No. 301 มี (......) 2 คน ทำไงดี ยุ่งพิลึก
บล๊อกอันดับ 301 ประจำวัน ศุกร์ / จันทรใบข้าวเขียว ชุ่มน้ำเอนลู่โน้มต่ำ แสงแรกของวัน ส่องลอด ก้อนเมฆที่หนาทึบ เป็นลำ กระทบหยาดน้ำบนใบข้าวเป็นประกาย ลมพัดเบา ๆ ใบข้าวแกว่งไกวส่งประกายระยิบระยับ ยืนดูท้องนา อันกว้างใหญ่ สว่างเป็นหย่อม กลุ่มเมฆดำใหญ่ ค่อยลอยเลื่อน ด้วยกระแสลมบน ไปอย่างช้า ๆ ช่วยให้ แสงอาทิตย์สาด เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ใบข้าวในนาเริ่มเขียวชัดขึ้น ใช่เลยเหมือนกับที่เคยเห็นตอนเป็นเด็ก ที่ อ.ปาย เมืองในหุบเขา ณ ที่นี่เป็น บริเวณที่ดินตั้งกระท่อมน้อย ส่วนหนึ่งของ ของจังหวัดพิษณุโลก เมืองเหนือตอนล่าง เป็นที่สานฝันแก่ สองเราที่เริ่มชีวิตด้วยกันแสงแดดเริ่มกล้าขึ้นเรื่อย ๆ ต้องเตรียมตัวไปทำงานในเมืองแล้ว เมื่อคืนฝนตกหนัก แม้อากาศจะเย็นแต่ผ่านไปแล้ว ก็เกิดความเหนียวตัวอยู่บ้าง เดินเข้าห้องน้ำติดกับห้องครัว แม้จะ อยู่ติดกัน แต่ยังไม่ค่อยเรียบร้อย แปรงฟัน โกนหนวด อาบน้ำในตุ่มที่เต็มเปี่ยมเย็น รู้สึกสดชื่น กระท่อมน้อย มีฝาห้องน้ำเรียบร้อย แต่มีช่องว่างระหว่างฝา กับหลังคาเกือบฟุต ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี เย็นสบาย เดินผ่านห้องครัว จริงแล้วเป็นเพียงห้องเล็กขนาด ยาวโล่ง ๆ ลูกสาวแม่ยายกำลังทำอาหารเช้าง่าย ๆ จะได้กินก่อนไปทำงาน รีบแต่งตัว นั่งกินอาหารที่ ระเบียงหน้าบ้าน ก็เป็นเพียงระเบียงโล่งพื้นไม้ อาหารเช้ามี ข้าวสวย ที่อุ่น กับผัดตับหมูใส่กะปิ พริกนิดหน่อย นั่งกินกับพื้น กันเงียบ ๆ สองคนลูกสาวแม่ยายทำนะครับ หน้าระเบียงเตี้ยสูงจากพื้นดินครึ่งเมตร ทางเดินเอียงลาดลง หน้าบ้าน ชุ่มฉ่ำด้วยหยาดฝนที่ตกเมื่อคืน บริเวณที่ดิน เป็นที่โล่งไม่มีบ้านคนอยู่เลย ไม่มีรั้ว ดูอ้างว้าง แต่ทำใจตัดกังวล.... นึกถึงเมื่อคืน ตอนตกใจเสียงดังมาก ๆ ยังกะเสียงปืน คิดว่า เสือขาวมาปล้นบ้าน ลุกพรวดพราด มุ้งพันหัวมองไม่เห็นอะไร สลัดหลุดหัวชนฝา ตกเตียง พอตั้งตัวได้เอาไฟฉายส่องดูรอบบ้าน เจอสังกะสี พาดโอ่งน้ำข้างบ้าน ทั้งลมทั้งฝนสาดเข้าตัวบ้าน เปียกไปหมด หน้าต่างประตูยังไม่ได้ติด ไม่มีเสือไหนมาปล้น หรอก ครับ ระยะนั้นข่าวหนังสือพิมพ์ลง ว่าเสือขาวปล้นแถวนั้น ยังจับไม่ได้ พอเสียงดัง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ใช่เลย..