งลงท้ายด้วยการไปถ่ายเทเงินที่ตู้เอทีเอ็ม. เมื่อชาวบ้านเริ่มตามทันกลเม็ด คนโกงก็พัฒนากลยุทธ์ไปอีกขั้น หักมุมหลายตลบหลายชั้น เช่น อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดี ซึ่งผู้ถูกหลอกเป็นเป้าหมายของคนร้าย ลงท้ายด้วยการไปถ่ายเทเงินที่ตู้เอทีเอ็ม.เช่นเดิม! นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอาชญากรสวมสูทปั่นหุ้น ฯลฯ เหล่านี้เป็นคนระดับมันสมองดี แต่พวกเขาเลือกที่จะใช้สมองดีในทางร้าย
มันบอกเราว่า การมีความรู้เป็นเรื่องหนึ่ง การใช้ความรู้ในเชิงสร้างสรรค์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สังคมที่คนมีความรู้รับใช้ความชั่ว อันตรายยิ่งกว่าสังคมที่เต็มไปด้วยคนไม่รู้เสียอีก มันเป็นปลวกที่จะกัดกินบ้านจนเซลล์สุดท้าย
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า 'จินตนาการสำคัญกว่าความรู้' แต่พุทธ สอนว่า 'สิ่งที่สำคัญกว่าจินตนาการและความรู้ ก็คือธรรม'
โรคติดต่อใหม่ที่ร้ายแรงที่สุดของสังคม คือ โรคหลังคดโกง และโรคกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม
วัคซีนเดียวที่จะป้องกันสองโรคนี้ก็คือ ธรรม
ธรรม เป็นคำที่หลายคนได้ยินแล้วรู้สึกว่า เป็นของสูงเกินเอื้อม ทว่าความจริงคือ การมีธรรมไม่ได้หมายถึงการเข้าวัดฟังพระสวดวันละสองรอบ ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาวกินเจ ไม่ใช่การอ่านคัมภีร์หนาสิบนิ้ว
การมีธรรม ก็คือการรักษาความถูกต้อง ความปกติ ความพอดี
กินข้าวพออิ่ม ก็คือความปกติพอดี กินอิฐกินปูนกินเหล็กเส้น ไม่ใช่
เข้าคิว คือการความปกติพอดี ลัดคิว ไม่ใช่
ใช้ความฉลาดแก้ปัญหา คือความปกติพอดี ใช้ความฉลาดหลอกลวงคน - ไม่ใช่ ฯลฯ
เหล่านี้เด็กชั้นอนุบาลก็รู้ ไม่ต้องให้ทนายความ-อัยการ-ศาลตีความแต่อย่างไร
ยิ่งมีคนรักษาความถูกต้อง ความปกติ ความพอดีมากขึ้นเท่าไร กฎหมายก็ยิ่งไม่จำเป็นเท่านั้น
โลกน่าอยู่อย่างไร หากชีวิตเดินไปได้ เพราะมีกฎหมายบีบคออยู่ทุกย่างก้าว?
ธรรมอันเป็นข้อควรปฏิบัติ หรือ จริยธรรม เป็นตัวป้องกันไม่ให้ความรู้ ถูกดูดเข้าไปในด้านมืด
ดังนั้นการแก้ปัญหาคดโกง คอร์รัปชัน ก็ต้องเริ่มที่จริยธรรม สอนให้เด็กเข้าใจว่า การทำความดีไม่ใช่เพียงแค่ ให้ทานคนยาก ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่โกหก ฯลฯ แต่คือการห่มคลุมตัวเองด้วยธรรม
ปราชญ์ขงจื๊อกล่าวว่า เป็นเพชรที่มีตำหนิดีกว่าก้อนหินสมบูรณ์ เพราะคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ความมั่งมี ความสมบูรณ์ภายนอก
หากแต่ละปัจเจก มีปัญญาเห็นว่าเราอยู่ไม่ได้หากส่วนรวมอยู่ไม่ได้ ก็จะเริ่มใช้ความรู้ความสามารถในทางที่สร้างสรรค์
ทำได้อย่างนี้ก็ไม่ต้องยืนตรงเคารพธงชาติวันละสองเวลา เพราะนี่ก็คือการรักชาติที่ถูกทางที่สุด
นี่คือทัศนะที่เชื่อว่า การเป็นคนดีไม่ใช่เพื่อขึ้นสวรรค์หรือมีชาติหน้าที่ดีกว่าชาตินี้ แต่เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
เพราะเราไม่มีทางรู้ว่า จะได้ชาติหน้าที่ดีกว่านี้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือ หากเรารักษาคุณภาพสังคมไว้ได้ เราก็ได้อยู่ในชาตินี้ที่ดีที่สุดที่เราสร้างได้.
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 10 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 29 มีนาคม 2558 16:33:27 น. |
|
56 comments
|
Counter : 3384 Pageviews. |
|
|
|
งานของพี่วินทร์
อ่านแล้วมีแง่มุมชวนคิดตลอดนะครับ