No. 99 ดอยสูง ปีน ซะเหงื่อตก
บล๊อกอันดับ 99
ปล่อยภาพการเดินธุดงค์ มาบางส่วน คนมันเยอะ เพื่อนที่ เข้ามาอ่านคงจะเจอคนรู้จักบ้าง
ก่อนเดินทาง พวกเราเข้ารับการอบรม การมีชีวิตอยู่ในป่า 555 ยังกะจะเข้าป่าล่าเพชรพระอุมา เช่นเวลาเข้าห้องส้วม ใครเข้าก่อนสบายหน่อย เวลาอาบน้ำหรือเดินไปป่าจะเจอ ตัวแมลงเรียกว่า ตัว"คุ้น" เวลาถูกกัด จะเจ็บนิดเดียว แต่หลังจากนั้น คัน ๆ ๆ เป็นเวลา เกือบเดือน
นี่แหละที่มาของ ฐานเทพ ก็ชื่อวัด..... เดิมที่นีหลายปีก่อน เป็น ศูนย์เกี่ยวกับการศึกษา กำแพงแสน ตอนหลัง เลยปรับเปลี่ยนเป็น วัดแทน ลองดูภาพภายใน แหะ ๆ หมายถึง อาณา บริเวณที่ร่มรื่นนะ อย่าเข้าใจผิด
กะว่าจะลงรูปให้เห็นป้ายชื่อ ลงผิดครับ ดูใหม่ พอดีคือบังเอิญ เคยลงรูป กับข้อเขียนแบบเดิม พอมาเจอระบบ "เดิมกว่า" เลย งง...
ภาพสวยในฐานเทพ เจติยาจารย์
ยัง ๆ มีอีก
นี่ก็บ้านพัก แต่ มิใช่ของพวกเรานะ ของตุ๊เจ้า ใครรู้บ้างเอ่ย ตุ๊เจ้าคือ...
ในฐานมี ลำห้วยเล็ก ๆ ไหลผ่าน
แรก ๆ ใครก็คิดว่า ฐานเทพ จะเป็นฐานสำหรับคน ส.ว. รุ่นก่อนมีคนสมัครอยู่ ฐานนี้แค่ 70 คนมั้ง พอสถาบันมาเล่า ให้ฟังว่า ฐานอื่นเดินกันอ๊วก แถมเข้าห้องส้วมหลุม กลิ่น โชย แล้วก็เล่าว่า คนขึ้นคราวนี้มากจริง ๆ เกินกำลังที่จะ ให้เต็นท์ตั้งได้ครบ จนท.ป่าไม้ก็อึดอัดใจ
ใครสมัครใจ ที่จะอยู่ฐานเทพมั่ง ตัวไวน์เองขอไปฐานอื่น แต่เขาเบรคไว้ว่า อย่าขึ้นเลย ขอให้อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน เราจะเลือกคนที่หล่อ สวยไว้ ว่าแต่ว่า คุณไวน์จะหล่อพอ ที่เขาจะคัดเลือกไว้หรือไม่
555 แบบนี้ดูถูกกันนี่ เอาก็เอา อยู่ฐานเทพก็ได้ พอเขาถาม ในที่ประชุมใครสมัครอยู่มั้ง ยังกะรู้ว่าที่ฐานเทพต้องให้ คนหล่อขั้นเทพ อยู่ สาว ๆ ยกมือกันพรึบ โหกว่า
500 คน คงรู้ว่า มีคนหล่ออยู่ฐานเทพด้วย
แต่ให้ตายเถอะ พอเดินทางไปถึงฐานเทพ เจสัน ยัง อยู่ในกลุ่มด้วย ห่วย... มิน่าละสาว ๆ จึงสมัครกัน ตรึม แป่ว เลยตู....
วันแรกเดินธุดงค์ ฐานเทพออกเดินก่อน พรรคพวกเดียวกัน แต่อยู่กลุ่มอื่นโบกมือ บ๊าย บาย....
