Cuộc đời không như là mơ : ชีวิตไม่เหมือนความฝัน - บ่าเยี่ยนแห่งบ้านนาจอก ตอนจบ
นับแต่ปลายปี 2545 บ่าเยี่ยนก็หายไปจากหมู่บ้านนาจอกพร้อมกับเรื่องราวที่คนทั่วไปกล่าวว่าแกไปอาศัยอยู่กับครอบครัวพี่สาวที่กรุงเทพฯ อันเป็นสิ่งที่ควรทำสำหรับชีวิตคนโสดสูงวัยตัวคนเดียวหากแต่เรื่องราวกลับไม่จบลงเช่นนั้น เมื่อหลังตรุษจีนปี 2548 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พาแกกลับมาส่งที่หมู่บ้านนาจอกอีกครั้งโดยคำบอกเล่าของแกเองได้ความว่าแกหนีออกจากสถานสงเคราะห์คนชราแห่งหนึ่งที่โคราชพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกหลายคน แต่ต่างแยกย้ายกันไปตามทางหลังหนีจากออกมาได้ แกเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่รวมทั้งวีรกรรมแหกค่ายให้ทุกคนฟัง แม้ว่าการหนีออกมาจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเหลือเชื่อ แต่นั่นคงแปลกและน่าฉงนน้อยไปกว่าว่าแกเข้าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร การกลับมาคราวนี้หลายอย่างไม่ง่ายดายเหมือนคราวก่อนเพราะที่พักเดิมก็รื้อขายไปตั้งแต่ตัดสินใจไปจากนาจอกครั้งที่ 2 ทุกสิ่งไม่พร้อมที่จะให้แกสร้างหรือรื้ออะไรได้อีกตามชอบใจ เพราะไม่มีสะใภ้รุ่นที่ 3 ของตระกูลใหญ่ให้แกไปร้องขอความเห็นใจได้อีกต่อไปแล้ว สมาคมหมู่บ้านซึ่งไม่เคยทอดทิ้งสมาชิกผู้น่าสงสารได้ไปขอความอนุเคราะห์ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของบ่าเยี่ยน ให้สร้างเพิงพักพอควรแกอัตภาพคนแก่ตัวคนเดียวข้าง ๆ กับต้นไม้ใหญ่ติดกับศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน การก่อสร้างอาศัยแรงของชาวบ้านที่เห็นอกเห็นใจและคุ้นเคยกับแกมาแต่เดิม มีการทำห้องน้ำ ต่อประปา เทพื้นคอนกรีต ทั้งฝาและหลังคาเป็นสังกะสี กลางวันจึงร้อนพอควรแต่ก็ยังโชคดีที่จุดนั้นมีความร่มรื่นของต้นไม้อยู่มาก และที่มีมากกว่านั้นคือความเมตตาของชาวชุมชนบ้านนาจอกที่ยังคงเผื่อแผ่มาถึงแกอีกวาระหนึ่ง กล่าวฝ่ายชายผู้มีศักดิ์เป็นญาติห่าง ๆ ที่อนุญาตให้สร้างเพิงพักในพื้นที่ดินของเขานั้น ตัวเขาเองกลับไม่ได้อยู่ที่บ้านนาจอกหากแต่มีน้องสาวของเขาเป็นผู้จัดการดูแลที่ดิน สวนผลไม้ และทรัพย์สินทั้งหมด ชีวิตบ่าเยี่ยนเริ่มลำบากอีกครั้งเมื่อวิวาทะระหว่างหญิงชราสองคนเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ เข้าตำราขิงก็ราข่าก็แรง แต่ดูเหมือนขิงจะแรงน้อยกว่าจึงชิงจากโลกนี้ไปก่อนข่าหลายเดือน คนแก่วัย 80 เศษที่ยังต้องกิน ต้องเสาะหาใส่ท้องเอง ไปตลาดเอง ทำกับข้าวกินเอง เป็นภาพที่หลายคนที่มีครอบครัวอบอุ่นพร้อมเพรียงยากที่จะนึกภาพออก เงินทองที่ร่อยหรอ กอปรกับสังขารที่ร่วงโรยแรงลงทุกวัน ทำให้แกต้องใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรไปกับขอทาน