“ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว”

ติช นัท ฮันท์
415 .. หัวใจแห่งความสุข












หั ว ใ จ แ ห่ ง ค ว า ม สุ ข


โดย...ว.วชิรเมธี จาก...หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์












วันหนึ่งพระอาจารย์ต้องนั่งรถจากศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันไปสนามบิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่พอนั่งรถออกมาได้ไม่นาน รถก็ติดหล่ม ไปเอารถอีกคันมาลากก็ติดอีกคันหนึ่ง ไปเอารถอีกคันหนึ่งมาลากก็ยังติดอีก ลองดูละกันว่าทางเข้าศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันของอาตมาลำบากขนาดไหน สุดท้ายเจอรถชาวบ้านเขามาขนลำไย อาตมาเลยบอกว่า โยม อาตมาขอติดรถไปด้วย ปกติรถคันนี้เป็นรถขนหมู อาตมาก็นั่งรถขนหมูเข้าไปในเมือง มุ่งหน้าสู่สนามบิน




ก่อนถึงหน้าสนามบิน เจอสี่แยกไฟแดง มีโยมไฮโซคนหนึ่งมาขึ้นเครื่องเหมือนกัน นั่งรถตู้สีดำเป็นมันขลับ รถติดไฟแดงอยู่ใกล้ๆ กับรถที่อาตมานั่งมา โยมเลื่อนกระจกลงแล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ ใช่พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ไหม” อาตมาบอก “ใช่ อาตมาตัวเป็นๆ เลยโยม” โยมก็อุทานว่า “ตายๆ กันพอดี” อาตมาก็ตกใจว่าใครตาย โยมไฮโซคนนั้นก็หันไปบอกคนในรถ “เธอมาดูๆ นี่ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ที่เห็นเมื่อคืนในทีวีนั่งรถขนหมูเข้าสนามบิน ตายๆ กันพอดี” ตกใจกันทั้งคันรถ




อาตมาถามว่า “เป็นอะไรโยมใครตาย” “ก็ท่านอาจารย์มานั่งในรถอย่างนี้ได้อย่างไร ดูสภาพสิ มานั่งรถตู้กับพวกโยมดีกว่า” แล้วก็บอกให้คนขับรถมารับท่าน อาตมาบอกว่า “โยมไม่ต้องห่วง อาตมานั่งรถขนลำไยหรือนั่งรถขนหมูก็ไปถึงสนามบินเหมือนกัน”











นั่นก็คือตัวอย่างในชีวิตว่า “ถ้าเราไม่ยึดติดถือมั่นในหัวโขน นอน นั่งพักผ่อนตรงไหนก็ได้ ก็มีความสุข ถ้าจิตใจของเราดีอยู่แล้วสภาพแวดล้อมไม่สามารถกำหนดเราได้ แต่ถ้าจิตเราไม่ดีเราต้องเรียกร้องเอาสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดมาห่อหุ้มเรา แต่กระนั้นบางคนก็ยังไม่มีความสุข ฉะนั้นต้องปล่อยหัวโขน บำเพ็ญตนเป็นคนไม่สำคัญเสียบ้าง”




ถ้าเรารู้สึกว่าเราสำคัญแล้วคนอื่นไม่รับรองความสำคัญ อัตตาไม่ได้รับการมโนเราจะทุกข์ แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ใช่คนสำคัญหรอก อยู่ไหนก็อยู่ได้ กินได้ อยู่อย่างต่ำแล้วทำอย่างสูง ชีวิตจะเป็นเรื่องง่ายแสนสบายแล้วมีความสุข




อาตมภาพเคยใช้ชีวิตง่ายๆ นั่งเครื่องบินเชียงรายกรุงเทพฯ บางครั้งก็ไม่มีใครติดตาม ขึ้นคนเดียวมาคนเดียว บางทีพระอาจารย์ก็บอกเจ้าภาพไม่ต้องมารับนะ วันนี้อาตมภาพจะลองนั่งรถไฟฟ้าดู แต่ไปนั่งเมื่อไหร่ก็ตกใจกันทั้งคัน คืออยากให้ชีวิตสัมผัสกับการไม่ปรุงแต่งให้มันง่ายเข้าไว้




ดังนั้น ถ้าเราอยากให้ชีวิตมีความสุขอย่าเอาทุกข์มาทับถม ปัจจัยสี่ให้มุ่งไปที่คุณค่าแท้ อย่าไปเสียเวลากับคุณค่าเทียม อย่าใช้ชีวิตนี้ให้สุดโต่ง และปล่อยวางหัวโขน โดยเฉพาะความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาหรือตัวกูของกู ทำตัวเป็นบุคคลไม่สำคัญของโลกเสียบ้างแล้วชีวิตจะง่ายขึ้น ชีวิตที่ง่ายขึ้นและเดินทางสายกลางเป็นชีวิตที่ไม่ทำให้อัตภาพคือร่างกายและจิตใจนี้ต้องมาแบกทุกข์เกินความจำเป็น

















แ ส ว ง ห า สุ ข ที่ ช อ บ ธ ร ร ม








เราอยากมีความสุข แต่ถ้าแสวงหาโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็ทุกข์ ทุกข์แทบล้มประดาตายอยากจะมีความสุข อย่าคำนึงแต่ความสุข ให้คำนึงคุณภาพของความสุขด้วย




บางคนอยากมีความสุข อยากดื่มเหล้าก็ดื่ม อยากสูบบุหรี่ก็สูบ อยากเสพยาเสพติดก็เสพ อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากสิ่งใดก็เอาสิ่งนั้นมาสนองความอยาก โดยไม่ถามว่ามันมีคุณหรือโทษ แล้ววันหนึ่งสิ่งที่เรานำมาสนองความอยากกลับกลายเป็นสิ่งที่เราเชิญมาทำลายตัวเอง




