No. 85 หนาวมาก พรุ่งนี้อยากจะให้อุ่นบ้าง
บล๊อกอันดับที่ 85
ปกติแล้ว จะจำบางสิ่งได้แม่น บางอย่างอยากจำแต่กลับลืม 555 ยังกะเนื้อเพลง วันก่อน ข่าวน้ำท่วมกำลังคืบคลานมาช้า ๆ เป็นสงครามประสาทกัน ไปทั่ว จขบ.ค่อย ๆ ขนของขึ้นชั้นที่สองเหนื่อยสุด ๆ เพราะไม่มีใคร ช่วยขน น่าสงสารเนาะ 555 ต้องบอกว่าเหนื่อยสุด ๆ เอาไปซุก ๆ ไว้ก่อน พอน้ำลงแห้งเป็นฝุ่นกันแล้ว ทะยอยขนของลงมาไว้ตาม เดิม แต่โชคดีในความเหนื่อยมาก เจอสมุดบันทึกเขียนด้วยลายมือ ตนเอง ที่ต้องบอกว่า อ่านยากมาก 555
บันทึกนี้เขียนไว้หลายปี พออ่านแล้ว มีข้อความคล้ายกับเรื่อง ของ เสรี บางตอน (ตอน 71 แรกรักในฤดูหนาว) ลองอ่านดูซิครับ
นึกย้อนหลังครั้งอยู่เชียงใหม่ จังหวัดที่เป็นที่อยู่อาศัยมาแต่เล็ก คูน้ำหน้าบ้านที่มีปลาอันแสนฉลาด ฤดูหนาวที่หนาวยะเยือก ยังจำ ได้เสมอว่า หนาวขนาดหนัก เวลาขี่จักรยานไปโรงเรียนยุพราชวิทยา ลัย ใส่กางเกงขาสั้นสีกากี เสื้อขาว เอาเสื้อสักกะหลาดเขียวขี้ม้า หนาและแข็งคลุมทับ หายใจออกมาเป็นไอนำ หมอกลงหนามอง ไปได้ไม่เกิน 10 เมตรก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว
เมื่อถึงโรงเรียนตอนเช้าเพื่อนหัวเราะกันใหญ่ ต่างคนต่างชี้ให้ดูสภาพ ของแต่ละคน ผมมองดูขนหน้าแข้งมีละอองหมอกจับเป็นหยดน้ำขาว ๆเต็มไปหมด
ก่อนอื่นก็ใส่กุญแจจักรยานแล้ววิ่งเข้าหากองไฟที่ ภารโรงจุดเอาไว้ เพื่อน ๆ กำลังกวาดใบลำใยหน้าห้องน้ำและกิ่งไม้เล็ก เข้าใส่กองไฟ ให้ลุกโชติช่วง ไขข้อหัวเข่าและข้อเท้าค่อยดีขึ้น มือที่อังไฟจนอุ่น ทั้งสองข้าง ก็ประกบกับใบหูอันเย็นเฉียบให้อุ่นและมีความรู้สึกบ้าง
เวลาผิงไฟท่ามกลางเพื่อนร่วมโรงเรียนช่างสั้นเหลือเกิน กระดิ่ง กลางตึกอำนวยการของโรงเรียนดังขึ้น พวกเราต่างวิ่งไปหน้าเสาธงใหญ่ เข้าแถวเป็นแต่ละห้อง ผมยืนอยู่ หัวแถว ๆ ที่ 4 เพราะอยู่ชั้นสูง