ที่มักขอทุกสิ่ง ทุกอย่าง กับทุกคน และหยิบทุกสิ่ง ทุกอย่างที่คิดว่าอยากจะได้โดยที่คนอื่นไม่เห็น หรือคิดว่าเขาไม่น่าจะเห็น ทุกครั้งที่มีคนใจดีหยุดรถรับแกไปตลาดเพื่อหาซื้อของกิน แกจะเกาะหนึบขอเงิน ขอทุกสิ่งทุกอย่าง ร้องไห้ขอความเห็นใจ แม้จะได้เงินได้ของบ้างไม่ได้บ้างก็ตามเมื่อเป็นอยู่บ่อยครั้ง ในที่สุดปากต่อปากก็บอกต่อกันถึงพฤติกรรมอันน่ารำคาญนี้ คนทั่วไปจึงค่อย ๆ หลีกหนี้ออกห่างจากแกมากขึ้นทุกที ปั้นปลายชีวิตบ่าเยี่ยนมีสภาพที่ต้องเรียกว่าลากสังขารไปไหนต่อไหน ไปขอยาแก้ไข้ ไปขอเงิน ไปขออาหารที่ปรุงสุกแล้วจากเพื่อนบ้านมาประทังชีวิตไปวันวัน เพราะเรื่องจะติดเตาหุงหาอาหารเองอย่างที่เคยทำได้แทบจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้วและการต่อสู้กับโชคชะตาและสิ่งที่กลัวที่สุดของชีวิตบ่าเยี่ยนก็มาถึงเมื่อแกล้มป่วยลงต้องนอนอยู่บนเตียงและเคลื่อนไหวได้เพียงใกล้ ๆ เท่านั้น สมาคมหมู่บ้านจึงยื่นมือช่วยเหลืออีกครั้งและครั้งนี้มีการเปิดเผยว่าแกยังพอมีเงินฝากสหกรณ์หมู่บ้านอยู่บ้างแม้จะไม่มากนัก แต่ก็พอจะนำไปนี้จ้างเพื่อนบ้านส่งอาหารให้แก 3 เวลา และด้วยการจัดการนี้จึงช่วยยื้อเวลาลมหายใจที่บ้านนาจอกของแกไปได้อีกช่วงเวลาหนึ่ง กลางปี 2555 เพื่อนบ้านที่ส่งข้าวส่งน้ำแจ้งสมาคมหมู่บ้านว่าพบแกหมดสติมีไข้สูง น่ากลัวจะไม่รอด ด้วยความร่วมมืออีกครั้งของชาวบ้านแกจึงถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพนมด้วยความปลอดภัยในฐานะคนไข้อนาถาไร้ญาติขาดมิตร แกพักรักษาตัวอยู่ 1 สัปดาห์ทางโรงพยาบาลก็แจ้งข่าวร้ายถึงสมาคมหมู่บ้านว่าแกได้กลายเจ้าหญิงนิทราในวัย 85 ปีไปเสียแล้วทางโรงพยาบาลไม่มีงบเลี้ยงดูคนไข้อนาถาที่ต้องให้อาหารเหลวทางสายยางแบบนี้ ตอนนี้แกไม่รับรู้สิ่งใด ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย มีเพียงลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาเท่านั้นที่ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่ ทิ้งโจทย์ข้อใหญ่ให้สมาคมหมู่บ้านขบคิดแก้ปัญหากันเอง ที่สุดแล้วโจทย์ปัญหาดังกล่าวก็คลี่คลายได้ด้วยการติดต่อประสานงานของผู้ใหญ่บ้านผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ทำให้แกถูกส่งตัวไปยังสถานพักฟื้นและสงเคราะห์ผู้ทุกพลภาพที่ต่างอำเภอ บ่าเยี่ยนนอนอยู่อย่างนั้นนานหลายเดือนเพื่อรอเวลาการออกเดินทางไกลครั้งสุดท้ายของแก ช่วงนั้นคำสั่งเสีย (คำขอ) สุดท้ายที่แกเคยแอบไปคุยไว้กับสมาคมหมู่บ้านพร้อมกับเรื่องราวชีวิตอันระหกระเหินดุจดั่งนกขมิ้นเหลืองอ่อนของแกก็กระจายแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งคุ้งน้ำหนองญาติ .... คำสั่งเสีย (คำขอ) สุดท้ายของบ่าเยี่ยนก็คือให้ฝังร่างของแกที่สุสานบ้านนาจอกตามธรรมเนียมคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ขอให้มีแตรวงเป่าธรณีกรรแสงขณะที่นำร่างแกไปฝังด้วย นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เป็นความใฝ่ฝันสุดท้ายของหญิงชราผู้ไม่เคยสมหวังอะไรเลยตลอดชีวิต เช้าตรู่ของวันที่ 16 สิงหาคม 2556 สมาคมหมู่บ้านได้รับแจ้งว่าบ่าเยี่ยนในวัย 86 ปีได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อเวลาตี 3 และทันที่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสงส่องลงมา รถกระบะคันหนึ่งของผู้ใหญ่บ้านได้บรรทุกร่างของบ่าเยี่ยนที่บัดนี้นอนทอดกายนิ่งเงียบมีเพียงผ้าแดงผืนบางคลุมร่างมาหลังรถกระบะ ศพถูกบรรจุอย่ารวดเร็วรวบรัด เนื่องจากศาลาพักศพสุสานบ้านนาจอกเป็นสถานที่โล่งการจะให้ศพนอนอยู่เพื่อรอฤกษ์ยามจึงเป็นสิ่งไม่งามและไม่จำเป็นสำหรับชีวิตอนาถาเช่นนี้ โลงที่ใช้บรรจุศพนั้นก็เป็นโลงไม้ที่แกสั่งต่อล่วงหน้าแล้วฝากช่างไว้นานหลายปี ผ้าผ่อนสิ่งของที่เตรียมไว้สำหรับการตายของตนเองไม่ได้ถูกหยิบมาใช้เนื่องจากเก่าผุเป็นรังของปลวกไปเสียหมดแล้ว จึงมีเพียงชุดเสื้อผ้าเก่า ๆที่เพื่อนบ้านใจดีไปค้นได้จากเพิงพักและสิ่งของเล็กน้อยบรรจุใส่โลงไม้เนื้อแข็ง บ่าย 3 โมงเย็นวันที่ 16 สิงหาคม 2556 เสียงแตรวงส่งศพสนั่นดัง แสงแดดอ่อนยามบ่ายทาบทาไปทั่วทุกอณูของสุสานบ้านนาจอก ใบไม้ใบหญ้าทุกใบนิ่งไม่ไหวติง ทิวธงส่งศพ 12 ผืนก็ไม่โบกพริ้วล้อลมเหมือนดังครั้งไหน และเมื่อหยาดฝนสุดท้ายแห่งวสัตฤดูบ่ายนั้นขาดเม็ดลง ผืนดินบ้านนาจอกก็ได้ทำหน้าอีกครั้งด้วยการกลบฝังร่างของบ่าเยี่ยนอย่างเรียบร้อยบริบูรณ์ ที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นที่พักพิงสุดท้ายของบ่าเยี่ยนและผองเพื่อนที่บัดนี้ทอดร่างอยู่ใต้ผืนดินของสุสานมายมายก่ายกอง ที่นี่บ่าเยี่ยนจะได้รับสิ่งหนึ่งที่พึงได้อย่างเท่าเทียมกับผู้อื่นนั้นคือขวัญชิ้นสุดท้ายไม้ 4 แผ่นดุจเดียวกัน. Kính Viếng Hương Hồn ฺBà Cố Nguyễn Thị Diện !!!
ซ้าย : ยามมีชีวิตอยู่ทุกข์ยากลำบาก,ไม่มีพี่น้องใกล้ชิดดูแล ขวา : ยามสิ้นใจอ้างว้างเดี่ยวดาย,แต่ยังมีชุมชนหมู่บ้านจัดการส่งศพ 2557 ปัจจุบัน บ่าเยี่ยนไม่มีลูกหลานที่ไหน ไม่มีคนอยู่ข้างหลัง ไม่มีหิ้งบูชา ตั้งใจว่าถ้าปีไหนได้กลับนาจอกในช่วงตรุษจีนจะแวะจุดธูปกับเผากระดาษเงินกระดาษทองให้เผื่อว่าแกจะได้รับบ้า่งและมันจะช่วยไม่ทำให้โหม่นี้เงียบเหงาไปเสียทีเดียว... แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนครับถ้าผมตายเสียก่อนจะแก่มันก็จบบริบูรณ์ !!!
Create Date : 28 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 24 ธันวาคม 2557 10:47:09 น. |
|
17 comments
|
Counter : 2605 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณที่รับฟังเรื่องราว และความรู้สึกต่าง ๆ ในหลายค่ำคืนที่รู้สึกเศร้าใจ