Bloggang.com : Gia Huy - Peeradol : ไหว้ 100 วัน (รอบค่ำ-วันเข้า)

ไหว้ 100 วัน (รอบค่ำ-วันเข้า)

ถาม : ไหว้ 100 วันรอบค่ำ ทำพิธีเวลาเท่าไร ใช้เวลานานมั้ย
ตอบ: ประมาณ 2 ทุ่มโดยประมาณ ส่วนใหญ่จะเสร็จจากการกินโต๊ะจีนของแขกที่มาร่วมงานแล้ว
ไหว้รอบค่ำนี้เป็นเรื่องภายในของลูกหลาน ญาติสนิท
เวลาที่ใช้ในการทำพิธีช่วงนี้จะค่อนข้างนาน ประมาณชั่วโมงนิด ๆ

ถาม : ของไหว้รอบนี้มีอะไรบ้าง
ตอบ : รอบดีกนี้เป็นการไหว้ของหวาน เรียกว่า กุ๋ง โก แจ
ของไหว้ตามใบบอกของเท่ย หรือซินแซมีดังนี้
1.ขนมหวาน 8 ถ้วย (ครั้งนี้เป็นบัวลอย)

2.ข้าวต้มมัดญวน หรือ แบ่งไต่ ตัดเป็นชิ้น 2 จาน

3.ขนมเหนียว หรือ ขนมอื่น ๆ (ถ้ามี) 2 จาน

4.ข้าวเหนียว 2 จาน ที่ต้องเป็นข้าวเหนียวนั้นก็เพราะสมัยโบราณไม่มีขนมหวานจึงต้องใช้ข้าวเหนียวนึ่งจิ้มกับน้ำเชื่อม น้ำผึ้งหรือน้ำตาล ลูกหลานบ้านนาจอกที่มีอายุตั้งแต่ 35 ขึ้นไปตอนเด็กคงเคยกินข้าวเหนียวจิ้มกับน้ำตาลทราย นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมช่วงไหว้ของหวานจึงต้องมีข้าวเหนียวสองจานนี้ร่วมด้วย แต่ในยุคหลังจากงานนี้ทราบว่าในใบบอกของเท่ยก็มักงดข้าวเหนียวไปแล้ว

ถาม : บทไหว้มีเนื้อหาอย่างไร
ตอบ : เป็นเนื้อหาที่พรรณนาถึงพระคุณ และความยากลำบากของพ่อแม่ในการเลี้ยงลูก เริ่มตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์ไปถึงเติบโตมีครอบครัว
น้องต้อมได้กรุณาขยายความเพิ่มเติมเพื่อเป็นความรู้ว่า บทไหว้ที่ใช้ในรอบค่ำนี้ มี 2 ประเภทคือ
1. บ่ายจุ๊กถึก (Bài chúc thực) จะเป็นการกล่าวถึงบุญคุณของพ่อ
2.ส่วนบ่ายเถิ่บเอิน (bài thập ân) จะกล่าวถึงบุญคุณของแม่

ถาม : รายละเอียดขั้นตอนเกี่ยวกับการทำพิธีเป็นอย่างไร
ตอบ : เท่ยจะเริ่มโดยการจุดธูปแจกให้ลูกหลานทุกคนไหว้
แล้วจึงเริ่มพิธีด้วยการเท เหล้ารดลงที่ ส่อมาว
มีลูกชายคนโตเป็นตัวแทนไหว้ เท่ยจะบอกบทโดยเอื้อนเอ่ยทำนองในการคารวะวิญญาญ ให้กับลูกชายคนโตที่รับหน้าที่ไหว้วิญญาน
โดยมีจังหวะไหว้ จังหวะนั่ง จังหวะคำนับ รวมทั้งจังหวะลุกยืน
ซึ่งเป็นแบบแผนที่สวยงามมาก

ส่วนลูกหลานที่เข้าร่วมพิธีก็เพียงแต่นั่งคำนับ และไหว้ตามจังหวะ แต่ไม่ต้องลุกยืน ครบขั้นตอน เหมือนลูกชายคนโต
ในช่วงทำพิธีนี้ก็จะมีเสียงร้องไห้ของลูกสาวสอดแทรกขึ้นมาบ้างนอกเหนือจากใน
ช่วงต้น ๆ ของพิธีที่มีบทกำหนดไว้แน่นอนว่าจะต้องมีเสียงร้องไห้

ถาม : หลังจากไหว้รอบค่ำเสร็จแล้วต้องทำอย่างไร
ตอบ : ลูกหลานก็แยกย้ายกันพักผ่อนเพื่อเตรียมจัดพิธีไหว้ครั้งใหญ่ในวันรุ่งขึ้น โดยช่วงดึกก็จะพลัดเปลี่ยนกับจุดธูปที่โต๊ะไหว้ ไม่ให้ขาดดอก เพราะตอนนี้เปรียบได้ว่าวิญญาณมาสิงสถิตย์อยู่ที่บ้านหนึ่งคืน จึงเรียกว่า วันเข้า
เมื่อถึงพรุ่งนี้พิธีใหญ่เรียบร้อยเป็นการส่งวิญญาณผู้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษจึงเรียกว่า วันออก นั่นเอง

บรรยากาศยามค่ำคืนที่ความเงียบ และความมืดปกคลุมแบบนี้
จะทำให้หวนคิดถึงผู้จากไปเป็นหนักหนา เวลามีงานลูกหลานทุกคนกลับมาแม้เป็นงานเศร้าโศกแต่คนในบ้านก็รู้สึกอบอุ่นใจ แต่พอเสร็จงานแล้ว แยกย้ายกันไปบ้านที่เคยมีผู้ตายอยู่ก็คงจะต้องใช้เวลาพอควรสำหรับคนในบ้านที่จะปรับใจให้ชินได้

Create Date : 12 ธันวาคม 2554

Last Update : 4 ตุลาคม 2555 18:58:36 น.

13 comments

Counter : 4478 Pageviews.

พี่พีร์เขียนเรื่องราวได้ละเอียดมากเลยครับ
เป็นประโยชน์กับคนไทยเชื้อสายเวียดนามมากเลยนะครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:14:09:57 น.

ขอบคุณครับน้องก๋า
ก็น่าจะเป็นแนวบันทึกความทรงจำประมาณนั้นอ่ะครับ
ที่ละเอียดจริง ๆ ก็มีน้องคนหนึ่งที่เขียนอยู่
ตอนนี้ก็แชร์ข้อมูลกันครับเพื่อความสมบูรณ์

โดย: peeradol33189

วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:14:22:06 น.

ได้เรียนรู้มากเลย ขอบคุณค่ะที่นำมาเล่า ชอบมาก แต่จำไม่ค่อยได้

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 5 มกราคม 2555 เวลา:15:38:04 น.

อรุณสวัสดิ์ครับพี่พีร์

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:6:28:35 น.

แต่เชียงใหม่เหมือนหน้าร้อนเลยครับพี่

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:9:23:17 น.

ที่ท่าบ่อไม่มีจังหวะไหว้แบบนี้เลยอ่ะครับ

หายไปนานแล้วครับจังหวะไหว้

น่าอิจฉาจังที่นครพนมยังรักษาไว้ได้

ที่ท่าบ่อไว้แบบไทยไหว้เลยครับ แบบสาธุไรประมาณนี้อ่ะครับ

โดย: บอส IP: 223.204.10.191 วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:18:35:13 น.