ต่อจาก เรื่อง ป่าดิบ ดงทึบ
หลังเดินเท้ามา กว่าสองชั่วโมง เราทั้ง หกคน
นั่งพัก ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ ร่มคลื้ม
ริมลำห้วย ที่มีน้ำใสไหล ส่งเสียงเบา ๆ กระแทก
กระทบก้อนหินใหญ่ที่ขวางเฉียง ลัดเลี้ยวไป
ตามช่องหินกลมขนาดย่อม เกิดเสียงดังซ่า ไม่
ขาดสาย เหงื่อที่ไหลซึมขณะเดินทางเริ่มแห้ง พี่
มุ้ยกับพี่วิชัย ถอดรองเท้าหนังหุ้มข้อเท้า ลงน้ำ
วักน้ำล้างหน้าเสยผม จนเปียก
ส่วนผมเหรอ มันร้อนจนเหงื่อออกต้องถอด
เสื้อที่เปียก พาดกิ่งไม้ ลงริมห้วยที่น้ำไหลเย็น
เจี๊ยบล้างคอลำตัวจนเปียก แหะ ๆ
ลืมบอกไปว่า ถอดรองเท้าแล้วแหละ อย่าแซว
ขึ้นจากน้ำ เอาห่อข้าวเหนียว น้ำพริกแดงที่
เผ็ดหอมด้วยกลิ่นปลาร้า เนื้อควายเค็มแล่บางสี
แดงทอดเกือบแห้งแจก คนละห่อ กินกันเงียบ ๆ
คนกินหมดห่อ ไปล้างมือกับ วักน้ำใน
ลำห้วยที่ไหลเย็นตลอดเวลาดื่ม ไม่กลัวใข้ป่า
ส่วนผมเหรอ ดื่มน้ำใบเตยในกระติก กล้วติด
เชื้อมาลาเรียในน้ำ
กินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็ออกเดินทางลัดเลาะตาม
ทางเดินเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านใช้เดินเป็นทางเล็ก ๆ
หาของป่า เดินอีกชั่วโมงกว่า ก็เจอลูกหาบที่
เดินล่วงหน้าก่อนแล้ว หยุดรอบนเนินกว้าง ริม
ห้วยพื้นที่เรียบดินสีดำกว้าง กอไผ่ป่าหลายกอ
ขึ้นเป็นหย่อม ๆ ไผ่ร่วงเต็มพื้นที่ ต้นไม้ใหญ่ขึ้น
ปกคลุมเป็นร่มเงา
นาย ที่เรามาดูคราวก่อน ตั้งเต๊นท์ตรงนี้เลยนะ
เออ ดี ใกล้น้ำ เป็นลานกว้าง
เราพักตรงนี้นะพี่วิชัย อยู่ใกล้แปลงไม้สำรวจ
ตกลงคุณมุ้ย ดีเหมือนกัน
ลูกหาบ 4 คนไปตัด ไม้ขนาดโคนขามา
สี่ต้น ริดกิ่งก้านจนหมด หย่อนลงหลุมสี่หลุม
ห่างกันพอควร ข้างบนมีกิ่งไม้แยกออก สำหรับ
วางคานไม้ไผ่ที่ ตัดเตรียมไว้. กระทุ้ง
ดินตรงโคนหลุมจนแน่น วางคานพาด
เอาผ้าใบชนิดบางสีเขียว เคลือบพลาสติกเรียบ
มัน พาดห้อยลงมา เป็นสองข้าง จัดการดึง
ชาย เอาเชือกมัดติดไม้ปักเอียง ทั้งสี่ มุม
เต๊นท์เป็นรูปสามเหลี่ยม สูงเกือบสองเมตรครึ่ง
ไม่นาน กางได้ สองหลัง
เอาเศษก้อนหิน เศษไม้ออกจนหมดโกย
ใบไผที่แห้งใส่จนเต็มกันชื้น กางเตียงผ้าใบ
สนามชนิดขาไขว้กัน เต็นท์ละสองเตียง
ก็เป็น ของพี่วิชัยป่าไม้ กับลูกน้อง
อีกเต็นท์เป็นของ พี่มุ้ย กับเสเองแหละ ดูโก้
ยังกะ ไปเที่ยวอัฟริกา มีเสาตรงกลางหัวและท้าย
เราเอาเสื้อผ้า แขวนไว้คนละเสา นะเส
ดีพี่ จะได้ไม่ปนกัน
พี่ขอเสาหัวนอนนะ เส
ทำไมพี่
ก็ เสื้อผ้าของพี่ ไม่เหม็นอย่างของเส ไง 555
