บริเวณหลังบ้านพักจะเป็น ดงต้นกล้วย เขียวสดใส เย็น
ยามลมพัดเบา ๆ ใบกล้วยจะแกว่งไกว
ส่วนโรงเก็บของโล่ง คนงานหญิงกำลังใช้มีดปาด หัวขิง
แต่ละชิ้นจะมี ตา ไว้อย่างน้อย 1 ตา
แม้จะอยู่ใต้หลังคา ที่กว้างปกคลุมไว้ทั้งหมด สายลมยัง
สอดแทรกไปทั่ว หัวขิงที่ปาดไว้แล้ว จะวางเกลี่ยไว้บน
พื้นดินที่อัดแน่น ชิ้นที่ปาดตั้งแต่เช้ารอยปาดที่เปียกนิด ๆ
ยังคิดอยู่ว่า ถ้าอากาศแบบนี้ คงจะทำให้เรามีเวลา ปาดแง่ง
ขิงได้ทัน ก่อนที่ฝนจะเริ่มตก.
วันนี้ผมอยู่เวร คอยรับชาวบ้าน ที่นำหัวกระเทียม มาเสนอ
ขาย ส่วนใหญ่แล้ว จะนำหัวที่มีก้านยาวเริ่มแห้ง ใบเขียว
เหลือบ้างเล็กน้อย มาคนละ 5 หัวจะมีหัวใหญ่เล็กคละกัน
ผมรับซื้อกระเทียม แบ่งขนาดหัว เล็ก หัวใหญ่
ให้ ราคาต่างกัน เมื่อตกลงราคากันได้ จะจดชื่อคนขายกะ
ชื่อ หมู่บ้าน ราคาที่ตกลงไว้ พร้อมวันนัดไปรับที่บ้านแล้ว
ค่อยจ่ายเงินให้ ส่วนใหญ่ผมจะนัดไว้ตอนเช้าไว้ก่อน ให้
เขาถอนกระเทียม หรือที่แม่ขะจานเรียกว่า หอมเตียม
ส่วนใหญ่จะ นัดไม่เกิน 4 บ้าน เพื่อให้ขนขึ้นรถทัน
ชิ้นพันธ์ขิงที่ ปาดไว้เมื่อวันก่อน เริ่มแห้ง พอที่จะทำได้แล้ว
คนงาน จะละงานปาดขิง โกยขิงที่แห้งใส่ตระกร้า เกือบ
เต็ม แล้ว หย่อนลงใน ถังสองร้อยลิตร ใส่น้ำผสมยากัน
เชื้อรา รอให้ยามันซืมเข้านาน พอสมควร เมื่อได้ที่จะยก
ขึ้นเทินบนถังให้มันสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปเกลี่ยไว้บนดินให้
มั้นแห้งสนิทเตรียม ขนขึ้นไปบนดอยลงแปลงปลูก
ส่วนเพื่อนอีก ก็เจ้า เสรี คนเดิมนั่นแหละ
ขับรถไปตามนัด บันทุกฟางตามหมู่บ้านห่างไกล
ฟางนี้เราไม่ได้หาเอง จะให้คนรู้จัก ไปจองซื้อไว้ล่วงหน้า
พวกนี้จะคอยไปติดต่อ ชาวบ้านที่เตรียมจะเกี่ยวข้าวด้วย
มือ เช่นเราให้ราคา มัดละ 1.50 บาท ในหนึ่งมัดจะมีฟาง
5 กำ แต่มีข้อแม้ว่าเป็นฟางที่ยาว ถ้าได้ฟางข้าวเหนียวยิ่ง
ดี หรือไม่งั้นก็ขาว พันธ์ ก.ข. ถ้าเป็นพันธ์ บัสมาตี หรือ
บ.ส.เป็นข้าวแขก สั้นจะไม่เอา. คนกลางจะได้ส่วนแบ่ง
จากชาวบ้าน วัน ๆ เจ้าเส ให้คนงาน 2 คนขนขึ้น