เสียงนกหวีดดังเป็นสัญญานยาว แตรวงดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้อง เพลงชาติไทย เสียงกระหึ่มอย่างพร้อมเพรียง จบจากเพลงชาติก็ถึง คราวสวดมนต์เช้า เสร็จแล้ว อาจารย์โสภิต สุขเกษมอาจารย์ใหญ่ กล่าวอบรมและแนะแนวว่า พวกนักเรียนที่ไปแอบสูบบุหรีในห้องน้ำ หลังโรงพละ และโรงประชุมให้รีบเปลี่ยนใจ งดสูบบุหรี่เสีย มิฉะนั้นจำต้องมีการลงโทษด้วยการตีก้อนคนละ 3 ทีและตีขาอีก 3 ทีต่อหน้านักเรียนทุกคนตอนเช้า. พวกที่มาสายก็จะได้หายขี้เซา หายจากง่วงนอน โดยให้วิ่งรอบสนาม ฟุตบอลคนละรอบครึ่ง
จบการอบรมประจำวัน แตรวงดังขึ้นเป็นจังหวะสวนสนาม แต่ละห้อง แต่ละชั้นต่างเดินแถวเรียงหนึ่ง แยกกันเป็นสายไปเข้าห้องเรียนตาม ตึกเรียน เช่น เรือนเพชร เรือนวิเชียร เรือนวชิระ ตามจังหวะเพลง
ในห้องเรียนจุคนได้ประมาณ 30 - 40 คน ผมเรียนอยู่ชั้นที่ 2 ของ เรือนเพชรที่สูงใหญ่กว่า เรือนอื่น ในห้องต้องเปิดไฟเรียน เพราะ แสงในฤดูหนาวไม่ค่อยมี บางชั่วโมง อาจารย์ที่เป็นหญิง ก็จะใจดี เห็นนักเรียนหนาวมาก ก็จะพาไปเรียนตรงสนามบาสเก็ตบอล ที่มี แสงแดดส่องถึง
ถ้าเจอครูเอนก พุทธศิริ ที่เข้มแข็ง ท้องแขนเป็นมัด ข้อมือเล็กยัง กะนักเพาะกายสอน เป็นอันเชื่อได้ว่า ต้องนั่งสวมถุงมือเขียนหนัง สือเรียน ส่วนหูและจมูก เอามือคลำดูแล้วไม่ค่อยจะรู้สึก ชาไปหมด น้ำมูกใสจะค่อย ๆ ไหลรินออกจากจมูก เอาผ้าเช็ดหน้าซับก็ไม่ค่อย แห้ง
ในขณะที่อายุ 16-17 ปีนั้น จิตใจของผมได้แต่คิดว่า วันรุ่งขึ้นอากาศ จะคลายความเย็น อากาศจะอบอุ่นขึ้นหรือไม่หนอ ถ้ามีแสงแดดมากคงจะดี ในห้องเรียนจะได้สว่างเห็นหนังสือชัดขึ้น
เรื่องการอาบน้ำประจำวันนั้นต้องเปลี่ยนเป็น อาบน้ำประจำทุก 3 วัน ก็เหงื่อมีมีออก ผิวหนังแห้ง หน้าแตก ต้องใช้วาสลินที่ซื้อจากร้าน ขายยา ทาหน้าแข้งและแขน ใบหน้าทาด้วยมะนาว ริมฝีปากที่แตก ระแหง ใช้สีผึ้งอันละสลึงทากันแตก
วันไหนจะอาบน้ำให้รีบกลับบ้านทันที ผลัดเสื้อผ้าได้ ตักน้ำในตุ่ม น้ำที่ตากแดดไว้ ราดตัว ถูสบู่อย่างรวดเร็ว ราดน้ำทิ้ง 3 ขันเป็นใช้ได้ เช็ดตัวให้แห้ง เผ่นขึ้นเตียงนอนเอา นวมคลุมตัวให้อุ่นจนได้ที่แล้ว ค่อยแต่งตัวทีหลัง
วันหนึ่งในเดือน เมษายน อากาศร้อนปกคลุมทั่วเชียงใหม่ เปลวแดด เต้นระริกอยู่ทั่วไป ใบไม้ร่วงหล่น ผมนอนหลับตาอยู่ในมุ้ง อย่าง เกียจคร้านในตอนเช้ามืด เสียงน้ำที่รดจากฝักบัว กระทบใบไม้และพื้นดินดังเปาะแปะสม่ำเสมอ คงจะเป็นแม่ที่ลุกจากที่นอน เอาน้ำ รดลานบ้าน ใต้ต้นไม้ ใบไม้ ร่วงหล่นตามอายุขัย ลานบ้านแห้งและมีฝุ่น แม่รดน้ำ ก่อนเพื่อกัน ฝุ่นฟุ้งเวลากวาดใบไม้. รวมกองไว้เผาทุกวัน
