พบชายนอนสลบ ฟื้นขึ้นมา จำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อ...........
ดวงอาทิตย์ส่องตรงหัว ต้องกับน้ำในลำห้วยที่ไหลเอื่อย ๆ แซม
ด้วยพริ้วน้ำ เป็นประกายวิบวับ เสียงน้ำดังจุ๋งจิ๋ง ปลาตัวโตว่ายวิ่ง
ไปมาในแอ่งน้ำกว้างเกือบสิบเมตร ใสสอาด.
น้ำ...พี่จะตัดผมให้ พี่พะก่อตะโกนบอก.
ครับ ผมมันยาว หนวดเคราขึ้นเต็ม ดีเหมือนกันพี่ ตั้งแต่มาอยู่ยัง
ไม่เคยตัด ยาวรุงรัง.
ผมนั่งรอบนขอนไม้สูงระดับเข่า พี่พะก่อเอาน้ำพรมหัวจนเปียก เอา
มือจับผมข้างหู แล้วเอามีดยับ(กรรไกร) ตัดปลายผมโดยเอา
ปลายกรรไกรทิ่มลง จนบางลง ปลายผมท้ายทอยที่มัดไว้ ตัดจน
สั้นปลายตีนผมค่อย ๆ เล็มจนบาง. แล้วเอามือสางผมด้านบน
กรรไกรตัดปลายผมที่โผล่ จนบางเสมอหลังนิ้ว เอามือปัดผมให้
เข้ารูป. ส่วนเคราข้างหูใช้กรรไกรตัดจนชิดหนัง ขลิบหนวด
เคราล่างคางจนสั้น ไม่ยาวรุงรังเหมือนเดิม เวลากินข้าวจะได้ไม่
ต้องเอามือแหวกหนวด แล้วจึงกินข้าว.
เอาเสร็จแล้ว.
เบาหัวเลยพี่ ผมไปอาบน้ำสระหัวก่อนนะ.
ผลัดกางเกงสะดอสั้นครึ่งเข่าออก นุ่งผ้าลงอาบน้ำสระหัวในห้วย
หยิบเอา ลูกมะซัก สี่ห้าลูกใส่ในแอ่งหินกลม โคลกด้วยหินกลม
มนจนแหละละเอียด.
ลูกมะซักนี้ พี่พะก่อบอกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างบนเราไป เรียกว่า
ซะเหล่เด. ลักษณะลูกกลมผิดบูดเบี้ยวขลุขละ ขนาดหัวแม่มือ
ผิดสีน้ำตาลดำ แห้ง เด็กชายก่ำลูกพี่พะก่อไปเก็บมาจากบนดอย
ใส่หม้อดินไว้มากเหมือนกัน.
พอผมเปียกน้ำในลำห้วย ควักผงมะซักละเลงหัว เกิดฟองเต็มหัว
รู้สีก กัดนิดหน่อย พอดำน้ำล้างห้ว จับผมดูสอาด ลูบดูดังเอี๊ยด
อ๊าด ชาวบ้านใช้ลูกมะซักนี้ตำคลุกกับเสื้อผ้า ซักน้ำ ยามอาบ
น้ำก็ใช้เช่นเดี่ยวกัน รู้สึกถูกขี้ไคลออกง่าย.
คราวที่ผมเกี่ยวข้าวไร่บนดอย แล้วขนมาเก็บมานวด ข้างบ้าน
ทำให้ปวดเมื่อยตัวมาก พี่พะก่อไปถากเอาเปลือกมะซ้ก มาตำ
ผสมเหล้าแช่ให้ผมกิน 2 วันก็หายระบม.
พี่พะก่อ ตัดให้ผมแล้ว ผมจะตัดให้พี่เอาบ๋อ(เอาไหม)
ไม่ต้องน้อง เอาไว้วันหลัง
พี่น้ำ... บ่าต้องตัดหื่อป้อ(ไม่ต้องตัดให้พ่อ) ป้อเปิ่นจะหื่อน้า
แม่หญิง บ้าน ปู้น....ตัดหื่อ. พี่ ๆ ก่ำสงสัยจะหื่อน้าแม่หญิง
มาเป็นแม่ใหม่ของก่ำ.
บ่าต้องอู้ พี่พะก่อพูดว่า ไม่ต้องพูด. คงจะอายลูก.
หลังจากอาบน้ำสระหัว ก่ำก็ชวนไปจับปูดอย กับหาเขียดแลว
ไปก็ไป. ก่ำต้องเตรียมอะไรบ้าง
เอาข้องไปอย่างเดียวก็พอพี่น้ำ.
