No.60 เที่ยวป่า แก่งหางแมว
บล๊อกอันดับ 62 ปกติแล้ว ถ้าเดินทางไป สวนที่ อ.แก่งหางแมว จะไป ถนนเส้น อ.บ้านบึงชลบุรี ชนกับสามแยกอ.แกลง แต่ไม่ดัง เปรี้ยงนะ 555 แล้วขับเลี้ยวซ้ายเข้านายายอาม ระยะทางก็แค่ 244 กิโลเมตรเองก็ถึง บ้านเล็กในป่า กลุ่มเพื่อนที่ขอมาเที่ยวสวนในครั้งนี้ มีครูสอนภาษาอังกฤษ กุ๊กที่เชพบ๊ะ 55 จริง ๆ แล้วก็ตำรวจ กะเจ้าช้าง ทนายความ รวมเสร็จแล้ว 5 คน แต่ละคนถามโน่นถามนี่ คือดีใจจะได้เข้า ป่า แก่งหางแมว เห็นช้างป่า กระต่าย งู ทาก กะได้กินอาหารฝรั่ง ที่บ้านสวน คงอยากจะกินเป็นอาหารเช้า 555 อีกอย่างผมบอกว่า ที่บ้านมีน้ำร้อน น้ำเย็น อาบน้ำสบาย ๆ ท่ามกลาง แมกไม้ที่ร่มรื่น ๆ 555 หลวมตัวเชื่อคำพูดตาม มาตั้ง 5 คน วันนี้เลยขับเส้นทางเดิมนั่นแหละ แต่แยกเข้า อ.วังจันทร์ ย่นระยะทาง 25 กม. เพียงแต่ต้องผ่านป่ามาก เปลี่ยว บางครั้งก็เจอที่เป็นแอ่งน้ำ แบบในภาพ เรียกว่า "มาบ" เป็นระยะ และก็เจอมากหน่อย. ขับรถผ่านป่าละเมาะ เนินเขาไม่สูงนัก มีป่ายางสุดลูกหูลูก ตา ไม่ได้โม้นะ ก็ ต้นยาง ยังเล็กคงปลูกไม่เกิน สองปีต้นไม่สูง เลยมองไปได้ไกล. เขาปลูกยางเป็นแถว ระหว่างแถวจะลงสัปรดไว้ ไม่งั้นก็ มันสำปะหลัง ใบเขียว ดูแล้วเขาคงปลูกอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้นยางมันจะค่อย ๆ แผ่ รากเลื้อยไปทั่ว ตอนต้นเล็กก็น้อยหน่อย นานเหมือนกันที่ขับรถพิคอัพสี่ประตู ผ่านป่ายาง สลับกับ ป่าจริง พอเลยสี่แยกขุนซ่องไปไม่ถึง สอง กม. เข้าเขตป่า ทึบ ทางเป็นดินลูกรัง มีต้นไม้ขึ้นคลุมถนน คดเคี้ยวไปมา มีสพานไม้ ใช้ต้นไม้ใหญ่พาดลำห้วย ที่ลึก สพานที่ว่าก็มี แค่ ลำต้นไม้แค่ 4 ต้น วางพาด ตรงระหว่างกลาง โบ๋ ทำเอา พรรคพวกเสียว ขอลงเดิน ดูพวกนี้ มันเอาตัวรอด ใครรู้เปล่า ก็ผู้กอง กะครูสอนภาษา อีกสองคน เหรอยังนั่งอยู่ เจ้าช้างนั่งดูน้ำไหลข้างล่างแล้วก็ ถามไม่หล่นตกสะพานนาพี่ตูน คง ไม่ตกน่า ผ่านไม่รู้กี่ปีแล้ว มีแค่เกือบตก เท่านั้นเอง 555 ทีนี้ เปิดประตูลงรถทุกคนเลย เหลือเราคน เดียว ค่อย ๆ ใส่เกียร์สอง ให้ล้อรถอยู่ตรงระหว่างลำต้นไม้ ที่พาดข้างละสองต้น. มองขวามือ น้ำในลำห้วยไหลจาก ซ้ายไปขวา. เจ้าเพื่อนตำราจที่ผมเรียกว่าผู้กอง โน่นเดิน ข้ามไปข้างหน้า คอยโบกมือให้หักพวงมาลัยไปซ้ายนิด ๆ ขวาหน่อย. เสียงเครื่องรถยังคงดังตามปกติ นั่งเม้มปาก มองไปข้างหน้า ใช้ประสาทสัมผัสว่ายางรถมันเป๋หรือเปล่า พอยางล้อหน้าสัมผัสดินฝั่งโน้น เสียงไม้หักดังเปรี๊ยะจาก ด้านหลัง เฮ้ย ลำต้นไม้หักมั่ง