หลังจากบิดตัวอยู่หลายตลบ ก็ลุกมาอาบน้ำที่บ่อน้ำข้างบ้าน ลักษณะ บ่อน้ำกว้างประมาณ เมตรครึ่ง ลึกประมาณ 15 เมตร ขอบบ่อก่อ ด้วยอิฐก้อนเล็กจากก้นบ่อขึ้นมาข้างบน สูงระดับเอว อิฐข้างบนมี สีแดง ส่วนที่ใกล้น้ำมีตะใคร้น้ำสีเขียวสอาดเกาะอยู่ทั่วไป
พื้นรอบบ่อก่ออิฐ เป็นวงกลม ไม่ไล้ปูนเพื่อให้สากจะไม่ลื่น โพลงหรือเชียงใหม่เรียกว่า น้ำทุ่งทำด้วยไม้ไผ่เส้นเล็กสานถี่ยิบรูป กรวยกลม มีขาทำด้วยไม้จริงไขว้เป็นตัววี คำทำน้ำทุ่งเอา ชันไล้ ทั่วตัวน้ำทุ่งทั้งนอกทั้งในกันน้ำรั่ว
ก่อนใช้ชาวบ้านทั่วไป จะใช้เชือกมะนิลาผูกตรงไม้รูปตัววี ยาว ที่น้ำจะลึกมากลึกน้อย บ่อน้ำที่บ้านน้ำขึ้นมาข้างบน จากข้างบน ลงล่างประมาณ 2 เมตร
น้ำใสแจ๋วมองจากปากบ่อลงไปในน้ำจะเป็นสีน้ำเงิน เหมือนกับ ท้องฟ้า
บ่อน้ำของชาวเชียงใหม่ใช้ทั้งอาบ และใช้ดื่มจึงต้องทำให้สอาด จึงทำรางไม้ไผ่ใหญ่ ยาวทอดจากบ่อน้ำไป ห้องน้ำ ห่างจากบ่อน้ำ ประมาณ 10 เมตร น้ำที่ตักจากบ่อจะเทลง รางไม้ไผ่ให้ไหลไปตามรางไม้ ตกลงในตุ่ม โดยไม่ต้องหิ้ว ให้เมื่อยมือและแขน ห้องน้ำมีฝาไม้ 4 ด้าน มีประตูปิดเปิด ด้านบนโล่ง ให้แดดส่อง ถึงในเวลากลางวัน บ่ายคล้อยเงาต้นละมุดจะบังให้พอดี เวลาอาบ น้ำ ลมจะพัดผ่านทำให้เย็นสบาย
หลังจากอาบน้ำเช็ดตัวจนแห้งเดิน ไปตรงบันใด ล้างเท้าตรงหัว บันใดด้วย กระบวย กะลามะพร้าว ฯ ฯ
บันทึกข้างบน คัดมา ตามตัวอักษร แข็งทื่อ หน่อยนะ ไม่ได้เขียนด้วยคอมพิวเตอร์ ที่ตัดต่อ ตัดแต่งได้ 555 ตอนต่อไป
ก็ มีพวกหนุ่ม ๆ พากันไปเที่ยวน้ำตก และก็ แหะ ๆ ทำตัวไม่ค่อย จะดีเท่าใด ถ้าพออ่านได้ เชิญติดตามตอนต่อครับ
st.9563/12267
Create Date : 22 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 3 มกราคม 2562 10:42:44 น. |
|
105 comments
|
Counter : 3622 Pageviews. |
|
|
บันทึกย้อนหลัง ของผมหายหมด
ต้องนั่งนึกเอา บางเรื่องจำ หลายเรื่อง ลืมครับ