แขวนหัวนอน ลมมันเข้าโชยมา จะได้ไม่เหม็น
แหมพี่ เส ซักเหมือนกันแหละ ก็ สามวันที
ถ้ามันแห้งไว ขี้เกลือไม่ขึ้นเป็นรอย อาทิตย์นึงพี่
ปางไม้ย่อย ของพวกเรา ทำงานจริง คือ
พวกลุย ไพโอเนียร์บุกเบิกนะ ส่วนที่ปางไม้ใหญ่
เป็นที่รวมหมอน หมายถึงหมอนไม้ ไม่ใช่หนุน
หัว อย่าพูดดังไปพี่วิโรจน์ จะหาว่า พวกเราว่า
แก เอาแต่นอนหนุนหมอนหลับ
อากาศเริ่มหนาว ขนาดนั่งพัก ดูเขาตั้งเต็นท์
เกือบชั่วโมง ยังสงสัยว่าจะอาบน้ำดีไหมเนี๊ยะ
ที่พักของคนงานทำเพิงพักง่าย ๆ เอาไม้ไผ่พาด
ไขว้ไปมา แบบเพิงหมาแหงน เอาใบตองกล้วย
พาดจนเต็ม
เฮ้ย มันจะกันฝนได้เหรอ
พี่เส หน้าหนาวจะเอาฝนมาจากไหน
เออ... กูลืมไป แล้ววันต่อไปมึงจะทำไงใบเหี่ยว
อ๋อ ไม่ยาก เก็บไปพลวงมาจับตับ ปูเป็นหลังคา
อีกที.
ทำที่พัก เสร็จ อย่าลืมทำ โรงครัวให้กูนะ
ทำอยู่แล้วพี่ เอากว้างเป่าพี่
เอา สามเมตรก็พอ ทำแคร่ไม้ให้ก็ด้วย
จะได้วางหม้อข้าว จาน สูงแค่เอว
อย่าลืมทำแคร่นอนให้ด้วยนะ
ได้เลยพี่ พี่เอาไว้นอนดูรูปถ่ายใช่เปล่า
ทลึ่งนะเอ็ง สอดรู้สอดเห็น มึงไปทำไว ๆ กูจะ
ได้ทำกับข้าวเย็นให้พวกมึงกิน
แหะ ๆ ต้องรีบไล่ให้มันทำงาน เส ก็เขินเป็น
เหมือนกัน แหม จะดูรูปน้องไพลิน ก็มีคนเห็นอีก
หลังจากที่พวกเรา กินข้าวเหนียวเป็นอาหารเย็น
กับ น้ำพริกหน่ม กับ ไก่โค้ว ใครรู้จักมั่ง
ไม่รู้ที่อื่นเขาเรียกว่าไง
ก็เอาไก่สับชิ้นโต คลุกกระเทียมตำผสมพริกไทย
เกลือหมักชั่วโมง ใส่กะทะผัดไปมา เติมน้ำไป
หน่อย เอาฝาหม้อปิดให้ไอน้ำอบ ร้อน จนสุก
เนื้อไก่จะแห้ง เก็บไว้ได้นานสองวันได้มั้ง ใน
อากาศธรรมดานี่แหละ
นั่งพัก ผิงไฟ โม้เรื่องในเมือง ก็ไม่พ้นเรื่อง
สาวสวย แหะ คนขายบัวลอยไข่หวานมั้ง
พี่มุ้ยเอาหีบเพลงปากมาเล่นเพลง รักคุณ
เข้าแล้ว เพราะจริง ๆ ทำให้นึกถึงน้องไพลินอีก
เห้อ ไปนอนดีกว่า
นอนไปไม่นาน ความหนาวมาเยือนไม่ขาดสาย
ก็เต๊นท์ของเรา เปิดหัวเปิดท้ายไม่มีอะไรปิด
ห่มผ้า พอตัวข้างบนอุ่น แผ่นหลังที่ค่อนข้าง ยาว
555 มันเย็นเจี๊ยบ ข้างล่างมันโล่ง ความหนาว
เย็นแทงทะลุเตียงผ้าใบ
ทนนอนหนาวไปก่อน ผมกันพี่มุ้ย หลับ ๆ ตื่น ๆ
รู้สึกว่าคืนนี้มันยาว นานมาก เมื่อไหร่จะสว่าง
เสียที
นึกถึงดูหนัง เกี่ยวกับเดินป่าในอัฟริกา ดูสวย
แสนสบาย. ส่วนของจริง อย่างที่เล่าข้างบน
นะแหละ ใครอยากรู้ว่าลำบากยังไงลองอ่านต่อ.
จะรู้แจ้งเห็นจริง...... ขอ เส นอนหลับต่อนะ..
เผื่อจะได้เห็นหน้าน้องไพลินในฝัน สักนิดยังดี
อ่านตอนที่ 2 ที่เม้นท์หมายเลข 32