พวกเราเดินไปตามถนนดำ แล้วตัดดิ่งขึ้นดอยที่เขาปลูก ลำไย ทางชันแต่เดินสดวก ตามทางเดินมีน้ำจากเขาไหล ลงมาตลอดเวลา ดูร่มรื่น เสียงหายใจของเพื่อนดังมาเป็น ระยะแต่ไม่ถึงกับ น้ำลายไหลนะ 555 อาจารย์ให้พวกเรา หยุดพักเป็นระยะ ไกลออกไปกว่า 1 กิโลแม้ว ภาพที่เห็น หลวงพ่อวิริยังค์เดินนำหน้าพานักศึกษา ลัดเลาะขึ้นดอยที่ แห้งแล้ง คดเคี้ยวไปมา หัวแถวอยู่บนดอย แต่หางยังอยู่ ข้างล่าง ภาพที่เห็นตัวติ๊ดเดียว
ส่วนอีกพวก ก็เดินลัดเลาะเป็นทิวแถวอีกดอย ดูแล้วสงสาร พวกเพื่อนที่ต้องเดินทางชัน สู้ของเราไม่ได้เดินสบาย ๆ พอถึง จุดพักที่นานหน่อย เราก็นั่งพักเรือนพักของไร่ สบายหน่อย
เรากำลังรอ พรรคพวกมาให้พร้อมกัน นี่ครับคนที่เรารอ
เห็นยังครับเขาใจถึง เพื่อนที่ช่วยลุ้นช่วยดัน รถวิลแชร์ขึ้นมา ก็เยี่ยม ทางที่เดินหรือลากจูงขึ้นมาเหรอ นี่ไง......
พอหายเหนื่อย พระอาจารย์ใช่เลย เป็นพระภิกษุครับ นำ สวด 9 จบ พวกเราก็นั่งกันใต้ต้นไม้สบาย เสร็จแล้ว ก็ นั่งสมาธิ หลังจากนั้น ก็เดินลงเขา มองไกลออกไป ทิวดอยที่มีแต่ ต้นพญาไร้ใบ กำลังถูกแถวคน เดินลัดเลี้ยว ไปเรื่อย ๆ 555 เพื่อน ๆ คงเหนื่อยกันสุด ๆ แต่ ต้องนับถือ หลวงพ่อวิริยังค์ท่านยังคงเดินนำหน้าทั้ง ที่ท่านอายุเข้า 93 ปี ทีนี้มาดู พวกผมขณะนั่ง สวดกับนั่งสมาธิกัน บนดอย
เขียนเพลินไปหน่อย จะถ่ายรูปตัวเองนั่งสมาธิได้ไงเนาะ...ไม่ได้หรอก อย่างที่บอกว่า หลวงพ่อวิริยังค์ เดินนำหน้า แต่ผมไม่ได้เดินกับท่านหรอก แต่ก็มีเพื่อนกับช่างภาพ ถ่ายภาพมาให้หลายภาพ
หลังจากเดินธุดงค์แต่ละวัน ก็เย็นทั้งอากาศกับเวลา ต่างคน ต่างค่อย ๆ กระย่องกระแย่งลงเขา กลับสู่ฐานเทพ
ตกเย็นย่ำสนธยา อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ พวกเรามีเวลา อาบน้ำ แต่งตัวเข้าแถวทานอาหาร ไม่เกิน ชม.ครึ่ง โห... คนหลายร้อยคน ห้องน้ำเยอะก็จริง ผู้ชายอย่าหวังเลยต้อง ให้หญิงเขาก่อน แม้จะเป็นห้องชายก็เหอะ....