พิคอัพ มัดจนแน่นสูงเลยรถไปมาก ต้องมัดให้ดี กันมัน
ร่วง แล้วขับขึ้นดอย ไปกองไว้บนดินใกล้แปลงดิน
เราใช้ฟางมาก จริง ๆ ยังเสียดายฟางที่ ชาวแม่ฮ่องสอน
เผาทิ้ง ถ้าอยู่แถวนี้ชาวบ้านคงจะได้ตังค์ไว้ใช้เยอะเลย
วันนี้ผมอยู่โยง มีหน้าที่ ทำอาหารเย็นด้วย
วันนี้ทำอาหารไม่ยากหรอก ตอนแกงผักเฮือดใส่ สี่โครงหมู
พอจ่ายค่าแรงคนงานเสร็จ ก็ไปโรงครัว อยู่หลังบ้าน แสง
แดดเริ่มลดแสงลง คล้อยต่ำสู่ยอดดอยที่ห่างไปกว่า 3 กม
หลังบ้าน ท้องนาเต็มไปด้วยรวงข้าวสีเหลืองทอง เกือบจะ
เก็บได้ ยามแสงสุดท้ายของวันกำลังจะจากไป ลมจาก
ด้านหน้าบ้านเริ่มพัดผ่านทุ่งนา สู่ดอยที่ไกล เย็นสบาย
ได้เวลา ทำอาหารให้พวกเรากันแล้ว
ไปเก็บ พริกชี้ฟ้าสด สีเขียวสีแดง 10 เม็ดในสวนหลังบ้าน
ล้าง แล้วสลัดพึ่งไว้บนกระชอนไม้ไผ่ มะเขือเทศสุกแดง
ส่วนผักเฮือด เพื่อน ๆ คงจะยังไม่รู้จัก เป็นยอดยอดต้น
ไม้ที่ส่วนใหญ่จะขึ้นในภาคเหนือ เป็นพืชยืนต้น ลักษณะ
ยอดจะ รวมตัวคล้ายดอก จำปี แต่มีสีแดงเรื่อ ๆ มีหูใบ
สีชมภูใสปนขาว บางยอดจะ บาน รสจะเปรี้ยว คล้ายยอด
ยอดมะกอก แต่กลิ่นไม่ใช่
ถ่ายภาพหาตังค์ซื้อกล้องไม่ได้ เลยจิกมาจากในเน็ตนี่แหละ
พอ Copy พอวางเสร็จ กลับไปหาชื่อเจ้าของภาพ เพื่อให้
เครดิตแต่ หาที่มาไม่พบซะอีก ขออภัยจริง ๆ
จัดการ เด็ดใบที่แก่ออก เหลือแต่ยอดใบล้างน้ำ สลัดให้
แห้งน้ำ ใส่หม้อทิ้งไว้
ปอกหัวหอมที่มีสีแดง เต่งตึง ยังกะ อะไรของสาวนะ 555
ปอกเปลือก เยอะหน่อยสัก 6 หัว โยนพริกหนุ่มใส่ครก
กะเกลือเม็ดหยิบมือ จริง ๆ แล้วทั่วไปเขาใส่พริกแห้ง
แต่มันหอมสู้พริกสดไม่ได้
ตำพอแหลก แค่นี้ก็แสบตา หอมฟุ้งไปแล้ว ตำไปค่อน
ข้างแรง ใช้แหะ ๆ มือปาดลงครก.ขี้เกียจหาช้อน
ส่วนถั่วเหลืองแผ่นที่ ทางเหนือเรียกว่า ถั่วเน่าแค๊ป หรือถั่ว
เน่าแผ่น จัดการปิ้งไฟอ่อน จนเหลือง กลิ่นบอกตรง ๆ
กลิ่นคลุ้งเหม็น แต่พอสุกแล้ว หอม ใครเคยกิน นัตโต๊ะ
ของญี่ปุ่นกลิ่นก็เหมือนกัน จับโยนใส่ครกทั้ง 4 แผ่นตำ
ไปไม่ต้องให้มันแหลกมาก มันจะไม่อร่อย
หม้อดินใหม่ ขนาดกลาง ตั้งไฟจนร้อนฉ่า เจอน้ำมันหมู