รีบเหยียบคันเร่งสุดตัว ตัวรถ ทะยานไปข้างหน้า พอพ้นได้ก็จอดรถ แข้งขาสั่น ผู้กอง ยกนิ้วให้ สุดยอด. พอลงไปดู โธ่เอ้ย กิ่งไม้เล็กที่ชาวบ้าน นำมาวางเสริม ไว้ หักไม่ใช่ลำต้นใหญ่ที่พาดซะหน่อย. แหะ ๆ ขอหยุดกินน้ำสักครู่ คอมันแห้ง ตื่นเต้นจนแถมปวดฉี่ วิ่งไปข้างทาง แหะ ๆ กำลังจะแอ่น หันไปมองเพื่อนหญิง ยืนมอง แถมเล็งกล้องถ่ายรูปมาอีก ดูพวกนี้เผลอเป็นไม่ได้ ชอบถ่ายรูปตอนสำคัญซะด้วย ต้องวิ่งไปอีกไกล ให้พ้นสายตาพวก มัน เอ้ยเพื่อนหน่อย ระยะทาง จะมีต้นใม้ใหญ่คลุมจนร่มครึ้ม ขวามือไกลออก ไปจะ เป็น เขาสูงใหญ่ ที่ไหนราบหน่อย ก็จะมีต้นลองกอง ที่ชาวสวนปลูก สลับกับต้นเงาะ. นาน ๆ จะเห็นบ้านคน ใช่แล้วครับ ละแวกนี้เป็นชายเขาชะเมา ที่เคยมีช้างป่า 3 - 4 ตัวชอบเดินมาหาของกิน แล้วก็เจอ รถ พอรถผมหยุด มันก็จะหยุด ทำหูกางเหมือนจะชาร์ต เข้าใส่ แต่ก็ไม่ไล่ อีกไม่กี่เดือน คงจะเป็นช้างพวกนี้แหละ ตาย ครับตาย ไม่มีใครยิงหรอก มันคงจะเข้าไปกินกล้วยกะใบพืชอย่างอื่น ที่มี สารพิษฆ่าหญ้าปนอยู่ด้วย ที่เห็นเป็นข่าวในนสพ.นั่น แหละ กับภาพทางทีวี เสียดายครับ ข้างหน้า พอขึ้นเนินเขาค่อนข้างสูง ป่าค่อนข้างรกมาก แล้วก็ค่อย ๆ ลาดลงสู่ลำห้วย ที่ไม่มีสะพาน ต้องขับรถ พิคอัพลุยน้ำ ไม่ลึกเท่าใด พี่ตูน น้ำลึกเปล่า ผู้กองถามขณะช่วยเป็นโชเฟอร์ ไม่ลึกมั้ง คงเลยหัวเข่า พื้นล่างเป็นกรวดค่อนข้างใหญ่ ผู้กองใส่เกียร์สองไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน อย่าเร็วนักนะ ไม่ไหวพี่ พี่ตูนขับเองดีกว่า กลัวรถจม ได้ เดี๋ยวพี่ขับเอง จอดตรงนี้แหละ เอ้าผู้กอง กะช้าง ขนก้อนหินก้อนโต ๆ ใส่รถสี่ห้าก้อนนะ พวกเรานั่งในรถ ด้วยมันจะได้หนัก ใส่ทำไมพี่ตูน เดี๋ยวรถจม ไม่เป็นไรก็รถเรามันเบา ล้อรถจะหมุนไม่จับก้อนกรวดต้องให้ หนักเข้าไว้ พอขนก้อนหินใส่ไปได้เยอะ ก็ค่อย ๆ ขับรถลุยน้ำ เสียง ยางรถถูกก้อนกรวด ในน้ำดังครึด ๆ แล้วรถก็ผ่านลำห้วยขึ้น เนินไปได้ แล้วก็ต้องโยนก้อนหินที่บันทุก ลงข้างทาง พี่ตูน ทำไมต้องใส่ให้หนักละ พัชรีสาวที่สุดของกลุ่ม แต่ น้ำหนักมา เวลาเดินยังกะนกเพนกวินถาม อ๋อ คืองี้ พวกกรวดใต้น้ำหรืออยู่บนบก มันดิ้นได้ พอรถ หนัก มันจะกดกรวดไม่ให้ขยับ รถจึงผ่านได้ 555 วันหลัง เจ๊ ชวนพี่ตุ่มมาด้วย นะ จะได้ไม่ต้องขนก้อนหิน เออ พี่ตูน ไม่อ้วนแบบพวกหนูก็แล้วไป หนูจะคอยดูคนไม่ อ้วนแต่ หัวล้านขับรถ ดูน้องอ้วนพูดเข้านั่น นานเหมือนกันที่พา เพื่อน ๆ ขับผ่านป่า ก็เขาอยากจะเห็น ต้นสละ เลยจอดรถให้ดูเป็นระยะ แต่ จขบ.