เราเดินตามลำห้วยที่ทอดยาวลงข้างล่าง ผ่านรากไม้ที่โผล่
เป็นทางตะปุ่มตะป่ำ ใบใบที่ร่วงหล่นทับทมค่อนข้างหนา
เดินไม่นาน ก็พบหลืบลำห้วย ที่มีใบไม้ท้บถม มีน้ำซึมแฉะ
เด็กชายก่ำ เอาไม้เขี่ยใบไม้ออก เจอปูชูก้ามร่อนออกมาสอง
สามตัว. ก่ำจึงเอาไม้เขี่ยตัวปูออกมา แล้วจับเข้าข้องที่แขวน
ข้างตัว. เราเดินไปเรื่อย ๆ ก่ำเขี่ยใบไม้ออก ปูก็โผล่ตัวออก
มาจากใบไม้กับสายน้ำลำห้วย.
พี่น้ำ จับปูต๋วยเน่อ
เอา จับก็จับ โอ้ย ปูหนีบ
ก่ำหัวเราะ. พี่น้ำแบมือคว่ำลงบนตัวปู กดลงแล้วจับปูจะหนีบ
บ่าได้เน่อ.
พอทำอย่างที่ก่ำบอก ปูหนีบไม่ได้จริง วันนั้นจับปูสีดำได้เป็น
ส่วนใหญ่ ส่วนปูที่สีดำ มีก้ามสีชมภูจับได้บ้างแต่ไม่มากนัก
พี่น้ำ... เฮาบ่าหันเขียดแลว(เราไม่เห็น) เลยสงสัยจะต้องขึ้น
ไปบนดอยเลยบ้านเฮา จึงจะมี วันนี้เอาปูตะอี้ก็ปอเนาะ
(เอาปูแค่นี้ก็พอนะ)
เออ พี่ก็ว่า ชักเมื่อยน่องแล้ว กลับบ้านกัน.
ถึงแอ่งน้ำหน้าบ้าน ก่ำเอาข้องใส่ปู จุ่มน้ำส่วยไปส่ายมา จน
สอาด เปิดข้องเก็บเศษไม้ที่ปนออก แล้วล้างอีกที.
พี่น้ำ ขึ้นไปตางบน จะได้ดองปู๋กันเน่อ
ก่ำเอาปูใส่ไหดินเล็ก ปูบางตัวตายไปบ้าง ส่วนที่ไม่ตายก็หนีบ
นิ้วก่ำบ้าง ก่ำจัดการ เอาเกลือผงสีดำ ๆ โปรยใส่ไหคลุกเคล้า
ตัวปูให้ถูกเกลือจนทั่ว แล้วเอาฝาไม้ไผ่สานเล็กกว่าปากไหยัด
ลงไป เอาไม้ฟืนชี้นเล็ก ขัดไว้ไม่ให้ตัวปูเผยอขึ้น.
เสร็จแล้วกา ก่ำ...
ยัง เอาฝาดินปิดแถม แมงจะได้ไม่ลงไปกินปู๋.
ก่ำ แล้วเฮาจะกินปู๋ได้อีกนานไหม
สองสามวัน ก็เป็นปู๋ดอง กินได้แล้วพี่น้ำ.
เราสามคนเวลาว่าง ไม่มีอะไรต้องทำก็ชวนกันไป หาฟืนใน
ป่าบนดอย ตัดมาเก็บไว้ข้างบ้านตรงครัว
ตัดกิ่งไม้ขนาดข้อมือ ยาวสองศอก เราจะเลือกกิ่งไม้แห้งไม่
ตัดกิ่งสด เสร็จแล้วก็ช่วยกันขนลงมา จะลำบากตอนขนลง
ดอยมา มันเป็นงานค่อนข้างหนัก เกะกะเวลาเดินลงดอก ยาม
ผ่านต้นหญ้าที่สูงจะเกี่ยว เกือบล้มหลายครั้ง คือพอเกี่ยวจะ
ทำให้มัดฟืนอยู่กับที่ ตัวเราเดินไปถูกฟืนรั้งไว้ ล้มลงก็มี โดย
เฉพาะผม.
ปีนี้ เราได้ไม้หลัว(ฟืน) มาก คงจะพอใช้ได้สี่ห้าเดือน จะพอ
ดีกับหน้าฝนซึ่งมันไปหาลำบาก. พี่พะก่อบอก
ส่วนผมก็ตอบรับ ครับ ไปอย่างนั้นแหละ เพราะไม่รู้ว่าจะใช้ฟืน
กี่มากน้อย.
ชีวิตในป่า ค่อนข้างสบายเป็นบางครั้ง บางครั้งก็หนักมาก....
เวลาร้อน ก็อาบน้ำ
เวลาหิวข้าว ก็กินข้าวจนอิ่ม
เวลาง่วง ก็นอน หัวถึงหมอบ ไม่นานก็หลับไปกับเสียงลำห้วย
ไหลผ่านบ้านดังเป็นจังหวะ...........