แต่งตัวออกจากเต็นท์ส่วนตัวเล็ก ๆ นุ่งกางเกงกีฬาตัวเดียว ผ้าขาวม้าพาดคอ ปิดอก เหี่ยว ๆ หน่อย ถือสบู่ แปรงสีฟัน กับอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ไปที่น้ำจากเขาไหลผ่าน มองซ้าย มองขวาไม่เห็นใคร อาบตรงนี้เลย
เอาเท้าแหย่น้ำที่ไหลนิด โห้ย...เย็นเจี๊ยบทั้งที่ฤดูร้อน ทรุดตัวนั่งให้น้ำไหลผ่าน คือมันหนาวเลยต้อง หดเข่าติดอก ให้หายหนาว สระหัวถูสบู่ 3 จึก เอาน้ำสาดตัว แล้วต้องรีบลุกขึ้นเช็ดตัว
กลับไปแต่งตัวที่เต็นท์ เตรียมเข้าแถวกินข้าวเย็น ที่เห็นนี่แถวเดียวยาว แล้วโค้ง
แต่ละฐานจะมีพี่เลี้ยง คอยตักอาหารให้ มี มังสะวิรัติ กับธรรมดาแต่ต้อง เลือกไว้ล่วงหน้าก่อนเดินทางนะครับ เขาคงไม่กลัว เพื่อนมังสะวิรัตน์ เห็นผัดหมูแล้วจะแย่งกินนะ แต่แถวอาหาร ธรรมดา 3 แถวคนเยอะจริง ๆ คนกินอาหารธรรมดาจะไปต่อแถวสั้นกว่า เพื่อนมังสะวิรัตน์นะเอง เขากลัวอาหารจะไม่พอนะ
กิจกรรมตอนเย็นกับกลางคืนไม่มากหรอก มีทำวัตรเย็น เดินจงกรม แล้วก็นั่งสมาธิ ที่ศาลาปีกใม้ ฟังหลวงพ่อฯเทศน์ จากบนเขา ทั้ง 3 ฐานได้ยินพร้อมกันหมดครับ เขาปัตตะนา แล้ว... เข้านอนตอน 4 ทุ่มกว่านิด ๆ
รุ่งเช้า กินอาหารเช้าแล้ว ก็รับ อาหารห่อใส่เป้ แต่ละคนไป แล้วเดินธุดงค์ วันที่ 2 คุณเอ้ย จากที่หัวเราะเพื่อนว่า ต้อง เดินสูง สู้ปักหลักฐานเทพไม่ได้
ที่ไหนได้....พวกเราก็เดินเส้นทางเดิมที่เพื่อนปีนดอยเห็น ไกล ๆ นั่นแหละ ดอยชันจริง ๆ มีแต่ต้นพญาไร้ใบ 555 ระหว่างเดิน ก็บริกรรมพุทโธ ไปเรื่อย ๆ พอคนอื่นหยุดเรา ก็ต้องหยุดตาม เขาห้ามแซงคิว พวกเราที่หนุ่มได้หยุดพัก ตาม ส.ว.เขาด้วยทั้ง ๆ ที่เกือบแย่อยู่แล้ว 555 แต่พูดไม่ออก
พอถึงที่พัก บนดอยก็แค่เป็นที่เรียบนิด พระภิกษุ 40 รูปได้ มั้ง จัดการปูผ้าใบแบบถุงปุ๋ย แล้วอีกผืนขึงกันแดดที่ร้อน เปรี้ยง พวกเราก็เอามั่ง นั่งพักกันเป็นแถว กลางแดดนั่นแหละ เพียงแต่มีผ้าใบบัง กะใบไม้ที่มีอยู่กระจิ๊ด บัง
ทีนี้พระท่านจะนำสวด อิติปิโส 9 จบ เสร็จแล้ว นำกล่าว ระลึกถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม ฯ แล้วนั่งสมาธิ 30 นาที
ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตลอดระยะทางที่เดินขึ้นเขา ลงห้วย พอเที่ยง ก็งัด ข้าวห่อมากิน ริมลำห้วยที่เขาเรียกว่า ฐานอุบลวรรณ พวกเราได้นั่งพัก ล้างแข้งขา ใบหน้า แล้วก็เห็นร่องรอย ที่ พวกที่มาเมื่อวาน มากางเต็นท์นอน กว่าพันคน คุณเอ้ย..... พวกนี้ลำบากจริง ก็ที่นอนมันเอียง ลาด มีแต่ก้อนหิน เจ็บหลังแน่นอน แถมมีตอไม้ด้วย
