103 .. หน้าแตก
เขียนโดย รินใจ จาก เว็บ khonnaruk.com
การเปิดเผยและยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง ย่อมช่วยให้คนอื่นเคารพนับถือเราได้
คุณเคยไหม ทักคนผิด ลืมรูดซิป สะดุดหินหกล้ม ฯลฯ นึกถึงเรื่องแบบนี้แล้ว บางคนยังอายไม่หาย เพราะไปพลาดท่าต่อหน้าธารกำนัล เรียกว่า หน้าแตกซะไม่มีดี
ถ้าธารกำนัล เป็นคนที่คุณไม่รู้จักก็ยังพอทำเนา แต่ที่แย่ก็คือ ดันไปพลาดท่าต่อหน้าคนรู้จัก โดยเฉพาะคนที่คุณอยากให้ประทับใจในตัวคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ลูกๆ ลูกศิษย์ ลูกน้อง
ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา คุณก็อยากจะให้เด็กๆ เห็นว่าคุณเป็นคนเก่ง มีความสามารถน่าเกรงขามหรือน่านับถือ คุณอาจทำได้ดีมาตลอด จนพวกเขายอมรับคุณ แต่แล้วคุณก็ 'ปล่อยไก่' ออกมาจนได้ เช่น เดินตกท่อต่อหน้าลูก ตอบคำถามผิดจนลูกศิษย์ทักท้วง หรือสัปหงกโงกเงกให้ลูกน้องเห็นในที่ประชุม
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ทำให้คุณเสีย 'ฟอร์ม' ได้ จริงอยู่ คุณอาจเป็นคนง่าย ๆ ไม่ได้คิดจะวางอำนาจกับใคร แต่ถึงอย่างไรคุณก็มี 'ภาพ' บางอย่างที่อยากจะให้คนอื่นเห็นคุณอย่างนั้น
ภาพอย่างนี้แหละที่ไม่ค่อยถูกเส้นกับความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น เจอเมื่อไหร่ คุณก็หน้าแตกเมื่อนั้น
ปัญหาก็คือ เมื่อหน้าแตกแล้ว จะทำอย่างไร ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ กลบเกลื่อนความรู้สึกอับอาย คนส่วนใหญ่กลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะ
การหัวเราะในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายกลับดีเสียอีก อย่างน้อยก็ดีกว่าร้องไห้
แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ โมโห
ความโมโหนั้น ไม่เพียงแต่จะบั่นทอนตนเองเท่านั้น หากยังทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย เพราะพอโมโหแล้ว ก็ย่อมต้องหาคนอื่น มาเป็นเป้าระบายอารมณ์ หรือเพื่อจะได้โยนความผิดไปให้ บางครั้งหาแพะรับบาปไม่ได้ ก็โมโหขุ่นเคืองเอากับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ โทษฐานที่รู้เห็นไก่หลงที่ตนปล่อยออกมา
ความรู้สึกอย่างหลังนี้ ถ้าไม่รู้ทัน หรือจัดการกับมันไม่ถูก มันจะค่อยๆ ซึมในจิตใจ จนเกิดเป็นอคติ หรือความรู้สึกลบกับคนที่รับรู้เรื่องราวดังกล่าว อย่างน้อยๆ ก็ระแวงว่าเขากำลังเสื่อมคลายศรัทธาหรือความนับถือในตัวเรา
นอกจากนี้เพื่อกลบเกลื่อนความอายหรือความผิดของตนแล้ว หลายคนยังพยายามปกปิด ใครมาถามก็ปฏิเสธหรือโกหก บ่อยเข้าก็กลายเป็นคนไม่ซื่อตรง เชื่อถือไม่ได้ ร้ายกว่านั้นก็คือ เขาไม่เพียงโกหกคนอื่นเท่านั้น ในที่สุดก็จะโกหกตนเองด้วย
เรื่องหน้าแตกแม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่เห็นไหมว่าถ้าจัดการกับมันไม่ถูกต้อง ก็ก่อผลเสียได้มาก ผลเสียเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการที่เราพยายามปฏิเสธอาการหน้าแตก เราไม่ยอมรับว่าเราผิดพลาดหรือพลั้งเผลอ
และที่เราไม่ยอมรับ ก็เพราะเราติดยึดกับภาพตัวตน อยากจะปกป้องไม่ให้อะไรมาแผ้วพาน ดังนั้นเมื่อภาพดังกล่าวถูกสั่นคลอนเพราะความพลั้งเผลอของเราเอง เราจึงต้องพยายามทุกอย่างที่จะรักษาให้คงสภาพเดิม แม้จะต้องโกหก ปกปิดความจริง หรือหาแพะรับบาป
ไม่ดีกว่าหรือ หากเรายอมรับความผิดพลาด และความอับอาย
การยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน จะช่วยให้หน้าที่ 'แตก' นั้นสมานอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อยอมรับเสียแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปกปิด ไม่ต้องไปจ้องเล่นงานใคร หรือหาเรื่องแก้ตัวให้มากความ
จริงอยู่ เมื่อหน้าแตกแล้วเราก็เสีย 'ฟอร์ม' แต่จะห่วงกังวลกับ ฟอร์ม ไปทำไม ถ้าหาก ฟอร์ม หรือ ภาพลักษณ์นั้น ไม่ตรงกับความจริง การเปิดเผยตัวตนว่าเรายังเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีผิดมีพลาดได้ ย่อมช่วยให้คนอื่นเคารพนับถือเราได้สนิทใจ
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เราจะเคารพตัวเองได้มากขึ้น เพราะเราไม่ได้โกหกตัวเอง
ยอมรับเสียเถิดว่า เรื่องหน้าแตกเป็นธรรมดาของชีวิต ขนาดประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังหน้าแตกได้ เพราะกล่าวคำปราศรัยผิดงาน หรือไม่ก็กล่าวชื่อประเทศของผู้เยี่ยมเยือนผิด แทนที่จะเป็นอิสราเอล ก็เรียกผิดเป็น อียิปต์ ไปเสีย
ลองมีอารมณ์ขันเสียบ้าง จะได้ไม่เครียดเกินไปในเวลาหน้าแตก จะได้มีเรื่องขำตัวเอง การหัวเราะเยาะตนเอง เวลาทำอะไรป้ำ ๆ เป๋อ ๆ จะช่วยให้เรารู้สึกเป็นมนุษย์มนามากขึ้น แถมเป็นการปลดปล่อยตัวเองออกจากภาพลักษณ์อันหนักอึ้งไว้
ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือ หากจะต้องรักษามาด รักษาฟอร์ม ทั้งวันทั้งคืน
ไปตลอดชีวิต
ชีวิตนี้ถ้าไม่ปล่อยไก่เสียบ้าง ย่อมจืดชืดยิ่งนัก เพราะฉะนั้น เรามายิ้มระรื่นดีกว่าเวลาหน้าแตก!
ก่อนจบบล็อกวันนี้ ป้ามีคลิปหน้าแตกแบบขำขัน มาฝากให้ชมค่ะ ..ความยาว 4.13 นาที
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 27 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 29 มีนาคม 2558 16:24:11 น. |
|
132 comments
|
Counter : 6279 Pageviews. |
|
|
|