ก็ดูไม่ค่อยจะ ออก เลยชี้ส่ง ๆ ไปงั้นแหละ 555 ดูแล้วน่าจะเป็นระกำ พอเลยป่าช่องเขาขาด ก็สู่ถนน บ้านพวา ขับลัดเลาะไป ตามป่ายาง สลับ สวนพริกไทย ที่มีร่องน้ำอยู่ใกล้ ๆ สวนใช่ แล้วครับ พริกไทย ขาดน้ำไม่ได้ ไม่นาน ผมก็ขับรถเข้าทาง ถนนดินแดง ไม่ใช่ถนนใหญ่อะไร หรอกครับ เป็นแค่ทางที่มีรอยรถวิ่งเข้าออกสีแดง ก็ถึงบ้าน หลังเล็กของผมเองปลูกใกล้กอไผ่. พี่ตูน บ้านพี่มีสระน้ำด้วยเหรอ ก็ มีไว้ปลูกบัว เอาไว้รดน้ำต้นไม้แถวบ้าน ให้มันร่มรื่น ปลูกกล้วยน้ำว้าเอาไว้กินลูก กะ แหะ ๆ เป็นที่อาบน้ำด้วย เพื่อนหญิง 3 คนต่างวิ่งเข้าบ้าน คงจะฉิ้งฉ่อง กลั้นไว้นาน ไม่ยอมเข้าป่า ฝ่ายชาย สบายไปตั้งแต่ รถข้ามห้วยมาแล้ว เลยช่วยกันขนของขึ้นบ้าน แสงแดดเริ่มทอแสง อ่อนลงเรื่อย ๆ ลมจากช่องเขาพัดเข้า มาแผ่ว ๆ ใบชงโคยามต้องลม สั่นไหวตามแรงลม เพื่อนชาย 3 คนกำลังดูประกายน้ำที่ไหลลงสู่แก้ว หญิง 3 คน กำลังปัดเช็ดถูบนบ้าน ให้มันสอาดขึ้น ผมไม่ได้แวะเข้ามา ดูบ้านเกือบครึ่งเดือน มันก็ต้องมีฝุ่นบ้างแหละ แม้จะอยู่ในป่า เอ้า ใครจะอาบน้ำเชิญเลยนะ ที่ไหนพี่ตูน ก็ ใช้กระป๋องตักน้ำใบบ่อ แล้วหิ้วไปตรงหลังต้นกล้วย อาบตรงนั้นแหละ เย็นสบาย. หาพี่ตูน อาบน้ำกลางแจ้งเลยเหรอ ไหนพี่ว่า มีน้ำร้อนน้ำ เย็นไง. ก็ น้ำเย็นในบ่อ น้ำร้อนจะอาบก็ ต้มเอาซิ ไพจิตตอบแทนก็มาหลายครั้ง 555 ถูกหลอกมาแล้ว แหม พี่ไพจิตนี่อีกคนรวมหัวกับพี่ตูน หลอกพวกหนู แต่ก็ดี เหมือนกัน จะได้อาบแบบเด็ก ๆ มั่ง พี่ ปุ๊กจะแก้ผ้าอาบเหรือ ไอ้บ้า.....ทลึ่งนะเอ็งเจ้าช้าง เอาไว้กินข้าวเย็น นั่งร้องเพลง ค่อยอาบน้ำก่อนนอนดีกว่า กล้วเจ้าช้างแอบมองหุ่นสเลนเดอร์ของฉัน. ดีเจ๊ปุ๊ก มาช่วยกันทำกับข้าวกันก่อน เสียใจ ทำไม่เป็นหวะ ช้างแกช่วยพี่ตูนทำก็แล้วกัน ฉันจะ หุงข้าวให้ เจ๊ปุ๊กแล้ว คงจะเป็นเด็กเรียน ทำอะไรไม่เป็นจริง ๆแม่ทำแทน ก่อนมาได้เตรียมอาหารสดใส่รถมาด้วย จะได้เป็นอาหารเย็น ผมกับเจ้าช้าง จัดการหั่นปลาดุก 10 ตัวเป็นแว่นหนา ลงทอดด้วยน้ำมันร้อนน้อยหน่อย กลิ่นปลาดุกที่สุกเกือบจะ กรอบหอมฉุยไปทั่วบริเวณ ไพจิตกับผู้กองได้กลิ่นลูกกระเดือก เริ่มเต้น เมียงมองอยากจะกินจนต้องเอาตะหลิวเคาะมือไม่ให้หยิบ ตักน้ำมันเดิมออกจากกระทะที่ทอดปลาออกเหลือไว้นิด โยนกระเทียมทุบใส่ ใช้ตะหลิวพลิกไปมาเกือบจะเหลือง รวมเข้ากับ น้ำพริกแกงเผ็ดแหะ ๆ ที่ซื้อมา เติมกะปิอีกช้อน ตีรวม พอถูกไฟร้อน กลิ่นหอมจัด จนจามไปหลายคน โยนกระชายที่ซอยเป็นเส้นขยุ้มโต กับถั่วฝักยาวหั่นขนาด