ที่นี่เป็นที่อาบน้ำของ ฐานอื่นเมื่อเย็นวาน แต่ของเราไม่ต้องอาบน้ำ ให้ผ้าถุง เอ้ยผ้าขาวม้าเปิดหรอก โน่น สบายจะตายไปที่ฐานเทพ
เห็นน้ำแล้วเย็นชื่นฉ่ำดี ทีนี้ก็สวดกันอีก 9 จบ นั่งทำสมาธิ บ่ายคล้อย พวกเราต้องรีบเดินกลับ ฐานเทพอีกทางทั้งขึ้น เขาลงห้วย บางทีก็เห็น เซเว่น อีเลพเว่นแว๊ป ๆ ก็พวก ชาวบ้านหาบเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว มะพร้าวตามพวกเรา ใจนะอยากจะกิน แต่สถาบันเขาห้ามซื้อ มิฉะนั้นจะสอบตก แต่เขาให้ ซื้อ ณ จุดพักนะ ไม่ใจร้ายหรอก ส่วนใหญ่กะลามะพร้าว ถุงพลาสติก ไม่รู้ใครทิ้งให้ดูต่างหน้า จะทำให้สภาพป่าเสีย เขา เลยห้ามซื้อ ปัจจุบันเหรอ สอาดสภาพป่าดี
พวกเรา กับอีกหลาย ๆ คน พยายามตั้งใจเรียน ใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะสอบ ข้อเขียน กับสอบภาคปฏิบัติได้คะแนนตามที่สถาบันกำหนด จึงจะมีสิทธิ เข้าร่วมเดินธุดงค์
บางคนก็มาจากต่างประเทศ เช่น แคนาดา กับเมกา. สองท่านนี้รุ่น 28 รุ่นพี่ที่ อายุน้อยกว่าไวน์แน่ ไวน์รุ่น 29 คุณต้นกล้า...รุ่น 19 คุณกิ่งฟ้ารุ่น 26 แล้วใคร จะอายุมากกว่ากัน รึ...คุณต้นกล้า 555
เพื่อน หลายคนเคยสอบถาม ด้วยความอยากรู้ บางคนก็ว่า เอ็งนะงมงาย ตัวไวน์เอง ได้แต่หัวเราะ คำว่า "งมงาย" ได้แต่คอยชี้แจงว่า มันมีคุณ กับประโยชน์มากมาย เช่น
เมื่อก่อน เป็นคนทำงานมาก คือบ้างาน งก เงินทำนองนั้น แหละ ก็เขาว่า น้ำขึ้นให้รีบตักนี่นา ใครชวนทำงาน เอาหมด เอ้ยรับหมดนะแหละ ไม่คำนึงว่า ตัวเองจะทำไหวหรือเปล่า ก็ถือว่าเป็นคน ออกกำลังกาย สม่ำเสมอนี่นา ซึ่งมันก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แหะ ๆ ชักเขียนเหมือนคำพูดของ นักการเมืองเข้าไป กึ่งหนึ่งแล้ว
เวลาขับรถจากอีกที่ไปอีกที่ พอรถจอดไฟแดง ของีบนิด จนกระทั่งคนบีบแตรไล่ แต่ไม่ถึงกับ ตร.แถวมักกะสันมา เขย่ารถให้ตื่นในภาพทีวีนะ แต่ถ้าที่อื่นไม่แน่ 555
ผลเหรอ ได้เงินก็ไม่ค่อยได้ใช้ ต้องซื้อขนมปังกับน้ำดำ กระป๋องกินในรถ ขับไปกินไป กลับบ้านโน่นแหละตี 2 นอนไม่กี่ชม. ก็ต้องตื่นไป ทำงานที่แพลนไว้ล่วงหน้า 7 วัน... พอไปถึง ไปประชุมคือ ต้องเอามือจับหู กางเกงไว้ กลัวคนเห็น ก็มือมันสั่น ตลอดเวลา