ที่มีกากหมูติดหนัง ไอร้อนคลุ้ง ใช้ช้อนควักน้ำพริกที่ตำ
ไม่แหลก ใส่หม้อดินที่กำลังร้อน ใช้ไม้พาย ก็เป็นไม้สัก
แบน ๆ นี่แหละ คนไปมาไม่ให้มันไหม้ กลิ่นเริ่มฉุน
ได้กลิ่นหม้อดินเผาใหม่ หอมไม่เหมือนใคร
น้องสาวที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน ที่ธนาคารสตางค์แดง
ในตัวตลาด เยี่ยมหน้าเข้ามาในครัว จามฟิ้ว 3 ทีแล้วรีบ
ผละหนีไป ส่วนผมเหรอ ต้องเบือนหน้าไปจามมั่ง แล้ว
ก็หันไป จับชามกระดูกหมูใส่ไปทั้งกิโล แหะ ๆ แม่ครัวทั้ง
ห้า แห่ง BG คงจะท้วงว่า ทำไมไม่ล้าง โธ่ ล้างแล้วครับ ก็
ไม่อยากกินปนกับ รอยเท้าหมา ที่ขึ้นไปเหยียบบนเขียงพ่อ
ค้าในตลาด เหมือนกัน.
ใช้ไม้พายคน กระดูกหมูปนกับน้ำพริกจนทั่ว แล้วปิดฝาให้
กลิ่นหอมอบอวนเข้าไปในเนื้อกระดูก กระดูกซี่โครงหมู
ที่บ้านแม่ขะจานเหรอ ราคาเท่า กท.เลยแหละ แพงเหรอ
ไม่แพงหรอก เพราะที่นี่ เขาไม่เลาะเนื้อที่ติดออก เหมือน
พ่อค้า ใจดี ๆ ของกรุงเทพ 555 ซี่โครงหมูเลยมีเนื้อหนา
ติด พอร้อนได้สักครู่ เปิดฝาใช้กระบวยใบโตตักน้ำใส่แล้ว
ปิดฝา ให้มันเดือนขลุก ๆ พักใหญ่ รอให้กระดูกมันสุก
แล้ว เอามะเขือเทศ ปาดโยนไป 2 ลูก เติมสีสันให้
รสหวานนิด แล้วขยุ้มผักเฮีอดที่สะเด็ดน้ำใส่ในหม้อ
ดิน คนไปมากับ แล้วปิดฝา ไม่นานกลิ่นหอมของน้ำพริก
กลิ่นกระดูกหมู ปนกับ ยอดผักเฮือด คลุ้งไปทั่ว
ใช้ทัพพีคนไปมา แล้วตักน้ำชิม โห.... ร้อนเผ็ดเปรี้ยวของ
ใบผักเฮือด หอมกระดูกหมู อร่อย จนต้องตักชิมอีกครั้ง
เปรี้ยวหน่อย ๆ ตรงสะเป็ค แต่ยังเค็มน้อยไปหน่อย จับ
น้ำปลากระฉอก ไปอีก 3 ฉึก คนไปมาแล้วชิม เออใช้ได้
แล้วรีบปิดฝา หรี่ไฟลง แหะ ๆ เพื่อน ๆ อย่าสงสัยเลย
ที่บ้านแม่ขะจานใช้หม้อดินก็จริง แต่มีแก๊สใช้ แล้ว ส่วนที่
จะให้ใช้ทัพพีตักน้ำขึ้น แล้วใช้ช้อนตักชิมอีกครั้ง เหรอ
ไม่ไหวครับ มันไม่ถนัด ทำแบบลูกทุ่งนี่แหละแต่ก่อน
ทำอะไร ล้างมือจนสะอาดก็แล้วกัน 555
เส โว้ยตักข้าวเสร็จยัง
พร้อมแล้วพี่ตูน ยกแกงมาเลย กำลังหิว
ค่ำนั้น เรานั่งกินข้าวกันสี่คนก็มี เสรี ก็เจ้าเสเพล คนเดิมนั่น