ดื่มเหล้ามากๆ ดื่มไปสักพักสุขภาพก็แย่ สูบบุหรี่มากๆ สูบไปสักพักสุขภาพก็เสื่อมโทรม เสพยาเสพติด ตอนแรกมีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ เสพไปสักพักชีวิตเริ่มเข้าสู่ความวอดวาย ฉะนั้นอยากมีความสุขอย่าคำนึงแต่ตัวความสุขให้คำนึงถึงคุณภาพของความสุขด้วย











ผู้หญิงคนหนึ่งทำงานอยู่กับพี่สาว พี่สาวแต่งงานกับมหาเศรษฐี พี่สาวมีเงินเดือนสี่แสนจึงรับน้องสาวเข้าไปทำงานเป็นเสมียนด้วย ให้เงินเดือนหนึ่งแสนบาท ถ้ารู้จักพอเพียงนี่คือเศรษฐีแล้ว




แต่น้องสาวรู้สึกว่าไม่พอ เห็นพี่สาวได้สี่แสนแสดงว่าพี่น่าจะมีความสุขมาก ถ้าเราได้เดือนละสี่แสนเท่าพี่ เราก็ต้องมีความสุขมาก หารู้ไม่ว่า พี่สาวก็คุยกับสามีว่า ตอนนี้น้องได้แค่สี่แสน ถ้าน้องได้เจ็ดแสนต่อเดือนจะมีความสุขมาก แสดงว่าพี่ก็ยังไม่มีความสุข ตราบใดที่ไม่พอก็จะไม่รู้จักความสุข แม้จะมีเงินกองเหมือนภูเขาเลากา แต่ถ้าไม่รู้จักสะกดคำว่าพอ สิ่งที่มีจะยังไม่สามารถทำให้เรามีความสุขได้




น้องสาวยิ่งมีเท่าไรก็ไม่พอ อยากจะมีความสุขมากกว่านั้น จึงร่วมกันกับคนรักค้ายาเสพติด แต่ด้วยความเป็นมือสมัครเล่น เอาผงขาวมาบรรจุซองในบ้าน เพียงครั้งแรกที่ค้ายาเสพติด เคราะห์หามยามร้ายก็ถามหา วันนั้นเธอบรรจุผงขาวกันในห้องชั้นล่าง เป็นวันเดียวกับที่แม่และน้องสาวจากต่างจังหวัดมาเยี่ยมเธอ คืนนั้นแม่กับน้องสาวดูโทรทัศน์อยู่ข้างบน เกือบจะเที่ยงคืน จู่ๆ ตำรวจก็เข้ามา จับเธอกับลูกน้องได้โดยละม่อม











เธอถูกจับพร้อมกับลูกน้องและที่น่าเศร้ากว่านั้น คือ ตำรวจกรูกันขึ้นไปชั้น 2 จับแม่และน้องสาวของเธอซึ่งไม่รู้ไม่เห็นแค่มาเยี่ยมลูกสาวครั้งแรก ทั้งหมดถูกจับยกชุด ผลก็คือถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 20 ปี




วันหนึ่งเมื่ออาตมภาพไปแสดงธรรมในคุกหญิง เธอมากราบและร้องไห้ทั้งน้ำตา พระอาจารย์ดิฉันรับได้ ถ้าตัวเองต้องติดคุกตลอดชีวิต แต่ที่ดิฉันรับไม่ได้แม้แต่เพียงวันเดียวก็คือแม่กับน้องสาวต้องมาติดคุกเพราะดิฉันด้วย สองคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ไม่มีใครฟังเพราะเขาอยู่ในบ้านในขณะที่ดิฉันกำลังบรรจุซองยาเสพติด




ทุกวันนี้ดิฉันอยู่ในคุกเดียวกับแม่และน้องสาว แต่แม่และน้องสาวไม่เคยพูดกับดิฉันมาเกือบ 10 ปีแล้ว พระอาจารย์คะยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ เห็นกันอยู่แต่ไม่ทักกัน รู้อยู่ว่านี่แม่นี่น้องสาวแต่เขาไม่พูดกับดิฉัน เพราะแม่กับน้องสาวบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องมาติดคุกร่วมด้วย เธอบอกว่าเจ็บที่สุดถ้าตายไปเลยยังดีกว่า ดีกว่ายังมีชีวิตอยู่ แล้วพาแม่มาแบกทุกข์ นี่คือชีวิตจริงของคนที่แสวงหาความสุขโดยวิธีการอันไม่ชอบธรรม




ดังนั้นพวกเราทุกคนที่อยากมีความสุข อย่าลืมคำนึงถึงวิธีการในการแสวงหาความสุขด้วย ขอให้แสวงหาความสุขที่ชอบธรรม ถ้าแสวงหาโดยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมขณะที่แสวงหาความสุขจะได้ความทุกข์เป็นกำไร






















ขอขอบคุณ
ภาพ.......จากอินเตอร์เน็ท
เครื่องแต่งบล็อก ..... จากบล็อกชมพร / บล็อกญามี่



ธรรมสวัสดี


ร่มไม้เย็นค่ะ





Create Date : 11 มกราคม 2557
Last Update : 11 มกราคม 2557 11:29:21 น. 0 comments
Counter : 5295 Pageviews.

ร่มไม้เย็น
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]







เริ่มเขียน Blog เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2551


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยม เมื่อเวลา 18.15 น.



Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ร่มไม้เย็น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.