ปล้น เฮ้อ.... คิดไปเองท่ามกลางความมืด รีบหาเสื่อไม้ไผ่สาน นำมาปิดหน้าต่าง ใช้ตาปูตอกปิดหน้าต่าง ทั้งสามด้าน กันฝนได้บ้าง ไม่งั้นนอนไม่ได้แน่ ลมแรง มุ้งผ้าห่มเปียก เลยจับพาดไว้ เอาผ้าขาวม้า กับเสื้อผ้าที่แห้ง ห่มนอน หนาวสุด ๆ ตั้งแต่ย้ายไปอยู่กระท่อมปลายนา ต้องปรับเวลาตื่นให้เหมาะ เพราะอยู่ไกลที่ทำงาน แต่ก็มีโอกาสดีหลาย ๆ อย่างตอนเช้า เห็นบรรยากาศรอบ ๆ บ้านหลังน้อย ช่างสดชื่น ต้นข้าวเขียว เดินเลาะริมนา ปูน้อยวิ่งหลาย ๆ ขา ไปหลบตรง กอข้าว คงคิดว่ายักษ์มาจับตัว จากบ้านที่ไม่ได้ติดหน้าต่าง ประตู ก็ได้รับการติดตั้ง อย่างเรียบร้อย ที่ดินบริเวณบ้าน เริ่มมีไม้สวนครัว ไม้ดอก ขึ้นตามแบบที่เขียนไว้ แม้จะไม่สวยเหมือนที่กะไว้ เข้าฤดูหนาว อากาศหนาวเย็น ค่อนข้างมาก ต้องใส่เสื้อกันหนาว เพื่อน ๆ ที่ทำงานต่างผลัดกันมาเยี่ยมเยียนแน่นอนมาทานอาหารกัน ไวน์ทำอาหารไม่ค่อยเป็น อาศัยน้าหญิงของ ลูกสาวแม่ยายช่วยทำให้กิน เวลาว่างก็ปลูก ผักสวนครัว ทำให้บ้านมีชีวิตชีวา เรียกว่าบ้านสวย เพราะฝีมือน้าหญิงมากกว่า ส่วนไวน์ลงมือเอง มีเพียงนี่ครับ ดอกสีม่วงปลูกเป็นแปลงไว้หน้าระเบียบ จำต้นตาลที่ไวน์ ค่อย ๆ ตัดใช้เวลา 3 วันกว่าต้นตาลจะล้มได้ ไวน์เหลือ โคนตาลสูงเพียงเอว นำคุณนายตื่นสายมาปลูกบนตอไวน์นำเมล็ดมะละกอที่ซื้อมาหมายถึงลูกนะครับ รสชาดดี เลยเก็บเมล็ดผึ่งในที่ร่ม ค่อย ๆ แห้งจนมันแน่ใจว่า จะตายแน่ ถ้าไม่เจอน้ำ ก็นำไปโปรยในกะบะดิน ร่วนซุย พรมน้ำทุกวัน ไม่นานมะละกอเริ่มงอก หลายต้น ต้นไหนดูหงิกงอ ไม่สวย ก็ถอนทิ้ง ไม่เก็บไว้ ใจร้ายเหมือนกันเนาะ หลายวันเหมือนกันที่มะละกอเริ่มโต ก็ไปขุดดินเป็นแถว ไวน์ค่อย ๆ ถอนออกมาทีละต้น ใช้ปลายมีดตัดรากแก้วออกนิด แล้วนำไปปลูกในดินที่เตรียมไว้ กดดินให้แน่น ไม่นานต้นเล็กที่ตัดรากแก้ว ตั้งตัวได้ เริ่มโต ลำต้นสมบูรณ์ ใบเขียว ใส่ขี้ไก่ ขี้หมูเป็นระยะ และแล้วก็ให้ผลลูกมะละกอ ไม่ต้องปีนเก็บ ต้นมันเตี้ย ไวน์ลำบากหน่อยตัวสูงเป็นงั้นไป มะละกอ ถูกตัดรากแก้วบางส่วน ธรรมชาติให้รู้สึกว่าถ้าต้นสูง จะล้ม เลยสร้างรากฝอยเยอะหาอาหารเก่ง ลูกสมบูรณ์ สวย เอาไว้ทำส้มตำ กับกินผลสุก งานในหน้าที่ และ ชีวิตเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ไวน์เลยขยับขยาย บางส่วนออกไป เรียกว่ามีความสุขมากขึ้น ก็ ๆ หาคนมาช่วย.... งานบริษัท ได้ทีมงานเก่ง สอนงานครั้งเดียวก็ทำตาม ได้ตามแนวทางที่วางไว้ ผลงาน และเงินเข้าบริษัท มาก