แหละ ทลึ่งลาออกตามมาทำขิง มันให้เหตผลว่า อยู่ไป
ก็ ไลฟ์บอย เอ้ยไม่ใช่ ได้แต่กล่องสบู่ ขี้เกียจเห็นหน้า
มือปืนรับจ้างบริหารงาน ที่ไร้ศิลธรรม ว่าเข้านั่น
ส่วนโกสิน เจ้าของร้านค้าเครื่องก่อสร้างที่ พิษณุโลก เบื่อ
จาก ยอดขายมันตก แก้ไขไม่ไหวแล้ว
พี่ตูน ผักเฮือดนี้เป็นไม้เถา เหรอ เปรี้ยวหน่อย เวลาเคี้ยวกับ
กระดูกหมูที่เนื้อมัน กุ๊บ ๆ หวานอร่อย
ไม่ใช่หรอกพี่เส เป็นต้นไม้ใหญ่ขนาดมะขาม ใบกลมปนรี
คล้ายใบโพธิ์ แถวบ้านเรามีอยู่ต้นแถวบ้านพี่เฉลียว
ถ้าได้ไข่มดแดง ลูกเป้ง ๆ ใส่แกง ด้วย อร่อย เวลาเคี้ยว
แตกตุบ รสมัน ปนเปรี้ยวของใบผักเฮีอด อย่าบอกใคร
เออ พี่ตูน จำน้องอะไร้น้า ขาวสวย หุ่นดี ๆ ที่เป็นครู
แถวบ้านปางมะโอ เขาชวนผมกับพี่ ไปเที่ยว ตอนกลาง
คืนกัน เขาบอกว่าจะไปเฉพาะหนุ่มสาว
จำได้ซิ เส ครูวิภา เขาชวนเที่ยวแบบหนุ่มสาว มันเป็นไง
แหะ ๆ ผมก็ไม่รู้ พอดีเส เจอคุณมล ที่สถานีอนามัย
พี่เส ไปอนามัยไปฉีดยาเหรอ
เฮ้ย ๆ อิ๊ดไม่ใช่ พี่เสไป เต้นแอโรบิกส์ ก็สาว ๆ
เยอะ หุ่นดี ๆ เลย ไปลองหัดเต้นกะเขามั่ง เห็นครู
วิภาเล่าว่า พี่ตูน เต้นแอโรบิกส์เก่งไม่ใช่เหรอ ไปสอน
ครูวิภาเต้น ท่าแปลก ๆ ไม่เหมือนแม่ขะจานสอนนา
เอ...ยังไงซะแล้วครูวิภาย้ำให้ผมพาพี่ตูนไปให้ได้
สงสัยครูเขาจะปิ๋งพี่ตูน 555 ที่โสดแหง ๆ เอ้อ..
พี่ตูน พาวิภา กะ น้องมล ไปเที่ยวได้เลย ที่นั่นจะเป็นลำ
ห้วย หนุ่มสาวจะนัดกันไปเที่ยว ตอนกลางคืน เอาไฟฉาย
ไปคนละอัน เขาจะไปจับแมลง มาเป็นอาหาร
ปีหนึ่งมีเพียง 3 - 4 วันเอง อิ๊ดเคยไปมาก่อนแล้ว เวลาสาว
จับได้ จะยื่นให้หนุ่มช่วยจับเข้าข่อง แถวนั้นอากาศเย็น
ลมพัดเบา ๆ แสงจันทร์พรุ่งนี้ จะส่องสว่างไสว สวย
ดู ๆ แล้วเจ้า เส คงคิดถึงสาว วิมล นั่งตาลอย
ส่วนผมเหรอ คืนพรุ่งนี้ผมคงได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แถมได้พบกับครูวิภา
ยอมรับว่า เวลาเธอยิ้มเห็นไรฟัน มีลักยิ้ม ผิวขาวมัดผม
หางม้า เวลาเดินจะแกว่งไปมา สวยครับ... ไม่เป็นไร...
รอพรุ่งนี้ก็ได้........