ข้อนิ้วเด็กไปอีกกำ ขยอกน้ำปลาไปอีก 3 ฉึก รินน้ำใส่นิด เบบี้คอร์นผ่าสี่โยนไปด้วย เร่งไฟให้ร้อนจัด โอโห้ กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ทำเอากลืน น้ำลายดังเอือกเป็นแถว โดยเฉพาะเจ้าช้าง. ยัง ๆ ไม่เสร็จโยนยอดใบโหระพาอีกขยุ้ม ตะหลิวคนไปมากลิ่น ยิ่งหอมฟุ้ง แบ่งปลาดุกทอดเกือบกรอบเป็นสองจาน ใช้ ตะหลิวตักน้ำพริกผัก ราดบนจานปลาทั้งสอง โห..น้ำลาย จะไหล เจ้าช้างรีบยกไปวางบนโต๊ะ ทีนี้ต่างคนต่างตัก ราดข้าวสวยร้อน ๆ ต่างเคี้ยว อย่างช้า ๆ แหะ ข้าวมันร้อน ผัดปลาดุกทอดกรอบก็เผ็ด จนเหงื่อตกเป็นแถว ส่วนผู้กอง ไพจิต เจ้าช้าง จิบน้ำพรรค์นั้นแหละ บางคนแทะ หมูสามชั้นโค๊ะ กะตักผัดเผ็ดปลาดุกกรอบ อร่อยซะไม่มี แหะ ๆ ไม่มีใครชม ชมตัวเองก็ได้... พี่ตูน ผัดปลาหอม เผ็ดพอดี ปกติหนูไม่กินปลาดุก พี่ทำ ยังไงมันถึงไม่คาว เห็นยัง มีคนชมแล้ว คุณปุ๊กคงไม่ได้สังเกต ตอนที่ผมหั่นปลาดุก ผมเทน้ำ ส้มสายชูไปด้วย เคล้าไปมา เมือกคาวมันก็หลุดไปเยอะ แล้วสรงปลาขึ้นทอดในน้ำมันร้อนไม่มาก จนเกือบกรอบ หนูว่าผัดของพี่ตูน คล้ายผัดสิ้นคิด แต่ไม่เหมือนยังไงไม่รู้ ก็ผัดสิ้นคิดแหละ คุณปุ๊ก เพียงแต่ผมซอยกระชาย กะใส่ใบ โหระพาเข้าไปด้วย กลิ่นเลยแปลก. รอบวงข้าวกะ วงน้ำอย่างว่า มืดสนิท มีเพียงแสงสว่างจาก ตะเกียงแก๊สที่ตั้งไว้ตรงกลางโต๊ะ หลังกินข้าวเย็น พวกเราต่างผลัดกันร้องเพลง คนละหลายเพลง จนเจ้าช้าง ที่เล่นกีต้าร์เจ็บนิ้ว โยนหน้าที่ให้ผู้กองเล่นต่อ. ร้องกัน เสียงแห้ง แหะ ๆ ก็ไม่มีไมโครโฟนนี่นา คืนนั้นผมแจก หมอนสี่เหลี่ยมเล็ก ผ้าห่มคนละผืน ให้นอนบน เสื่อ นอนเป็นตับเรียงกัน 4คน. ส่วนผมกะ ไพจิต ได้สิทธิพิเศษนอนบนเตียง แต่ก็ไม่มีที่นอนหรอกครับ นอนบนกระดานดีที่เป็นพื้นไม้สักทอง แต่ไม่ใช่ไม้จำปานะ ยังไงก็ไม่เอา ไม่ชอบ ให้พี่น้องชาวไทยจีนใช้ก็แล้วกัน 555 อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ จนต่างคนต้องคลี่ผ้าห่มคลุม เสียง คุยกันเบา ๆ พร้อมกับเสียงน้ำในลำห้วย หลังบ้านไหลเบา ๆ เสียงเม็ดฝน เริ่มโปรย ใส่ใบตองกล้วย ข้างบ้าน เสียงกบป่า ร้องแข่งกันสามสี่ตัว คืนนี้คืนแรกที่นอนในบ้านเล็ก กลางป่าแล้วไม่กลัวผีกระสือ ไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบ..ต่างคนต่างเข้าสมาธิธรรมชาติ จบตอนครับผม
Create Date : 01 สิงหาคม 2554 |
|
93 comments |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2564 8:55:11 น. |
Counter : 5384 Pageviews. |
|
|
|