จนได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก พวกเราเน้นรักษาลูกค้าเก่า มากเป็นพิเศษ เพราะบริษัทประกันจ่าย ค่าใช้จ่ายปีแรกให้แก่ตัวแทน มากทุกบริษัท แทบจะขาดทุนบริษัทจะเริ่มมีรายได้มาก ตั้งแต่ปีที่ 2 ไม่ต้องจ่ายค่าคอม มีแต่ค่าพาหนะให้ คนเก็บเงินนิดหน่อย เมื่อไวน์ตั้งเป้า ให้ทำยอดเงินของลูกค้าเก่าให้ดีที่สุด เลยเป็นที่ สนใจ และถูกใจสำนักงานใหญ่บริษัทเป็นพิเศษ โดยสายงานแล้ว ไวน์ ทำงานที่สาขาย่อมจะขึ้นตรงต่อ ผู้จัดการภาค ที่ท่านดูแล 20 กว่าสาขา ซึ่งจะรับผิดชอบ ด้านการตลาด กับการขาย เรียกว่า ผจก.สาขา ผจก.หน่วย ด้านการขายขึ้นตรงต่อภาควันหนึ่งสนญ.เรียกให้ไวน์ไปพบ ให้ช่วยทำหน้าที่กำกับสาขาอื่นในภาคเหนือเฉพาะงานภายใน คือ สุโขทัย ตะพานหิน หล่มสัก และ เพชรบูรณ์ เรียกว่าต้องเดินทางไปดูแลกำกับ มอบรายได้เพิ่มอีก ตามสัดส่วนที่สาขานั้น ๆ รับ มีทั้งเบี้ยเลี้ยง ค่าใช้จ่ายให้ไวน์ไม่อยากไปทำหน้าที่นี้เลย เพราะสมุห์บัญชีตาม สาขาที่กล่าวไว้ข้างบนเป็นเพื่อนไวน์ทั้งนั้น ปกติ สาขาต่าง ๆ จะขึ้นต่อ ผจก.ภาค ซึ่งดูแลกำกับ ผจก. สาขา ผจก.หน่วย ห.น.หน่วย ตัวแทนขาย และท่านกำกับดูแล สมุห์บัญชีคือ ไวน์ด้วย เวลาประชุมท่านจะมอบให้อบรมพนักงาน สาขาต่าง ๆ ที่เข้าใหม่ เรียกว่าท่านให้เกียรติมากมาย จนกระทั่งมีคำสั่งเป็น หนังสือถึงไวน์ และสำเนาให้ ผจก.ภาคทราบ ผจก.ภาคได้เรียกไปปรึกษาที่เชียงใหม่ ว่า สนญ.มอบหน้าที่ ให้ไวน์ควบคุมกำกับดูแลเพื่อน ๆ จะเกิดปัญหาหรือไม่ เรื่องนี้ไวน์ก็ตอบท่านไม่ได้ กลับไปสาขา คิดไตร่ตรองหลายวัน และโทรเรียนว่า คง ต้องทำตามที่บริษัท (สนญ) สั่ง เพื่อให้เกิดผลดีแก่บริษัท ผจก.ภาค รับทราบ และแนะนำการวางตัวอีกทั้งวิธีการทำงานระหว่าง เพื่อนให้ ต้องบอกว่า ระยะนั้นไวน์เครียดมาก ตรงกับคำโบราณว่า บ่าว 2 นาย...ทำไงดี... แต่...เมฆฝนดำทมีน ย่อมจะเปิดทางให้ แสงอาทิตย์ผ่านยังความเจริญ เติบโตแก่มวลประชา ว่าเข้านั่น คอยติดตามต่อครับ ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ บ้านเป็นภาพแทน ที่เหมือนมาก st. 135861 / 173860 visit 500 เคาเตอร์ขวามือบน งานเขียนประเภท Diarist
Create Date : 11 กรกฎาคม 2557
27 comments
Last Update : 14 กรกฎาคม 2557 5:21:08 น.
Counter : 2907 Pageviews.
เห็นมะละกอ แล้ว
อยากทานส้มตำ ขึ้นมาตะหงิดๆค่ะ
พี่ไวน์
ไวน์กับสายน้ำ Literature Blog