จะเรียกว่าประสาทกินก็น่าจะได้ ตอนหลังเลยค่อย ๆ ตัด งานออก กว่าจะให้คนอื่นทำแทนหมดได้เกือบ 2 ปี ก็มัน เป็นงานที่ต้องทำ ทิ้งกลางคันไม่ได้
แต่ให้ตายเถอะ มือมันยังไม่หายสั่น ยังคิดมากอยู่ วันหนึ่ง ไปหาที่เรียน การตัดต่อวิดีโอ ที่วัดธรรมมงคล 555 ยังตัด ไม่ขาดกับโลก แต่ก็ไม่ได้เรียนเพราะครูเขาไม่ได้สอนวิชา นี้ แต่ไปเห็นป้าย ชินสาสมาธิ 1 ก็เลยเอาแผ่นพับไปอ่าน ดู ดูเข้าท่าลองเข้าไปขอร่วมอบรม
อาจารย์เขา เล่าประวัติที่มา แล้วให้ลองเดินจงกรม นั่ง สมาธิ พอไปหลาย ๆ ที่ จิตเริ่มสงบ แต่ความอยากยังมี นะครับ ทีนี้รู้สึกจะมีจิตที่เข้ม แข็งขึ้น
วันหนึ่งเข้าประชุมที่บริษัทแถวสีลม จับหูถ้วยกาแฟขึ้นมา จิบดื่ม หลายหน มือนิ่ง วางถ้วยก็นิ่มนวล เลยเริ่มรู้ว่า อาการสั่นนั้นหายแล้ว เวลาขับรถ ไปในที่ต่าง ๆ ใครมา ปาดหน้า ยกนิ้วให้นิ้วเดียว ทำปากมุบมิบ ไวน์เฉย.....
เคยมีอยู่ครั้ง ไปทำงานให้ สถาบันจัดงานคนร่วมเป็นหมื่น กว่าคน มีผู้มาด่าผม ว่าคุณจัดงานยังไง อุตส่าห์นำอาหาร มาเลี้ยงคนร่วมงาน แต่ไม่มีโต๊ะลง คุณเอ้ย เธอว่าไฟแล๊ป กว่าชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่ช่วยเธอ เดินหาป้ายชื่อที่จัด ให้เธอลงอาหาร แต่ก็ไม่ได้ เลยชิ่งหนีไปตั้งหลักใหม่
ยังงงเหมือนกันว่า ไม่โกรธเธอเลย เดินจนพบสถานที่ มีคนมาสะกิดแขน คุณ ๆ สวัสดีคะ ขอโทษนะคะที่ไม่โกรธ ไปทานอาหารที่เต็นท์หน่อย อร่อยนา....(โต๊ะตั้งอาหารมีหลายร้อยซุ้มนะครับ)
หลังจากนั้น เวลาเข้าสมาธิ จะพบอะไรอีกแยะ แต่เหนือ อื่นใด เมื่อเราทำสมาธิแล้ว เท่ากับไปเพิ่มพลังจิต หรือ สะสมพลังจิต มีแต่ความสงบ จากการ "ปล่อยวาง" นี่เป็นประโยชน์ส่วนหนึ่ง มีอีกหลายอย่าง วันหลังจะ ยกมาให้เพื่อนรู้เช่น รู้จิตใจของคู่สนทนาได้ จริงไม่โกหกหรอก....แต่.........ไวน์ยังทำไม่ได้นะ รู้แต่วิธี เอ... รู้สึกจะยาวไปแล้ว ขอจบด้วยภาพ พวกที่สวย หล่อ ปานเทพบุตร ณ ฐานเทพดีกว่าเนาะ มีไวน์ผู้เกือบหล่ออยู่ ด้วย เหล่..ให้ดีจะเห็นครับ 555
head> st.19607/25454
Create Date : 26 มีนาคม 2555 |
Last Update : 5 มกราคม 2562 9:05:49 น. |
|
61 comments
|
Counter : 4432 Pageviews. |
|
|
อ่านแล้วชอบค่ะ วันนี้ คุณไวน์เขียนเรื่องอะไร ภาพชัดเจนละเอียดมาก ความจำดีนะคะ
ฟังแล้วก็ปลื้มด้วยค่ะ ถ้าเป็นหนูคงดีใจเหมือนกัน เอ๊ย เรารู้แล้ว เรามีสติเนาะ ปล่อยวาง ใครๆ ก็รู้ทฤษฎีนะคะ แต่ทำไม่ง่ายเลย
สาวกน้ำดำ เหมือนพี่นาถเหรอคะเนี่ย